Share

บทที่ 7

Author: ไห่ตงชิง
บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”

จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็น

นางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนัก

จ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้อง

นางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย

“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเอง

องครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือน

เขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ

“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”

หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์ชายเก้าเองก็ไม่อาจจะจำได้ชัดเจนเท่ากับบันทึกนี้

“ไม่เลวเลย”

หลี่เฉินพยักหน้า แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ

“เหตุใดสิ่งแรกที่องค์ชายเก้าทำเมื่อตื่นนอนทุกวัน คือไปหาขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกา?”

ขันทีซานเป่าหลุบตาตอบ “ขันทีฝ่ายตรวจฎีกามีหน้าที่รวบรวมสาส์นกราบทูลข้อราชการที่เหล่าขุนนางสำนักราชเลขาธิการร่างไว้เมื่อวันก่อน ตามความคิดเห็นของขุนนางสำนักราชเลขาธิการที่ถูกประทับตราสีแดงไว้เพื่อแจกจ่ายออกไป ดังนั้นภายใต้ในนามของการฝึกอบรมองค์ชายเก้าของราชเลขาธิการ องค์ชายเก้าจึงได้รับอนุญาตให้ไปสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาทุกวัน เพื่อเรียนรู้กิจการของบ้านเมือง”

หลี่เฉินโกรธจัด

“ข้าเป็นองค์รัชทายาท เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาไม่เคยส่งสาส์นกราบทูลข้อราชการมาที่โต๊ะของข้า แต่กลับยกให้องค์ชายเก้าดู เช่นนี้แล้ว หรือว่าฮ่องเต้องค์ต่อไปของต้าฉิน จะเป็นคนที่จ้าวเสวียนจีกำหนด? องค์ชายเก้า?”

ขันทีซานเป่ารีบพูดว่า “องค์รัชทายาทโปรดระงับโทสะ ขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาผู้นั้นคือคนสนิทของฮองเฮา และเป็นเวลาหลายปีแล้วที่สำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาดำเนินการเหมือนถังเหล็กที่น้ำไม่สามารถเทลงไปได้ อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮา เกรงว่าเรื่องนี้ต้องหารือกันระยะยาว”

หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาแล้วพูดว่า “หารือกันระยะยาว? ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะเสียเวลากับพวกเขา ขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาแล้วอย่างไร? หากไม่รู้ความก็ฆ่า ขันทีในวังที่ต้องการเลื่อนตำแหน่งขาดแคลนอยู่หรือไม่?”

พูดจบ หลี่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ “ไปสำนักสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา”

ในพระราชวังตอนนี้ ด้านนอกสำนักสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา

แม้ว่าเขาจะยังอ่อนเยาว์ แต่ภายใต้การฝึกอบรมและการศึกษามาอย่างยาวนาน องค์ชายเก้าก็มีความสง่างาม และมีกลิ่นอายผู้ทรงอำนาจ

“องค์ชายเก้าโปรดเดินช้าๆ พรุ่งนี้เช้า บ่าวจะจัดเตรียมสาส์นกราบทูลข้อราชการที่สำคัญไว้ล่วงหน้า เพื่อให้พระองค์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกิจการของรัฐ” เว่ยเสียน ขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกากล่าวด้วยความเคารพ

องค์ชายเก้าหลี่เสวียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “รบกวนกงกงแล้ว เพียงแต่ข้าไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อให้อ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการได้ ถ้ามันแพร่ออกไปคงจะเกิดข่าวลือที่ไม่ดีขึ้น ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้องค์รัชทายาทเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ถ้าหากเขาทราบ จะยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นควรเก็บตัว และไม่เปิดเผยจะดีกว่า”

เว่ยเสียนหัวเราะคิกคัก “องค์ชายเก้า ในสายตาของพวกบ่าว พระองค์คือตัวเลือกที่ดีที่สุด องค์รัชทายาทมีอายุมากกว่าท่านเพียงไม่กี่ปี และใช้ประโยชน์จากการเป็นลูกชายคนโต ในแง่ของคุณธรรม ความสามารถ และพลังเบื้องหลัง ท่านได้รับการปลูกฝังโดยฮองเฮาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และยังมีใต้เท้าจ้าวราชเลขาธิการเป็นอาจารย์ องค์รัชทายาทจะเทียบกับท่านได้อย่างไร”

หลี่เสวียนตาเป็นประกายด้วยความพอใจและยินดี แต่ปากกลับพูดไปว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ หากคำพูดเหล่านี้ แพร่กระจายไปยังคนนอก ข้าเกรงว่าจะเกิดปัญหาเอาได้”

เว่ยเสียนตาเป็นประกาย

เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮาและราชเลขาธิการ แม้ว่าองค์รัชทายาทจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ในขณะนี้ แต่องค์ชายเก้าก็ยังคงมีโอกาสที่ดีอยู่ เมื่อเทียบกับองค์ชายเก้าแล้ว องค์รัชทายาทไม่มีอะไรเลย แม้แต่อำนาจผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ฮ่องเต้ก็เพิ่งมอบให้เมื่อคืนนี้

จะเกิดอะไรขึ้นหากฮ่องเต้สิ้นพระชนม์กะทันหัน?

กิจของรัฐ ไม่ใช่ราชเลขาธิการเป็นผู้ตัดสินหรือ เรื่องราวในวัง ไม่ใช่ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลหรือ?

องค์รัชทายาทนับเป็นอะไรกัน

ดังนั้นเขาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ใกล้ชิดกับองค์ชายเก้าให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าเสี่ยงถูกตัดหัวโดยแสดงสาส์นกราบทูลข้อราชการให้องค์ชายเก้าดู ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณมีเพียงฮ่องเต้และคณะสำนักราชเลขาธิการเท่านั้นที่สามารถดูได้

แต่สิ่งที่องค์ชายเก้าพูดในเวลานี้ชัดเจนมาก เขาแตกต่างจาก ‘คนนอก’ เหล่านั้น

“องค์ชายเก้ากล่าวถูกต้อง บ่าวพูดมากไป บ่าวพูดมากไป”

เว่ยเสียนพูด พลางยกมือตบปากตัวเองทีสองทีเบาๆ

หลี่เสวียนกล่าว “เอาล่ะๆ นี่ก็สายมากแล้ว ข้าต้องไปแสดงความเคารพต่อเสด็จแม่”

เมื่อหลี่เสวียนพูดจบ ด้านนอกสำนักสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา ก็มีเสียงประกาศดังขึ้นว่า

“องค์รัชทายาทเสด็จ!”

เสียงประกาศยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ หลี่เสวียนแสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา ไม่รอให้เขาได้ตอบสนอง หลี่เฉินก็ก้าวเท้าเข้ามา

สาวใช้ ขันที และทหารองค์รักษ์ที่อยู่รอบๆ ต่างพากันรับเสด็จองค์รัชทายาท

“น้องชายคารวะองค์รัชทายาท”

“บ่าวคารวะองค์รัชทายาท”

หลี่เสวียนกับเว่ยเสียนก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะ

แต่หลังจากที่สายตาอันเย็นชาของหลี่เฉิน มองไปที่เว่ยเสียน

เขาไม่ได้กล่าวว่าไม่ต้องพิธีรีตอง เว่ยเสียนจึงทำได้แค่คุกเข่าอยู่ที่พื้น เวลาผ่านไป เว่ยเสียนก็ค่อยๆ รู้สึกถึงวิกฤติขึ้นมา ร่างกายของเขาอดตึงเครียดไม่ได้

หลี่เสวียนขมวดคิ้ว ในฐานะน้องชายของหลี่เฉิน เขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าลง แต่ในเวลานี้หลี่เฉินไม่ได้พูดสิ่งใด เขาจึงไม่มีสิทธิกล่าวอะไร

“เว่ยเสียน เจ้าดำรงตำแหน่งขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกามานานเท่าไหร่?” หลี่เฉินถามอย่างใจเย็น

“ทูลองค์รัชทายาท ด้วยพระกรุณาธิคุณของฮ่องเต้ บ่าวดำรงตำแหน่งขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกามาสี่ปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยเสียนรู้ว่าหลี่เฉินกำลังมองหาปัญหา ทุกคำพูดและการเคลื่อนไหวจึงเป็นไปตามระเบียบ ไม่กล้าเผยหางให้หลี่เฉินจับ

หลี่เฉินยิ้มเยาะ และเดินไปหาเว่ยเสียน

ทันใดนั้นก็ยกขาขึ้นเตะยอดหน้าของเว่ยเสียนทันที

ลูกเตะนี้ หนักแน่นและรุนแรง

เว่ยเสียนกรีดร้องออกมา ใบหน้าของเขาถูกเท้าของหลี่เฉินเตะเข้าอย่างแรง จมูกของเขาหัก และมีเลือดไหลออกมามาก

ความขมขื่นและความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในจิตใจของเขา เว่ยเสียนที่นอนอยู่บนพื้นจึงโหยหวนออกมา “องค์รัชทายาท เหตุใดจึงทำเช่นนี้!?”

“เหตุใดจึงทำเช่นนี้?”

หลี่เฉินหัวเราะเยาะออกมา “ข้าคือองค์รัชทายาท เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่เสด็จพ่อทรงเขียนไว้ในราชโองการอย่างชัดเจน กิจทหารและรัฐทั้งหมด จะต้องผ่านข้า พบข้าเท่ากับพบฮ่องเต้ แต่ขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาตัวเล็กๆ เช่นเจ้า กล้าต่อต้านราชโองการ ต่อให้วันนี้ข้าจะแล่เนื้อเถือหนังเจ้าก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เตะเจ้าครั้งหนึ่ง ใยเจ้าจึงกล้าย้อนถามข้า?”

ความเจ็บปวดได้กระตุ้นความโกรธขึ้นมา ดวงตาของเว่ยเสียนเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

เขาจ้องมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่น่ากลัว และพูดอย่างไม่พอใจว่า “บ่าวเป็นเพียงสุนัขไร้ค่า ต่อให้องค์รัชทายาทอยากจะฆ่าจะแกงบ่าว บ่าวก็มิกล้าขัดขืน”

“แต่ทว่าบ่าวได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท ได้รับการอนุมัติจากฮองเฮา เป็นขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาที่ราชเลขาธิการไว้วางใจ องค์รัชทายาทอยากจะสังหารบ่าวอย่างไร้เหตุ ชีวิตบ่าวอาจไม่มีค่า แต่องค์รัชทายาทต้องให้คำอธิบายแก่ฮองเฮา”

หลี่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “คิดจะใช้ฮองเฮาและสำนักราชเลขาธิการมากดดันข้างั้นหรือ? ข้าเห็นว่า ขันทีอย่างเจ้า อยากจะปีนขึ้นหัวเจ้านายเสียมากกว่า”

“เจ้าคิดว่าข้าจะสนใจพูดคุยกับฮองเฮาและราชสำนัก เพื่อประนีประนอมกับเจ้า? น้ำหนักของเจ้ายังไม่คู่ควรหรอก”

พูดจบ ดวงตาของหลี่เฉินพลันวาวโรจน์ ในดวงตาระเบิดจิตสังหารออกมา

“ทหาร”

ขันทีซานเป่ารีบเดินออกมาจากด้านหลังของหลี่เฉินแล้วคุกเข่า

“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

วินาทีที่เห็นขันทีซานเป่า เว่ยเสียนก็ตาโต ทั้งตกใจทั้งโมโห “ซานเป่า! คนที่สร้างปัญหาก็คือเจ้างั้นหรือ!”

ขันทีซานเป่าแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ เหมือนไม่ได้ยินอะไร

“ลากมันไปตัดหัว ในเมื่อขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาไม่ฟังข้า เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้เว่ยเสียนตระหนักได้ในที่สุดว่า หลี่เฉินไม่มีความตั้งใจที่จะเล่นเกมทางการเมืองแบบประนีประนอมกับเขา

อาจจะจริงอย่างที่หลี่เฉินบอก น้ำหนักเขาคงยังไม่พอ

เว่ยเสียนหวาดกลัวสุดขีด เขารีบกล่าวกับหลี่เสวียนว่า “องค์ชายเก้า ได้โปรดช่วยบ่าวด้วยองค์ชายเก้า!”

หลี่เสวียนไม่คาดว่าหลี่เฉินจะโหดร้ายเช่นนี้ เขาพูดอย่างกล้าหาญว่า “พี่รอง เว่ยเสียนเป็นคนเก่าคนแก่ในวัง ทำงานหนักมาหลายปีโดยไม่รับความดีความชอบใดๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังคงเป็นขันทีที่เสด็จพ่อแต่งตั้งเป็นการส่วนตัว ถ้าหากเขาถูกฆ่าแบบนี้ ข้า ข้ากลัวว่าจะมีการถกเถียงกันในราชสำ...”

หลี่เสวียนพูดไม่ทันจบ ก็เห็นหลี่เฉินมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาเย็นเยียบ

ความกล้าหาญของหลี่เสวียนก็พลันหดหาย ได้แต่กลืนคำพูดถัดไปอย่างเงียบๆ

ประโยคต่อไปของหลี่เฉิน ยิ่งทำให้หลี่เสวียนตัวสั่นด้วยความกลัว มือเท้าเย็นเฉียบ

“เจ้ารู้ไหมว่า องค์ชายองค์ใดอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อ อาจถูกลงโทษฐานกบฏได้?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1180

    คำพูดประโยคเดียวของหลี่เฉิน ก็สามารถสลายความกังวลใจที่ใหญ่หลวงที่สุดในใจของหลิวซือฉุนลงได้พร้อมทั้งเป็นการพิสูจน์ว่า หลี่เฉินไม่เคยคิดจะเป็นพวกยืมเงินแล้วไม่คืน หรือฆ่าไก่เอาไข่ทองคำเลยแม้แต่น้อยหลิวซือฉุนถอนใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ฝ่าบาทเฉลียวฉลาด ยอดสตรีน้อมสรรเสริญเพคะ”“แทบไม่เคยได้ยินคำไพเราะเช่นนี้จากปากเจ้ามาก่อนเลยนะ”หลี่เฉินเอ่ยพลางยิ้มตาหยี “เรื่องนี้ ต้องรีบจัดการให้เร็ว”หลิวซือฉุนครุ่นคิดเล็กน้อย ถามว่า “เร็วเพียงใดหรือเพคะ?”“เร็วได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น”หลี่เฉินตอบหนักแน่น “ขณะนี้ศึกที่ด่านเยว่ยากวนได้ปะทุขึ้นแล้ว ทัพภายในแผ่นดินก็ได้เคลื่อนพลไปสมทบ เมื่อกำลังพลไปถึง ศึกใหญ่ก็จะระเบิดขึ้นแน่นอน เงินในคลังหลวงจะต้านทานได้ไม่เกินครึ่งเดือน”“กล่าวคือ ภายในครึ่งเดือน ต้องระดมเงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึงให้ได้ใช่หรือไม่เพคะ?” หลิวซือฉุนมองหลี่เฉินพลางเอ่ยถาม“ภารกิจนี้มิใช่เรื่องง่าย เจ้ากล้ารับหรือไม่?” หลี่เฉินถามกลับหลิวซือฉุนสูดหายใจลึก ขบฟันแน่นพลางเอ่ยว่า “หากฝ่าบาทมีเรื่องให้ตระกูลหลิวช่วยเหลือ ก็ถือเป็นเกียรติของตระกูลหลิว ต่อให้ยากเย็นเพียงใด ตระกูลหลิวก็จะฟั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1179

    หลี่เฉินขมวดคิ้วอีกครั้ง“แม้ขณะนี้คลังหลวงจะดีกว่ายามเผชิญภัยพิบัติก็ตาม แต่สถานะทางการเงินของราชสำนักยังคงไม่น่าวางใจนัก บัดนี้ราชสำนักจำต้องจัดการเรื่องใหญ่อันหนึ่ง ซึ่งหากไร้เงินทองแล้ว ย่อมไม่อาจสำเร็จได้”“ค่าใช้จ่ายจากทุกด้าน อย่างน้อยที่สุดต้องใช้ราวๆ ห้าสิบล้านตำลึง”คำพูดประโยคเดียวของหลี่เฉิน ทำให้หลิวซือฉุนตกใจถึงกับร้องเสียงเบา“ห้าสิบล้านตำลึงหรือเพคะ!?”ห้าสิบล้านตำลึง…คือแนวคิดที่น่าหวาดหวั่นเพียงใด?ตลอดสามร้อยหกสิบกว่าปีของจักรวรรดิต้าฉิน แม้แต่ยุครุ่งเรืองที่สุด รายได้คลังหลวงทั้งปียังไม่เคยเกินสิบสองล้านตำลึงขณะองค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันเสด็จขึ้นครองราชย์ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา รายได้คลังหลวงแต่ละปียังไม่ถึงแปดล้านตำลึงแต่หลี่เฉินเอ่ยปากทีเดียวถึงห้าสิบล้านตำลึง ตัวเลขนี้ถึงกับทำให้หลิวซือฉุนไม่กล้าคิดต่อเลยทีเดียว“ฝ่าบาท ห้าสิบล้านตำลึงนี้ไม่เพียงหาได้ยาก แม้จะหาได้จริง ถึงคราวไถ่ถอน ราชสำนักจะสามารถชำระหนี้ได้จริงหรือเพคะ?” หลิวซือฉุนเอ่ยถามอย่างระมัดระวังนางไม่กล้าถามว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้จะนำไปทำสิ่งใด แต่จำเป็นต้องรู้ว่าหลี่เฉินคิดจะชำระคืนหรือไม่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1178

    คำถามของหลี่เฉินทำให้หลิวซือฉุนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันทีนางก้มศีรษะลง ตอบเสียงเบาว่า “หม่อมฉันเกิดในตระกูลหลิว ย่อมต้องอยู่กับตระกูลหลิวไปตลอดเจ้าค่ะ”เวลานั้น ในห้องโถงยังมีท่านอาหลิวสามของตระกูลหลิวกับวั่นเจียวเจียวอยู่ด้วยวั่นเจียวเจียวเคยชินกับเรื่องเช่นนี้มานานแล้วแต่ท่านอาหลิวสามกลับตื่นตระหนกแทบจะขาดใจใครก็เข้าใจได้ว่าหลี่เฉินหมายถึงสิ่งใดท่านอาหลิวสามมองหลิวซือฉุน ดวงตาร้อนผ่าว แทบจะพุ่งเข้าไปตอบแทนให้นางเสียเองไปตำหนักบูรพาเถอะ!ไปสิ!ตระกูลหลิวที่แสนจะต่ำต้อยนี้มีอะไรให้น่าอยู่กันเล่า!ไปตำหนักบูรพาไม่ดีกว่าหรือ!?หลี่เฉินมองหลิวซือฉุนแล้วกล่าวเสียงเรียบ “ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้มีอีกเรื่องหนึ่ง อยากให้เจ้าจัดการ”หลิวซือฉุนลอบถอนใจโล่งอก รีบกล่าวว่า “เชิญฝ่าบาททรงบัญชามาได้เลยเพคะ”หลี่เฉินตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นราวกับตัดสินใจได้แล้วจึงกล่าวว่า “ราชสำนักเร็วๆ นี้จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ในบัญชีของโรงเงินตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่?”หลิวซือฉุนสีหน้าเปลี่ยนทันที นางเอ่ยว่า “ในบัญชีของโรงเงิน ตอนนี้มีประมาณหกสิบแปดล้านตำลึงเงิน แต่ฝ่าบาท เง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1177

    เห็นหลี่เฉินอุ้มหลิวเฮ่อเข้าไปในจวน คนอื่นในตระกูลหลิวต่างพากันมองหน้ากันไปมาแต่อย่างน้อยตอนนี้ดูเหมือนว่า องค์รัชทายาทฝ่าบาทจะทรงโปรดหลิวเฮ่ออยู่ไม่น้อย?หลิวซือต๋ามองหลิวซือฉุนเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง หลิวซือฉุนจึงกล่าวว่า “เข้าไปดูแลก่อนเถิด ไม่น่าจะใช่เรื่องร้าย อาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ”ด้วยฐานะของหลี่เฉิน ต่อให้เอ่ยเพียงประโยคเดียว ก็พอให้นามของลูกหลานตระกูลหลิวรุ่งเรืองไปได้ทั้งชีวิตคนในตระกูลหลิวทยอยกันตามหลี่เฉินเข้าไปในจวนในห้องโถงใหญ่ คนในตระกูลหลิวส่วนใหญ่ไม่มีคุณสมบัติพอจะอยู่รับใช้ในนั้นมีเพียงหลิวซือฉุน สามอาของตระกูลหลิว และหลิวซือต๋าเท่านั้นที่อยู่ได้หลี่เฉินประทับนั่งบนที่ประธาน ให้หลิวเฮ่อนั่งอยู่บนตัก พลางยิ้มถาม “อายุเท่าไหร่แล้ว?”หลิวเฮ่อหันไปมองหลิวซือฉุนตาปริบๆ แต่พอได้ยินหลี่เฉินถาม ก็รีบตอบอย่างว่าง่ายว่า “สามขวบแล้วเจ้าค่ะ”พูดพลางยื่นนิ้วอ้วนกลมออกมาสามนิ้วเน้นย้ำหลี่เฉินเห็นแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างยินดี“ชื่อหลิวเฮ่อ ตั้งชื่อรองไว้หรือยัง?” ประโยคนี้หลี่เฉินถามหลิวซือต๋าหลิวซือต๋ารีบโค้งกายเล็กน้อย ตอบด้วยความเคารพว่า “ทูลฝ่าบาท ยังมิได้ตั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1176

    สำหรับหลิวซือฉุนแล้ว คำเชิญแบบกะทันหันเช่นนี้ แม้หลี่เฉินจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพระองค์ทรงจมอยู่กับราชการอันวุ่นวาย บัดนี้มีราชโองการใหม่เริ่มต้น แถมยังมีข่าวด่วนจากด่านเยว่หย่าอีก หลี่เฉินเองก็ทรงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลดังนั้นพระองค์จึงมิได้ลังเล หรือปฏิเสธ ทรงตอบรับด้วยความยินดีอย่างไรก็ดี ถึงฟ้าจะถล่ม ก็ยังไม่ใช่ยามนี้ มนุษย์ย่อมต้องหาโอกาสเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสำหรับตระกูลหลิวแล้ว การเสด็จมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัวขององค์รัชทายาทฝ่าบาท ทำให้ทั้งตระกูลแทบแตกตื่นเป็นไก่บินหมาวิ่งตราบใดที่ยังอยู่ในเมืองหลวงและมิได้เดินทางไปต่างเมือง ญาติพี่น้องทุกคนไม่เว้นสักคนต่างพร้อมใจสวมเสื้อผ้าใหม่ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย ทั้งภายนอกภายในเรือน แม้แต่รอยร้าวบนชายคาก็ไม่เว้น ล้วนขัดถูจนสะอาดเอี่ยมอ่องมิใช่เพียงเท่านั้น ตระกูลหลิวยังรีบรุดไปเชิญพ่อครัวจากภัตตาคารชั้นนำของเมืองหลวงมาทั้งคนทั้งเขียง ถึงขนาดทำให้เจ้าของร้านหลายแห่งบ่นอุบ ทว่าพอถูกโยนเงินแท่งใหญ่ใส่หน้าเข้า พวกเขาก็พลันยิ้มแย้ม ยินดีส่งพ่อครัวในร้านออกไปทันทีวันเช่นนี้ สำคัญยิ่งกว่าวันขึ้นปีใหม่ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1175

    การคำนับครั้งนี้ เขาค้อมกายลงอย่างลึกสุดหัวใจผ่านไปสามลมหายใจ หลี่เฉินจึงค่อยยืดตัวตรงเขาหันไปกล่าวกับเหล่าราษฎรด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เรื่องราวใต้หล้านั้นมากมายดั่งดวงดาว ข้าผู้เดียวไม่อาจปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ แต่สามารถรับประกันได้ว่า เจอเรื่องใด จัดการเรื่องนั้น เจอผู้ใด ฆ่าผู้นั้น!”“จงประกาศราชโองการข้า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่เจ้าผู้ครองแคว้น ขุนนาง ขุนพล ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้า หากพบเห็นเรื่องอธรรม ขุนนางไม่ซื่อสัตย์ ข่มเหงราษฎร ร้องทุกข์ไร้หนทาง ร้องเรียนมิได้ ล้วนสามารถไปยื่นฎีกาที่ตำหนักบูรพาได้โดยตรง ขุนนางทั่วแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดขัดขวางได้ หากมีผู้ใดขัดขวาง ลงโทษด้วยการประหารด้วยโทษแหวะเนื้อ!”“ราชโองการนี้ ประกาศทั่วหล้า มีผลทันที!”เมื่อสิ้นคำ สหายทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลัง ไม่เว้นแม้แต่เฉินทง ต่างเปล่งเสียงพร้อมกันว่า “กระหม่อม ขอรับพระบัญชา!”ท่ามกลางราษฎร เกิดเสียงโห่ร้องดังกึกก้องฟ้าดินมีคนร้องไห้พลางเปล่งเสียงว่า “กษัตริย์ทรงธรรม! ต้าฉินของเราสุดท้ายก็ได้พบกษัตริย์ทรงธรรมแล้ว!”“องค์รัชทายาททรงเมตตายิ่งนัก เป็นโชคของต้าฉิน โชคของราษฎรต้าฉิน!”หลี่เฉินโบกมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status