คิณภัทรมองหน้าเธอด้วยความแน่วแน่ที่เขาจะอยู่ที่นี่กับเธอในคืนนี้ ทำเอาพราวตะวันคอตกที่เขาดื้อมากกว่าที่คิด
เขาอดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองหน้าอกของเธอเพราะไม่ได้ใส่บรา แล้วดูท่าทางเจ้าตัวก็ลืมเรื่องนี้เสียด้วย พราวตะวันลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วใช้สายตาว่าไม่พอใจก่อนจะเลือกหมอนใบหนึ่งโยนลงไปให้ “ตีสี่พี่คิณต้องออกไปนะ“ “เจ็บอยู่มั้ย?” “ไม่ต้องถามอะไรแล้วค่ะ ตอบมาก็พอว่าตีสี่ต้องออกไปจากที่นี่” คิณภัทรล้มตัวลงนอนหันหลังให้ พร้อมกับถามตัวเองในใจ นี่เขาอายุจะสามสิบแล้ว เป็นนักธุรกิจที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทำไมต้องมางอนง้อแฟนน้อง ยอมนอนบนพื้นแข็ง แถมยังโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาอีก..ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงต้องมาหลงรักเธอด้วยนะ… “ตอบมาสิคะ” “ตามหลัก..เราก็มีอะไรกันแล้วนะ จะไล่ผมแบบนี้ได้เหรอ? ผมก็สามีคุณคนหนึ่งเหมือนกัน” เขาพูดตอบไปทั้งที่นอนหันหลังให้แบบนั้น พราวตะวันโมโหที่เขาไม่รับปากว่าจะออกไปจากบ้านแถมยังมาพูดเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทั้งที่บังคับใจเธอแท้ๆ “แล้วแต่ละกัน อะไรจะเกิดก็เกิด เฮ้อ…” เธอกระแทกเสียงถอนหายใจ แล้วนอนหันหลังให้เขาเช่นกัน ห้องที่เงียบจนเธออึดอัดนอนไม่หลับเพราะรู้ว่าเขาอยู่ในห้องนี้ด้วย มันทำให้เธอกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ในขณะที่ไม่ได้ยินเสียงคิณภัทรขยับตัวหรืออะไรเลย พราวตะวันอยากจะแกล้งไล่เขาให้ออกไป จึงหยิบรีโมทแอร์ลดอุณหภูมิให้เหลือแค่สิบแปดองศา แข็งตายซะให้เข็ด จะได้ออกไปจากบ้านฉันเสียที… ไม่นานนักอุณหภูมิในห้องก็ลดลงเนื่องจากห้องของพราวตะวันไม่ได้กว้างอะไรมากมายนัก เธอแอบได้ยินเสียงเขาขยับตัวจึงแอบสะใจที่คิดว่าเขาคงจะเริ่มหนาวแล้วเพราะไม่มีผ้าห่ม พราวตะวัน…เธอเป็นคนใจร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..ถ้าเขาอยากทำอะไรเธอจริงๆทำตอนนี้ก็ยังได้ เขาเองก็ดูไม่แคร์ที่เธอจะร้องหรือความจะแตกด้วยซ้ำไป… อยู่ดีๆความคิดหนึ่งก็พูดกับตัวเธอเองขึ้นมาแบบนี้ “พี่คิณ..กลับบ้านเถอะ จะทรมานตัวเองเพื่อเอาชนะพราวเหรอ? ต้องการอะไรแน่? พี่จะมาโกรธพราวได้ยังไงเรื่องที่..นั่นแหละ พราวเป็นแฟนเจตนะ” “ไม่รู้เหมือนกัน..ว่าทำไมผมเป็นห่วงคุณ ถ้าผมเจอคุณก่อนเจต ผมจะทรีทคุณให้ดีกว่าที่เจตทำตอนนี้ ทำไงได้ล่ะ..รักไปแล้วนี่นะ ผมไม่ค่อยถนัดเข้าหาผู้หญิงเท่าไหร่หรอก รู้แค่ว่าถ้าชอบก็อยากอยู่ใกล้ๆ” “แบบพี่เนี่ยนะ เข้าหาผู้หญิงไม่เก่ง? เฮอะ..เหลือจะเชื่อ” “ผมไม่กล้าจีบใครก่อนหรอก กลัวเขาไม่ชอบแล้วจะหน้าแตก ที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงเข้าหาก่อน” “อ่อ พริตตี้เลยตบกันสนั่นสินะคะ” คิณภัทรที่นอนหันหลังอยู่ ถอนหายใจยาวก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อคุยกับเธอในความมืดสลัวที่พอจะเห็นหน้ากันและกันรางๆ “ผมโตมามีแฟนแค่คนเดียวคือตอนเรียนมหาวิทยาลัย แอบคบกันเพราะพ่อยังไม่อยากให้มีแฟน เธอสอนทุกอย่างให้ผม เธอเป็นคนใจดี สวย สดใสร่าเริง เผ็ดร้อนเรื่องบนเตียง ผมรักเธอมากนะ กะว่าถ้าเรียนจบและทำงานไปสักพักให้พ่อไว้ใจจะเปิดตัว คิดไปถึงอยากแต่งงานด้วย แต่เธอเลือกไม่รอผม อีกอย่างคือ ตอนนั้นผมเป็นแบบเจตในตอนนี้ ไม่มีอิสรภาพทางการเงินพอที่จะเปย์ให้เธอ แค่พาไปเที่ยว ทานข้าว ซื้อของขวัญนิดๆหน่อยๆได้ แม่เองก็ไม่ได้สปอยผมเหมือนกับเจต” พราวตะวันเกิดอยากเห็นเธอคนนั้นของเขาขึ้นมาเสียเฉยๆ เพราะดูเขาชื่นชมเหลือเกิน “ไม่ลองกลับไปหาเธอล่ะ ตอนนี้ถ้าเธอเห็นพี่คิณอาจกลับมาก็ได้” “ตั้งแต่เธอขอเป็นฝ่ายไป ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธออีก” “ทำไมเธอถึงไม่รอ? แล้ว..รออะไร? รอให้พี่พาไปหาที่บ้านเหรอ?” “ขอไปนั่งบนเตียงได้มั้ย? ผมปวดขา” “เอ่อ..เดี๋ยว” คิณภัทรพูดจบก็หยิบหมอนแล้วขึ้นมาอยู่บนเตียงด้วย พราวตะวันถอยกรูดไปอยู่อีกฟากจนแทบจะตกเตียง “ผมกลัวว่าคุณจะไม่รอเจตเหมือนที่ผมเคยเจอมา ผมแค่อยากให้คุณอยู่ใกล้ๆ กลัวว่ามีคนอื่นที่เค้าให้ได้มากกว่าน้องชายผมแล้วคุณจะไป” พราวตะวันขมวดคิ้วกับคำพูดของเขา เพราะฟังแล้วเธองง “สรุป พี่แค่กลัวพราวจะเลิกกับเจต ถ้าเจตไม่มีเงินมาเปย์อ่ะนะ แล้วถึงกับต้อง..มาข่มเหงพราวนี่เกี่ยวด้วยเหรอ?” “ผมเคยอกหักมา มันเจ็บมากนะ เสียหลักทางใจไปพักใหญ่เลยกว่าจะหาย ผมไม่อยากเห็นเจตเป็นแบบผมในตอนนั้น ทุกคนไม่เคยเห็นว่าผมเจ็บยังไงเวลาที่อยู่คนเดียว” นี่พูดให้ฉันสงสารอยู่หรือเปล่าเนี่ย…แล้วดันเริ่มใจอ่อนด้วยอีก..แย่ชะมัดพราวตะวัน… “พราวไม่ใช่คนแบบนั้น วันนี้ก็คุยกับเจตเรื่องทำนองนี้ เขาคิดมากที่ซื้อของแพงๆให้พราวไม่ได้ ซึ่งพราวไม่เคยขอและไม่เคยอยากได้อะไรจากแฟนที่ยังเรียนไม่จบ ทีนี้..ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่คิณจะยกมาอ้างแล้ว กลับบ้านเถอะค่ะ” “ให้เวลาผมอีกหน่อยแล้วกัน” “เวลาอะไรอีก?” “อย่าไปฝรั่งเศสเลยนะ อยู่ฝึกงานที่นี่เถอะ ผมจะไม่ไปรบกวนอีก” “ขอให้ทำจริงอย่างที่พูดแล้วกันค่ะ” ถึงแม้จะมืดสลัวแต่พอสายตามองในที่มืดไปสักพักก็จะพอเห็นอะไรได้บ้าง เธอสังเกตว่าเขาจ้องเธอแทบไม่ละสายตาทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาเหมือนกัน “บนเตียงนี้ใช่มั้ยที่คุณปรนเปรอให้น้องผม ป่านนี้เขาคงนอนฝันดีไปแล้ว” “พี่คิณชอบพูดประชดประชันนะคะ บอกไว้เผื่อไม่รู้ตัว” “ง่วงแล้ว ตีสี่ใช่ไหม?” เขาพูดแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงหน้าตาเฉย ทำให้เธอที่นั่งอยู่ถึงกับเคือง เธอคว้าหมอนเขยิบลงจากเตียง คิณภัทรรีบลุกขึ้นจับแขนเธอเอาไว้ “จะไปไหน? รังเกียจขนาดแค่อยู่ด้วยไม่กี่ชั่วโมงก็ไม่ได้เหรอ?” “พราวกลัวพี่..จะไปนอนกับแม่” “ไม่ต้องไปรบกวนท่านหรอก อยู่ด้วยกันแค่คืนนี้” พราวตะวันสบตากับคิณภัทรในความมืดแบบนั้น มันเหมือนมีเคมีบางอย่างที่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าคืออะไรที่ทำให้อยู่ๆเกิดนึกถึงสัมผัสของเขาเมื่อตอนอยู่ที่สปาขึ้นมา แถมในตอนนี้หน้าตาเขาเหมือนกับเจตนิพัทธ์แฟนหนุ่มของเธอไม่มีผิด “พราวกลัว..พี่คิณ” เสียงเธอเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน เขาค่อยๆดึงเธอให้เข้ามาแม้พราวตะวันจะฝืนบ้างก็สุดท้ายก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดจนได้ “ขอโทษนะที่ทำแบบนั้น คุณคงเจ็บเพราะไม่เต็มใจให้” ถึงเต็มใจก็คงเจ็บอยู่ดีแหละ … คิณภัทรจับเอาหมอนสองใบมาใกล้กันแล้วจับไหล่เธอให้เอนลงนอนบนแขนของเขา “ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น” “พราวกลัวเจตรู้ว่าพี่ทำอะไรพราวแล้วเขาจะเลิก เรารักกันมาดีๆอยู่แล้ว” “ผมขอแค่ได้รักฝ่ายเดียวก็พอ คุณก็คบกับเจตไป แต่ถ้าวันไหนคุณเลิกกับเจต จะมีแค่ผมที่ได้ตัวและหัวใจคุณ” พราวตะวันได้ยินแบบนั้นก็นอนหันหลังให้โดยที่คิณภัทรใช้แขนกอดเธอเอาไว้ ลำตัวของเขาซ้อนแนบชิดด้านหลังของเธอ ลมหายใจร้อนแรงของชายหนุ่มรดต้นคอเธอจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว …………………………………….🎋🪷เจตนิพัทธ์เริ่มกดโทรหาพราวตะวันอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเดินเตร็ดเตร่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เปิดในเวลา 10.00 แล้ว เมื่อเห็นว่าเขาโทรมา เธอกลับกลัวจนไม่กล้ารับสาย เขาจึงส่งข้อความหาแทน”เจตใจเย็นลงแล้วพราว ขอคุยด้วยดีๆนะ ไม่โกรธเลย เข้าใจพราวทุกอย่าง เจตผิดเอง”“ขออยู่คนเดียวซักพักนะ”“รับสายเจตได้ไหม? ขอร้องเถอะพราว เจตเสียใจจริงๆ สับสนไปหมด”“โอเค”พราวตะวันใจอ่อนให้แฟนหนุ่มเสมอ เขารีบโทรหาเธอแล้วผลุนผลันออกไปทันที ในขณะที่คิณภัทรจับปากกาในมือแน่นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ทว่าในใจเขากลับนึกถึงแต่เธอ โดยที่ทำอะไรไม่ได้…เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน รู้ว่าเธอกำลังกลัว..มีแค่หัวใจเขาเท่านั้นที่โหยหา…และมันทำได้แค่นั้นเจตนิพัทธ์ไปรับเธอแล้วพาไปส่งที่บ้าน เพราะเธอดูเศร้าและเงียบงัน ชวนไปกินอะไรรองท้องเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขารู้สึกผิดที่ไม่ไว้ใจคนที่รักเขา ทั้งที่เธอไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย พราวเองก็คงกลัวที่รับของจากพี่คิณเหมือนกัน มีใครบ้างจะไม่ดีใจที่ได้ของใหม่ราคาแพง..เป็นเจตเองที่ผิดเพราะให้พราวไม่ได้ ทั้งๆที่เก็บเงินไม่กี่เดือนก็น่าจะซื้อให้เธอได้แท้ๆ….เขาเอื้อมไปจับมือของพราวตะวันที่เย็นมาก เ
เจตนิพัทธ์ที่กำลังใช้ความคิด คิณภัทรก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไร “ฝากคืนให้น้องพราวด้วยแล้วกัน ฉันก็ลืม ที่เธอไปกินข้าวกับพวกเราวันนั้น มันคงหลุดตกในรถ เอารถไปทำสปาแล้วพนักงานร้านเก็บไว้ให้”“ทำไมตอนเจตย้ายจากเบาะหลังไปนั่งหน้าไม่เห็นว่าโทรศัพท์พราวตก ตอนนั้นพราวใช้เครื่องนี้อยู่ยังไม่ได้ใช้เครื่องใหม่..”เขาพยายามใช้ความคิดพอๆกับที่พี่ชายก็กำลังคิดหาข้อแก้ตัวเช่นกัน เจตนิพัทธ์มองพี่ชายที่ขับรถอยู่ด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย ส่วนตัวเขาในใจเต้นแรงมากแทบหลุดออกมา“มีอะไรที่เจตควรรู้มั้ย?”“ไม่มีอะไรที่แกต้องกังวลแบบที่คิดหรอก พราวรักแกคนเดียว ฉันยืนยันได้”“ทำไมพี่ถึงยืนยันได้!”เจตนิพัทธ์ตะคอกเสียงดังใส่พี่ชายที่มองหน้าเขาสลับกับมองถนน “พราวใช้โทรศัพท์ใหม่ แล้วเครื่องพราวอยู่ที่พี่ได้ไง?”เจตนิพัทธ์เปิดโทรศัพท์ของแฟนสาวขึ้นมาก็ตรงกับที่เขาคิด “ย้ายข้อมูลไปเรียบร้อยแล้วซะด้วย จอดเลยพี่คิณ จอดรถ!”“ไม่ อยากลงก็กระโดดลงไปเอง ถ้าจะงี่เง่าจนไม่ฟังอะไรเลย”เขาโทรหาพราวตะวันที่กำลังนั่งอยู่ในแท็กซี่จะถึงที่ทำงานพอดี “พราว เดี๋ยวเจตไปหาที่ทำงาน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“มีอะไรเจต พราวต้องเข้าง
ชายหนุ่มหญิงสาวที่นอนคุดคู้อยู่ด้วยกันในผ้าห่ม แม้จะเงียบกันไปแล้วแต่ทว่าทั้งสองต่างก็ไม่หลับ“ที่ผมพูดไป คุณไม่มีอะไรโต้แย้งใช่ไหม?”“เรื่องไหน?”“ถ้าคุณเลิกกับเจต..”“เลิกพูดแบบนี้เถอะค่ะ”เธอทำท่าจะขยับออกจากกอดของเขาแต่ก็โดนสองแขนแข็งแรงรวบกอดเอาไว้ พราวตะวันรู้สึกได้ว่าจมูกเขาสัมผัสต้นคอด้านหลังชวนให้ขนลุกเกรียว“ผมยอมดูคุณมีความสุขและคบหากับน้องชายผม ดีกว่าจะเห็นคุณจากพวกเราไปคบกับคนอื่น”“พี่คิณ…ชีวิตพี่ต้องได้เจอคนอีกมากมาย พี่ต้องได้เจอคนที่คู่ควรแน่นอน เชื่อพราวสิ”“พี่เชื่อ..เพราะตอนนี้เจอแล้ว..อยู่ในอ้อมแขนของพี่เอง”ตอนนี้พราวตะวันเข้าใจได้อย่างหนึ่ง ถ้าเขาอารมณ์ดีจะพูดแทนตัวเองอย่างสนิทสนม แต่ถ้าเขาไม่พอใจหรือโมโหจะเรียกใช้คำแทนตัวที่ดูห่างเหิน “พี่คิณกับเจตนี่เหมือนกันจริงๆ เวลาอยากได้อะไรก็จะสรรหาคำพูดตื๊อจนกว่าจะได้”เขากอดกระชับเธอมากขึ้น ลำตัวที่กำยำนัวเนียด้านหลังของเธอให้รู้สึกร้อนรุ่ม คิณภัทรเอาแขนข้างที่กอดเธอเปลี่ยนไปลูบขาและเลิกชุดนอนขึ้นเพื่อจะลูบไล้สะโพกและลามมาที่หน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆล้วงเข้าไปที่กางเกงชั้นใน พราวตะวันรีบจับมือเขาไว้ทันที“อย่าค่ะ..พอเถอะ”
คิณภัทรมองหน้าเธอด้วยความแน่วแน่ที่เขาจะอยู่ที่นี่กับเธอในคืนนี้ ทำเอาพราวตะวันคอตกที่เขาดื้อมากกว่าที่คิด เขาอดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองหน้าอกของเธอเพราะไม่ได้ใส่บรา แล้วดูท่าทางเจ้าตัวก็ลืมเรื่องนี้เสียด้วยพราวตะวันลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วใช้สายตาว่าไม่พอใจก่อนจะเลือกหมอนใบหนึ่งโยนลงไปให้ “ตีสี่พี่คิณต้องออกไปนะ““เจ็บอยู่มั้ย?”“ไม่ต้องถามอะไรแล้วค่ะ ตอบมาก็พอว่าตีสี่ต้องออกไปจากที่นี่”คิณภัทรล้มตัวลงนอนหันหลังให้ พร้อมกับถามตัวเองในใจนี่เขาอายุจะสามสิบแล้ว เป็นนักธุรกิจที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทำไมต้องมางอนง้อแฟนน้อง ยอมนอนบนพื้นแข็ง แถมยังโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาอีก..ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงต้องมาหลงรักเธอด้วยนะ…“ตอบมาสิคะ”“ตามหลัก..เราก็มีอะไรกันแล้วนะ จะไล่ผมแบบนี้ได้เหรอ? ผมก็สามีคุณคนหนึ่งเหมือนกัน”เขาพูดตอบไปทั้งที่นอนหันหลังให้แบบนั้น พราวตะวันโมโหที่เขาไม่รับปากว่าจะออกไปจากบ้านแถมยังมาพูดเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทั้งที่บังคับใจเธอแท้ๆ“แล้วแต่ละกัน อะไรจะเกิดก็เกิด เฮ้อ…”เธอกระแทกเสียงถอนหายใจ แล้วนอนหันหลังให้เขาเช่นกัน ห้องที่เงียบจนเธออึดอัดนอนไม่หลับเพราะรู
พราวตะวันหันมาตามเสียงเรียกจากคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ เธอสอดส่ายสายตาไม่เห็นรถของเขา และทำหน้าแทนคำถามเชิงว่ามาที่นี่ทำไม“ใจคอจะให้ผมโดนยุงกัดอีกนานไหม? ผมยืนรอให้เจตกลับบ้านมาสักพักใหญ่แล้ว”คิณภัทรไม่เรียกตัวเขาเองว่าพี่อีกและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก แต่ทว่าลึกในใจนั้นตรงข้ามแบบสุดขั้ว นั่นเพราะระหว่างเขาและเธอยังมีประตูบ้านที่ขวางกั้นอยู่ พราวตะวันเดินไปใกล้ประตูหน้าบ้าน เธอรู้ดีว่าเขาได้ยินบทรักแบบจัดเต็มที่เธอมอบให้กับน้องชายของเขา แต่ไม่คิดว่าหลังจากได้ยินได้ฟังแล้วต้องถ่อมาถึงที่บ้านเธอ“พี่คิณ พราวจะลาออกจากฝึกงานที่แกลลอรี่ เพื่อความสบายใจของตัวพราวเอง ที่บอกก็เพื่อที่พี่จะได้รู้ว่าเป็นเพราะพี่ที่ทำลายความรักของพราวที่มีต่องาน และถ้าพี่อยากพูดอะไรกับใครก็ตามสบายเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับเจตหรือแม่หรือใครก็แล้วแต่ อย่างมากพราวก็แค่ไปอยู่ฝรั่งเศส”เขาตกใจกับสิ่งที่เธอบอก จนเผลอจับประตูบ้านไว้ มองด้วยสายตาที่แพ้ใจให้คนตรงหน้าอย่างราบคาบ“อย่าไปไหนเลย ผมขอโทษนะ ขอคุยด้วยแค่วันนี้ได้มั้ย?”พราวตะวันกอดอกแล้วหันด้านข้างให้เขา “พูดได้เลยค่ะ เชิญ”“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?”“ไ
พราวตะวันลุกไปเปิดแค่โคมไฟหัวเตียงและปิดไฟในห้อง ชายหนุ่มอ้าแขนรับเธอให้กลับมานั่งบนตักเขา เงยหน้าจูบเธอที่ประคองวงหน้าเขาอย่างรักใคร่ สองมือของเจตนิพัทธ์ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วกายเธอ ก่อนจะเปลี่ยนจากจูบที่ปากไล่ลงมาตามลำคอ จมูกโด่งของเขาดอมดมไปทั่ว ลมหายใจแสนอบอุ่นนั้นชวนให้เธอเคลิ้ม“หอมจังที่รัก..ผิวก็นุ่มนิ่มไปหมด”พูดจบแค่นั้นก็อุ้มเธอขยับไปนอนบนเตียงให้อยู่ภายใต้ร่างกายเขาอย่างง่ายดาย เจตนิพัทธ์ใช้มือลูบไล้ขาอ่อนพลางสบตาเธอไปด้วย “บอกก่อนนะว่าพราวน่าจะขาอ่อน”พราวตะวันขำเบาๆ ในสายตาเขาเธอทำอะไรก็น่ารักไปหมดนั่นแหละ เจตนิพัทธ์เลื่อนสายบ่าของชุดนอนลงจนเห็นหน้าอกขาวเนียน ใช้นิ้วจับยอดอกบี้เบาๆ จนพราวตะวันทั้งเสียวทั้งจักจี้,จั๊กจี้ จนต้องมุดหน้าเข้าซบอกแฟนหนุ่มพร้อมกับร้องครางเสียงอู้อี้ไม่หยุดเขาเริ่มละเลงลิ้นลงบนหน้าอกทั้งสองเต้านั้นอย่างหลงใหล โดยที่สาวสวยได้แต่ครางเบาๆแอ่นตัวเล็กน้อยอยู่ตลอด ก่อนจะดึงปลายชุดนอนสั้นนั้นให้เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและกางเกงชั้นในแบบซีทรูสีขาว ที่ทำให้เห็นเงาของดงดอกหญ้าบางๆที่แสนเซ็กซี่ชวนให้น่าค้นหาสุดๆ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวขยับลงไปจนหน้าของเขาอยู่ที