Share

บทที่ 8

Author: ไห่ตงชิง
คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีด

เขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมา

องค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร

“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”

หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”

ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไป

เขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา

“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”

หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”

ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์เสื้อแพรสองนายให้ลากเว่ยเสียนออกไป

บาดแผลบนใบหน้าของเว่ยเสียนยังคงอยู่ และเลือดก็ยังไหลไม่หยุดเมื่อเขาถูกลากออกไป ก็ทิ้งรอยเลือดเป็นทางยาวไว้ใต้ร่างของเขา มีเพียงเสียงกรีดร้อง “องค์รัชทายาท ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย ข้าเพียงแต่ทำตามคำสั่ง ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย!”

เสียงของเว่ยเสียนค่อยๆ ห่างออกไป สุดท้ายก็ไม่เห็นตัวคน

หลี่เฉินเดินเข้าไปในห้องโถงสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก

ตอนนี้ กลุ่มขันทีของสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกากำลังนั่งคุกเข่าบนพื้นและตัวสั่น

พวกเขาเห็นด้วยตาตนเองว่า เว่ยเสียนผู้หยิ่งผยองในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกานั้น ถูกคำพูดของหลี่เฉินไม่กี่คำก็โดนลากไปตัดหัว เวลานี้พวกเขายิ่งตกใจและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น และไม่กล้ามองไปที่หลี่เฉิน

“ซานเป่า”

หลี่เฉินเรียกเบาๆ

ขันทีซานเป่ารีบคุกเข่าข้างหลี่เฉิน รอฟังคำสั่งลงมา

“ในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา มีใครบ้างที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรของเว่ยเสียน และสามารถดำรงตำแหน่งแทนเว่ยเสียนได้?”

ประโยคนี้ ซานเป่าสูดหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ทูลองค์รัชทายาท เรื่องนี้ใหญ่เกินไป บ่าวไม่กล้าอวดดี”

“ไม่ใช่ว่าเจ้าวางแผนยืมมือข้าเพื่อกำจัดเว่ยเสียนหรอกหรือ? ในเมื่อข้าสังหารขันทีคนนั้นไปแล้ว ใยถึงไม่ฉวยโอกาสรับตำแหน่งเล่า?” หลี่เฉินกล่าวอย่างใจเย็น

ประโยคนี้ ทำให้ซานเป่ารู้สึกหนาวจากภายในสู่แขนขา

เขาหมอบลงกับพื้นในทันที หน้าผากของเขาแตะพื้น ชื่อเสียงอันโหดเหี้ยม ในฐานะกวางกงของหน่วยงานบูรพาซึ่งแพร่กระจายในหมู่ขุนนางบุ๋นบู๊ และทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวและเกลียดชัง เวลานี้ เขาตกต่ำราวกับหมาแก่

“องค์รัชทายาท บ่าวมิกล้า...”

“เอาล่ะ ข้าคร้านจะคุยกับเจ้า จำไว้ว่า ข้าชอบแค่สุนัขที่ซื่อสัตย์และมีประโยชน์เท่านั้น ไม่เช่นนั้น ชะตากรรมของเว่ยเสียนอาจจะตกเป็นของเจ้า”

“เหตุผลที่ขุนนางบุ๋นบู๊กลัวเจ้า นั่นก็เพราะฮ่องเต้มอบอำนาจให้เจ้า เจ้าเป็นขันทีและจะเป็นขันทีตลอดไป อำนาจของเจ้ามาจากราชวงศ์ ฮ่องเต้ได้มอบอำนาจการปกครองประเทศให้แก่ข้า เช่นนั้นข้าก็มีอำนาจกุมชะตากรรมของเจ้าไว้ ดูแลตัวเองให้ดี”

“ส่งรายชื่อบุคคลที่ยังว่างและเหมาะแก่การเป็นขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกามา ข้าจะเลือกคนใหม่ ส่วนพันธมิตรของเว่ยเสียน ก็ให้ไปเหมือนเว่ยเสียนก็แล้วกัน”

หลี่เฉินพูดเสร็จ เขาก็เพิกเฉยต่อเสียงอ้อนวอนและเสียงร้องขอความเมตตาที่ก้องกังวานตรงหน้าประตูสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา จากนั้นก็หันไปมองหลี่เสวียนที่ยืนตัวสั่นที่หน้าประตู

“เจ้าเข้ามา”

เมื่อหลี่เสวียนได้ยินหลี่เฉินเรียก เขาก็ก้าวมาตรงหน้าหลี่เฉินอย่างระมัดระวัง

ก่อนที่เขาจะได้พูด หลี่เฉินก็ยกมือตบหน้าหลี่เสวียน

เพี๊ยะ

เสียงตบดังชัดเจนมาก ทำให้ใบหน้าขาวซีดของหลี่เสวียนพลันแดงก่ำขึ้นมา และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

การตบครั้งนี้ ยังระงับเสียงร้องและขอความเมตตาจากพวกขันทีอีกด้วย

หลี่เสวียนถูกตบจนเซ่อ

เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะกล้าลงมือกับเขา

“เจ้าและข้าเป็นพี่น้องต่างมารดา ข้าไม่ต้องการฆ่าคนในสายเลือดเดียวกัน แต่มีบางสิ่งที่ไม่ควรเป็นของเจ้า ดังนั้นอย่าแตะต้องมัน และข้าสัญญาว่าชีวิตครึ่งหลังของเจ้าจะมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าเจ้ามีใจคิดเป็นอย่างอื่น ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถ”

ครอบครัวราชวงศ์เป็นครอบครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ

ต่อหน้าราชบัลลังก์ ไม่ต้องพูดถึงพี่น้องต่างมารดาเลย แม้แต่พ่อลูกทางสายเลือดก็ยังหันมาทะเลาะกันเองด้วยซ้ำ

หลี่เฉินทะลุมิติมา เขารู้ดีว่า ตัวเองทำได้เพียงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้มังกรเท่านั้น และไม่มีใครจะหยุดเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตาย

ไม่ว่าจะเป็นเพื่ออำนาจสูงสุดในใต้หล้า หรือเพื่อชีวิตน้อยๆ ของเขาเอง หลี่เฉินก็ตัดสินใจว่าใครก็ตามที่กล้าจะโลภในราชบัลลังก์ จะถูกฆ่าอย่างแน่นอน

หลี่เสวียนตัวสั่นเทิ้ม

ความเจ็บปวดบนใบหน้ายังรู้สึก แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การจ้องมองที่เย็นชาของหลี่เฉินที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวถึงกระดูก

ในขณะเดียวกัน ความอัปยศและความโกรธในกระดูก ก็ทำให้หลี่เสวียนตาแดงก่ำขึ้นมา

หลี่เฉินแสดงสีหน้าเย็นชา เขายังหวังว่าหลี่เสวียนจะพุ่งเข้ามาโจมตีเขาตอนนี้ บวกกับหลี่เสวียนได้อ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการ แค่นั้นก็ทำให้หลี่เสวียนโดนโทษประหารแล้ว ถึงตอนนั้น แม้แต่ฮองเฮากับจ้าวเสวียนจีก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้

ตอนนี้เอง สาวใช้ในวังคนหนึ่งและกลุ่มองค์รักษ์ก็รีบเดินเข้ามา

“คารวะองค์รัชทายาท คารวะองค์ชายเก้า บ่าวชื่อหลี่ชุ่ยเออร์เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮา ฮองเฮาทรงมีรับสั่งเชิญองค์รัชทายาทและองค์ชายเก้าไปเข้าเฝ้าที่พระราชวังหงส์สราญ”

เมื่อพระราชดำรัสของฮองเฮามาถึง แผนการของหลี่เฉินก็ล้มเหลว

ในขณะนั้นหลี่เสวียนก็ค่อยๆ ได้สติกลับมาบ้างแล้ว

“ลูกรับพระบัญชา” หลี่เสวียนรีบตอบรับ

หลี่เฉินพูดเสียงเรียบว่า “นำทางไป”

เมื่อมองแผ่นหลังของหลี่เฉินที่เดินจากไป ขันทีซานเป่าก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น และหายใจลึกๆ ด้วยความโล่งอก

เขาเป็นกวางกงแห่งหน่วยงานบูรพา ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร เหล่าขุนนางบู๊บุ๋นล้วนกลัวจนตัวสั่น

นอกจากจ้าวเสวียนจีกับลูกน้องข้างกายพวกนั้น ที่เขากวางกงไม่อาจลงมือได้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีใครที่ไม่กลัวเขา

แต่ซานเป่ารู้ดีว่า องค์รัชทายาทหลี่เฉินพูดถูก อำนาจของเขามาจากราชวงศ์ หากราชวงศ์พ่ายแพ้ พวกขุนนางบู๊บุ๋นเหล่านั้นก็จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ในทันที โดยที่ราชวงศ์ไม่ต้องทำอะไรเลย

เพราะเหตุนี้เขาจึงสามารถพึ่งพาอำนาจของฮ่องเต้ได้เท่านั้น

“องค์รัชทายาท...น่ากลัวจริงๆ”

ขันทีซานเป่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพึมพำออกมาว่า “ดูเหมือนทุกคนจะประเมินวิธีการขององค์รัชทายาทต่ำไป… เขามีความเด็ดขาดในการฆ่า แต่การลงมือทุกครั้งล้วนสมเหตุสมผล เกรงว่าคงไม่มีใครพูดว่าเขาไร้ค่าได้อีก... ”

“กวางกง”

องครักษ์เสื้อแพรนายหนึ่งเดินเข้ามาหาซานเป่า เขาเหลือบมองไปยังขันทีในสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาที่กำลังร่ำไห้เหล่านั้น แล้วกระซิบถามว่า “คนพวกนี้...”

“ไม่ได้ยินที่องค์รัชทายาทรับสั่งหรือ? ยกเว้นชื่อที่ข้าเอ่ยถึง ที่เหลือฆ่าให้หมด”

ซานเป่ามองขันทีเหล่านั้นอย่างเย็นชา และพูดอย่างไม่แยแส

ภายในพระราชวังหงส์สราญ

ในห้องโถงบรรทม

จ้าวชิงหลานสวมมงกุฎหงส์ และเสื้อคลุมฮองเฮานั่งอยู่ในห้องโถง รัศมีสูงส่งยิ่งใหญ่ของมารดาแผ่นดินแผ่ออกมาจากตัวนาง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสถานะอันสูงส่ง หรือเพราะนางเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า แต่กล่าวโดยสรุปว่า จ้าวชิงหลานซึ่งสวมเสื้อคลุมฮองเฮานั้น เพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางสูงส่ง ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขามอยู่ในใจ และไม่อาจดูหมิ่นได้

ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวก็คือหลี่เฉิน

“อวดดีเกินไปแล้ว!”

จ้าวชิงหลานตบพนักพิงและกล่าวด้วยความโมโหว่า “พวกเจ้าสองคน คนหนึ่งคือองค์รัชทายาท ส่วนอีกคนคือองค์ชายเก้า ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งนั้น เป็นพี่น้องต่างมารดา มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ จะลงไม้ลงมือทำไม?”

จ้าวชิงหลานเอนเอียงไปทางองค์ชายเก้ามากกว่า นางชี้ไปที่แก้มที่บวมแดงของหลี่เสวียน แล้วถามหลี่เฉินว่า “องค์รัชทายาท เจ้าตีองค์ชายเก้าจนเป็นเช่นนี้ มันเป็นความผิดของเจ้า!”

ราวกับไม่เห็นว่าฮองเฮาโกรธมากเพียงใด หลี่เฉินตอบเสียงเรียบว่า “ที่ข้าไม่ฆ่าเขาก็เพราะเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อ”

ประโยคนี้ ทำเอาจ้าวชิงหลานตาค้าง

นางพูดด้วยความโกรธ “เจ้าว่าอะไรนะ!?”

“ฮองเฮาฟังไม่เข้าใจหรือ?”

หลี่เฉินเหลือบมองหลี่ซวนที่ปิดหน้าตัวเองอย่างอับอายแล้วพูดว่า “ข้าไม่ฆ่าเขา เพราะเห็นแก่หน้าเสด็จพ่อ”

จ้าวชิงหลานโกรธมากจนหายใจแรง และพูดว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นองค์รัชทายาท แล้วข้าจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้หรือ ข้ายังเป็นฮองเฮาอยู่นะ!”

“ใช่แล้ว ท่านเป็นฮองเฮา เป็นมารดาแผ่นดิน แต่วังหลังห้ามเข้าไปยุ่งกับกิจการของรัฐ ข้าไม่เพียงแต่เป็นองค์รัชทายาท แต่ยังได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อให้เป็นผู้ดูแลประเทศ องค์ชายเก้าอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อ ฮองเฮาไม่รู้หรือว่านี่เป็นโทษที่ร้ายแรงเพียงใด? แม้ข้าจะสังหารเขา แล้วใครจะกล้าว่าข้า?”

จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่น นางแทบรอไม่ไหวที่จะปลดหลี่เฉินลงจากตำแหน่งองค์รัชทายาท แต่นางก็รู้ว่า นางไม่มีอำนาจนั้น

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งโกรธเคืองมากขึ้นเท่านั้น นางหายใจเข้าลึกๆ แทบจะระงับความโกรธในใจไว้ไม่ได้เลย จากนั้นก็หันไปหาหลี่เสวียนแล้วพูดว่า “เจ้าไปที่ห้องโถงข้างๆ ก่อน แล้วทบทวนบทเรียนของวันนี้ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับองค์รัชทายาท”

หลี่เสวียนเหลือบมองหลี่เฉินอย่างหวาดกลัว จากนั้นก็คุกเข่าคารวะตามธรรมเนียม แล้วถอยออกไป

รอจนหลี่เสวียนเดินออกไปแล้ว จ้าวชิงหลานจึงหันมาพูดกับหลี่เฉินว่า “เสด็จพ่อของเจ้าหมดสติ และไม่สามารถจัดการกิจการของรัฐได้อีกต่อไป ข้าจึงขอให้องค์ชายเก้าอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการบางส่วน เพราะต้องการให้เขาแบ่งเบาภาระงานราชการบางส่วนของเจ้ากับเสด็จพ่อ”

“อืม ข้าเชื่อ”

ทัศนคติของหลี่เฉิน กระตุ้นความโกรธของจ้าวชิงหลานอีกครั้ง

แต่ก่อนที่นางจะพูดต่อ หลี่เฉินก็โบกมือ และพูดกับสาวใช้ที่อยู่รอบตัวว่า “พวกเจ้าถอยไปซะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับฮองเฮาตามลำพัง”

สาวใช้ในวังหงส์สราญล้วนเป็นคนสนิทของจ้าวชิงหลาน พวกนางทั้งหมดมองไปที่จ้าวชิงหลานโดยไม่พูดอะไร

จ้าวชิงหลานขมวดคิ้ว ร้องหึออกมาเบาๆ คิดว่าหลี่เฉินคงไม่กล้าทำอะไรเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของหลี่เสวียนก็ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ หากคนนอกได้ยินเข้า ไม่ว่าเจตนาดีหรือไม่ก็ยังดูแย่อยู่ดี ดังนั้นนางจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ออกไป”

รอจนสาวใช้ออกไปทุกคนแล้ว เหลือเพียงจ้าวชิงหลานและหลี่เฉินในห้องโถงใหญ่ของวังหงส์สราญ จ้าวชิงหลานจึง กล่าวว่า “ว่ามา เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้า”

หลี่เฉินไม่พูด แต่เดินไปหาจ้าวชิงหลาน

จ้าวชิงหลานตกตะลึงเล็กน้อย รอจนหลี่เฉินเดินมาถึงตรงหน้า นางก็เพิ่งตระหนักได้ว่า คนผู้นี้กล้าหาญชาญชัยเพียงใด

“กล้าดี เจ้า..."

จ้าวชิงหลานต้องการจะใช้คำพูดหยุดหลี่เฉิน แต่หลี่เฉินมีหรือจะฟัง

นางพูดได้เพียงสามคำเท่านั้น หลี่เฉินก็นั่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ข้างๆ จ้าวชิงหลาน แล้วยกมือขึ้นมาเพื่อคว้ามือที่เยือกเย็นและนุ่มนวลของจ้าวชิงหลาน

จ้าวชิงหลานตกตะลึง นางดึงมือของนางออกตามสัญชาตญาณ ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

แต่หลังจากออกแรงดึงจนสุดแรงแล้ว ก็ไม่อาจดึงออกมาได้

หลี่เฉินจับมือเล็กๆ ของจ้าวชิงหลาน จับปอยผมของจ้าวชิงหลานเข้ามาใกล้อย่างอุกอาจ จากนั้นก็พูดกระซิบว่า “ฮองเฮา อย่าโมโหอีกเลยนะ ไม่ว่าเจ้าจะงดงามเพียงใด แต่ถ้าโกรธทุกวันเช่นนี้ คงหลีกเลี่ยงริ้วรอยไม่ได้”

จ้าวชิงหลานทั้งโมโหทั้งอับอาย นางอยากจะตะคอกด่า แต่ก็กลัวว่าจะทำให้คนที่อยู่ห้องข้างๆ ตกใจ

“เจ้า รีบปล่อยมือของข้าซะ!” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ

หลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ และแทนที่จะถอยกลับไป เขากลับกอดเอวของจ้าวชิงหลานให้ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก เมื่อสัมผัสได้ถึงรูปร่างอันงดงามของฮองเฮา หลี่เฉินจึงพูดว่า “เจ้างดงามเพียงนี้ ข้าจะทำใจปล่อยได้เยี่ยงไร?”

จ้าวชิงหลานต้องการลุกหนี แต่กลับถูกหลี่เฉินกอดแน่นจนขยับตัวไม่ได้

“หลี่เสวียนอยู่ในห้องโถงด้านข้าง ส่วนนอกวังมีคนนับไม่ถ้วนรออยู่ เจ้าอยากให้ทุกคนเห็นฉากนี้ไหม” หลี่เฉินยิ้มน้อยๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
โต ธนสมบัติ
พระเอกจัดการแบบโหด
goodnovel comment avatar
ต.ตระกูล แก้ว
นุกดีพระเอกโหด
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 9

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้จ้าวชิงหลานตัวแข็งทื่อหลี่เฉินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนทั้งสองสามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจนจ้าวชิงหลานกำลังดิ้นรนอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้แต่หลี่เฉินดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย และยังคงเขยับเข้ามาต่อภายในห้องโถงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกันซึ่งเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างทั้งสองร่าง และมีเสียงหอบหายใจเป็นครั้งคราวความรู้สึกของการเป็นหัวขโมยนั้น ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นฮองเฮาผู้เป็นมารดาของแผ่นดินถูกเขากระตุ้นให้โกรธและอับอาย หลี่เฉินก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกอยู่ในใจ“นี่คือพระราชวังหงส์สราญ ที่ประทับของฮองเฮา เจ้า เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” จ้าวชิงหลานพูดอย่างร้อนใจ พลางข่มขู่เสียงเบา“กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวตาย ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย”หลี่เฉินลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนผลักจ้าวชิงหลานลงบนเบาะขนาดใหญ่ด้วยท่าทางก้าวร้าว และมองลงมาที่เสด็จแม่ของเขา ​​ผู้หญิงที่หายใจถี่อยู่ใต้ร่างเขาจ้าวชิงหลานทั้งตกใจทั้งกลัว“ดังนั้น พวกเราต้องเบาๆ เสียงหน่อยนะ”คำพูดของหลี่เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 10

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหลยนั่วซานเสนาบดีกรมครัวเรือนก็มาถึงเมื่อมาถึงห้องสีเจิ้งในตำหนักบูรพา เหลยนั่วซานประสานมือ และกล่าวอย่างไม่เป็นทางการกับหลี่เฉินว่า “กระหม่อมเหลยนั่วซาน เข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”หลี่เฉินมองเหลยนั่วซานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และกล่าวว่า “เจ้าขุนนาง พบข้ายังไม่คุกเข่าอีกหรือ?”เหลยนั่วซานยิ้มเยาะ และพูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนว่ากระหม่อมเป็นขุนนาง แต่ตามกฎบรรพชนนั้น กระหม่อมคุกเข่าคารวะให้เพียงฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮาเท่านั้น สำหรับองค์รัชทายาท แค่ประสานมือคารวะก็พอ”ปึงหลี่เฉินกระแทกสาส์นกราบทูลข้อราชการในมือลงโต๊ะเสียงดังปึง “เนื่องจากข้าเป็นผู้ดูแลประเทศ พบข้าเท่ากับพบเสด็จพ่อ ข้าที่อยู่ตรงหน้าเจ้าในตอนนี้ คือตัวแทนของเสด็จพ่อ เจ้าพบแล้วไม่คารวะ นับเป็นอาชญากรรมร้ายแรง!”ด้วยเสียงปังดังนี้ องครักษ์เสื้อแพรหลายคนจึงรีบเข้ามาในห้องโถงทันที และจ้องมองไปที่เหลยนั่วซานด้วยเจตนาฆ่า ราวกับว่าแค่หลี่เฉินสั่ง พวกเขาก็จะกระโจนใส่เหลยนั่วซานในทันที เหลยนั่วซานสะดุ้งตกใจเขาไม่คาดคิดว่าหลี่เฉินที่เพิ่งดูแลประเทศ จะไม่เล่นไปตามบทด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะใช้อำนาจของฮ่องเต้โดยตรงเพ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 11

    หลังจากพูดจบ หลี่เฉินมองไปที่สวีฉังชิง และพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้ตำแหน่งเสนาบดีกรมครัวเรือนขาดคน ข้าได้วางโอกาสไว้ตรงหน้าเจ้าแล้ว หากเจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้เป็นเสนาบดีคนต่อไป แต่ถ้าหากจัดการได้ไม่ดี ข้าแทนที่ด้วยคนอื่น เจ้าเข้าใจความหมายหรือไม่?”สวีฉังชิงใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาคุกเข่าเสียงดัง “กระหม่อม เต็มใจทำเพื่อฝ่าพระบาท!”ตั้งแต่สมัยโบราณผลประโยชน์มักจะดึงดูดใจผู้คนเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นตำแหน่งผู้นำกรมคนหนึ่ง หัวหน้ากรมครัวเรือนมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินและอาหารของประเทศ มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้หลังจากส่งสวีฉังชิงออกไป ก่อนที่หลี่เฉินจะจิบชา ซานเป่าก็มาถึง“ฝ่าบาท หน่วยบูรพาได้รับข่าวว่า ทูตของเซียนเฉามาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และกำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง โดยสัญญาว่าจะทำกำไรมหาศาล และต้องการกระตุ้นให้จักรวรรดิส่งกองกำลังไปยังเซียนเฉา เพื่อ แก้ปัญหาวิกฤติจากการถูกตงอิ๋งรุกราน”รายงานของซานเป่าทำให้หลี่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ สถานการณ์ในเมืองหลวงมีความซับซ้อนอยู่แล้ว และกองกำลังต่างๆ ล้วนปะปนกัน เพียงแค่กระต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 12

    เฉินจิ้งชวนที่หมอบอยู่ที่พื้นก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา เขากัดฟันตอบไปว่า “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อม...”“ตามระเบียบมารยาทของต้าฉิน พ่อค้าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ประตูบ้านสูงไม่เกินสามเมตร ขั้นบันไดมีเพียงแค่สี่ขั้น จำนวนตะปูที่ประตูต้องไม่เกินสามสิบหกตัว และไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของที่ดินในเมืองหลวง เฉินจิ้งชวน เจ้ากำลังเหยียบย่ำระเบียบมารยาทของต้าฉิน และปฏิบัติต่อมันเหมือนไม่มีค่างั้นหรือ?”หลี่เฉินพูดขัดคำพูดของเฉินจิ้งชวนด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแม้ว่าน้ำเสียงของคำพูดเหล่านี้จะไม่แยแส แต่ก็แฝงเจตนาฆ่าที่เย็นชาท่ามกลางจิตสังหาร องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าตราบใดที่องค์รัชทายาทออกคำสั่ง ทุกคนในตระกูลเฉินก็จะกลายเป็นเนื้อบดทันทีเฉินจิ้งชวนรู้สึกหวาดกลัว เขาทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษา และขอให้เขาเพิกเฉยต่องานเลี้ยงขององค์รัชทายาท เพราะไม่อยากอยู่คั่นกลางระหว่างองค์รัชทายาทและราชสำนัก พวกเขาไม่อยากตกเป็นเหยื่อท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจของเชื้อพระวงศ์และขุนนางแม้ว่าเมื่อราชวงศ์นี้ก่อตั้งขึ้นไม่มีใครกล้าก้าวข้ามระเบียบมารยาท แต่ตอนนี้ราชวงศ์นี้มีมานานกว่า 200 ปีแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 13

    สองคำที่เย็นชา จิตสังหารพุ่งพรวดราวกับปรอทตกลงบนพื้นดวงตาของเฉียนฮั่นเบิกกว้าง เขาหายใจเข้าลึก ๆ จนลืมหายใจออกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่เฉินจะกล้าหาญเพียงนี้และต้องการจะสังหารเขาทันทีสำหรับองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ในสายตามีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ไม่สนใจเหล่าขุนนางระดับสูง ภารกิจของพวกเขา ขุนนางระดับสูงคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกเขาหลังจากได้รับคำสั่งของหลี่เฉิน องครักษ์เสื้อแพรทั้งสองก็ชักดาบออกมาทันที และภายใต้แสงดาบส่องประกาย เสียงกรีดร้องของเฉียนฮั่นดังโหยหวนราวกับเสียงผีร้อง เลือดสาดกระจาย เฉียนฮั่นถูกฟันล้มลงกับพื้น ทว่าการขัดขืนและร้องโหยหวนของเขา กลับแลกมากับแสงดาบที่รุนแรงยิ่งขึ้นท้ายที่สุดแล้ว เสียงร้องโหยหวนของเฉียนฮั่นก็อ่อนแอลง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดในวินาทีสุดท้ายของจิตสำนึก เขาได้ยินเพียงเสียงของหลี่เฉินอันเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับเทพเจ้าเหนือสวรรค์ทั้งเก้าและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง“ข้าน้อยเฉียนฮั่น ในฐานะขุนนางรับส่งสารแห่งสำนักสารบรรณกลาง ขุนนางขั้นสามระดับสูงของราชสำนัก มิได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ลืมคำสอนของบรรพชนผู้ทรงภูมิปัญญา มิได้จงรักภักด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 14

    “ท่านราชเลขาธิการ องค์รัชทายาทอายุน้อยไฟแรงกล้า บุ่มบ่ามเหลือเกิน ท่านในฐานะราชเลขาธิการ ต้องห้ามมิให้องค์รัชทายาทบังอาจเช่นนี้”ต้าหลี่ซื่อชิงซุนปั๋วหลี่เอ่ยด้วยความฉุนเฉียวด้านข้าง เถิงไหวอี้แห่งกรมยุติธรรมก็เอ่ยปาก “ใต้เท้าซุนพูดถูกต้องแล้ว ราชสำนักให้ความสำคัญกับราชเลขาธิการ หากปล่อยให้องค์รัชทายาทหนุ่มน้อยสร้างความวุ่นวายต่อไป คิดดูสิว่าเมื่อวันหนึ่งฮ่องเต้ทรงหายประชวรขึ้นมา แล้วได้เห็นสภาพเมืองหลวงที่วุ่นวาย ราษฎรโกรธแค้น ต้องทรงพิโรธจนล้มป่วยอีกแน่ ท่านราชเลขาธิการ ยามนี้เราคงต้องหาทางจัดการกับองค์รัชทายาทหนุ่มน้อยเสียแล้ว” จ้าวเสวียนจีหลับตาลงชั่วครู่ แล้วเอ่ยกับมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่หวังเถิงฮ่วนที่เป็นขุนนางในสำนักราชเลขาธิการและกำลังก้มศีรษะดื่มน้ำชาด้วยเสียงราบเรียบ “สหายหวัง ท่านคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้”หวังเถิงฮ่วนวางถ้วยน้ำชาลงเบาๆ และตอบว่า “องค์รัชทายาทยังทรงพระเยาว์ เพิ่งเริ่รับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทราบเพียงใช้อำนาจเอาชีวิตคน แต่ทรงไม่เข้าใจว่าเบื้องหลังของอำนาจนั้น

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 15

    นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวชิงหลานเริ่มจับมือของหลี่เฉิน และเขาค่อย ๆ บีบผิวอันอ่อนนุ่มของจ้าวชิงหลานแล้วเอ่ยว่า “ฮองเฮามีแผนเช่นไร”จ้าวชิงหลานหักมือของเขาออกและพบว่าไม่อาจสลัดทิ้งได้ จึงเพิกเฉยต่อการกระทำที่เอาเปรียบของ หลี่เฉิน แล้วรีบเอ่ยว่าอย่างลาลาน “เหตุใดองค์รัชทายาทไม่ยอมละการสำเร็จราชการแทนไว้ก่อน เพราะราชสำนักตรงหน้าเจ้าก็ยังไม่คุ้นเคย เรียนรู้อยู่ข้างกายราชเลขาธิการไปก่อน รอถึงเวลาอันเหมาะสม ราชเลขาธิการย่อมคืนอำนาจให้ท่านรักษาการแทน” หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวชิงหลานจะคิดถึงเขาในยามนี้ เขาได้ยินคำพูดของนางก็มิได้โกรธเคือง เพียงเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ฮองเฮาช่างเป้นลูกสาวที่ดีของตระกูลจ้าวเสียจริง ๆ เจ้าคิดทุกอย่างเพื่อราชเลขาธิการ เจ้าบอกว่านี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย จริง ๆ แล้วต่างจากการที่ข้าถูกปลดตรงไหนหรือ”จ้าวชิงหลานขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “แล้วแผนขององค์รัชทยาทคืออะไร”“ข้าจะทำอะไร พูดกับเจ้า มิใช่เท่ากับบอกราชเลขาธิการหรอกหรือ”หลี่เฉินหัวเราะจาง ๆ ยกมือขึ้นแล้วกอดเอวของจ้าวชิงหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา และเอ่ยประชิดหูของนาง “ในเมื่อพ่อของเจ้าเนรคุณ ถ้าเช่นนั้นข้า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 16

    เมื่อเห็นว่าองค์ชายเก้ากำลังจะเปิดม่านประตูและความลับระหว่างนางกับหลี่เฉินจะถูกเปิดเผย จ้าวชิงหลานก็รู้สึกว่าลมหายใจหยุดลงชั่วขณะหากองค์ชายเก้าเห็นฉากตรงหน้าขึ้นมาจริง ๆ นางและหลี่เฉินจะทำอะไรได้อีก นอกจากสังหารเขาและปิดปากเขาเล่าหลี่เฉิน หลี่เฉิน!จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินด้วยความตื่นตระหนก โดยหวังว่าเขาจะหาทางหยุดองค์ชายเก้าได้นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งนางจะต้องพึ่งพาหลี่เฉินเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาทว่าหลี่เฉิน...ในยามนี้ มือของเขากลับไม่หยุด แต่ปลดสายรัดหน้าท้องของชุดชั้นในจ้าวชิงหลานออกดวงตาของจ้าวชิงหลานเบิกกว้างขณะที่รู้สึกว่าร่างกายคลายตัวขณะนี้ นางสงสัยจริง ๆ ว่าหลี่เฉินคือคนบ้ากามกลับชาติมาเกิดนางมีความคิดที่จะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและต่อสู้กับไอ้สารเลวผู้นีให้รู้แล้วรู้รอดตายไปด้วยกัน!ด้านนอก มือขององค์ชายเก้าได้ยื่นผ่านม่านประตูออกมาแล้ว เพียงแต่ต้องยกขึ้นเพื่อดูทุกสิ่งในห้องพักทันใดนั้น จ้าวชิงหลานรู้สึกถึงความเบาบนร่างกายของนาง และหลี่เฉินก็ลงจากร่างกายของนางจริง ๆฉะนั้น เมื่อองค์ชายเก้าเปิดม่านประตู เขาเห็นฮองเฮานอนอยู่บนตั่งนอนด้วยใบหน้าแดงก่ำและความลำบาก

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status