พราวตะวันลุกไปเปิดแค่โคมไฟหัวเตียงและปิดไฟในห้อง ชายหนุ่มอ้าแขนรับเธอให้กลับมานั่งบนตักเขา เงยหน้าจูบเธอที่ประคองวงหน้าเขาอย่างรักใคร่ สองมือของเจตนิพัทธ์ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วกายเธอ ก่อนจะเปลี่ยนจากจูบที่ปากไล่ลงมาตามลำคอ จมูกโด่งของเขาดอมดมไปทั่ว ลมหายใจแสนอบอุ่นนั้นชวนให้เธอเคลิ้ม
“หอมจังที่รัก..ผิวก็นุ่มนิ่มไปหมด” พูดจบแค่นั้นก็อุ้มเธอขยับไปนอนบนเตียงให้อยู่ภายใต้ร่างกายเขาอย่างง่ายดาย เจตนิพัทธ์ใช้มือลูบไล้ขาอ่อนพลางสบตาเธอไปด้วย “บอกก่อนนะว่าพราวน่าจะขาอ่อน” พราวตะวันขำเบาๆ ในสายตาเขาเธอทำอะไรก็น่ารักไปหมดนั่นแหละ เจตนิพัทธ์เลื่อนสายบ่าของชุดนอนลงจนเห็นหน้าอกขาวเนียน ใช้นิ้วจับยอดอกบี้เบาๆ จนพราวตะวันทั้งเสียวทั้งจักจี้,จั๊กจี้ จนต้องมุดหน้าเข้าซบอกแฟนหนุ่มพร้อมกับร้องครางเสียงอู้อี้ไม่หยุด เขาเริ่มละเลงลิ้นลงบนหน้าอกทั้งสองเต้านั้นอย่างหลงใหล โดยที่สาวสวยได้แต่ครางเบาๆแอ่นตัวเล็กน้อยอยู่ตลอด ก่อนจะดึงปลายชุดนอนสั้นนั้นให้เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและกางเกงชั้นในแบบซีทรูสีขาว ที่ทำให้เห็นเงาของดงดอกหญ้าบางๆที่แสนเซ็กซี่ชวนให้น่าค้นหาสุดๆ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวขยับลงไปจนหน้าของเขาอยู่ที่น้องสาวของเธอพอดี พราวตะวันผงกหัวมองดูแฟนหนุ่มที่กำลังก้มหน้าซุกดอมดมอยู่ที่น้องสาวของเธอโดยที่ยังไม่ได้ถอดกางเกงชั้นใน เธอจึงจัดการใช้สองมือค่อยๆรูดมันออกไปได้นิดหน่อย ก่อนที่แฟนหนุ่มจะลุกขึ้นช่วยดึงมันออกไปจากปลายเท้า “อยากได้แล้วเหรอ? วันนี้อ้อนเก่งจังแมวน้อยของผม” เธอใช้เท้าแตะเป้ากางเกงที่น้องชายของเจตนิพัทธ์แข็งเป็นลำรออยู่แล้ว เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วเอาหน้าซุกไซ้ที่กลางหว่างขาของพราวตะวันอย่างหิวกระหาย “อ๊าา..อาาา..” สองเท้าของเธอจิกลงบนหลังของแฟนหนุ่มที่จูบดื่มด่ำกับเครื่องเพศของเธออย่างเร้าอารมณ์สุดๆ พลันมีเสียงโทรศัพท์เข้าจากเครื่องของเจตนิพัทธ์ แต่เขาไม่สนใจและไม่หยุดทำ “อาา..เจต แป็บนึง.. ที่รัก รับสายก่อนมั้ย? เผื่อใครโทรมาเรื่องฉุกเฉินหรือเปล่า” เขาเชื่อฟังเธอแต่ก็ไม่สบอารมณ์คนที่โทรมา “โห่ว พี่คิณอีกแล้ว ไว้โทรกลับทีหลังแล้วกัน” “ไม่ต้องหรอก..รับสิ” พราวตะวันลุกขึ้นมากอดคอเขาแล้วส่งสายตาที่ร้อนแรงให้ พอกดรับสาย เธอก็ผลักเขาลงไปนอนแผ่หลาบนเตียงแทน พร้อมกับเริ่มบทรักร้อนแรงต่อโดยไม่สนใจว่าเขาจะคุยกับพี่ชายอยู่ ด้วยการจูบโลมเลียที่แท่งลำอันแข็งแรงนั้น จนเจตนิพัทธ์ต้องพยายามฝืนคุยด้วยเสียงที่ปกติ “พี่คิณ ว่าไงพี่?” “ยังไม่กลับบ้านเหรอ? แม่เป็นห่วง” “บอกแม่แล้ว..เอ่ออ ว่าจะกลับ..ดึก” ยิ่งสายตาเขาเห็นสิ่งที่แฟนสาวทำ ยิ่งอารมณ์กระเจิดกระเจิงจนคุยจะไม่รู้เรื่อง “พรุ่งนี้วันจันทร์ด้วย กลับบ้านดึกตื่นไปฝึกงานสายไม่ได้นะ” “โอเค รู้..” อยู่ๆพราวตะวันก็เลิกทำ ตะกายขึ้นมาบนตัวเขาและพูดขึ้นมา ทำเอาคนที่อยู่ในสายและแฟนหนุ่มที่นอนตัวเกร็งต้องตกใจระคนแปลกใจ “รักพราวมั้ย?…” เจตนิพัทธ์ที่ตกใจจึงไม่ทันตอบและกำลังจะกดวางสาย แต่เธอดึงโทรศัพท์จากมือเขาไปโยนไว้ไกลๆขอบเตียงแทน แล้วประกบปากจูบอย่างเร่าร้อน ก่อนจะกระซิบบอกว่า “ไม่ต้องสนใจหรอก เดี๋ยวพี่เค้าก็วางสายไปเอง ตอนนี้มีแค่เราเท่านั้น” พราวตะวันขึ้นนั่งทับแท่งลำนั้นจนมิดบดขย่มกันอย่างเสียวซ่านพลางส่งเสียงครางอย่างเซ็กซี่ให้ดังไปถึงคนที่อยู่ในสายนั้น คิณภัทรตกใจแต่ก็ตั้งใจฟัง เขาไม่ยอมวางและไม่มีอารมณ์แบบครั้งก่อนที่เคยได้ยิน ครั้งนี้มันกลับเป็นความหึงหวง ความโกรธที่เธอตั้งใจยั่วยุเขา ทั้งที่รู้แก่ใจแบบนี้แต่คิณภัทรกลับแพ้ให้กับอารมณ์ของตัวเองมากกว่าจะใช้เหตุผลว่าที่จริงแล้ว..เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย.. “เจต…อาาา พราวเป็นของคุณคนเดียว” “วันนี้น่ารักที่สุดเลยพราว สวยที่สุด อาา..แมวน้อย” “เจตไปอยู่กับพราวที่ฝรั่งเศสมั้ย? พราวจะให้ทำ..ทั้งวันทั้งคืน…” สารพัดคำพูดระหว่างร่วมรักนั้น ทำให้คิณภัทรเหมือนอกหักอย่างแรง แต่ก็อดทนฟังและแอบกดเรียกรถในแอปพลิเคชันให้มารับไปส่งที่บ้านของพราวตะวัน เขาไม่ต้องการเอารถออกไปเพราะไม่อยากให้ใครรู้ ทุกคนจะได้คิดว่าเขาอยู่บ้าน อารมณ์ค้างหรือยังไง? เพราะผมไม่ได้นอนกับคุณจริงๆงั้นเหรอ? ถึงทำให้คุณต้องทำแบบนี้… เจตนิพัทธ์โอบเอวเธอให้เป็นฝ่ายลงไปนอนใต้ตัวเขา พลิกตัวเธอให้นอนคว่ำแล้วสอดใส่จากทางด้านหลัง หน้าท้องกระแทกแก้มก้นเธออย่างเร่าร้อนดุดันและเร่งจังหวะถี่ยิบ ร่างกายของคนทั้งสองสนิทแบบเนื้อแนบเนื้อ “พราว..เจตใกล้แล้ว..ใกล้มั้ย?..” “อย่าหยุดที่รัก…อื้อออ” แรงกระแทก แรงรัดรึงท่อนเอ็นที่กระตุกในร่องรักของเธอเป็นจังหวะหลายๆครั้ง น้ำรักที่พวยพุ่งจนรู้สึกร้อนอยู่ภายใน ทั้งคู่เสร็จพร้อมกันอย่างมีความสุขและนอนกอดก่ายพลอดรักกันอยู่ครู่หนึ่งจึงพากันไปล้างตัว แล้วลงไปนั่งเล่นรอแม่ของพราวตะวันที่ห้องรับแขก “แม่น่าจะกลับดึกเลยอ่ะ กลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้เราต้องไปฝึกงานด้วย พราวอยู่ได้” เขาจับแก้มคนรักอย่างเบามือ แววตามีแต่เงาของเธอสะท้อนในนั้น “เจตจะตั้งใจกับชีวิตให้มากกว่านี้ เพื่อเรานะ” “พราวก็เหมือนกัน” “อยู่ได้แน่นะ ไม่ค่อยอยากไปเลย” “ได้สิ ไม่นานแม่คงกลับแต่มันจะดึกไปสำหรับเจต เชื่อพราวเถอะนะ ขับรถดึกเกินมันอันตราย” พราวตะวันเดินกอดแขนแฟนหนุ่มออกไปส่งที่รถ ยืนโบกมือให้เขาแล้วปิดประตูหน้าบ้าน พอหันหลังจะเดินกลับไปในบ้าน ก็มีเสียงของคนที่เธอไม่คาดคิดโผล่ขึ้นมา “พราวตะวัน” ………………………………….🔥🥀หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ชโลทรก็ส่งข้อความมาบอกพราวตะวันว่าอยู่ที่ปารีสกับครอบครัวโบว์ฟัว เพื่อทำงานศิลปะอย่างที่เคยฝันว่าอยากมีแกลลอรี่เป็นของตัวเองบ้าง แต่ช่วงนี้ต้องอาศัยแกลลอรี่ของกาเบรียลเพื่อวางผลงานไปก่อน พราวตะวันตกใจที่แม่ของเธออยู่ร่วมกับพ่อและภรรยาใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ “พ่อทำยังไงถึงโน้มน้าวแม่ได้คะ? เหลือเชื่อมาก”“ก็เพราะพ่อรู้จักเธอดีกว่าใครๆ เผลอๆรู้จักเธอมากกว่าตัวเธอรู้จักตัวเองเสียอีก แล้วก็ต้องให้เครดิตโคลเอ้นะ น้องสาวลูกตีบทแตกไปเลย”พราวตะวันหัวเราะคิก “พ่อเล่าหน่อยสิ”“ไว้ลูกมาที่ปารีสเดี๋ยวก็เห็นว่าโคลเอ้ทำยังไง?”ที่อเมริกาช่วงพักฟื้นได้จบลง คิณภัทรได้กลับมาประเทศไทยอย่างสุขภาพที่ดี จากการพักผ่อนเต็มที่ อาหารที่แม่ของเขาทำเพื่อลูกอย่างถูกสุขอนามัยทุกวัน แม่บอกรักเขา ดูแลและโอบกอดเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากได้มาตลอด ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งเดือนเป็นการฟื้นฟูความรู้สึกที่ขาดหายในวัยเด็กด้วยเลยทีเดียวพราวตะวันและเจตนิพัทธ์ที่ใส่ชุดนักศึกษาได้จูงมือกันเข้ามาในบ้าน ก็เจอกับคิณภัทรและแม่ที่บินกลับมาแล้ว“นี่ในบ้านนะ ไม่ต้องกลัวคนหายหรอก”“หายดีก็ปากเหมือนเดิมเลยนะพี่ค
ชโลทรหมดแรงที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคิณภัทรอีกแล้ว“เธอเป็นของคุณ..ดูแลเธอให้ดีก็แล้วกัน..”เธอพูดจบและจะเดินหนีขึ้นข้างบน พราวตะวันรีบเรียกและดึงแขนแม่เอาไว้“แม่!..”“ปล่อยแม่..พราว! รักเขามากกว่าแม่ก็ไปซะ”“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่”“ไม่ใช่แล้วมาปรึกษากันบ้างมั้ย?”“หนูขอโทษค่ะ..”“ให้แม่อยู่คนเดียวซักพักเถอะ ไปสิ..ไปอยู่กับพวกเขา ไปซะ” ชโลทรสะบัดแขนจากลูกสาวแล้วรีบเดินขึ้นไปบนชั้นสองและปิดประตูห้องล็อก คิณภัทรรีบมากอดเธอไม่ให้ตามขึ้นไป เขาจะสู้เพื่อไม่ให้เสียเธอ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นแม่ของเธอหรือใครก็ตาม “พี่คิณ..เอาไงดี?”“แม่ว่าพาหนูพราวไปที่บ้านก่อนดีกว่า บางทีปล่อยให้แม่เค้าคิดอะไรสักพักก่อนนะ”“พราว..ไปกับเรานะ พี่ไม่ได้บอกให้ทิ้งแม่ แต่พี่ไม่อยากให้ทุกคนสุขภาพจิตเสีย เดือนหน้าหนูอาจตั้งท้องแล้ว พี่ห่วงลูก เดี๋ยวพี่จะหาทางมาคุยกับคุณแม่ของพราวอีกที พี่ไม่ยอมแพ้หรอก”“เจตจะไปช่วยเก็บของ แม่กับพี่คิณรอนี่แป็บนึงนะ”เจตนิพัทธ์จับมือพราวตะวันให้ออกจากกอดของคิณภัทร เพื่อไม่ให้เสียเวลา“พราวไม่ไปได้ไหม? ขออยู่ที่นี่กับแม่…”“เชื่อเจตนะ เจตมีวิธี”ทั้งสองขึ้นไปเก็บแค่เสื้อผ้ามาไม่มากร
คุณเจตสุภาตัดสินใจจะไปคุยกับชโลทรที่บ้าน เพราะเจตนิพัทธ์ได้บอกกับทุกคนว่าท่าทางคุณแม่ของพราวตะวันดูสับสนกับสิ่งที่ลูกสาวบอกคร่าวๆ“แม่คิดว่ามีส่วนต้องช่วยรับผิดชอบ เพราะลูกชายของแม่ทั้งสองคนไปอีนุงตุงนังกับลูกสาวของเค้าก่อน อีกอย่างอยากทำอะไรให้ถูกต้อง ไหนๆก็จะเรียนจบอยู่แล้ว”พราวตะวันที่จัดของออกจากกระเป๋าอยู่ พอเห็นสายโทรเข้าจากเจตนิพัทธ์ก็รีบรับสายอย่างกระตือรือร้นทันที “ว่าไงเจต? พราวกำลังเครียดเลย”“เดี๋ยวอีกชั่วโมงนึงเจอกัน ที่บ้านเจตโอเคทุกอย่าง ราบรื่นไม่มีอะไร ไม่ต้องเครียดนะ พวกเราเอาอยู่”“เฮ้อ..ไม่รู้สิ กลัวไปหมด”“เจตจะปกป้องพราวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ช่าง เราต้องได้อยู่ด้วยกัน”วันนี้ชโลทรลางานจากมหาวิทยาลัย จึงว่างครึ่งวันโดยเธอนั่งวาดรูปเงียบๆที่ห้องรับแขก ไม่นานนักก็มีรถยนต์คันใหญ่ที่หรูหรามาจอดที่หน้าบ้าน เธอที่เห็นแบบนั้นจึงออกไปดู พอเห็นหน้าสองพี่น้องและหญิงวัยกลางคนที่ดูก็รู้ทันทีว่าคือคุณแม่ของพวกเขา ซึ่งดูอายุอานามมากกว่าเธอ จึงเป็นฝ่ายยกมือสวัสดีขึ้นก่อน“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”“โอ้..ยินดีมากค่ะ อยากเจอคุณแม่หนูพราวมาสักพักแล้ว”คุณเจตสุภารับไหว้และจับมือของชโลทรอ
ถึงเวลาบินกลับไทยก่อนหน้าเปิดเทอมสุดท้ายสามวัน ครอบครัวจิรวราพงศ์มารับคิณภัทรและพราวตะวันที่สนามบิน โดยมีชโลทรคุณแม่ของพราวตะวันได้มารอรับลูกสาวเช่นกัน ซึ่งเธอประหลาดใจมากที่ลูกสาวลงเครื่องมากับคิณภัทร ขณะที่แฟนหนุ่มอย่างเจตนิพัทธ์มารอรับทั้งคู่ด้วยและนี่เป็นครั้งแรกที่พ่อแม่ของพวกเขาได้รู้จักคุณแม่ของแฟนสาว ทุกคนดูไม่แปลกใจกับทุกสิ่งที่เห็นยกเว้นชโลทรที่รู้สึกแปลกๆพราวตะวันยกมือไหว้พ่อแม่ของแฟนหนุ่มทั้งสอง และปรี่เข้าไปกอดแม่ของเธอแน่น เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันถึงสองเดือนกว่า คิณภัทรกอดกับแม่ของเขาแล้วก็เดินมาหาชโลทร “สวัสดีครับคุณแม่ พอดีผมกลับมากับน้อง วันนี้ผมจะขออนุญาตไปคุยกับคุณแม่ที่บ้านนะครับ เออ..เจต ของเยอะมากเลย ต้องช่วยกันขนใส่รถนะ”คิณภัทรคุยกับชโลทรแล้วหันไปบอกน้องชาย ก่อนจะหันมากระซิบกับพราวตะวันเบาๆ“ที่รัก ตอนเย็นผมกับเจตจะไปหาที่บ้านนะ ขอคุยกับที่บ้านก่อน”พราวตะวันพยักหน้ารับ ขณะที่เจตนิพัทธ์มากอดเธอเป็นคนสุดท้าย “เจตไม่เจอแป็บเดียว พราวสวยขึ้นนะ คิดถึงจะตายละ”“เย็นนี้เจอกันนะ”เธอกล่าวลาทุกคนแล้วกลับบ้านไปกับแม่ ระหว่างอยู่ในรถ แม่ของเธอสังเกตว่าลูกสาวดูสวยขึ้นจร
พราวตะวันไม่เคยไปที่อื่นนอกจากฝรั่งเศส เธอจึงตื่นเต้นมาก ชุดว่ายน้ำทูพีชสีสดใสหลายชุดที่ไปช็อปปิ้งมา เธอจึงใส่ไม่ซ้ำกันสักวันเพื่อว่ายน้ำทั้งในโรงแรมและที่ชายหาดใกล้กับ Brook Point ในเวลาที่สามีทำงานอยู่ในห้อง เธอถ่ายรูปส่งให้เจตนิพัทธ์และแม่ของเธอมากมาย จนแม่ต้องส่งข้อความมาหาว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ “แล้วหนูจะกลับไปอธิบายให้แม่ฟังนะคะ”คิณภัทรโทรเข้ามาหาเพราะตามหาภรรยาไม่เจอ “ที่รัก อยู่ไหน? ห้ามไปที่ไหนไกลเกินไปคนเดียวสิ พี่เดินหาไม่เจอเลย”“มานั่งเล่นใกล้กับซากเรือเก่าค่ะ สวยมากๆ ถ่ายรูปส่งไปให้แม่ด้วยเผื่อเป็นแบบให้วาดภาพ มีประภาคารด้วยพี่คิณ ปลาก็เยอะน้ำก็ใสสีฟ้าสุดๆ”“เดี๋ยวๆ ทำไมไปไกลจากโรงแรมแบบนั้น? อยู่นั่นเลยห้ามลงน้ำ พี่กำลังไปหา”เขาเอารถของโรงแรมขับอ้อมไปหาเธอ 1.7 กิโล ใช้เวลาห้านาทีก็ถึง พอดูพิกัดในโทรศัพท์ก็รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน “แพริส ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำแบบนี้มาคนเดียว เห็นมั้ยว่าคนท้องถิ่นอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ไม่มีใครสักคนน่ะ ถ้าจะมาให้รอพี่สิ”เธอเงยหน้ามองแบบไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไร พลางใส่เสื้อและกางเกงขาสั้นทับชุดว่ายน้ำไปเลย แล้วทำหน้าหงิก“เดี๋
ตอนนี้สุขภาพของคิณภัทรดีขึ้นแต่ก็ยังต้องจำกัดอาหารและดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เหมือนเดิม พวกเขาได้รับเอกสารการจดทะเบียนเรียบร้อยและบินไปนีซอีกครั้งเพื่อแสดงเอกสารให้กับทางโบสถ์ รวมถึงไปดูการรีโนเวทโรงแรมอยู่สามวันเหลืออีกครึ่งเดือนเขาและพราวตะวันต้องกลับไทย การใช้ชีวิตด้วยกันกับครอบครัวของเธอสองเดือนกว่านี้ทำให้ชีวิตเขาสงบและร่างกายได้พักผ่อนยาวๆเป็นครั้งแรก ทางด้านเจตนิพัทธ์รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์กับพราวตะวันดีขึ้นมาก พออยู่ไกลกันกลับห่วงหาคิดถึงกันมากกว่าเดิม ไม่มานั่งทะเลาะกัน ได้คุยกันทุกวันแม้จะไม่นานมาก ลมทะเลที่พัดปลิวผ้าม่าน ผมยาวเป็นลอนสวยที่ปลิวตามแรงลม พราวตะวันนั่งที่ระเบียงห้องเพลินๆระหว่างที่คิณภัทรนั่งทำงานคุยซูมประชุมอยู่กับลูกน้องที่ต่างประเทศ เธอนึกอะไรขึ้นได้จึงลุกไปค้นอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพาย มองมันในมืออยู่ครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจ สุดท้ายก็ทิ้งมันลงถังขยะ..ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ..อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วด้วย…พราวตะวันเห็นว่าคิณภัทรยังคุยงานอยู่ เธอจึงหยิบบางอย่างในตู้เสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไป ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งแล้วเดินผ่านเขาไปนั่งเอนหลังบ