พราวตะวันหันมาตามเสียงเรียกจากคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ เธอสอดส่ายสายตาไม่เห็นรถของเขา และทำหน้าแทนคำถามเชิงว่ามาที่นี่ทำไม
“ใจคอจะให้ผมโดนยุงกัดอีกนานไหม? ผมยืนรอให้เจตกลับบ้านมาสักพักใหญ่แล้ว”
คิณภัทรไม่เรียกตัวเขาเองว่าพี่อีกและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก แต่ทว่าลึกในใจนั้นตรงข้ามแบบสุดขั้ว นั่นเพราะระหว่างเขาและเธอยังมีประตูบ้านที่ขวางกั้นอยู่
พราวตะวันเดินไปใกล้ประตูหน้าบ้าน เธอรู้ดีว่าเขาได้ยินบทรักแบบจัดเต็มที่เธอมอบให้กับน้องชายของเขา แต่ไม่คิดว่าหลังจากได้ยินได้ฟังแล้วต้องถ่อมาถึงที่บ้านเธอ
“พี่คิณ พราวจะลาออกจากฝึกงานที่แกลลอรี่ เพื่อความสบายใจของตัวพราวเอง ที่บอกก็เพื่อที่พี่จะได้รู้ว่าเป็นเพราะพี่ที่ทำลายความรักของพราวที่มีต่องาน และถ้าพี่อยากพูดอะไรกับใครก็ตามสบายเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับเจตหรือแม่หรือใครก็แล้วแต่ อย่างมากพราวก็แค่ไปอยู่ฝรั่งเศส”
เขาตกใจกับสิ่งที่เธอบอก จนเผลอจับประตูบ้านไว้ มองด้วยสายตาที่แพ้ใจให้คนตรงหน้าอย่างราบคาบ
“อย่าไปไหนเลย ผมขอโทษนะ ขอคุยด้วยแค่วันนี้ได้มั้ย?”
พราวตะวันกอดอกแล้วหันด้านข้างให้เขา
“พูดได้เลยค่ะ เชิญ”
“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?”
“ไม่ค่ะ พี่ไปที่อื่นสิ”
เขาคำนวนแล้วว่ากำแพงบ้านเธอสูงเพียงอกของเขา จึงตัดสินใจปีนเข้ามาทันที พราวตะวันตกใจมากและหันหลังวิ่งหนีจะเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ทันคิณภัทรที่ขายาวกว่าและจับแขนเธอเอาไว้ได้ก่อนจะถึงประตู
“อยากร้องก็ได้นะ กรี๊ดดังๆ คนจะได้ออกมาเยอะๆ ผมอยากให้ทุกคนรู้เรื่องเราอยู่เหมือนกัน”
เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูและดันตัวเธอเข้าไปในบ้าน ลงมือกอดรัดฟัดเหวี่ยงทันทีโดยไม่มีการพูดคุยอะไรอีก เขาอุ้มเธอที่ดิ้นทุรนทุรายทุบตีเขาไปที่โซฟาห้องรับแขก ล้วงเอากางเกงชั้นในตัวน้อยออกไปอย่างแรงจนฉีกขาด แล้วทับลงบนตัวเธอ แทรกตัวลงไปกลางหว่างขาของพราวตะวันที่สองมือยันอกและผลักเขา คิณภัทรจึงเอามือหนึ่งปิดปากเธอเอาไว้ มืออีกข้างปลดกางเกงออกจนแก่นกายที่ใหญ่และตึงนั้นโผล่ออกมาเจอกับน้องสาวของพราวตะวันที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ภายในจากการร่วมรักมาหมาดๆกับน้องชายของเขา
“พี่คิณอย่าค่ะ…ขอร้อง พูดกันดีๆก่อนได้มั้ย?”
“พราวทำร้ายใจผมก่อน”
“อ๊าา..พี่…อย่า…ไม่นะ…”
น้องชายที่ตึงใหญ่ของเขาบวกกับอารมณ์ที่คั่งค้างได้มุดเข้าไปในกายเธออย่างรู้งาน พราวตะวันเริ่มร้องไห้แต่เขาไม่สนใจ เอาแต่จูบปากเธอที่โดนจับล็อกหน้าไว้ไม่ให้ขยับหนีจากจูบที่ร้อนแรงไปได้
“พราวตั้งใจให้ผมได้ยินว่าเอาอยู่กับเจต ก็ถ้าอยากขนาดนั้นไม่บอกตั้งแต่อยู่ที่สปาล่ะ ผมจะได้ไม่อ้อมค้อม”
พราวตะวันเริ่มเจ็บที่เขากำลังขยับเข้าออก เข่าสองข้างของเธอเอาแต่ดันสีข้างเขาเพื่อให้ออกจากตัวเธอ
“พราวเจ็บ..ฮือ…”
น้ำตาเธอไหลจากหางตาหล่นลงบนโซฟา คิณภัทรเลยเลิกทำและเอื้อมไปคว้ากางเกงชั้นในที่ขาดวิ่น ก่อนจะอุ้มเธอพาดบ่าเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน
“พี่คิณ..พราวจะแจ้งตำรวจว่าพี่ทำแบบนี้ จะบอกทุกคนว่าพี่ทำร้ายพราว“
เขาไม่ฟังอะไรและพยายามมองว่าห้องไหนน่าจะเป็นห้องของเธอ ก่อนจะเห็นห้องหนึ่งประตูแง้มอยู่ และดูรู้ทันทีว่าเป็นห้องของพราวตะวัน เขาวางเธอบนเตียงอย่างนิ่มนวลและเดินไปล็อกประตู
“ที่แท้คุณแม่ไม่อยู่นี่เอง เด็กน้อยก็เลยดื้อ อ้อ ไม่สิ แมวน้อยของผม…”
“เดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว”
เธอพูดพร้อมกับสะอื้นร้องไห้เพราะเจ็บและกลัวเขาเอามากๆ
“งั้นผมก็จะอยู่รอคุณแม่ จะให้รับผิดชอบยังไงก็ได้หมด”
“พราวคบกับเจตไม่ใช่พี่ เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย เกลียดพี่ที่สุด ฮือ..”
ความโมโหนั้นลดลงเรื่อยๆเมื่อเขาได้อยู่กับเธอเพียงสองคน น้ำตาของพราวตะวันทำให้เขาใจเย็นลงไปเยอะ
“ผมโมโหควบคุมตัวเองไม่ได้ มันไม่เหมือนครั้งก่อนที่ได้ยินแบบนี้ ครั้งนี้ผมรู้สึกเหมือน..ใจสลาย”
เขานั่งกับพื้นล่างเตียง ก้มหน้าหลับตาใช้ความคิดเงียบๆ ส่วนพราวตะวันนั่งน้ำตาไหลอยู่แบบนั้น
“แล้วแต่พราวจะทำเลย ผมยอมรับได้หมด บอกทุกคนได้เลย ผมจะไม่หนีไปไหน”
สีหน้าเขาที่แลดูเจ็บปวดนั่นคืออะไร?…ฉันไม่หลงกลใจอ่อนให้เขาเด็ดขาด….
เจตนิพัทธ์ที่ถึงบ้านแล้วโทรมาหาเธอ เสียงโทรศัพท์ทำเอาพราวตะวันสะดุ้งโหยง เธอฮึบอีกครั้งพยายามทำเสียงปกติ
“เจต ถึงบ้านแล้วนะ งั้นก็นอนพักผ่อนซะ พราวง่วงแล้วโอเค..พรุ่งนี้เจอกัน อื้ม..รักเหมือนกัน ฝันดี”
เธอเหลือบมองคิณภัทรที่ขยับไปพิงโต๊ะคอมนั่งชันขาอยู่ที่พื้นล่างเตียง
“ไม่บอกเจตไปละว่าผมอยู่ที่นี่ ทุกคนจะได้รู้หมด พราวก็ไปแจ้งความได้เลย ทีนี้ทุกอย่าง..จะได้เป็นของคนที่พราวรักไง”
จริงสินะ..ชีวิตเขาจะพังพินาศหมด ทั้งชื่อเสียงหรือสิ่งที่ทำมา ไม่มีใครไว้ใจคนที่ข่มขืนผู้หญิง แถมเขาจะมีคดีติดตัว อาจเข้าคุกด้วยก็ได้…
“พี่ไปซะ ออกไปตอนนี้ที่แม่ยังไม่กลับมา ต่อไปนี้เราต่างก็มีความลับของกันและกัน อย่าคิดจะมาแบล็กเมล์กันหรือขู่อะไรได้ง่ายๆอีก”
เธอยกโทรศัพท์ถ่ายภาพคิณภัทรที่นั่งอยู่บนพื้นห้องเธอเอาไว้โดยไม่ปิดบัง
“ถ้าพี่ทำชีวิตพราวพัง เราก็พังกันหมดนี่แหละ แต่พราวอาจไม่หนักเท่าพี่ อย่างมากก็แค่ไม่ต้องอยู่สู้หน้าใครที่นี่ หนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ฝรั่งเศสก็จบ”
“อ่อ..ที่ชวนเจตไปฝรั่งเศสเพื่อจะได้เอากันทั้งวันทั้งคืนแบบที่พราวพูดสินะ”
พราวตะวันหน้าชาขึ้นมาที่คิณภัทรจำได้ทุกอย่างที่เธอพูดกับเจตตอนร่วมรักกันในสายให้เขาได้ยิน
“ก็ทำได้เพราะเราคบกัน”
รถของชโลทรจอดที่หน้าบ้าน เธอมองเห็นไฟที่ห้องลูกสาวยังเปิดอยู่และรถของแฟนหนุ่มก็ไม่อยู่แล้ว ทางด้านพราวตะวันพอรู้ว่าแม่กลับมา เธอมีปฏิกิริยาที่ลนลานทันที
“พี่คิณห้ามออกไปนะ พราวจะไปเปิดประตูบ้านให้แม่”
เขาเงียบไม่พูดอะไร พราวตะวันรีบลงไปข้างล่างเพื่อไปเปิดและปิดประตูให้แม่เอารถเข้ามาจอดในบ้าน ด้วยความลุกลี้ลุกลนทำให้เธอไม่ได้ใส่กางเกงชั้นใน พอแม่ลงจากรถแล้วมองลูกสาวถึงกับบ่นอุบ
“อย่าบอกนะว่าใส่ชุดนี้อยู่กับแฟนก่อนแม่จะมาน่ะ?”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูพึ่งอาบน้ำเสร็จก่อนแม่จะมานี่เอง”
“ไปๆ เข้าบ้าน ดูใส่ชุดสิ เสื้อชั้นในก็ไม่ใส่น่ะ แล้วออกมานอกบ้านนี่ดีนะดึกแล้ว ไม่งั้นชาวบ้านชาวช่องเห็นหมด วันหลังใส่ชุดคลุมออกมาสิลูก”
“แม่หน้าแดงๆนะ”
“อืม ดื่มนิดหน่อยไม่มาก ร้างราไปนานคอเลยอ่อนน่ะ”
“หนูขอไปนอนก่อนนะคะ”
พราวตะวันเปิดประตูแล้วรีบปิด ก็ยังเห็นคิณภัทรนั่งที่เดิม เลยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอากางเกงชั้นในเพื่อจะใส่
“ขอโทษ…”
“ชู่ววว…ไม่ต้องพูด”
เธอรีบทำท่าให้เขาอย่าพูด พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ แล้วไปนั่งที่ปลายเตียงเพื่อใส่กางเกงชั้นในตัวใหม่แทนตัวที่คิณภัทรดึงจนขาดไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเขามองไม่วางตา พอเธอหันขวับมาดูว่าแอบมองอยู่หรือเปล่า เขาก็หลบตาเธอ
เธอลงไปนั่งกับพื้นตรงหน้าเขา พร้อมกับพูดเสียงเบาเพราะกลัวแม่ที่อยู่อีกห้องจะได้ยิน
“รอให้แน่ใจว่าแม่หลับแล้วออกไปเลยนะ นี่พราวให้โอกาสที่สุดละ ถือว่าเรื่องแย่ๆที่ทำกับพราวไม่เคยเกิดขึ้น แล้วห้ามเข้าใกล้พราวอีก”
คิณภัทรมองตาเธอนิ่ง มีความนัยมากมายอยู่ในแววตานั้น เขาหลงรักเธอเข้าแล้วจริงๆ…
“เมื่อกี้เจ็บใช่มั้ย? แสดงว่าผมใหญ่กว่าเจตสิ”
พราวตะวันหน้าร้อนฉ่ากับสิ่งที่เขาพูด
“ยังกล้าพูดแบบนี้กับพราวอีกเหรอ?”
“ผมจะไปตอนใกล้เช้าแล้วกัน นอนกับพื้นนี่แหละ”
ทำไมเขาดื้อด้านแบบนี้นะ…
………………………………………..💋🍂
พราวตะวันหันมาตามเสียงเรียกจากคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ เธอสอดส่ายสายตาไม่เห็นรถของเขา และทำหน้าแทนคำถามเชิงว่ามาที่นี่ทำไม“ใจคอจะให้ผมโดนยุงกัดอีกนานไหม? ผมยืนรอให้เจตกลับบ้านมาสักพักใหญ่แล้ว”คิณภัทรไม่เรียกตัวเขาเองว่าพี่อีกและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก แต่ทว่าลึกในใจนั้นตรงข้ามแบบสุดขั้ว นั่นเพราะระหว่างเขาและเธอยังมีประตูบ้านที่ขวางกั้นอยู่ พราวตะวันเดินไปใกล้ประตูหน้าบ้าน เธอรู้ดีว่าเขาได้ยินบทรักแบบจัดเต็มที่เธอมอบให้กับน้องชายของเขา แต่ไม่คิดว่าหลังจากได้ยินได้ฟังแล้วต้องถ่อมาถึงที่บ้านเธอ“พี่คิณ พราวจะลาออกจากฝึกงานที่แกลลอรี่ เพื่อความสบายใจของตัวพราวเอง ที่บอกก็เพื่อที่พี่จะได้รู้ว่าเป็นเพราะพี่ที่ทำลายความรักของพราวที่มีต่องาน และถ้าพี่อยากพูดอะไรกับใครก็ตามสบายเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับเจตหรือแม่หรือใครก็แล้วแต่ อย่างมากพราวก็แค่ไปอยู่ฝรั่งเศส”เขาตกใจกับสิ่งที่เธอบอก จนเผลอจับประตูบ้านไว้ มองด้วยสายตาที่แพ้ใจให้คนตรงหน้าอย่างราบคาบ“อย่าไปไหนเลย ผมขอโทษนะ ขอคุยด้วยแค่วันนี้ได้มั้ย?”พราวตะวันกอดอกแล้วหันด้านข้างให้เขา “พูดได้เลยค่ะ เชิญ”“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?”“ไ
พราวตะวันลุกไปเปิดแค่โคมไฟหัวเตียงและปิดไฟในห้อง ชายหนุ่มอ้าแขนรับเธอให้กลับมานั่งบนตักเขา เงยหน้าจูบเธอที่ประคองวงหน้าเขาอย่างรักใคร่ สองมือของเจตนิพัทธ์ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วกายเธอ ก่อนจะเปลี่ยนจากจูบที่ปากไล่ลงมาตามลำคอ จมูกโด่งของเขาดอมดมไปทั่ว ลมหายใจแสนอบอุ่นนั้นชวนให้เธอเคลิ้ม“หอมจังที่รัก..ผิวก็นุ่มนิ่มไปหมด”พูดจบแค่นั้นก็อุ้มเธอขยับไปนอนบนเตียงให้อยู่ภายใต้ร่างกายเขาอย่างง่ายดาย เจตนิพัทธ์ใช้มือลูบไล้ขาอ่อนพลางสบตาเธอไปด้วย “บอกก่อนนะว่าพราวน่าจะขาอ่อน”พราวตะวันขำเบาๆ ในสายตาเขาเธอทำอะไรก็น่ารักไปหมดนั่นแหละ เจตนิพัทธ์เลื่อนสายบ่าของชุดนอนลงจนเห็นหน้าอกขาวเนียน ใช้นิ้วจับยอดอกบี้เบาๆ จนพราวตะวันทั้งเสียวทั้งจักจี้,จั๊กจี้ จนต้องมุดหน้าเข้าซบอกแฟนหนุ่มพร้อมกับร้องครางเสียงอู้อี้ไม่หยุดเขาเริ่มละเลงลิ้นลงบนหน้าอกทั้งสองเต้านั้นอย่างหลงใหล โดยที่สาวสวยได้แต่ครางเบาๆแอ่นตัวเล็กน้อยอยู่ตลอด ก่อนจะดึงปลายชุดนอนสั้นนั้นให้เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและกางเกงชั้นในแบบซีทรูสีขาว ที่ทำให้เห็นเงาของดงดอกหญ้าบางๆที่แสนเซ็กซี่ชวนให้น่าค้นหาสุดๆ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวขยับลงไปจนหน้าของเขาอยู่ที
คิณภัทรกลับถึงบ้านด้วยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พอไม่เห็นรถของน้องชายก็เข้าใจได้ว่าคงไปหาพราวตะวัน แต่เขาไม่สนใจเพราะวันนี้เขาได้อย่างที่ใจอยากแล้ว พอล้มตัวลงนอนพักบนเตียงก็นึกถึงเรือนร่างของเธอที่พึ่งได้เสพสม ความต้องการในใจลึกๆยังเฝ้ารอที่จะได้เจอเธออีก จนกระทั่งแม่ของเขาให้แม่บ้านมาเคาะประตูเรียกให้เขาไปทานมื้อเย็น “เจตยังไม่กลับบ้านหรือเนี่ย?”คิณภัทรถามขึ้นพลางดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงเพื่อรับประทานอาหารพร้อมหน้าพ่อและแม่“น้องบอกขอไปกินข้าวกับหนูพราว เห็นบอกว่าไม่ได้เจอกันหลายวัน ขออยู่นั่งเล่นที่บ้านน้องนานหน่อย”เขาส่ายหน้ายิ้มขำน้องชาย “สมกับเป็นลูกรักแม่จริงๆ”“หือ..ทำไมพูดแบบนั้น แม่ก็รักเท่ากันแหละน่า”คิณภัทรสบตากับพ่อแล้วยิ้มอย่างรู้กัน ทีนี้ตาพ่อเป็นฝ่ายพูดกับภรรยาบ้าง“เมื่อก่อนเจตติดคุณ เดี๋ยวนี้ติดแฟนไปแล้ว มาดามน้อยใจมั้ย?”ทำเอามาดามเจตสุภาถึงกับหัวเราะออกมาที่โดนสามีแซว“ลูกรักใคร ภาก็รักด้วยค่ะ หนูพราวน่ารักออก”“แล้วทีกับคิณ แม่อยากให้จับคู่กับลูกของเพื่อน ทีกับเจต แม่ให้อิสระเลือกใครก็ได้ ไหงงั้น?”“คิณ ลูกเป็นพี่คนโต เป็นทุกอย่างของบ้านเรา จะเลือกใครก็ต้องดูให้ดีสิ เพรา
แท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้าน พราวตะวันควานหากระเป๋าเงินและควักธนบัตรออกมาจ่าย แต่โดนคนขับแท็กซี่ตอบว่าไม่มีเงินทอน“จ่ายมาพอดีได้ไหม? พอดีผมไม่มีเศษย่อยๆติดตัวมาเอาไว้ทอน สมัยนี้เค้าสแกนจ่ายกันหมดแล้ว”“เอ่อ งั้นรอสักครู่ค่ะ จะเข้าบ้านไปเอาเงินมาให้”“โอ๊ย น้อง มันเสียเวลาพี่ไง ก็ถือว่าที่ต้องทอนก็เป็นทิปไปสิ”“เงินทอนตั้งแปดสิบเนี่ยนะคะ”“ทำไมล่ะ? เรียกรถแล้วไม่มีปัญญาเหรอเงินแค่นี้?”แต่พราวตะวันไม่ทันจะได้ตอบอะไร คิณภัทรเคาะกระจกฝั่งคนขับแท็กซี่พอดี“เห็นป่ะ มีลูกค้าแล้ว จ่ายๆมาสักที เสียเวล่ำเวลาทำมาหากิน”คนขับลดกระจกลงก็เจอคิณภัทรถามด้วยสีหน้าถมึงทึง“ค่าโดยสารเท่าไหร่?”“คุณจะไปที่ไหนครับ?”“หมายถึงของเมียผม”พราวตะวันช็อกที่เขาพูดแบบนั้นพลางมองออกนอกหน้าต่างรถไปที่หน้าบ้านเพราะกลัวแม่อยู่แถวนั้นจะได้ยินเข้าคิณภัทรสแกนจ่ายให้แล้ว เธอรีบเปิดประตูรถลงมา แล้วพูดเรื่องโทรศัพท์ที่ลืมไว้ที่สปา “พราวลืมโทรศัพท์ไว้ที่สปา แต่พราวจะเอาแค่เครื่องของตัวเอง ส่วนที่พี่ซื้อให้พราวขอไม่รับ”เธอล้วงหาอะไรในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับยื่นให้เขา“นี่ค่ะ..เงินที่เคยอยากคืนให้ ตอนนี้พราวไม่สนแล้วว่าพ
คิณภัทรนั่งดูพราวตะวันที่โดนนวดจนเผลอหลับไปด้วยความเสน่หา กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องบวกกับการนั่งดูพนักงานสาวนวดคลึงร่างกายเธอด้วยน้ำมันจนผิวเงาวาวไปทั่วทั้งตัว เมื่อมาถึงตอนที่พนักงานสาวเอาผ้าขนหนูออกเพื่อนวดแผ่นหลังและสะโพก ก้นกลมที่งอนงามนั้น ทำเอาใจเขาหวาบหวามสุดๆ สิ่งที่พราวตะวันไม่รู้คือ ห้องสปานี้เป็นแบบ Private Onsen สำหรับคู่รัก จึงมีอ่างแช่ขนาดใหญ่ในห้องด้วยนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าหลังจากนวดเสร็จสองชั่วโมง คิณภัทรได้จ่ายเพิ่มไปอีกหนึ่งชั่วโมงสำหรับการใช้ห้องนี้ต่อ หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่เขานั่งดูเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของพราวตะวัน มันทำให้เขาลืมความผิดชอบชั่วดีไปขณะหนึ่งว่านี่คือ แฟนสาวของน้องชายตัวเอง พนักงานสาวดูเวลาท่าทางบ่งบอกว่าครบสองชั่วโมงแล้ว เขารีบลุกขึ้นทำท่าให้เธอออกไปเงียบๆ “ผมไม่ต้องการปลุกเธอ ให้เธออยู่แบบนั้นส่วนผมจะแช่น้ำอุ่น ครบเวลาพวกเราจะออกไปเอง ถ้าเวลาเกินไปก็คิดเงินเพิ่มได้เลย แต่จริงๆตัดบัตรผมเผื่อไปเลยก็ได้”เขากระซิบคุยกับพนักงานเบาๆก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ไป “จ่ายเพิ่มไปอีกชั่วโมง ตอนจะกลับผมจะไปเอาบัตรคืนที่แคชเชียร์เอง”พนักงานสาวออกไปแล้ว คิณภ
เจตนิพัทธ์ไปหาพี่ชายที่ห้องทำงานในตอนเที่ยงเพื่ออยากถามสิ่งที่เขาคาใจ “ว่าไงเจต?”คิณภัทรถามโดยเหลือบตามองแค่นั้น แล้วก้มดูเอกสารตรงหน้าต่อไป“พี่ไปหาพราวมาใช่มั้ยเมื่อเช้า?”“ใช่ ไปอธิบายว่าเป็นความผิดฉันเองไง”“แล้ว..พราวว่าไงบ้าง?”“สบายใจได้ ยังไงเธอก็ไม่เลิกกับแกหรอก”“อธิบายชัดๆหน่อยได้มั้ย?”“เธอบอกว่าแค่โกรธ ไม่ได้จะเลิก มีอะไรอีกมั้ย? ฉันจะทำงานต่อ”“แล้วพี่ไม่กินมื้อเที่ยงล่ะ ไปด้วยกันสิ ไหนๆก็ไปหาพราวยังไม่ได้ด้วย กินคนเดียวเหงา”“พอแกไม่มีใครถึงจะเห็นหัวฉันสินะ ไอ้น้องบ้า”“สรุปจะไปมั้ย? จะเลี้ยงก็ได้อ่ะ””สภาพ..มีตังกี่บาท? แกไปกินเถอะ หัดใช้ชีวิตคนเดียวให้เป็นบ้างสิ ฉันยังเคลียร์งานไม่เสร็จ อีกนานอยู่”เจตนิพัทธ์เลยออกไปเพียงลำพัง พร้อมกับส่งรูปและข้อความให้พราวตะวันว่าเขากินข้าวอยู่คนเดียว ส่วนเธอที่ออกมากินข้างนอกกับเพื่อนที่ฝึกงานเกิดใจอ่อนสงสารจึงโทรกลับไปหา“ดีใจจัง พราวยอมโทรมาหาแล้ว”“ดีแล้วล่ะ จะได้ประหยัดน้ำมันด้วย ไม่ต้องตัวติดกันตลอดก็ได้”“แต่เจตคิดถึงพราวนะ ขอไปส่งที่บ้านได้มั้ยตอนเลิกงาน?”“อย่าพึ่งเลย วันนี้จะกลับเอง”“แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็นเหมือนเดิม?”