ปวดกะบาลจริงๆ... นี่มันคล้ายกับฉากดราม่าในละครย้อนยุคของซีรี่ส์ไต้หวันเรื่องล่าสุด ซึ่งลีน่าเคยรับเล่นเป็นนางร้ายอันดับสอง แถมบรรยากาศยังดูเหมือนกันอย่างกับว่าใช้พล็อตเรื่องเดียวกัน!
“เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย วันนี้มีกับข้าวแค่ห้าอย่าง ปกติข้าก็กินไม่เคยหมด อะไรที่มีมากเกินไปก็ดูสิ้นเปลืองและเปล่าประโยชน์” นายหญิงตัวน้อยแสร้งทำเป็นบ่นพึมพำ
แม่นมหวง ซูปี้กับซูลี่ ต่างมองสบตากันเลิกลั่กไปมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เนื่องจากพระชายาหลีน่าเป็นคนจิตใจอ่อนไหว หากมีเรื่องใดกระทบกระทั่งเพียงแค่เล็กน้อย นางก็จะมีอาการเหม่อลอยและจมอยู่กับความโศกเศร้าไปตลอดทั้งวัน
“วันนี้ ข้าอยากไปเดินเล่นในตัวเมือง”
จู่ๆ ลีน่าหลุดปากพูดขึ้นมา ตลอดเวลาสามวันสามคืนที่เธออาศัยอยู่ในร่างนี้ หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองมีสภาพไม่ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกจัดวางไว้ในห้องเพื่อให้ฝุ่นเกาะเท่านั้น
“พระชายาจะทำเช่นนั้นไม่ได้นะเพคะ ทรงลืมไปแล้วหรือเพคะว่า ไท่จื่อทรงมีรับสั่งให้พระชายาพักผ่อนรักษาตัวอยู่แต่ภายในตำหนักโม่ลี่ฮวา จนกว่าจะครบเวลาหนึ่งเดือนเต็ม” แม่นมหวงกล่าวท้วงขึ้นมาทันที
บ้าจริง... นี่มันคำสั่งกักบริเวณชัดๆ
ลีน่าลอบระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด สภาพของเธอตอนนี้ สามารถทำได้แค่ก่นด่าคนที่ออกคำสั่งในใจเท่านั้น
“ข้าหายดีและแข็งแรงขึ้นมากแล้ว”
“พระชายาเพิ่งจะทรงหายประชวร ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก โปรดอย่าทำให้ไท่จื่อทรงกริ้วอีกเลยนะเพคะ” สามนางกำนัลประสานเสียงพูดพร้อมเพรียงกัน ราวกับมีการนัดแนะ
‘โอย... อยากจะบ้าตาย!’ ทำไมคนไฮเปอร์แอคทีฟแบบเธอต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ แค่อยากออกไปเดินเล่นนอกบ้านก็ช่างแสนลำบาก ยังจะต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าชีวิตเสียก่อน
มิน่าล่ะ... เจ้าของร่างเดิมถึงได้มีสภาพแห้งเหี่ยวหัวโตเหมือนทารกแรกเกิดไม่เคยสูดอากาศนอกมดลูก
ลีน่าถอนหายใจยาวอีกเป็นครั้งที่นับจำนวนไม่ถ้วน เธอพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับสถานการณ์อย่างสุดความสามารถแล้ว
ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบความสุขสบาย แต่แบบนี้มันสบายจนเกินไป... เธอควรจะสมรอยเป็นพระชายาหลี่น่า และใช้ชีวิตนั่งกินนอนกินอยู่ในกรงทองต่อไป หรือว่า... จะลุกขึ้นมาปฏิวัติทุกอย่างเสียใหม่?
องค์รัชทายาทซ่งหยวนซีมีพระสนมชายาทั้งหมดสิบหกนาง อันได้แก่สี่พระชายาซึ่งล้วนเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์และสิบสองพระสนมซึ่งเป็นสาวงามบรรณาการจากแคว้นต่างๆ ทว่าสตรีที่ได้รับความโปรดปรานจากไท่จื่อมากที่สุดกลับเป็นพระสนมองค์สุดท้าย...
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของขบวนขันทีเดินเข้ามาใกล้ศาลาชมสวนในตำหนักเหม่ยฮวา หลี่รี่จึงแย้มยิ้มออกมาอย่างปลาบปลื้ม ดวงตาเรียวยาวราวกับนางหงส์เป็นประกายพราวระยับ ทำให้ใบหน้างามล่มเมืองยิ่งดูเปี่ยมเสน่ห์
ถึงเวลาที่นางจะได้เลื่อนขั้นเป็นพระชายาแล้วสินะ
เป็นดั่งคาด... หัวหน้าขันทีเส้าฉีเดินนำหน้าเหล่าขันทีและนางกำนัลจำนวนเกือบสิบชีวิต แห่ขบวนมายังตำหนักเหม่ยฮวา เพื่อถวายของขวัญพระราชทานและแต่งตั้งให้พระสนมหลี่รี่เลื่อนขั้นเป็นพระชายาอันดับที่สี่ ตามคำสั่งขององค์รัชทายาท
“เส้าฉี! เดี๋ยวก่อน...”
หลี่รี่เอ่ยเรียกหัวหน้าขันที เส้าฉีจึงโบกมือไล่ขบวนผู้ติดตามและเหล่านางกำนัลออกไปจากศาลาชมสวน
“ทรงมีสิ่งใดให้กระหม่อมรับใช้”
“ไท่จื่อทรงมีรับสั่งให้ปลดหลี่น่า อย่างนั้นรึ?”
“พ่ะย่ะค่ะ” เส้าฉีค้อมตัว
“ช่างน่าสงสาร นางเพิ่งหายป่วยแท้ๆ” หลี่รี่ถอนหายใจ พยายามสงวนกริยาให้ดูสงบ แต่มิอาจเก็บงำแววตายินดีปรีดาของตนเอาไว้ได้อย่างมิดชิด
“พระสนมหลี่น่าไม่สามารถถวายการรับใช้องค์รัชทายาท กระหม่อมคิดว่าเป็นเรื่องสมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เส้าฉีแบ่งรับแบ่งสู้
หลี่รี่ข่มกลั้นความรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาไว้อย่างสุดความสามารถ “น่าจะรอให้นางโตอีกสักหน่อย”
“พระชายาสี่ช่างมีน้ำพระทัยงดงามยิ่ง”
“อืม” หญิงสาวทำเสียงอืมเป็นการตอบรับ ก่อนจะโบกมือไล่หัวหน้าขันที
เส้าฉีค้อมตัวถวายคำนับ จากนั้นจึงเดินออกไปจากศาลาชมสวน
บัดซบ! แค่ลดตำแหน่งให้เป็นพระสนมนี่เรียกว่า สมควรแล้วรึ? หลี่รี่กำหมัดแน่น แววตาเกรี้ยวกราดเพราะรู้สึกขัดใจ ที่น้องสาวต่างมารดาไม่ได้ถูกปลดศักดินาและโดนขับไล่ออกไปจากวัง อย่างเช่นที่นางปรารถนา
ลีน่าตกใจจนแทบจะเป็นลม เมื่อจู่ๆ ม่านผ้าดิบถูกคนด้านนอกเปิดเข้ามาอย่างพรวดพราด ขณะที่อี๋ชินอ๋องกำลังอุ้มนางแหวกว่ายอยู่ในธารน้ำตกด้วยเรือนร่างที่ไร้อาภรณ์ สายตาหวงแหนที่มองมาทำให้หญิงสาวรู้สึกกระดาก จนต้องขืนกายออกจากวงแขนแข็งแรงที่โอบกอด“ท่านมาเร็วกว่าที่คิด”ซ่งเหยียนหมิงเอ่ยทักทายญาติผู้พี่อย่างไม่รู้สึกร้อนหนาว“ยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าทำได้เร็วกว่านี้” ซ่งหยวนซีถอดเสื้อผ้าออกจากร่างอย่างว่องไง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ล้อนจ้อนจะเดินลงไปในธารน้ำตก และว่ายน้ำไปแย่งเอาพระสนมตัวน้อยกลับคืนมา“เหยียนหมิงรังแกเจ้าไปกี่ครั้ง” เขาถามนาง น้ำเสียงหงุดหงิด“ครั้งเดียวเพคะ” เธอไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มซ่งหยวนซีไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่พูดพร่ำสิ่งใดให้เป็นการเสียเวลาอีก เขาอุ้มร่างอรชรเดินไปท
ลีน่าถูกเขาเคี่ยวกรำอย่างหนัก เธอสุดจะกลั้นเสียงร้องครวญคราง ร่างอรชรบิดเร่าแอ่นระแน้ด้วยความสยิวทรมาน สาสมใจคนเจ้าเล่ห์“อาา... ข้างในของเจ้าเหมือนสวรรค์ ช่าง... ดี... ดีเหลือเกิน” ซ่งเหยียนหมิงใช้ฝ่ามือใหญ่โอบอุ้มสะโพกผายกลมกลึงเอาไว้ เขาโก่งบั้นท้ายและยกร่างบางขึ้น ก่อนจะกดนางลงพร้อมกับกระแทกกระทั้นแก่นกายแกร่งชูชันใส่ความสาว“อ่ะ! หม่อมฉัน... มะ ไม่ไหวแล้ว อ๊าา...”นางเว้าวอนอย่างน่าสงสาร น้ำเสียงครวญครางกระเส่าสะอื้น ใบหน้างามแดงเรื่อราวกับมีพิษไข้ หากไม่อาจจะหยุดยั้งเรือนกายแกร่งที่เคลื่อนไหวราวกับบ้าคลั่งซ่งเหยียนหมิงประคองสะโพกผายกลมกลึงวางเกยบนขอบบ่อน้ำแร่ร้อน แล้วดันท่อนขาเพรียวสะล้างของนางพับขึ้น ระดับความสูงพอเหมาะช่วยหนุนเนินโหนกอวบอูมลอยเด่นจนเห็นชัดถนัดใจ แววตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาวโรจน์ราวกับจะล
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเรือนกายเปลือยเปล่าของซ่งเหยียนหมิง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ลีน่าจะทำใจให้เคยชินกับความบ้าระห่ำเหนือการคาดเดาของเขา“เจ้าอายจนหน้าแดงไปหมดแล้ว” น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ เขาจับข้อเท้าของนางแยกออกจากกัน แล้วพิศมองเนื้อในความสาวความร้อนทำให้ผิวบอบบางบริเวณนั้นแดงก่ำและดูยิ่งโป๊เปลือยชวนให้ขัดเขิน เมื่อตกอยู่สภาพที่ถูกมองเห็นแบบชัดเจนถึงรูขุมขนขนาดนี้แล้ว ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกทรวงอก“พอแล้วเพคะ อย่าจ้องหม่อมฉันแบบนั้น” ลีน่าเอาฝ่ามือปิดบังของสงวนแววตาของซ่งเหยียนหมิงเกือบลุกเป็นไฟ เขาอยากเอาตัวตนที่เหยียดขยายจนแข็งชูชันชำแรกเข้าไปในความสาวสดรัดรึงของนางแทบใจจะขาด แต่ทั้งคู่เพิ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำแร่ร้อน หากลงไม้ลงมืออย่างบุ่มบ่ามเขาจะทำให้หลี่น่าเจ็บ“ข้าอยากดื่มน้ำหวานในตัวเจ้า” ซ่งเหยียนหมิงดึงมือเรียวเล็กออกจากเนินเนื้ออวบอูม แล้วก้ม
ซ่งหยวนซีไม่มีความคิดจะเปิดโอกาสให้ซ่งเหยียนหมิงไปพรอดรักกับหลี่น่าสองต่อสอง ท่ามกลางแมกไม้ทัศนียภาพอันงดงามเหมือนสวรรค์เช่นนั้น“ท่านมีฏีกาสำคัญที่ต้องตรวจสอบมิใช่รึ” ซ่งเหยียนหมิงมีสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เธอรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ดูท่าทางเรื่องนี้คงยากที่ใครสักคนจะยอมแพ้ ลีน่าซึ่งเป็นคนกลางจนปัญญาจะจัดการกับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง“หม่อมฉันขอเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ไท่จื่อกับอี๋ชินอ๋องตกลงกันเรียบร้อยแล้วค่อยตามไปทีหลังจะดีกว่าเพคะ” พระสนมตัวน้อยกล่าวตัดสินอย่างเฉียบขาดพลันมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองหนุ่มกับหนึ่งสาวหันมองสบตากัน คล้ายต่างคนต่างมีคำถาม ปกติจะไม่มีใครกล้าบังอาจเข้ามาขัดจังหวะที่ทั้งส
จูเยี่ยนตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อครู่ที่นางเปิดประตูห้องบรรทมของพระชายาหลี่รี่เข้าไปแล้วเห็นภาพบัดสีบนเตียง ยิ่งไปกว่านั้น... ชายชู้ที่นายหญิงนอนเปลือยกายกอดก่ายแนบชิด คือองค์ชายเยว่หัว รัชทายาทแห่งแคว้นตงเยว่ภาพที่ได้เห็นทำให้จูเยี่ยนนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต ยี่สิบปีก่อน... ทหารของแคว้นตงเยว่ลักลอบข้ามเขตชายแดนของแคว้นฉงเยว่เข้ามารุกรานชาวบ้าน ครอบครัวของจูเยี่ยนถูกทหารตงเยว่สังหารอย่างโหดเหี้ยม พวกมันจับนางไปที่ค่าย รุมย่ำยีนางจนสลบและโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ เพราะพวกมันคิดว่านางตายแล้ว แต่โชคดีมารดาของหลี่รี่บังเอิญได้พบร่างของจูเยี่ยนที่ลอยมาติดอยู่ท่าน้ำหลังบ้านและได้ช่วยชีวิตจูเยี่ยนเอาไว้ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา จูเยี่ยนถวายการรับใช้สองแม่ลูกด้วยความซื่อสัตย์ภักดี และไม่เคยขัดคำสั่งพวกนาง แม้ว่าพวกนางจะสั่งให้จูเยี่ยนทำเรื่องที่เลวทรามต่ำช้าเพียงใด หรือจะโขกสับเยี่ยงทาส จูเยี่ยนยกย่องเทิดทูนพวกนางสองแม่ลูกประหน
“ข้าก็อยาก...เจ้า แทบจะทนไม่ไหวแล้ว”เยว่หัวขยับนอนท่าถนัด เรือนกายหนาหอบหายใจด้วยอารมณ์พิศวาสรุนแรง สายตาเร่าร้อนจ้องมองสัดส่วนวัยสาวด้วยความหื่นกระหาย เขายกร่างเปลือยเปล่าควบคร่อมเหนือหน้าตัก ดุนดันปลายองคชาติเสียบคาไว้ที่กลีบสวาทของนาง แล้วกดสะโพกผายกระแทกลงมาแรงๆ “อ๊าาา!!!” หลี่รี่ร้องครางเสียงแหลม เมื่อท่อนเนื้อเขื่องแข็งเสียบแทงเข้ามาความสาวจนจุกเสียด ปลายทวนของเยว่หัวหยั่งเข้าไปถึงส่วนลึกของนาง ความใหญ่ยาวของเขาทำให้นางอึดอัดจนต้องอ้าปากระบายลมหายใจ“หลี่รี่ ...เจ้ายอดเยี่ยมที่สุด อาาา...”เยว่หัวสูดปากครางด้วยความสยิว ชายหนุ่มเกร็งบั้นท้ายหมุนคว้านภายในความสาว เข้าไปสัมผัสจุดกระสันที่ซ่อนเร้น แล้วจ้วงแทงเข้าออกในตัวนางอย่างบ้าคลั่ง“องค์ชาย! องค์ชาย!” โฉมสะคราญร่ำร้องขอความเมตตา