LOGINกว่าจะรู้ตัวว่าได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปก็ในวันที่สายไปแล้ว ทว่าในเมื่อฟ้าให้โอกาสได้เจอเธออีกครั้ง เขาจะต้องรั้งเธอไว้ด้วยทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
View More*****พูดคุยก่อนเริ่มเรื่อง*****
ความรักที่ต้องจำจากนั้นเจ็บปวดเสมอ เหมือนกับน้ำตาล นางเอกของเรื่องที่ตัดสินใจหนีหายจากสามีทั้งที่ยังรักเขาอยู่ หลังจากแต่งงานเธอย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับภูริวัฒน์ที่บ้านเขา แต่ด้วยความที่เขากำลังอยู่ในช่วงสร้างฐานะและครอบครัว ทำให้เวลาที่ได้อยู่กับภรรยาเริ่มน้อยลง และด้วยความที่เป็นลูกกตัญญู เขาจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างภรรยากับแม่ตัวเองที่รังเกียจเดียดฉันท์ภรรยาของเขามากเพียงใด น้ำตาลต้องอดทนทุกอย่างเพราะไม่อยากให้สามีลำบากใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ตัดสินใจที่เดินออกจากบ้านหลังนั้นและไม่คิดย้อนกลับมาอีกเลย
ปรียาดาตั้งใจเขียนเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งนำมาจากเหตุการณ์จริง ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คู่เคยประสบเหตุการณ์เดียวกัน ความไม่ลงรอยของแม่สามีกับลูกสะใภ้ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาคลาสสิก บางทีหนักหนาอย่างเช่นในเรื่องนี้ที่ทำให้นางเอกถึงกับตัดสินใจยอมไปเสียดีกว่า ทว่าพระนางของเรื่องยังโชคดีที่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ดังนั้นปรียาดาเชื่อว่า ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคน ความกตัญญูรู้คุณเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนเราต้องมีความหนักแน่น ยืดหยัดที่จะต่อสู้เพื่อครอบครัวของตัวเอง เมื่อนั้นจึงจะรักษาครอบครัวไม่ให้แตกสลายก่อนที่จะสายเกินไป
สุดท้ายนี้ ปรียาดาขอขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของปรียาดามาตลอด หวังหว่านิยายเรื่องนี้จะให้ความบันเทิงกับทุกท่าน หากใครกำลังมีปัญหาเหมือนในเรื่อง ขอให้กำลังใจมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เราจะสู้ไปด้วยกัน
*****************************************************************************************************
บทนำ
มีแต่คนเตือนว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนแต่งงาน แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือเธอรักเขา เพราะรักทำให้เธอไม่คิดที่จะไตร่ตรองใด ๆ ทั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าจะไม่มีวันแต่งงานก่อนอายุสามสิบ เพราะอยากใช้ชีวิตให้เต็มที่ ไปเที่ยว ไปสนุกกับบรรดาเพื่อนฝูง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกโยนทิ้งออกนอกหน้าต่างเมื่อเขาขอเธอแต่งงาน
ทุกคนเตือนเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมฟัง
สองปีต่อมาภูริวัฒน์นอนตะแคงข้าง มองผู้หญิงสองคนที่เขารักที่สุดในโลก คนหนึ่งคือภรรยาที่กำลังนอนคว่ำหน้าหมดแรง เนื่องจากเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก และอีกหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนางฟ้าตัวน้อยของเขา น้องดาหวัน ซึ่งกำลังหลับปุ๋ยอยู่ระหว่างพ่อและแม่ ในมือกอดขวดนมไว้หลวม ๆ เขาอดใจไม่ไหวยื่นนิ้วออกไปเกลี่ยแพขนตางอนหนาของเจ้าตุ๊กตาตัวน้อย ไม่ได้อยากทำให้ตื่น แต่ทนต่อความน่ารักไม่ไหวจริง ๆไม่มีคำไหนมาบรรยายความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เลย ตอนนี้ชีวิตเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาอิ่มเอมอย่างที่สุด มีทั้งภรรยาที่รัก และลูกสาวที่น่ารัก นอกจากนี้ แม่เขาก็เปิดใจรับน้ำตาลมากขึ้น หลังจากเกิดเรื่องราวในคืนนั้น แม่กับน้ำตาลแม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบเมื่อก่อน เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ยอมละทิฐิตัวเองลงไปได้บ้างไม่กี่นาทีถัดมา น้ำตาลรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอหยีตาก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตา“พี่ภูตื่นแล้วเหรอคะ” ถามพร้อมบิดขี้เกียจ
อายุครรภ์ของน้ำตาลล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ยี่สิบสอง หน้าท้องของเธอตอนนี้นูนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ชัดขึ้นแล้ว และสิ่งที่น่ายินดีคือเธอรู้เพศของลูกแล้ว เธอกับภูริวัฒน์กำลังจะมีลูกสาว ตอนนี้เธอรับรู้การเคลื่อนไหวของแกบ่อยขึ้น น้ำตาลจำได้ว่าครั้งแรกเธอกลัวมาก เธอรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรขยับในท้อง ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอันตรายจึงตื่นตระหนก“พี่ภูคะ!” เธอตะโกนเรียกสามีเสียงดังภูริวัฒน์รีบมาหาเธอทันทีโดยที่พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวเท่านั้น ผมมีน้ำหยดติ๋ง ๆ หน้าตาเขาตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้นตาล”“ตาลไม่รู้”เธอมองหน้าเขา แล้วยกมือวางที่หน้าท้อง “ตาลรู้สึกแปลก ๆ ข้างใน”สามีหนุ่มนั่งลงหน้าภรรยา เขาวางมือลงบนหน้าท้องเธอ ทั้งคู่เฝ้ารอจนกระทั่งความรู้สึกแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง“พี่ภู” น้ำตาลบอกให้เขารู้รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
คุณหมอขยับเครื่องมือไปตามหน้าท้องของน้ำตาลเพื่อหาจังหวะการเต้นของหัวใจของทารกในท้อง เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปหมด รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวลมากแต่ก็อดไม่ได้ ส่วนภูริวัฒน์ยืนอยู่ด้านข้าง จับมือเธอไว้ขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ในที่สุดก็ปรากฏภาพทารกที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ ซึ่งหมอบอกว่าอายุประมาณเก้าสัปดาห์ น้ำตาลแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้เห็นภาพเจ้าตัวเล็กครั้งแรก ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก เมื่อคุณหมอขยับเครื่องมือ ก็เกิดเสียงดังตุบ ๆ ๆ คุณหมอสาวยิ้มให้“นี่เสียงหัวใจค่ะ” เธอบอกภูริวัฒน์มองหน้าภรรยาพร้อมกับบีบมือ ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดี มันตื่นเต้นตื้นตันเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พอตรวจเสร็จคุณหมอสั่งปรินต์รูปอัลตราซาวด์เจ้าตัวเล็กให้ จากนั้นพยาบาลก็นำมาให้พร้อมกับทำความสะอาดหน้าท้องคนไข้ เสร็จแล้วภูริวัฒน์ก็ช่วยพยุงภรรยาขึ้นจากเตียง“ทั้งแม่และเด็กแข็งแรงดีค่ะ” คุณหมอบอก
น้ำตาลยืนเอามือยันกับผนัง ชะโงกหน้าเหนือชักโครกและรอ แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง เธอเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว รู้สึกอยากอาเจียน เธอเลยรีบมาที่ห้องน้ำ แต่พอมาถึง โก่งคออาเจียนกลับมีแต่น้ำลายเหนียว ๆ ทำเอาเธอเหนื่อยและเพลียมาก เธออยากให้อาการนี้หายไปสักที สุดท้ายเธอตัดสินใจนั่งลงที่พื้น รู้ว่าถ้ากลับไปนอนพัก อย่างไรเดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก แต่เมื่อนั่งรอไปได้สักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะอาเจียนต่อจึงลุกกลับไปนอน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น เธอนึกแปลกใจเพราะว่าตอนนี้ใกล้จะตีสี่เข้าไปแล้ว ใครจะโทรมาเวลานี้ เธอควานมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หัวใจเธอเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เพียงแค่เห็นก็รู้สึกอบอุ่นใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ“พี่ภู”“ตาล พี่ปลุกตาลรึเปล่า” รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลานอนแต่ทนคิดถึงไม่ไหว ทั้งยังตื่นเต้นที่กำลังจะได้เจอ“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยจนคนฟังจับได้“ตาลไม่ได้นอนอยู่เหรอ เป็น