แค่ก ๆ! “ทะท่านอ๋อง แค่ก ๆ ทะท่านทำอะไรกับข้าเนี่ย” เสียหวานเอ่ย ตัดพ้อเมื่อทะลึ่งตัวจากน้ำได้ บัดนี้หูตานางเองรู้สึกแสบไปหมด
“อาหลงท่านทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ชุดข้าเปียกไปหมดแล้ว” หนิงเยว่โวยวายอย่างนึกฉุน นี่นางอุตส่าห์จะมาปรนนิบัติเขาดี ๆ แต่นี่เขากับลงมือกับนางเช่นนี้ นางเป็นสตรีนะทำได้ยังไงกัน อันหนิงเยว่แม้จะลุ่มหลงเขาอยู่มากแต่ก็อดที่จะก่นด่าจวิ้นอ๋องเสียไม่ได้
“เจ้าอย่าได้บังอาจมาเรียกชื่อข้าสนิทสนมเช่นนี้ ข้ากับเจ้ามิได้คุ้นเคยกันขนาดนั้น” จวิ้นอ๋องพูดเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ
ทำเอาอันหนิงเยว่อดที่จะมีอารมณ์เดือดขึ้นมาเสียไม่ได้ คำพูดนี้ของ จวิ้นอ๋องช่างจี้ใจนางยิ่งนัก เขาพูดออกมาได้เช่นไรว่าไม่สนิทสนม หึ!
“เช่นนั้นรึ ที่ท่านกับข้าเคยจูบกัน ท่านเคยจับหน้าอกข้าอีกทั้งบีบมัน ท่านเคยลูบไล้ร่างกายของข้า เช่นนี้เรียกไม่สนิทสนม ไม่คุ้นเคยเช่นนั้นรึ หึ! ท่านอ๋องเกรงว่าท่านคงเลอะเลือนไปเสียแล้ว” เยว่เล่อเท้าสะเอวพูดตะคอกกลับยืดยาวจนต้องหอบหายใจ
“ฮ่า ๆ เด็กน้อยข้าหาใช่ชายไร้น้ำยา มีรึสตรีมายั่วยวนจะอดใจไม่แตะต้องได้ อย่าว่าแต่เจ้าเลยหากเป็นสตรีอื่นข้าก็ย่อมแตะต้อง”
“ไม่ได้นะ ข้าไม่ยอม! ใครหน้าไหนกล้ามายั่วยวนท่านเห็นทีคงต้องข้ามศพข้าไปก่อน” เยว่เล่อเผลอขึ้นเสียงนางเฝ้ามองมาตั้งนาน เช่นนั้นบุรุษที่นางหมายตาแล้วใครจะมาแย่งต้องข้ามศพนางไปก่อนเสียล่ะ
“หึ! เจ้ามีสิทธิ์อะไรเช่นนั้นรึเด็กน้อย ก็แค่...บุตรสาวอดีตแม่ทัพ” จวิ้นอ๋องอดที่จะขบขันกับสตรีตรงหน้าไม่ได้จนต้องเอ่ยออกมา นางตามรังควานเขามามากพอควรแล้วแต่ไม่ได้จัดการเด็ดขาดก็เพราะเห็นว่าเป็นเพียงดรุณีน้อย
“ชะเช่นนั้น ท่านเลยรังเกียจที่ข้าที่เป็นเพียงอดีตลูกสาวแม่ทัพเช่นนั้นรึ” เยว่เล่ออดที่จะน้อยใจไม่ได้ที่เขาทำท่าเหมือนรังเกียจนางนักหนา
“หึ!” เพียงท่าทางไม่ตอบเพียงแต่ครางในคอ นั่นก็ทำให้เยว่เล่อพอเดาออก นางเป็นลูกสาวอดีตแม่ทัพแล้วเช่นไร ในตอนนี้นางก็ถวายตัวให้ตำหนักไทเฮา
เช่นนั้นก็นับว่านางรับใช้ราชสำนักก็นับว่ามีตำแหน่งอยู่บ้าง หากคิดไปมาแม้จะเหมาะสมกับจวิ้นอ๋องไม่มากแต่ก็หาได้ด้อยไปไม่
“ท่านรังเกียจข้าขนาดนั้นเชียวรึ”
“ที่สุด”
“เพคะ”เยว่เล่อนั่งสนทนากับไทเฮา เมื่อเห็นเวลาว่าสมควรแล้วก็เอ่ยขอตัวปลีกออกมาแต่คล้ายดั่งสวรรค์กลั่นแกล้งนางรึไร เพียงหมุนตัวก็ประจันหน้ากับ จวิ้นอ๋องเข้าอย่างจัง เขายังคงรูปงามหล่อเหลา แววตายังเรียบนิ่งสงบ เยว่เล่อมองเพียงครู่ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพโดยมิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดอย่างที่ควรจะเป็น นางกลับทำตัวลีบคล้ายคนไม่คุ้นเคยกันเดินผ่านไป“หึ!” ท่าทางห่างเหินของนางทำให้จวิ้นอ๋องรู้สึกยุบยิบคันในใจพิกล ขบกรามแกร่งนึกชิงชังกับท่าทางของนางยิ่งนัก“เสด็จแม่”“อ้าวเฟยหลง”ทุกการกระทำของคนทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของไทเฮาทั้งหมด สตรีที่ผ่านการช่วงชิงอำนาจมาเหตุใดจะมองสองคนนี้ไม่ออก แต่ชั่งเถอะแล้วแต่บุพเพสวรรค์ก็แล้วกัน“เสด็จแม่ให้คนไปตามลูก”“อืม เห็นฝ่าบาททรงยุ่งเรื่องบ้านเมืองไม่กล้ารบกวน ข้าไม่รู้จะถามไถ่กับผู้ใดจึงได้เรียกเจ้ามา”“ฮึ” จวิ้นอ่องเผยยิ้มทรงเสน่ห์ทำเอาเหล่านางกำนัลในห้องต้องรีบก้มหน้างุดอย่างเขินอาย“เจ้าเจ็ดเห็นว่าถูกเจ้าส่งไปดูราชการนอกวังงั้นรึ”“ขอรับ”“เฮ้อ แล้วนี่จะกลับมาทันงานเลี้ยงวันพรุ่งรึไม่นี่”ไทเฮาลอบถอนหายใจ เป็นเช่นข่าวที่ได้ยินมา จวิ้นอ๋องนะจวิ้นอ๋องมัวแต่ป
สองนายบ่าวเดินลัดเลาะผ่านตำหนักน้อยใหญ่ ด้วยความที่ไม่ได้ออกเรือนเป็นเวลานานเสียหลายวัน อีกทั้งเรื่องที่ก่อไม่ใช่น้อย ๆ เหล่าสนมนางกำนัล ขันทีในวังต่างนำไปเล่าลือกันสนุกปาก อีกทั้งเหมือนจงใจให้ได้ยิน ทำให้เยว่เล่อนึกไม่ชอบใจแต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ด้วยเพราะตำหนักแห่งนี้เป็นของสตรีที่เป็นใหญ่ในวังหลังนั่นเอง“เยว่เล่อ ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” เยว่เล่อทำความเคารพตามพิธีปฏิบัติ“มาแล้วรึ มานี่สิเจ้าหนะก่อเรื่องอันใดไว้ฮึ ก่อเรื่องไว้แล้วเล่นหายไปเสียหลายวัน หึ! ไม่มาเล่าให้ข้าฟังบ้าง เกรงว่าไม่เห็นหัวสตรีเช่นข้าแล้วใช่รึไม่” ท่าทางเง้างอน คำพูดของไทเฮาทำเอาเยว่เล่อที่ตั้งใจมาสารภาพพร้อมทั้งรับโทษต้องอ้าปากค้าง“เอ่อ คือว่าไทเฮาไม่ต่อว่าเยว่เล่อเช่นนั้นรึเพคะ” เยว่เล่อถามหยั่งเชิง“อืม มา ๆ ลุกขึ้นมานั่งจิบชากับข้าเถอะ ชานี้ได้จากเจียงหนาน ชาดีทีเดียวมาเถอะ มาใกล้ ๆ”เยว่เล่อไม่อาจปฏิเสธได้จึงได้แต่ลุกเดินไปตามคำเชิญชวนของไทเฮา นางยกชาขึ้นจิบในหัวก็เอาแต่ขบคิดอย่างไม่เข้าใจ“มาหาข้ามีเรื่องอันใดเล่า นี่หากว่าไม่มีเรื่องเจ้าคงมามาเยี่ยมคนชราเช่นข้าสินะ” ไทเฮายกชาขึ้นจิบใบหน้าประดับยิ้มแต้มอย่างเ
พ่อบ้านหูวิ่งสุดชีวิต ไม่ได้เงินเดือนข้าที่ตรากตรำรับใช้ท่านอ๋องมาทั้งเดือนจะมาสูญสิ้นปล่อยถวายวัดไม่ได้ ร่างอ้วนท่วมของชายวัยสูงอายุวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายึดยื้อแย่งม้วนภาพวาดออกจากไห่ถัง ทำเอาทั้งเยว่เล่อและสาวใช้นิ่งชะงักตกใจกันไปชั่วครู่“เรื่องอะไรท่านถึงมาแย่งข้ากันเล่า เอาคืนมา!” ไห่ถังพยายามยื้อแย่งแต่บุรุษผู้นี้ตัวสูงใหญ่กว่านางจึงแย่งกลับคืนมาไม่ได้“ท่านหยุดเผาเถอะนะคุณหนู หากท่านไม่หยุดข้า เงินเดือนข้า ฮือ ช่างเถอะข้าขอร้องคุณหนูโปรดนึกให้ถี่ถ้วนเถิด”พ่อบ้านหูทรุดตัวคุกเข่าที่พื้น สองมือก็กอดภาพที่ยื้อแย่งมาได้แนบอกสีหน้าคล้ายอยากร้องไห้เสียเต็มที“นี่! พ่อบ้านหูเจ้าทำอะไรเนี่ย ลุกขึ้น ๆ เร็วเข้าอย่าทำเช่นนี้” เยว่เล่อรีบลงไปประคองพ่อบ้านหูให้ยืนขึ้น หากแต่เขาเองช่างดื้อดึงยิ่งนัก“พ่อบ้านหู ลุกขึ้นเร็วเข้า เร็ว!”“เฮ้อ ฮือ คุณหนูอันได้โปรดอย่าเผาเลย นั่นรูปจวิ้นอ๋องเชียวนะ หากรู้ถึง ฝ่าบาทว่าท่านกำลังเผาทำลายรูปลักษณ์ของสมาชิกราชวงศ์ คือว่าโทษหนะประหารเจ็ดชั่วโคตรเชียวนะ คุณหนู” พ่อบ้านอันไร้หนทางจึงชักแม่น้ำทั้งห้าอีกทั้งเติมแต่งโป้ปดออกไป ทำเช่นไรได้จวิ้นอ๋องนั้นน่ากลัว
ในกระถางใบใหญ่บัดนี้เริ่มมีเปลวไฟลุกให้ได้เห็น เยว่เล่อทนตัดใจเปิดหีบของรักของหวงของนางขึ้นอย่างจำใจ ในใจไหววูบนึกไม่อยากทำ แต่เมื่อจะตัดใจแล้วนางจะเก็บไว้ก็คงไร้ประโยชน์อีกทั้งเมื่อแลเห็นก็ทำให้อดนึกถึงใครอีกคนไม่ได้มือขาวสะอาดนวลเนียนเอื้อมปลดกุญแจเปิดหีบขึ้นช้า ๆ อย่างอ้อยอิ่ง ในใจนึกเสียดาย นิ้วมือไล่ไปตามม้วนกระดาษภาพวาดช้า ๆ ภาพในนี้บางภาพนางนั่งวาดเองกับมือ ภาพจวิ้นอ๋องในอริยบทต่าง ๆ แถมนางยังใช้เงินไม่น้อยไปกว้านซื้อมาจากพ่อค้าในตลาด“เฮ้อชั่งเถอะ ไห่ถังเผาเถอะ”“เจ้าค่ะ”ไห่ถังที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนึกแต่ว่าเป็นเพียงม้วนกระดาษเก่า ๆ จึงหยิบไม่ทันดูทิ้งลงในกระถางที่กำลังลุกโชนด้วยเปลวไฟ กระดาษภาพถูกไฟเผาราวใจของเยว่เล่อถูกเผาไปด้วย น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นอย่างนึกเสียดาย หากคิดจะตัดใจแล้วเก็บไว้ก็คงไร้ประโยชน์สู้ทำลายไปพร้อมกับความรู้สึกนางเสียให้จบสิ้น“คุณหนู!นะนี่...” ไห่ถังที่นึกสงสัยจึงเปิดดูด้านในครั้นเมื่อเห็นว่าคือผู้ใดในภาพวาดก็มือไม้อ่อนจนม้วนกระดาษร่วงหล่นลงพื้นควันไฟที่ลอยจาง ๆ ออกจากตำหนักไทเฮาให้ได้เห็นไกล ๆ จากอุทยานสวนท้อทำให้จวิ้นอ๋องที่รู้ดีว่าทีนั่นคือที่ใดต้อ
ฝั่งเยว่เล่อตั้งแต่ครั้งเกิดเหตุการณ์วิวาทที่อุทยานสระบัวทอง เยว่เล่อก็เก็บตัวในเรือนเงียบไม่ยอมออกมาพบปะผู้ใด นางใช้เวลาตรึกตรองนึกคิดเป็นนานหลายวันก็ค้นพบคำตอบว่าไม่อาจตัดใจจากจวิ้นอ๋องได้โดยง่าย หากเป็นเมื่อครั้งก่อนคงเป็นนางที่เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาท่านอ๋องแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้นางตรึกตรองได้ว่าทำเช่นไรก็คงมิอาจเอาชนะใจอ๋องหนุ่มรูปงามแห่งต้าเว่ยได้ เช่นนั้นทางเดียวที่จะตัดบัวไม่เหลือใยคงทำได้เพียงอยู่กันคนละที่ ไม่พบเจอ ไม่พบหน้า ยามนี้นางเองก็เบื่อหน่ายในตนเองไม่น้อย หลายวันมานี้นางไม่เจริญอาหารเอาเสียเลย บางคราก็ร้องไห้ อารมณ์เหนือการควบคุม เช่นนั้นก็รอให้งานเลี้ยงใหญ่ของต้าเว่ยผ่านพ้นไปก่อนก็แล้วกัน ไว้ค่อยนึกหาทางใหม่ต่อไปนี้นางจะคืนอิสระให้กับชีวิตนางและจวิ้นอ๋องเองเช้าตรู่วันนี้ เยว่เล่อจึงตื่นขึ้นมาแต่เช้า นางเร่งให้ไห่ถังตระเตรียมชุดพร้อมทั้งเปลี่ยนอย่างเร่งรีบ วันนี้ภารกิจที่นางต้องทำนั้นมากอยู่ทีเดียว เยว่เล่อให้ไห่ถังไปนำบ่าวชายในเรือนไปนำของสะสมนางออกมาจากหีบที่เฝ้าทะนุถนอมอีกทั้งไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องนอกจากตัวเยว่เล่อมานานเสียหลายปี“คุณหนูเช่นไรต่อเจ้าคะ”เยว่เล่อมอ
“ฮือ ท่านอ๋องตวาดข้า ฮึก ไห่ถัง ฮือ ขะข้าฮึก สะเสียใจนัก” เยว่เล่อทั้งต่อว่าทั้งตัดพ้อ นางผิดเช่นนั้นรึ นางเพียงนึกหึงหวง รึการที่จวิ้นอ๋องได้เคยอิงแอบแนบชิดกันนั้น ไม่คิดผูกพันแม้เพียงนิดหรือ ยิ่งคิดร่างยิ่งสั่นไหวอย่างน่าสงสาร ไห่ถังที่เห็นผู้เป็นนายร่ำไห่ก็ตรงเข้าสวมกอดอย่างถือวิสาสะ ยามนี้ทั้งนายทั้งบ่าวกอดกันร่ำไห่อย่างน่าสงสาร“ท่านอา ท่านทำเช่นนี้เยว่เล่ อ้าวเยว่เล่อ เห็นเยว่เล่อรึไม่” องค์ชายเจ็ดหันกลับมาอีกคราก็ไม่พบสตรีผู้เป็นสหายเสียแล้ว นางไปตั้งแต่เมื่อใดกันท่าทางลังเลและกระวนกระวายของผู้มีศักดิ์เป็นหลานยิ่งทำให้จวิ้นอ๋องต้องกัดฟันอดทนจนเห็นเป็นสันนูน คู่หมั้นอยู่นี่แล้วหลานเขายังจะไปนึกห่วงนางอยู่ได้ มันน่าส่งไปค่ายทหารพร้อมกันทั้งสองคนเสียจริงจวิ้นอ๋องเองใช่ว่าไม่ร้อนในใจ น้ำตาเยว่เล่อและสายตาตัดพ้อของนางทำให้จวิ้นอ๋องใจอ่อนยวบ แต่หากจะให้ดึงนางเข้ามาปลอบนะหรือเมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วการกระทำของนางก็สมควรแล้วที่เขาจะต่อว่า“ท่านอ๋อง องค์ชายเจ็ดพวกท่านหยุดเถอะ พ่านพ่านขอร้อง เพียงเท่านี้ก็ อับอายบ่างรับใช้นางกำนัลแล้วเพคะ” พ่านเอ๋อร์เมื่อเห็นท่าทางลังเลของคนทั้งคู่จึ