Masukบ้านณิชา..
เสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตหรูดังแผ่วก่อนดับลงตรงหน้าบ้านของณิชา
คีรติเปิดประตูลงจากรถในชุดสูทเรียบหรู สายตาคมกริบกวาดมองตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจเฉพาะตัว
ภารดีที่กำลังจัดแจกันดอกไม้ตรงห้องรับแขกหันมาเห็นเข้าพอดี
“อ้าว...ตาคีย์ มารับน้องเองเลยหรือลูก?”
เสียงเธอแฝงรอยยิ้มปลื้มชัดเจน
คีรติยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ครับคุณแม่ วันแรกของการทำงาน มารับเลขาส่วนตัวสะหน่อยครับ”
ภารดียิ้มกว้าง
“น่ารักจังลูกเขยของแม่”
ทันใดนั้น เสียงเครื่องดนตรีเบา ๆ ดังจากในบ้าน ก่อนชายหนุ่มอีกคนจะเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้าง
“อ้อ นี่พอร์ช ลูกชายคนเล็กของแม่”
ภารดีแนะนำ
พอร์ชยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับพี่เขย”
เขาแกล้งเอ่ยคำเรียกอย่างซุกซน
“เดี๋ยวผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ”
คีรติหัวเราะเบา ๆ
“สวัสดีพอร์ช ขับรถดี ๆ นะ”
ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังลงมาจากชั้นบน ก่อนจะตามด้วยเสียงใสที่คุ้นหู
“แม่ค่ะ มีอะไรทานบ้างคะเช้านี้?”
ณิชาในชุดสูทกระโปรงสีครีมอ่อนก้าวลงมาจากบันได ผมยาวสลวยถูกรวบเรียบ เธอดูเรียบร้อยแต่น่ามองอย่างเหลือเชื่อ...จนคีรติอดยิ้มไม่ได้
“อรุณสวัสดิ์ครับ...น้องณิชา”
เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ มุมปากยกยิ้มบาง
ณิชาชะงักกลางทาง ก่อนตาเบิกเล็กน้อย
“คุณ...”
เสียงเธอแทบไม่พ้นลำคอ
ภารดีหัวเราะเบา ๆ
“พี่คีย์มารับลูกไปทำงานน่ะสิจ๊ะ น่ารักจริง ๆ ผู้ชายแบบนี้หายากนะลูก”
คีรติหันไปพูดต่ออย่างสุภาพแต่สายตาแฝงแววท้าทาย
“ผมไม่อยากให้คุณแม่เป็นห่วงครับ...เลยตั้งใจมารับน้องด้วยตัวเอง”
“ขอบใจมาก ๆ ทานมื้อเช้ากันก่อนไหมลูก”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ผมเตรียมมื้อเช้าให้น้องแล้วครับ ทานระหว่างเดินทาง”
ณิชาหลุบตา พยายามกลั้นความรู้สึกปั่นป่วนไว้ในใจ ก่อนตอบเรียบ
“ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
“ลำบากที่ไหนกันครับ...”
เขายกคิ้วขึ้นน้อย ๆ
“ถือว่าเป็นหน้าที่ของคู่หมั้น...ที่จะดูแลนะครับ”
คำว่า คู่หมั้น ทำเอาเธอเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาทั้งคู่สบกันกลางแสงแดดยามเช้า แววตาเธอมีทั้งความขุ่นเคืองและความสับสน ส่วนของเขากลับนิ่งแต่ลึกจนยากจะอ่านออก
ภารดีมองทั้งคู่สลับกัน ก่อนยิ้มเอ็นดู
“งั้นไปกันเถอะลูก เดี๋ยวจะสาย”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะครับคุณแม่ สวัสดีครับ”
“ไปนะคะแม่ ...สัปดาห์นี้ณิชาอยู่คอนโดนะคะ เดินทางสะดวก”
“จ้าลูก... โชคดีๆ”
คีรติพยักหน้า พลางเปิดประตูรถให้เธอ
ณิชาชะงักนิดหนึ่ง ก่อนยื่นหน้าเข้าไปในรถโดยไม่สบตาเขา แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเขากลับลอยมากระทบปลายจมูก กลิ่นเดียวกับคืนนั้น… ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว
เธอสูดหายใจลึก พยายามข่มความรู้สึกที่แผ่วเบา ก่อนที่ประตูรถจะปิดลงอย่างนุ่มนวล เสียงปิดประตูดังก้องเหมือนเตือนให้หัวใจเธอสั่นอีกครั้ง
คีรติขึ้นมานั่งข้าง ๆ เธอ พร้อมส่งกล่องข้าวที่แม่บ้านของเขาได้จัดเตรียมมาให้
“ระหว่างเดินทาง ทานข้าวเช้าก่อนนะครับ”
เสียงเข้ม ๆ นั้น ทำให้เลือดในร่างกายณิชาร้อนขึ้นทันตา
“ณิชาไม่ค่อยทานมื้อเช้า ปกติทานแค่กาแฟดำค่ะ”
“อาทิตย์งั้นแวะซื้อกาแฟดำและขนมปังให้คุณผู้หญิงด้วย ร้านดังซอยข้างหน้า”
เขาสั่งด้วยน้ำเสียงมั่นคง แต่ในแววตากลับมีความใส่ใจแฝงอยู่
“ครับ…นาย”
“ณิชาไม่บอกว่าจะอยากทานตอนนี้นี่ค่ะ”
“แต่นี่เช้าแล้ว ก็ควรจะทานมื้อเช้าจริงไหม ต่อไปทานมื้อเช้าก่อนทานกาแฟนะ ไม่งั้นผมไม่ยอม”
ณิชาสบตาเขา เธอเห็นความอบอุ่นซ่อนอยู่หลังใบหน้าเย็นชานั้น และหัวใจกลับเต้นแรงจนยากจะระงับ
“นี่คุณจะบังคับฉันหรือ”
“อย่าเรียกว่าบังคับเลยเรียกว่าห่วงใยคู่หมั้นดีกว่า”
เขาตอบหน้าตาเฉย
ณิชาถอนหายใจแล้วถามขึ้นทันที
“ฉันถามคุณได้ไหม… ทำไมถึงยอมแต่งงานกับฉัน ทั้งที่รู้ว่าครอบครัวฉันกำลังล้มละลาย?”
“ก็คุณได้ตัวผมแล้ว คุณต้องรับผิดชอบผม ถ้าไม่แต่งกับคุณ ผมจะแต่งกับใครก็ได้ในเมื่อคุณเห็นของผมหดแล้ว”
เขาพูดพร้อมยิ้มเย้ย
“แต่…ถ้าคืนนั้นไม่ใช่คุณ คุณรู้ว่าฉันไม่บริสุทธิ์ คุณจะยังอยากแต่งงานกับฉันอยู่ไหม?”
“แล้วไง… แค่ผมชอบคุณ ต่อให้คืนนั้นไม่ใช่ผม ผมก็พร้อมแต่งถ้าผู้หญิงคนนั้นถูกใจผม”
ณิชารู้สึกเหมือนถูกคำพูดของเขากระแทกหัวใจอย่างแรง
“นี่…คุณชอบง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ไม่เฉพาะคุณเท่านั้นนะ”
เขาเลื่อนมือมากอดเอวของเธอ ช้อนร่างเธอเข้าใกล้จนแทบชิด
“คุณอย่ามารุ่มร่ามนะ”
เธอพยายามดึงตัวเองออก แต่หัวใจกลับไม่ฟัง
“ทำไม… เราเคยทำมากกว่ากอดเอวด้วยซ้ำ แค่นี้ทำเป็นหวง”
“คุณมันเจ้าเล่ห์”
“ก็แค่กับคุณเท่านั้น”
“ผู้ชายร้าย ๆ”
“คุณก็ผู้หญิงร้าย ๆ เหมือนกัน”
ทั้งสองสบตากัน… อากาศรอบตัวร้อนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แรงดึงดูดทำให้หัวใจและร่างกายทั้งคู่ใกล้ชิดจนแทบละลาย
ใครอ่านบทนี้แล้วยิ้มแก้มปริบ้าง สารภาพมาดี ๆ นะ 😚💞 ฟินกันไหมเอ่ย~ จิกหมอนไปกี่ใบแล้วกับความน่ารักของคุณพระเอกของเรา 😍💐 รี้ดคนไหนแพ้ผู้ชายอบอุ่นและเจ้าเล่ห์แบบนี้ ยกมือขึ้นหน่อยเร็ววว 🙋♀️💖
บ้านณิชา..เสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตหรูดังแผ่วก่อนดับลงตรงหน้าบ้านของณิชา คีรติเปิดประตูลงจากรถในชุดสูทเรียบหรู สายตาคมกริบกวาดมองตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจเฉพาะตัวภารดีที่กำลังจัดแจกันดอกไม้ตรงห้องรับแขกหันมาเห็นเข้าพอดี“อ้าว...ตาคีย์ มารับน้องเองเลยหรือลูก?”เสียงเธอแฝงรอยยิ้มปลื้มชัดเจนคีรติยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“ครับคุณแม่ วันแรกของการทำงาน มารับเลขาส่วนตัวสะหน่อยครับ”ภารดียิ้มกว้าง“น่ารักจังลูกเขยของแม่”ทันใดนั้น เสียงเครื่องดนตรีเบา ๆ ดังจากในบ้าน ก่อนชายหนุ่มอีกคนจะเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้าง“อ้อ นี่พอร์ช ลูกชายคนเล็กของแม่”ภารดีแนะนำพอร์ชยิ้มกว้าง“สวัสดีครับพี่เขย”เขาแกล้งเอ่ยคำเรียกอย่างซุกซน“เดี๋ยวผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ”คีรติหัวเราะเบา ๆ“สวัสดีพอร์ช ขับรถดี ๆ นะ”ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังลงมาจากชั้นบน ก่อนจะตามด้วยเสียงใสที่คุ้นหู“แม่ค่ะ มีอะไรทานบ้างคะเช้านี้?”ณิชาในชุดสูทกระโปรงสีครีมอ่อนก้าวลงมาจากบันได ผมยาวสลวยถูกรวบเรียบ เธอดูเรียบร้อยแต่น่ามองอย่างเหลือเชื่อ...จนคีรติอดยิ้มไม่ได้“อรุณสวัสดิ์ครับ...น้องณิชา”เขาเอ่ยเสียงทุ้มต
“คุณ!”เสียงทั้งสองซ้อนทับกันกลางห้องอาหารรอยยิ้มของอรสาและภารดีแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากันด้วยแววตาฉงน“อ้าว...รู้จักกันอยู่แล้วเหรอลูก?”ภารดีถามด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดีณิชารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบาง“เอ่อ...บังเอิญเคยเจอกันค่ะ”“อย่างนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ให้เสียเวลา”อรสากล่าวอย่างมีความหวัง มือประคองถ้วยชาเบา ๆ พลางมองเด็กทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยนคีรติทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับณิชา ท่าทีสงบนิ่งแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอหญิงสาวพยายามหลบสายตานั้น แต่ยิ่งหนี...เขากลับยิ่งมองบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มเปลี่ยนจากความอบอุ่น เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น“หนูณิชาชอบอาหารญี่ปุ่นไหมลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบเลยนะ”ดำรงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่เริ่มหนาแน่น“ชอบค่ะคุณลุง”ณิชาตอบอย่างเรียบสุภาพ แต่ปลายนิ้วยังคงสั่นเล็กน้อยใต้โต๊ะคีรติปรายตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มบางแฝงอยู่บนริมฝีปาก รอยยิ้มที่มีทั้งเย็นชาและความหมายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก“โลกกลมมากเลยนะครับผมพึ่งเจอเธอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้...”เขาพู
บ้านตระกูลอภิพัฒน์วัฒนากุล (บ้านคีรติ)เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านหรูเมื่อ คีรติ พาน้องสาว ครีม กลับมาถึงบ้านทันทีที่ อรสา แม่ของทั้งคู่ได้ยินเรื่องรถชน ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที“ครีม! ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”หญิงสาวรีบเดินเข้ามาดูบุตรสาวด้วยความร้อนใจ“ไม่เจ็บเลยค่ะแม่ แต่พี่ที่หนูชน...เขาหัวแตกค่ะ”ครีมตอบเสียงแผ่วแต่ยังยิ้มบาง ๆ“ตายจริง! แล้วพี่เขาเอาเรื่องหรือเปล่าลูก?”“ไม่ค่ะ แม่...พี่คนสวยเขาน่ารักมากเลย ยังลงมาดูหนูด้วยนะคะ”คีรติยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น ภาพเธอยังวนอยู่ในหัว ดวงตาคมสวย แววตาแข็งแกร่งแต่เศร้าลึก ๆ “งั้นครีมไปพักก่อนนะลูก เดี๋ยวค่อยลงมาทานมื้อเย็นกัน”“ค่ะแม่ แล้วคุณพ่อกลับมาหรือยังคะ?”“ยังเลยลูก วันนี้บริษัทคุณพ่อมีประชุม คงกลับมามืดหน่อย”“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ”“ไปสิลูก รีบอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะ”อรสามองตามลูกสาวขึ้นบันได ก่อนจะหันกลับมาทางลูกชายที่ยังยืนอยู่ตรงโถงบ้าน“ตาคีย์...แม่มีเรื่องจะคุยด้วย มานั่งก่อนสิลูก”คีรติพยักหน้าเบา ๆ“ครับแม่”น้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับรู้ดีว่าเรื่องที่แม่จะพูดคืออะไร“พรุ่งนี้ว
บ้านตระกูลวัฒนวานิชเจริญ (บ้านณิชา)เสียงส้นรองเท้าดังแผ่วเบาไปตามพื้นหินอ่อน เมื่อ ณิชา เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย ดวงตาคู่สวยดูพร่ามัวราวกับคนไม่ได้หลับทั้งคืน“ณิชา เป็นยังไงบ้างลูก…ทำไมมีเลือด!”เสียงของ ภารดี แม่ของเธอเอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตกใจ“รถชนนิดหน่อยค่ะคุณแม่ หนูให้เลขาของคุณพ่อจัดการแล้วค่ะ”หญิงสาวตอบเบาๆ พยายามกลบความอ่อนแรงในน้ำเสียง“ตายแล้ว! มาทำแผลก่อนเถอะลูก”ภารดีรีบพาเธอไปนั่งที่โซฟา มือสั่นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง“ขอบคุณค่ะ...”ณิชาตอบเสียงเรียบ พลางขยับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นอีกนิด เพื่อปกปิดรอยช้ำที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า รอยที่ไม่ควรมีใครเห็น โดยเฉพาะแม่ภารดีนั่งลงข้างๆ พลางหยิบกล่องยามาจัดการแผลให้ลูกสาวด้วยความอาทร“พรุ่งนี้แม่มีนัดกับป้าอรสา ลูกไปกับแม่นะลูก”“แม่ค่ะ…จะให้หนูไปดูตัวอีกแล้วใช่ไหม?”น้ำเสียงของณิชาปนความเหนื่อยใจ“แม่เชื่อว่าลูกกับตาคีย์เหมาะสมกันมาก”ภารดีพูดเสียงหนักแน่นราวกับตัดสินใจแทนลูกสาวไปแล้ว“แต่แม่ค่ะ…”“เพื่อครอบครัวนะณิชา”หญิงสาวชะงัก เธอเม้มปากแน่น ก่อนถามออกมาด้วยความคับข้อง“ครอบครัวเราลำบากขนาดนั้นเลยหรือคะ ทำไมบัตรของหนูเ
บริษัท อภิพัฒน์วัฒนากุล กรุ๊ป ห้องทำงานประธานแสงแดดยามสายลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนลงบนโต๊ะทำงานหรูที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญคีรติพิงเก้าอี้ พลางจิบกาแฟอย่างใจเย็น ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ“ก๊อก… ก๊อก…”“เข้ามาได้”เลขาคนสนิทของเขา ทรงพล เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มสีเทาในมือ“ข้อมูลของผู้หญิงที่คุณคีรติให้สืบมาครับ ทั้งคนที่อยู่กับคุณคืนนั้น… และข้อมูลของคุณณิชาวดีด้วยครับ”คีรติขมวดคิ้วเล็กน้อย พลิกแฟ้มในมืออย่างใช้ความคิด แต่ก่อนที่ทรงพลจะเริ่มรายงานครืด… ครืด… ครืด…เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นหน้าจอขึ้นชื่อว่า “ครีม”คีรติรีบรับสายทันที“ครีม ว่ายังไงพี่ทำงานอยู่”เสียงปลายสายสั่นเครือ“พี่คีย์… ครีมขับรถชนค่ะ พี่มาหาครีมหน่อยได้ไหม”คีรติลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที สีหน้าเปลี่ยนจากเรียบนิ่งเป็นเคร่งเครียดในพริบตา“ครีมบาดเจ็บไหม? อยู่ตรงไหนส่งโลเคชั่นมาพี่จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้” เขาถามไถ่น้องสาวด้วยความห่วงใย“ไม่ค่ะ ครีมไม่เป็นไรเลย”คีรติหายใจโล่งเมื่อรู้ว่าน้องสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ“รอตรงนั้น ห้ามขยับรถ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”“ค่ะพี่คีย์…”สายถูกตัดไป คีรติหันไปสั่งเล
โรงพยาบาลเอกชน เงียบสงบเสียงพยาบาลดังเรียก“เชิญคุณณิชาวดีที่ห้องตรวจค่ะ”ณิชาเดินเข้าไปพบแพทย์ทันที“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“สวัสดีค่ะคุณณิชา ปวดท้องน้อยบริเวณไหนคะ”“ปวดท้องน้อยตรงนี่ค่ะ หน่วง ๆ”ณิชากุมท้องน้อย กดๆ ให้คุณหมอดู “ไม่ทราบรอบเดือนมาวันที่เท่าไหร่ค่ะ?”“เพิ่งมาสัปดาห์ที่แล้วค่ะ ประมาณวันที่ 4”“เอ่อค่ะ… แล้วไม่ทราบว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ค่ะ”ณิชากลืนน้ำลาย ก่อนตอบเสียงเบา“เมื่อคืนค่ะ”หมอพยักหน้าเบา ๆเดี๋ยวหมอขอตรวจหน่อยนะคะ”ณิชาขึ้นนอนบนเตียงตรวจ หมอเริ่มตรวจอย่างละเอียด“อ่อมีฉีกขาดบ้าง เป็นครั้งแรกหรือเปล่าค่ะ ”“อืม..ค่ะคุณหมอ”ณิชาตอบเสียงเบา สีหน้าเธอแดงก่ำหมอยิ้มอ่อนโยนแต่เอ่ยเสียงจริงจัง“อืม..การใช้งานรุนแรงทำให้เกิดการอักเสบได้ ต่อจากนี้ขอให้งดกิจกรรม 7 วันนะคะหมอจะให้ยาไปทาน เดี๋ยวก็จะดีขึ้นค่ะ”ณิชาพยักหน้าอย่างเขินอาย“ขอบคุณค่ะคุณหมอ… เอ่อ ขอ ‘ยาคุมฉุกเฉิน’ ด้วยได้ไหมคะ คือเมื่อคืน…”หมอยิ้มเบา ๆ อย่างเข้าใจ“ได้ค่ะ เดี๋ยวจัดยาให้เลย”“หมอสั่งยาเรียบร้อยแล้วค่ะ...รอรับยาแล้วกลับบ้านได้ค่ะ”“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”ณิชาเดินออกจากห้องตรวจด้วยหัวใจที่