Share

บทที่ 5

Author: ไห่ตงชิง
หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุข

ไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วย

ในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเอง

กองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน

“ดีมาก”

หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”

ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”

เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว

“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ข้าอยากรู้ทุกความเคลื่อนไหวขององค์ชายเก้าทุกวัน”

แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ก็ยังเป็นแค่องค์รัชทายาท ตราบใดที่ฮ่องเต้ไม่สิ้นพระชนม์ ตัวเขาก็ไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ เช่นนั้นบัลลังก์มังกรก็ยังไม่แน่นอน เขาเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นน้องชายของเขาหรือบรรดาขุนนางในราชสำนัก แม้แต่ในหมู่อ๋องศักดินาพวกนั้น ก็ต้องมีผู้ที่โลภในราชบัลลังก์

การต่อสู้แย่งชิงอำนาจนั้น เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

ขันทีซานเป่ากล่าวอย่างเคารพว่า “บ่าวจะส่งทุกสิ่งที่พระองค์ต้องการจะทราบ ไปยังตำหนักบูรพาทุกวัน”

หลี่เฉินเหลือบมองขันทีซานเป่าแวบหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น “เคลื่อนขบวน กลับตำหนักบูรพา”

เมื่อกลับถึงตำหนักบูรพา เดิมทีหลี่เฉินวางแผนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา แต่เมื่อนึกถึงจ้าวหรุ่ยผู้มีเสน่ห์ เขาก็รู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ

การต่อสู้ที่พระราชวังสุทธาสวรรค์มันเร่าร้อนเกินไป ตอนนี้เขาต้องการระบาย

ดังนั้นจึงหันหลังมุ่งหน้าไปที่ห้องบรรทม

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่หลี่เฉินเดินผ่านมุมระเบียง เขาก็เห็นเฉินจื้อยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องบรรทมที่จ้าวหรุ่ยอยู่

เฉินจื้อไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของหลี่เฉิน กล่าวกับจ้าวหรุ่ยซึ่งอยู่ในห้องบรรทมด้วยสีหน้าวิตกกังวลปนปวดใจว่า “หรุ่ยเออร์ องค์รัชทายาทสุนัขนั่นทำอะไรกับเจ้า? ให้ข้าเข้าไปดูหน่อยเถิด ข้าแค่อยากเห็นว่าเจ้าสบายดีเท่านั้น! เจ้าวางใจเถอะ ช้าเร็วข้าจะสังหารรัชทายาทสุนัขนั่น เพื่อล้างแค้นให้กับเจ้า!”

“บังอาจ!”

เสียงตะโกนของจ้าวหรุ่ยดังมาจากในตำหนัก

“ข้าคือสนมขององค์รัชทายาท ตามลำดับชั้นแล้ว เจ้าควรจะเรียกข้าว่าสนมองค์รัชทายาท ใครอนุญาตให้เจ้าเรียกชื่อเล่นของข้า?”

เฉินจื้อที่ยืนอยู่หน้าห้องบรรทมพลันหน้าซีดเผือด

เขากัดฟันพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะเรียกเจ้าว่าสนมองค์รัชทายาท สนมองค์รัชทายาท ตั้งแต่เจ้าเข้าตำหนักบูรพามา เหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นนี้ หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่า ข้าคือคนที่ดูแลเจ้ามาก่อน?”

จ้าวหรุ่ยกล่าวด้วยความโกรธว่า “พูดจาไร้สาระ ในตอนนั้นข้ายังอยู่ในจวนหัวหน้าสภาขุนนาง ถึงตาเจ้ามาดูแลข้าเมื่อไหร่กัน ตอนนั้นข้าเห็นว่าเจ้าเป็นญาติห่างๆ ของหัวหน้าสภาขุนนางเหมือนข้า ดังนั้นจึงพูดกับเจ้าแค่ไม่กี่คำ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว เจ้าอย่าใส่ร้ายคนอื่น”

ใบหน้าของเฉินจื้อบิดเบี้ยวเพราะแรงกระตุ้น เขาตะโกนกลับไปว่า “ไม่ ท่านก็รู้มาโดยตลอดว่าข้าชอบท่าน ชอบมานานแล้ว! หรุ่ยเออร์ บอกข้าที องค์รัชทายาทสุนัขมันคุกคามเจ้าใช่หรือไม่? วันนี้เขาบังคับให้เจ้าทำเรื่องน่าอับอายหรือ? เพียงแค่เจ้าพูดออกมา ไม่ว่าต้องทำเช่นไร ข้าจะตัดหัวองค์รัชทายาทสุนัขออก เพื่อล้างแค้นให้เจ้า!”

“ออกไปซะ!”

จ้าวหรุ่ยโกรธจัด น้ำเสียงสูงขึ้นเรื่อยๆ และมีกาน้ำชาลอยออกมาจากในห้องบรรทม แตกกระจายตรงข้างเท้าของเฉินจื้อดังเพล้ง

“เรื่องของข้าไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ต่อไปอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจ!”

เฉินจื้อเห็นกาน้ำชาที่แตกอยู่ข้างเท้า ก็รู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองแตกสลายเช่นกัน

เขาจริงใจ แต่จ้าวหรุ่ยกลับเหยียบย่ำเขา

รสชาตินี้ทำให้เขาบ้าคลั่งด้วยความเกลียดชัง

เขาโยนความผิดทั้งหมดไปที่หลี่เฉิน ดวงตาของเขาสีแดงก่ำดุจเลือด แล้วตะโกนออกมาว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร ข้าก็รู้ว่าทุกอย่างนี้เป็นเพราะองค์รัชทายาทสุนัขนั่น เจ้ารอก่อนเถอะ รอข้าแก้แค้นแทนเจ้า!”

ทันทีที่พูดจบ เฉินจื้อก็ค้นพบว่ามีรองเท้าผ้าไหมลายเมฆสีทองที่งดงามคู่หนึ่ง ยืนอยู่ข้างๆ เศษกาน้ำชา

ทันใดนั้นหัวใจก็พลันหนักอึ้ง เฉินจื้อรู้สึกหนังศีรษะชาวาบ เขาค่อยๆ เงยหน้ามองตามรองเท้าปักคู่นั้นทีละนิ้วทีละนิ้วตามจิตสำนึก จนกระทั่งพบกับใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของหลี่เฉิน

“เจ้าเรียกข้าว่าองค์รัชทายาทสุนัข และยังอยากตัดหัวข้า?”

หลี่เฉินมองไปที่เฉินจื้อด้วยสีหน้าไม่แยแส พร้อมรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากของเขาขณะพูด

เฉินจื้อสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “กระหม่อม...กระหม่อม”

“ทหาร”

หลี่เฉินไม่สนใจฟังคำอธิบายของเฉินจื้อ

ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ชะตากรรมของเขาก็ถึงวาระแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่หลี่เฉินพบเขายืนอยู่หน้าห้องบรรทมของจ้าวหรุ่ย

ด้านหลังของหลี่เฉิน มีทหารสวมเครื่องแบบห่านป่าปีกคู่สองนายเดินเข้ามา

เมื่อเห็นเครื่องแบบของทหารสองนายนั่น เฉินจื้อก็ตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“หน่วยบูรพา องครักษ์เสื้อแพร!?”

นับตั้งแต่องครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยบูรพาก่อตั้งมา พวกเขาก็เชื่อฟังแค่คำสั่งขององค์จักรพรรดิเท่านั้น

ก่อนหน้านี้แม้จะติดตามหลี่เฉินกับฮองเฮาไปที่วังสุทธาสวรรค์ด้วยกัน แต่สถานะของเฉินจื้อก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปได้ จึงไม่รู้ว่าภายในเวลาสั้นๆ มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของต้าฉินเกิดขึ้นในพระราชวังสุทธาสวรรค์

สีหน้าของเฉินจื้อเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้ดีว่าเมื่อตกอยู่ในมือของหน่วยบูรพา เขาจะถึงวาระอย่างแน่นอน

“ข้าเป็นญาติห่างๆ ของใต้เท้าจ้าวหัวหน้าสภาขุนนางคนปัจจุบัน และเป็นหัวหน้าองครักษ์ของฮองเฮาอีกด้วย เจ้าไม่มีสิทธิส่งข้าให้หน่วยบูรพา!” เฉินจื้อตะโกน

“ส่งเจ้าให้หน่วยบูรพา? เจ้าคิดมากไปแล้ว”

หลี่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา “ลากตัวไร้ค่าที่ดูหมิ่นข้าไปหน้าตำหนัก แล้วโบยร้อยไม้”

เมื่อได้ยินคำสั่ง เฉินจื้อก็หวาดกลัวขึ้นมา

โบยร้อยไม้ อาจฟังดูไม่รุนแรงเท่ากับการตัดศีรษะ แต่ในการลงโทษของต้าฉิน ไม้ที่ใช้สำหรับการลงโทษนั้นจะเป็นไม้เท้าที่ยาวเท่ากับคน และกว้างสองฝ่ามือ เมื่อตีไปที่นักโทษ ตะปูเล็กๆ บนผิวไม้เท้าก็จะเจาะเข้าไปในร่าง นอกจากนี้ผู้ลงทัณฑ์จะใช้แรงทั้งหมดในการตี

การลงโทษด้วยไม้เช่นนี้ แค่สิบครั้งก็เพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาพิการได้

แต่ร้อยไม้นั้น ท่อนล่างของเฉินจื้อคงเละเป็นโคลนแน่

“หลี่เฉิน! เจ้ากล้าตีข้าจนตายเหรอ? ฮองเฮากับใต้เท้าจ้าว ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

ทหารองค์รักษ์หน่วยบูรพาสองนายจับเฉินจื้อ ขณะที่เฉินจื้อดิ้นไม่หยุดพลางตะโกนด่าไปด้วย

“ใต้เท้าจ้าวที่เจ้าพูดถึง ก็เป็นแค่ขุนนางของราชวงศ์ แต่ข้าคือตัวแทนของราชวงศ์ แม้จะตีเจ้าจนตาย เจ้าจะทำอะไรได้ และจ้าวเสวียนจีจะทำอะไรได้?”

พูดจบ หลี่เฉินก็หัวเราะอย่างเย็นชา โบกมือแล้วพูดว่า “ลากมันออกไป โบยให้หนัก ตีอย่างระมัดระวัง หากไม่ครบหนึ่งร้อยไม้แล้วคนตายก่อน ไม้ที่เหลือ พวกเจ้าสองคนก็รับแทนเขา”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้ทหารที่รับหน้าที่ทั้งสองนายต่างดวงตาเย็นเยียบ พวกเขาคนหนึ่งยกมือขึ้นปิดปากเฉินจื้อ แล้วลากเขาไปที่โล่งหน้าตำหนัก ทหารที่ปิดปากเขาคนนั้นก็ยิ้มเยาะพูดว่า “ขออภัย แต่รับสั่งขององค์รัชทายาท ข้าน้อยไม่กล้าขัดขืน ดังนั้นข้าต้องปล่อยให้ท่านเพลิดเพลินไปกับร้อยไม้นี้”

เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของเฉินจื้อลอยมาจากด้านนอก ซึ่งหลี่เฉินก็เดินเข้ามาด้านในแล้ว

จ้าวหรุ่ยได้ยินบทสนทนาข้างนอกอย่างชัดเจน และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เสียงโหยหวนของเฉินจื้อ ทำให้จ้าวหรุ่ยหน้าขาวซีด

“กลัวหรือ?”

หลี่เฉินยกมือลูบใบหน้าอันอ่อนโยนของจ้าวหรุ่ยเบาๆ แล้วถาม

จ้าวหรุ่ยเม้มปากแน่น ด้วยความตื่นตระหนก นางจึงถอยหลังโดยสัญชาตญาณ เพื่อหลีกเลี่ยงการจูบของหลี่เฉิน และฝ่ามืออันอุกอาจ

แต่การที่นางหลบ กลับกระตุ้นความสนใจของหลี่เฉินขึ้นมา

เขาคว้าข้อมือของจ้าวหรุ่ยแล้วดึงเบาๆ ร่างของจ้าวหรุ่ยก็ถลาเข้ามาในอ้อมแขนของหลี่เฉิน

“อ๊ะ!”

ขณะที่จ้าวหรุ่ยอุทาน หลี่เฉินก็วางมือของเขาไว้บนเอวอันบอบบางของนาง ค่อยๆ ลูบไล้อย่างช้าๆ พูดพร้อมหัวเราะเบาๆ ว่า “คำตอบของเจ้าเมื่อครู่มันทำให้ข้าพอใจมาก ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจจะบอกข่าวดีแก่เจ้า”

ตอนนี้ความสนใจของจ้าวหรุ่ยทั้งหมดมุ่งไปที่มือใหญ่ของหลี่เฉินที่กำลังสร้างปัญหาให้กับแผ่นหลังของนาง แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางก็ถามโดยสัญชาตญาณว่า “ข่าวอะไรเพคะ?”

“เมื่อไม่นานมานี้ เสด็จพ่อทรงให้ข้าองค์รัชทายาทเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าไม่ใช่องค์ชายรัชทายาทในนาม หรือไร้อำนาจอีกต่อไป แต่เป็นองค์ชายที่ใช้อำนาจของฮ่องเต้ในนามของเสด็จพ่อ ตัวแทนของสวรรค์คอยสอดส่องใต้หล้า”

“เฉินจื้อที่โหยหวนอยู่ข้างนอกนั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น หากจ้าวเสวียนจีอยากจะเปลี่ยนราชวงศ์ ช้าเร็วเขาจะเป็นแบบนั้น”

หลี่เฉินใช้นิ้วเชยคางจ้าวหรุ่ยขึ้นมา เพื่อให้มองหน้าตัวเองแล้วกล่าวว่า “ว่าอย่างไร เป็นข่าวดีใช่หรือไม่”

ใบหน้าของจ้าวหรุ่ยเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดหวั่น แต่ไม่รอให้นางพูด มือที่วางบนหลังนางก็เลื่อนไปสำรวจส่วนสำคัญของผู้หญิง ทำให้นางร้องอุทานออกมา

“เป็น เป็นข่าวดีเพคะ ฝ่าบาท อย่า...หม่อมฉัน หม่อมฉันยังเจ็บอยู่”

“วางใจเถอะ ครั้งนี้ข้ารับประกันว่า แค่กอด แต่ไม่ทำอะไร”

หลี่เฉินให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงใจ ขณะใช้นิ้วมือปลดผ้าคาดเอวของนางออก

“ฝ่าบาท พระองค์บอกว่าจะไม่ทำอะไรไม่ใช่หรือ!”

“ใช่แล้ว แต่ข้าบอกว่าแค่กอด ในเมื่อกอดกัน การสวมเสื้อผ้ามันทำให้ดูไม่ใกล้ชิดกันเท่าไรเลยเจ้าว่าไหม?” หลี่เฉินซุกหน้าไปที่ลำคอของจ้าวหรุ่ยที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ พูดคำพูดที่ไร้ยางอายที่สุดด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา สองมือของเขาสัมผัสผิวที่บอบบางและสวยงามที่สุดของผู้หญิง

“ฝ่าบาท โปรดเมตตาหม่อมฉัน หม่อมฉัน...อย่า...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1180

    คำพูดประโยคเดียวของหลี่เฉิน ก็สามารถสลายความกังวลใจที่ใหญ่หลวงที่สุดในใจของหลิวซือฉุนลงได้พร้อมทั้งเป็นการพิสูจน์ว่า หลี่เฉินไม่เคยคิดจะเป็นพวกยืมเงินแล้วไม่คืน หรือฆ่าไก่เอาไข่ทองคำเลยแม้แต่น้อยหลิวซือฉุนถอนใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ฝ่าบาทเฉลียวฉลาด ยอดสตรีน้อมสรรเสริญเพคะ”“แทบไม่เคยได้ยินคำไพเราะเช่นนี้จากปากเจ้ามาก่อนเลยนะ”หลี่เฉินเอ่ยพลางยิ้มตาหยี “เรื่องนี้ ต้องรีบจัดการให้เร็ว”หลิวซือฉุนครุ่นคิดเล็กน้อย ถามว่า “เร็วเพียงใดหรือเพคะ?”“เร็วได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น”หลี่เฉินตอบหนักแน่น “ขณะนี้ศึกที่ด่านเยว่ยากวนได้ปะทุขึ้นแล้ว ทัพภายในแผ่นดินก็ได้เคลื่อนพลไปสมทบ เมื่อกำลังพลไปถึง ศึกใหญ่ก็จะระเบิดขึ้นแน่นอน เงินในคลังหลวงจะต้านทานได้ไม่เกินครึ่งเดือน”“กล่าวคือ ภายในครึ่งเดือน ต้องระดมเงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึงให้ได้ใช่หรือไม่เพคะ?” หลิวซือฉุนมองหลี่เฉินพลางเอ่ยถาม“ภารกิจนี้มิใช่เรื่องง่าย เจ้ากล้ารับหรือไม่?” หลี่เฉินถามกลับหลิวซือฉุนสูดหายใจลึก ขบฟันแน่นพลางเอ่ยว่า “หากฝ่าบาทมีเรื่องให้ตระกูลหลิวช่วยเหลือ ก็ถือเป็นเกียรติของตระกูลหลิว ต่อให้ยากเย็นเพียงใด ตระกูลหลิวก็จะฟั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1179

    หลี่เฉินขมวดคิ้วอีกครั้ง“แม้ขณะนี้คลังหลวงจะดีกว่ายามเผชิญภัยพิบัติก็ตาม แต่สถานะทางการเงินของราชสำนักยังคงไม่น่าวางใจนัก บัดนี้ราชสำนักจำต้องจัดการเรื่องใหญ่อันหนึ่ง ซึ่งหากไร้เงินทองแล้ว ย่อมไม่อาจสำเร็จได้”“ค่าใช้จ่ายจากทุกด้าน อย่างน้อยที่สุดต้องใช้ราวๆ ห้าสิบล้านตำลึง”คำพูดประโยคเดียวของหลี่เฉิน ทำให้หลิวซือฉุนตกใจถึงกับร้องเสียงเบา“ห้าสิบล้านตำลึงหรือเพคะ!?”ห้าสิบล้านตำลึง…คือแนวคิดที่น่าหวาดหวั่นเพียงใด?ตลอดสามร้อยหกสิบกว่าปีของจักรวรรดิต้าฉิน แม้แต่ยุครุ่งเรืองที่สุด รายได้คลังหลวงทั้งปียังไม่เคยเกินสิบสองล้านตำลึงขณะองค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันเสด็จขึ้นครองราชย์ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา รายได้คลังหลวงแต่ละปียังไม่ถึงแปดล้านตำลึงแต่หลี่เฉินเอ่ยปากทีเดียวถึงห้าสิบล้านตำลึง ตัวเลขนี้ถึงกับทำให้หลิวซือฉุนไม่กล้าคิดต่อเลยทีเดียว“ฝ่าบาท ห้าสิบล้านตำลึงนี้ไม่เพียงหาได้ยาก แม้จะหาได้จริง ถึงคราวไถ่ถอน ราชสำนักจะสามารถชำระหนี้ได้จริงหรือเพคะ?” หลิวซือฉุนเอ่ยถามอย่างระมัดระวังนางไม่กล้าถามว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้จะนำไปทำสิ่งใด แต่จำเป็นต้องรู้ว่าหลี่เฉินคิดจะชำระคืนหรือไม่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1178

    คำถามของหลี่เฉินทำให้หลิวซือฉุนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันทีนางก้มศีรษะลง ตอบเสียงเบาว่า “หม่อมฉันเกิดในตระกูลหลิว ย่อมต้องอยู่กับตระกูลหลิวไปตลอดเจ้าค่ะ”เวลานั้น ในห้องโถงยังมีท่านอาหลิวสามของตระกูลหลิวกับวั่นเจียวเจียวอยู่ด้วยวั่นเจียวเจียวเคยชินกับเรื่องเช่นนี้มานานแล้วแต่ท่านอาหลิวสามกลับตื่นตระหนกแทบจะขาดใจใครก็เข้าใจได้ว่าหลี่เฉินหมายถึงสิ่งใดท่านอาหลิวสามมองหลิวซือฉุน ดวงตาร้อนผ่าว แทบจะพุ่งเข้าไปตอบแทนให้นางเสียเองไปตำหนักบูรพาเถอะ!ไปสิ!ตระกูลหลิวที่แสนจะต่ำต้อยนี้มีอะไรให้น่าอยู่กันเล่า!ไปตำหนักบูรพาไม่ดีกว่าหรือ!?หลี่เฉินมองหลิวซือฉุนแล้วกล่าวเสียงเรียบ “ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้มีอีกเรื่องหนึ่ง อยากให้เจ้าจัดการ”หลิวซือฉุนลอบถอนใจโล่งอก รีบกล่าวว่า “เชิญฝ่าบาททรงบัญชามาได้เลยเพคะ”หลี่เฉินตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นราวกับตัดสินใจได้แล้วจึงกล่าวว่า “ราชสำนักเร็วๆ นี้จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ในบัญชีของโรงเงินตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่?”หลิวซือฉุนสีหน้าเปลี่ยนทันที นางเอ่ยว่า “ในบัญชีของโรงเงิน ตอนนี้มีประมาณหกสิบแปดล้านตำลึงเงิน แต่ฝ่าบาท เง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1177

    เห็นหลี่เฉินอุ้มหลิวเฮ่อเข้าไปในจวน คนอื่นในตระกูลหลิวต่างพากันมองหน้ากันไปมาแต่อย่างน้อยตอนนี้ดูเหมือนว่า องค์รัชทายาทฝ่าบาทจะทรงโปรดหลิวเฮ่ออยู่ไม่น้อย?หลิวซือต๋ามองหลิวซือฉุนเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง หลิวซือฉุนจึงกล่าวว่า “เข้าไปดูแลก่อนเถิด ไม่น่าจะใช่เรื่องร้าย อาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ”ด้วยฐานะของหลี่เฉิน ต่อให้เอ่ยเพียงประโยคเดียว ก็พอให้นามของลูกหลานตระกูลหลิวรุ่งเรืองไปได้ทั้งชีวิตคนในตระกูลหลิวทยอยกันตามหลี่เฉินเข้าไปในจวนในห้องโถงใหญ่ คนในตระกูลหลิวส่วนใหญ่ไม่มีคุณสมบัติพอจะอยู่รับใช้ในนั้นมีเพียงหลิวซือฉุน สามอาของตระกูลหลิว และหลิวซือต๋าเท่านั้นที่อยู่ได้หลี่เฉินประทับนั่งบนที่ประธาน ให้หลิวเฮ่อนั่งอยู่บนตัก พลางยิ้มถาม “อายุเท่าไหร่แล้ว?”หลิวเฮ่อหันไปมองหลิวซือฉุนตาปริบๆ แต่พอได้ยินหลี่เฉินถาม ก็รีบตอบอย่างว่าง่ายว่า “สามขวบแล้วเจ้าค่ะ”พูดพลางยื่นนิ้วอ้วนกลมออกมาสามนิ้วเน้นย้ำหลี่เฉินเห็นแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างยินดี“ชื่อหลิวเฮ่อ ตั้งชื่อรองไว้หรือยัง?” ประโยคนี้หลี่เฉินถามหลิวซือต๋าหลิวซือต๋ารีบโค้งกายเล็กน้อย ตอบด้วยความเคารพว่า “ทูลฝ่าบาท ยังมิได้ตั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1176

    สำหรับหลิวซือฉุนแล้ว คำเชิญแบบกะทันหันเช่นนี้ แม้หลี่เฉินจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพระองค์ทรงจมอยู่กับราชการอันวุ่นวาย บัดนี้มีราชโองการใหม่เริ่มต้น แถมยังมีข่าวด่วนจากด่านเยว่หย่าอีก หลี่เฉินเองก็ทรงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลดังนั้นพระองค์จึงมิได้ลังเล หรือปฏิเสธ ทรงตอบรับด้วยความยินดีอย่างไรก็ดี ถึงฟ้าจะถล่ม ก็ยังไม่ใช่ยามนี้ มนุษย์ย่อมต้องหาโอกาสเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสำหรับตระกูลหลิวแล้ว การเสด็จมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวขององค์รัชทายาทฝ่าบาท ทำให้ทั้งตระกูลแทบแตกตื่นเป็นไก่บินหมาวิ่งตราบใดที่ยังอยู่ในเมืองหลวงและมิได้เดินทางไปต่างเมือง ญาติพี่น้องทุกคนไม่เว้นสักคนต่างพร้อมใจสวมเสื้อผ้าใหม่ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย ทั้งภายนอกภายในเรือน แม้แต่รอยร้าวบนชายคาก็ไม่เว้น ล้วนขัดถูจนสะอาดเอี่ยมอ่องมิใช่เพียงเท่านั้น ตระกูลหลิวยังรีบรุดไปเชิญพ่อครัวจากภัตตาคารชั้นนำของเมืองหลวงมาทั้งคนทั้งเขียง ถึงขนาดทำให้เจ้าของร้านหลายแห่งบ่นอุบ ทว่าพอถูกโยนเงินแท่งใหญ่ใส่หน้าเข้า พวกเขาก็พลันยิ้มแย้ม ยินดีส่งพ่อครัวในร้านออกไปทันทีวันเช่นนี้ สำคัญยิ่งกว่าวันขึ้นปีใหม่ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1175

    การคำนับครั้งนี้ เขาค้อมกายลงอย่างลึกสุดหัวใจผ่านไปสามลมหายใจ หลี่เฉินจึงค่อยยืดตัวตรงเขาหันไปกล่าวกับเหล่าราษฎรด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เรื่องราวใต้หล้านั้นมากมายดั่งดวงดาว ข้าผู้เดียวไม่อาจปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ แต่สามารถรับประกันได้ว่า เจอเรื่องใด จัดการเรื่องนั้น เจอผู้ใด ฆ่าผู้นั้น!”“จงประกาศราชโองการข้า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่เจ้าผู้ครองแคว้น ขุนนาง ขุนพล ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้า หากพบเห็นเรื่องอธรรม ขุนนางไม่ซื่อสัตย์ ข่มเหงราษฎร ร้องทุกข์ไร้หนทาง ร้องเรียนมิได้ ล้วนสามารถไปยื่นฎีกาที่ตำหนักบูรพาได้โดยตรง ขุนนางทั่วแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดขัดขวางได้ หากมีผู้ใดขัดขวาง ลงโทษด้วยการประหารด้วยโทษแหวะเนื้อ!”“ราชโองการนี้ ประกาศทั่วหล้า มีผลทันที!”เมื่อสิ้นคำ สหายทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลัง ไม่เว้นแม้แต่เฉินทง ต่างเปล่งเสียงพร้อมกันว่า “กระหม่อม ขอรับพระบัญชา!”ท่ามกลางราษฎร เกิดเสียงโห่ร้องดังกึกก้องฟ้าดินมีคนร้องไห้พลางเปล่งเสียงว่า “กษัตริย์ทรงธรรม! ต้าฉินของเราสุดท้ายก็ได้พบกษัตริย์ทรงธรรมแล้ว!”“องค์รัชทายาททรงเมตตายิ่งนัก เป็นโชคของต้าฉิน โชคของราษฎรต้าฉิน!”หลี่เฉินโบกมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status