ภูริทัตยืนจ้องหญิงสาวตรงหน้าตาค้าง
“ฉันฝันไปรึเปล่าเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอเธอที่นี่”
น้ำตาลยืนเงียบ ไม่รู้ว่าจะพูดหรือตอบอะไร เพราะตอนนี้ในหัวสมองเธอมีคำเดียวคือต้องรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ยังไม่ทันที่สมองจะได้สั่งการ เธอฉวยมือน้องสาวแล้วรีบหันหลังหนีทันที
“เดี๋ยวก่อนตาล เธอจะไปไหน” ภูริทัตร้องเรียกและรีบเดินไปดักหน้า
น้ำตาลหยุดเดิน จำใจต้องยอมเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“นายมีอะไร”
“เปล่า ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ” เขารีบตอบ กลัวว่าเธอจะหันหลังหนีอีก
ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งครู่หนึ่ง เกิดคำถามและคำพูดมากมายที่อยากเอ่ยออกไป แต่สุดท้ายกลับทำได้เพียงเงียบ พูดไม่ออก
“เอ่อ…เธอเปลี่ยนทรงผม” ภูริทัตเอ่ยทำลายความเงียบ สิ่งที่อยากพูดอยากถามกลับไม่ถูกเอ่ยออกมา
เขาพูดถูก เมื่อสามปีก่อนเธอไว้ผมยาวตรง แต่ตอนนี้เธอตัดผมสั้นประบ่าและไว้ผมหน้าม้า ถ้าหากว่าสถานการณ์แตกต่างไปน้ำตาลย่อมจะทักเขาด้วย เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ผมเขายาวขึ้น หุ่นล่ำขึ้น โดยรวมคือดูดีขึ้นจากเดิมที่ดูดีอยู่แล้ว
“ตาลเธอหายไปไหน เธอรู้มั้ยว่าสามปีมานี้พวกฉันพยายามตามหาเธอแค่ไหน พี่ภู…” เมื่อประโยคแรกได้พูดออกไปแล้วหลังจากความตกตะลึง ภูริทัตจึงค่อยสามารถจะพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด แต่ถูกหญิงสาวขัดไว้
“หยุดทัต ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ นายเลิกยุ่งกับฉันเถอะ” บอกพร้อมจูงน้องสาวเดินหนี
“ตาล เธอจะเดินหนีฉันแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วฉันก็แกล้งทำเป็นไม่เคยเห็นเธอแบบนี้ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน” ภูริทัตเดินตามมา
“ได้สิ ทำไม่จะไม่ได้” เธอไม่ยอมหยุดเดิน
“ตาลหยุด!” ภูริทัตรั้งแขนหญิงสาวไว้ทำให้เธอต้องหยุดแล้วหันกลับมาจ้องหน้าเขา “เธอคุยกับฉันหน่อยได้มั้ย ขอร้องล่ะ ฉันจะไม่พูดถึงพี่ภูก็ได้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
“ทัตคือฉัน…” ชื่อนั้นทำให้น้ำตาลหันมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง
“พี่ภูไม่ได้มาด้วย สบายใจได้ เพราะฉะนั้นเธอจะคุยกับฉันหน่อยได้มั้ยตาล”
น้ำตาลมองชายหนุ่มพลางครุ่นคิด เธอถอนหายใจ “โอเค แต่เดี๋ยวเดียวนะเพราะฉันกำลังจะกลับแล้ว”
คนเป็นน้องหน้าเสียแทนเพราะพวกเธอเพิ่งจะมา และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ไม่คิดจะขัดพี่สาว
ภูริทัตมองสองสาวแล้วส่ายหน้า “ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ ไปกินข้าวกลางวันกับฉันหรือว่าจะให้ฉันโทรหาพี่ภู”
น้ำตาลจ้องด้วยสายตาไม่พอใจ “นายกล้าขู่ฉันเหรอ”
“จะลองดูมั้ยล่ะ” แกล้งทำท่าหยิบมือถือจากกระเป๋าเพราะเห็นว่าเธออ่อนลงแล้ว
“ทัต นายไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้” น้ำตาลเสียงแข็ง เริ่มโมโหเพราะเธอเป็นคนที่เกลียดการถูกบังคับที่สุด
“เธอจะกลัวอะไรนักหนาแค่ไปกินข้าวกับฉันเนี่ย เราสองคนเคยเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ แถมยังสนิทมากด้วยก่อนที่เธอจะแต่งงานกับพี่ภู ฉันแค่อยากคุยกับเธอจริง ๆ นะตาล”
“ฉันไม่ได้กลัวแต่ไม่มีอะไรที่เราต้องคุยกัน” ความจริงแล้วเธอกลัว
“ตาล” ภูริทัตกดดันแกมขอร้อง
“แต่ฉันไม่ได้มาคนเดียว” น้ำตาลคิดหาข้ออ้าง
ภูริทัตเลื่อนสายตามายังหญิงสาวอีกคนที่ยืนข้างกัน เขาสังเกตเห็นเธอนานแล้วแต่การยื้อน้ำตาลให้อยู่สำคัญกว่า
“นี่น้องสาวเธอใช่มั้ย ฉันว่าเธอก็คงหิวแล้วเหมือนกัน”
“พี่ตาล” น้ำหวานดึงมือพี่สาวเบา ๆ
“หวัดดี ฉันชื่อทัต เราเคยเจอกันเมื่อสามปีก่อน ไม่รู้ว่าเธอจำได้มั้ย”
น้ำหวานมองหน้าชายหนุ่มรูปหล่อที่ดูท่าว่าจะเป็นเพื่อนของพี่สาวแล้วคลับคล้ายคลับคลา
สองปีต่อมาภูริวัฒน์นอนตะแคงข้าง มองผู้หญิงสองคนที่เขารักที่สุดในโลก คนหนึ่งคือภรรยาที่กำลังนอนคว่ำหน้าหมดแรง เนื่องจากเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก และอีกหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนางฟ้าตัวน้อยของเขา น้องดาหวัน ซึ่งกำลังหลับปุ๋ยอยู่ระหว่างพ่อและแม่ ในมือกอดขวดนมไว้หลวม ๆ เขาอดใจไม่ไหวยื่นนิ้วออกไปเกลี่ยแพขนตางอนหนาของเจ้าตุ๊กตาตัวน้อย ไม่ได้อยากทำให้ตื่น แต่ทนต่อความน่ารักไม่ไหวจริง ๆไม่มีคำไหนมาบรรยายความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เลย ตอนนี้ชีวิตเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาอิ่มเอมอย่างที่สุด มีทั้งภรรยาที่รัก และลูกสาวที่น่ารัก นอกจากนี้ แม่เขาก็เปิดใจรับน้ำตาลมากขึ้น หลังจากเกิดเรื่องราวในคืนนั้น แม่กับน้ำตาลแม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบเมื่อก่อน เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ยอมละทิฐิตัวเองลงไปได้บ้างไม่กี่นาทีถัดมา น้ำตาลรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอหยีตาก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตา“พี่ภูตื่นแล้วเหรอคะ” ถามพร้อมบิดขี้เกียจ
อายุครรภ์ของน้ำตาลล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ยี่สิบสอง หน้าท้องของเธอตอนนี้นูนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ชัดขึ้นแล้ว และสิ่งที่น่ายินดีคือเธอรู้เพศของลูกแล้ว เธอกับภูริวัฒน์กำลังจะมีลูกสาว ตอนนี้เธอรับรู้การเคลื่อนไหวของแกบ่อยขึ้น น้ำตาลจำได้ว่าครั้งแรกเธอกลัวมาก เธอรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรขยับในท้อง ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอันตรายจึงตื่นตระหนก“พี่ภูคะ!” เธอตะโกนเรียกสามีเสียงดังภูริวัฒน์รีบมาหาเธอทันทีโดยที่พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวเท่านั้น ผมมีน้ำหยดติ๋ง ๆ หน้าตาเขาตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้นตาล”“ตาลไม่รู้”เธอมองหน้าเขา แล้วยกมือวางที่หน้าท้อง “ตาลรู้สึกแปลก ๆ ข้างใน”สามีหนุ่มนั่งลงหน้าภรรยา เขาวางมือลงบนหน้าท้องเธอ ทั้งคู่เฝ้ารอจนกระทั่งความรู้สึกแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง“พี่ภู” น้ำตาลบอกให้เขารู้รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
คุณหมอขยับเครื่องมือไปตามหน้าท้องของน้ำตาลเพื่อหาจังหวะการเต้นของหัวใจของทารกในท้อง เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปหมด รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวลมากแต่ก็อดไม่ได้ ส่วนภูริวัฒน์ยืนอยู่ด้านข้าง จับมือเธอไว้ขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ในที่สุดก็ปรากฏภาพทารกที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ ซึ่งหมอบอกว่าอายุประมาณเก้าสัปดาห์ น้ำตาลแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้เห็นภาพเจ้าตัวเล็กครั้งแรก ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก เมื่อคุณหมอขยับเครื่องมือ ก็เกิดเสียงดังตุบ ๆ ๆ คุณหมอสาวยิ้มให้“นี่เสียงหัวใจค่ะ” เธอบอกภูริวัฒน์มองหน้าภรรยาพร้อมกับบีบมือ ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดี มันตื่นเต้นตื้นตันเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พอตรวจเสร็จคุณหมอสั่งปรินต์รูปอัลตราซาวด์เจ้าตัวเล็กให้ จากนั้นพยาบาลก็นำมาให้พร้อมกับทำความสะอาดหน้าท้องคนไข้ เสร็จแล้วภูริวัฒน์ก็ช่วยพยุงภรรยาขึ้นจากเตียง“ทั้งแม่และเด็กแข็งแรงดีค่ะ” คุณหมอบอก
น้ำตาลยืนเอามือยันกับผนัง ชะโงกหน้าเหนือชักโครกและรอ แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง เธอเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว รู้สึกอยากอาเจียน เธอเลยรีบมาที่ห้องน้ำ แต่พอมาถึง โก่งคออาเจียนกลับมีแต่น้ำลายเหนียว ๆ ทำเอาเธอเหนื่อยและเพลียมาก เธออยากให้อาการนี้หายไปสักที สุดท้ายเธอตัดสินใจนั่งลงที่พื้น รู้ว่าถ้ากลับไปนอนพัก อย่างไรเดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก แต่เมื่อนั่งรอไปได้สักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะอาเจียนต่อจึงลุกกลับไปนอน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น เธอนึกแปลกใจเพราะว่าตอนนี้ใกล้จะตีสี่เข้าไปแล้ว ใครจะโทรมาเวลานี้ เธอควานมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หัวใจเธอเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เพียงแค่เห็นก็รู้สึกอบอุ่นใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ“พี่ภู”“ตาล พี่ปลุกตาลรึเปล่า” รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลานอนแต่ทนคิดถึงไม่ไหว ทั้งยังตื่นเต้นที่กำลังจะได้เจอ“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยจนคนฟังจับได้“ตาลไม่ได้นอนอยู่เหรอ เป็น
สองสัปดาห์ผ่านไปที่น้ำตาลภรรยาสุดรักกลับไปหลังจากที่เธอมาหาเขาพร้อมกับข่าวดี ภูริวัฒน์ยังคิดว่าตัวเองฝันไปที่กำลังจะมีลูก เขารู้สึกถึงช่วงเวลาสุดพิเศษ มีความสุข ยิ้มได้ทั้งวัน จนคนรอบข้างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่แน่นอนว่าเขาจะต้องบอกน้องชายกับแม่เร็ว ๆ นี้ตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง เขากับน้ำตาลอยู่ไกลกันคนละจังหวัด เขาเป็นห่วงเธอกับลูก อยากเจอ อยากไปหา ไปดูแล เพราะเธออยู่ในช่วงที่อารมณ์อ่อนไหวและต้องการการดูแลอย่างระมัดระวังที่สุด ผลสอบชิงทุนของน้ำหวานประกาศแล้ว สรุปว่าเธอได้รับทุนสมใจ จึงต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะจัดการเอกสารต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เดินทางไปเรียนที่ออสเตรเลียในอีกสี่เดือน เขาไม่อยากให้น้ำตาลอยู่ตัวคนเดียวในช่วงเวลานี้ เพราะเธอยืนกรานว่าจะไม่ย้ายมาอยู่กับเขาก่อนที่น้องจะเดินทาง“พี่ภูไม่ต้องมาหรอกค่ะ ตาลอยู่ได้” เสียงภรรยาตอบกลับเมื่อเขาบอกว่าจะไปอยู่กับเธอ“พี่อยากไปอยู่ใกล้ ๆ ตาลกับลูก”“แ
อาการดีใจของคนที่กำลังจะเป็นพ่อทำให้น้ำตาลน้ำตารื้น เธอรักเขา รักผู้ชายคนนี้ ผลลัพธ์ต่างจากที่เธอคาดเอาไว้มาก“ค่ะ เรากำลังจะเป็นพ่อแม่คน” น้ำตาลหัวเราะกับท่าทางดีใจเกินเหตุของเขาภูริวัฒน์ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นเสยผมแล้วเดินกลับไปกลับมา“พี่จะทำยังไงดีตาล พี่ไม่ยากแยกจากตาลเลย ให้พี่กลับไปพร้อมกับตาลได้มั้ย…”“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่ภู” น้ำตาลรีบขัด “ใจเย็นแล้วนั่งลงก่อนค่ะ พี่เดินไปเดินมาแบบนี้ตาลเวียนหัวนะ”เขาหันกลับมาแล้วคุกเข่าตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง“ตาลไม่รู้หรอกว่าพี่ดีใจขนาดไหน ตาลทำให้พี่เป็นผู้ชายที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกรู้มั้ย พี่อยากให้ตาลรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไง” น้ำเสียงชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจพูดย้ำไปย้ำมาน้ำตาลยิ้ม ยื่นมือออกไปแนบแก้มเขา “ตาลรู้ค่ะ ตาลดีใจที่ข่าวนี้ทำให้พี่มีความสุข”“ตาล พี่รักตาล”เขา