Share

บทที่ 8

“เฮ่อชินอ๋องฉินอ้าว? เสด็จอาของข้าหรือ?”

ฉินอวิ๋นฟานต้องมีความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นี้อยู่แล้ว เขาคืออนุชาลำดับที่สิบสามของอดีตฮ่องเต้ คือผู้ที่ทำตัวไม่โดดเด่นที่สุด แทบจะไม่ยุ่งงานราชกิจเลย ขณะอดีตฮ่องเต้ชิงบัลลังก์ เขาคือผู้พิทักษ์ที่ภักดีที่สุดของอดีตฮ่องเต้

หลังจากอดีตฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ เขาถอยไปอยู่เบื้องหลัง ใช้ชีวิตปลดเกษียณ

“ถ้าข้าจำไม่ผิด ยี่สิบปีก่อนถังเจิ้นไห่น่าจะเป็นรองแม่ทัพคนหนึ่งในกระโจมของเฮ่อชินอ๋อง ถ้าบอกว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ข้าไม่เชื่อหรอก”

อู่จ้านกล่าวอย่างหนักแน่น

“อื่ม! เป็นข้า ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”

คงเพราะการจัดระเบียบขั้วอิทธิพลในเวลานี้ หัวของฉินอวิ๋นฟานจึงแทบจะระเบิด ทางแจ้งมีสองใหญ่ ทางลับยังมีผู้แข็งแกร่งน่ากลัวอีกคนหนึ่ง

ฉินอวิ๋นฟานถาม “แล้วพวกเราเล่า?”

“หือ...พวกเรา?”

อู่จ้านส่ายหน้าด้วยความจนใจ เอ่ย “พวกเราไม่มีอะไรเลย ไร้รากฐาน ไร้ความสามารถ ได้แต่พึ่งพาตัวเองแล้ว”

“แย่ แย่เช่นนี้เชียวหรือ?”

ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก นี่มันจะทุเรศไปแล้วมั้ง? เป็นถึงรัชทายาทในรัชกาลปัจจุบัน แต่ไม่มีคนสนับสนุนเลยเนี่ยนะ?

“ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”

อู่จ้านกล่าวอย่างจนปัญญา “ก่อนที่อดีตฮ่องเต้จะชิงบัลลังก์เคยทำการแลกเปลี่ยนกับต้าเหลียง ต้าเหลียงจะส่งทหารมาช่วยเสด็จพ่อของท่าน ถ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วจะต้องแต่งตั้งมารดาของท่านเป็นฮองเฮา และแต่งตั้งท่านเป็นรัชทายาท มิเช่นนั้นด้วยสภาพการณ์ของท่านในตอนนี้จะถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทได้ยังไง?”

ฉินอวิ๋นฟานทำหน้าจนใจ สถานการณ์ลำบากกว่าที่คิดมาก

“ฉิบหาย เปิดเกมมาก็เป็นโหมดนรกแล้วเหรอะ!”

ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าปั้นยาก หน้าดำคร่ำเครียดถาม “ในราชสำนักมีคนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือไม่?”

“ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด...ก็มีอยู่คนหนึ่งเหมือนกัน ไท่เว่ย[footnoteRef:1]ระดับหนึ่งชั้นเอก หนึ่งในซันกง[footnoteRef:2] เขาไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องศึกระหว่างองค์ชายเลย อ้างป่วยอยู่บ้านครึ่งปีกว่าแล้ว” [1: เทียบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือสมุหกลาโหมในปัจจุบัน] [2: ขุนนางตำแหน่งสูงสุดในราชสำนักซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย]

อู่จ้านส่ายหน้าเอ่ย “ท่านคิดจะดึงเขามาเป็นพวกหรือ มันไม่มีความหวังหรอก เลิกคิดให้เร็วเถิด!”

“เช่นนั้นหรือ? ทำไมเล่า?”

“เขาแหนงหน่ายศึกในราชสำนักมานานแล้ว อีกอย่าง เขาปฏิเสธพวกองค์ชายใหญ่ องค์ชายรองอย่างชัดเจน แทบจะไม่มีท่าทีว่าจะหวนคืนสักนิด ท่านคิดว่าท่านมีคุณสมบัติ มีข้อได้เปรียบอะไรให้เขากลับราชสำนัก อยู่ฝ่ายของท่านได้เล่า?”

“แล้วเขาไม่มีจุดอ่อนอะไรเลยหรือ?”

“มี จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวก็คือลูกสาวของเขา ลูกสาวแทบจะเป็นชีวิตของเขา”

“อ้อ? นี่ยังไม่ง่ายหรือ!”

ฉินอวิ๋นฟานกระหยิ่มใจยิ้มพูด

“เอ่อ รัชทายาท จะวางแผนกับลูกสาวไท่เว่ยไม่ได้นะขอรับ ไม่อย่างนั้นเขาอาจเอาชีวิตท่านได้”

อู่จ้านเห็นท่าทีจะเอาให้ได้ของฉินอวิ๋นฟาน บ่งบอกว่าเขามีแผนการชัดเจน แต่เขาไม่รู้ว่าไท่เว่ยรักและปกป้องบุตรสาวอย่างไร ใครกล้าแตะต้องนาง เขาจะสู้ตายกับคนผู้นั้นแน่นอน

“เฮ้ย! โหดอย่างนั้นเลยหรือ?”

ฉินอวิ๋นฟานกระตุกเล็กน้อย ตาแก่นี่กล้าหาญอย่างนี้เลย? เพื่อลูกสาวสละได้แม้แต่ชีวิต? นี่ชักจะยุ่งแล้วสิ...ดีไม่ดีจะเสียหลักได้

“ให้ตายเถอะ สงสัยพวกเราจะมาถึงขั้นจนตรอกแล้วสิ”

ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใจร้อนรุ่ม

“แต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นเสียทีเดียวขอรับ”

ราวกับอู่จ้านคิดอะไรขึ้นมาได้ “ข้าเคยเป็นหัวหน้าค่ายทานหลางมาก่อน พี่น้องที่นั่นไม่เลวทีเดียว ตั้งแต่ข้าถูกย้าย พี่น้องข้าก็ขึ้นเป็นหัวหน้าค่ายแทน เวลานี้ถูกองค์ชายใหญ่ทำจนไม่เป็นท่า ถ้าข้าไปเจรจาดี ๆ สักหน่อย พวกเขาอาจเข้าพวกกับรัชทายาทก็ได้”

“อ้อ?”

ฉินอวิ๋นฟานดวงตาเป็นประกาย “ไม่ต้องหรอก ข้าจะไปโน้มน้าวพวกเขาด้วยตัวเอง!”

“แต่ภารกิจสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรับมือกับการประลองในสามวันให้หลัง ข้าต้องชนะการประลองรอบนี้และแต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจึงจะดี ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ว่ามาก็คือเสียเปล่า!

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยถาม “ท่านรู้จักช่างตีเหล็กที่ดีที่สุดในต้าเฉียนว่าเป็นใครหรือไม่?”

“ช่างตีเหล็กหรือ? ตอนนี้เป็นช่วงสงคราม ช่างตีเหล็กจึงเป็นอาชีพที่มีอยู่น้อยมาก พวกที่ขึ้นชื่อหน่อยจะถูกขั้วอิทธิพลใหญ่ดึงเข้าพวกไปหมด ช่างตีเหล็กดี ๆ ไม่ตกมาถึงพวกเราหรอก”

อู่จ้านส่ายหน้าพูด “แต่ข้ากลับรู้จักคนหนึ่งที่ฝีมือดีมาก เชี่ยวชาญงานไม้กับการทำเครื่องสำริดจำนวนหนึ่ง แถมยังมีอาจารย์ดีอีก เป็นหนึ่งในสิบศิษย์เด่นล้ำของหลู่กง”

“แต่คนผู้นี้ยโสดื้อรั้น ขนาดพวกองค์ชายใหญ่ไปเชื้อเชิญให้เขาเข้าร่วมด้วยไมตรีเองยังถูกปฏิเสธหมด ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติใคร ถ้าท่านสนใจข้าจะพาท่านไปลองดูก็ได้”

“หลู่กง? ใช่คนที่ชื่อว่ากงซูปันหรือเรียกว่าหลู่ปัน[footnoteRef:3]ไหม?” [3: ช่างฝีมือสมัยจั้งกว๋อ]

ฉินอวิ๋นฟานถามด้วยความฉงนเล็กน้อย

ในความทรงจำของเขา คนที่สามารถทำของพวกนี้ มีชื่อเสียงมากและแซ่หลู่มีแค่หลู่ปันเท่านั้น เป็นตัวตนที่ระดับตำนานในสมัยโบราณเลยทีเดียว

“เอ่อ ถูกต้อง ท่าน ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ?”

อู่จ้านอึ้งเหมือนกัน หลู่กงมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วแผ่นดิน แต่คนที่รู้จักชื่อจริงของเขามีไม่มาก อีกทั้งรัชทายาทอยู่ในวัง น่าจะไม่รู้เรื่องราวภายนอกจึงจะถูก

“เคยได้ยินมานิดหน่อยน่ะ!”

ฉินอวิ๋นฟานตกตะลึงสุดขีด คิดไม่ถึงว่าหลู่ปันในโลกคู่ขนานนี้จะเหมือนกับหลู่ปันในประวัติศาสตร์เกือบหมด ฝีมือประณีตเยี่ยมยอด ชวนให้คนถอดถอนใจเมื่อพบเห็น

“ได้เวลาแล้ว อาจ้าน พวกท่านไปเจอคนผู้นี้กับข้าหน่อยเถอะ”

ฉินอวิ๋นฟานมุ่งหน้าออกจากวังพร้อมอู่จ้านและเฉินม่อ!

หน้าประตูร้านแกะสลักเจี้ยงซิน ชายคนหนึ่งเล่นของเล่นอยู่ในมือผ่อนคลายสบายใจ ติดพันไม่อยากวาง อู่จ้านเดินเข้าไปคำนับและทักทายขึ้นว่า “ท่านหลู่หนี ไม่ทราบว่าพอมีเวลาหรือไม่?”

ชายผู้มีนามว่าหลู่หนีชายตามองมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างไม่แยแส “มีอะไร? ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่ง?”

“เอ่อ...”

อู่จ้านรู้สึกพูดไม่ออกทันที มองฉินอวิ๋นฟานด้วยสีหน้าอีหลักอีเหลื่อ

ฉินอวิ๋นฟานโบกมือเป็นการบอกให้เขาออกไปก่อน เห็นเพียงเขาเดินขึ้นหน้าสองก้าว ยกมือแล้วตบผัวะเข้าให้!

ซี้ด...

เสียงดังชัดแจ๋วแว๋ว แถมยังออกแรงเต็มกำลัง ตบหลู่หนีหงายหลังนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นไปเลย

หลู่หนีเดือดดาลเดี๋ยวนั้น เป่าหนวดถลึงตาตะคอก “เจ้ามารดามันเป็นใครถ้ากล้าตบคนไปเรื่อยอย่างนี้? อยากตายหรือ?”

“รัชทายาทต้าเฉียนผู้ว่าราชการแผ่นดินฉินอวิ๋นฟาน!”

ฉินอวิ๋นฟานเผยชื่อเสียงเรียงนามของตัวเองออกมาโดยตรง

“รัชทายาทโง่งมของต้าเฉียนนั่นน่ะนะ?”

หลู่หนีทำหน้าทึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยความฉุนเฉียว “เป็นรัชทายาทแล้วยังไง? เป็นรัชทายาทก็ตบคนตามอำเภอใจต่อหน้าสาธารณชนได้หรือ? ยังมีกฎหมายอยู่ไหม?”

อู่จ้านอยู่ข้าง ๆ อึ้งไปเลย หลู่หนีคือศิษย์ของคนมีชื่อเสียงนะ แถมยังโด่งดังระดับหนึ่งในต้าเฉียนด้วย นี่รัชทายาทมอบฝ่ามือให้เขาเลยหรือ?

นี่จะมาไม้ไหนเนี่ย?

“ที่ข้าตบเจ้าก็เพราะเจ้าสมควรโดนแล้ว ท่านกงซูปันมีลูกศิษย์อย่างเจ้าได้ ข้าล่ะเสียใจแทนเขาจริง ๆ!”

ครั้นฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมาก็ทำเอาหลู่หนีงงงวยไปเลย นี่เขาทำอะไรผิดหรือ ทำไมต้องยกอาจารย์ของเขาออกมาอ้างด้วย? เขาไม่เข้าใจเลยว่ารัชทายาทตรงหน้าจะมาไม้ไหนกันแน่

“ข้า ข้า ข้าทำไม?”

หลู่หนีชักหวั่น ๆ อย่างไม่มีเหตุผล ถามด้วยหน้าฉงน

“อาจารย์ของเจ้าตรากตรำตั้งใจศึกษา พัฒนางานฝีมือและทักษะการหลอมเครื่องสำริดไม่หยุดหย่อน สร้างความอัศจรรย์ให้กับคนรุ่นหลัง เป็นผู้ที่เป็นดั่งเทพนิยายในใจคน”

ฉินอวิ๋นฟานตวาด “แล้วเจ้าล่ะ? วัน ๆ เอาแต่อ้างชื่อของท่านกงซูหากินรอวันตาย ย่ำอยู่กับที่ ไม่คิดก้าวหน้า แล้วยังทำเป็นเก่งทั้งวัน เจ้าคิดว่าเจ้าสมควรโดนตบหรือไม่?”

“ข้า ข้าเป็นเช่นนั้นหรือ?”

หลังจากตวาดตำหนิไปคำรบหนึ่ง หลู่หนีมึนอย่างสมบูรณ์ หากเทียบกับผลงานของอาจารย์ เขารู้สึกว่าตัวเองสู้ไม่ได้จริง ฝีมือทั้งหมดล้วนเป็นมาจากพื้นฐานของอาจารย์

ย่ำอยู่กับที่...หากินรอวันตาย...ข้าเป็นเช่นนั้นหรือ?

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status