Masuk“คุณ!”
เสียงทั้งสองซ้อนทับกันกลางห้องอาหาร
รอยยิ้มของอรสาและภารดีแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากันด้วยแววตาฉงน
“อ้าว...รู้จักกันอยู่แล้วเหรอลูก?”ภารดีถามด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดี
ณิชารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบาง
“เอ่อ...บังเอิญเคยเจอกันค่ะ”
“อย่างนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ให้เสียเวลา”
อรสากล่าวอย่างมีความหวัง มือประคองถ้วยชาเบา ๆ พลางมองเด็กทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยน
คีรติทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับณิชา ท่าทีสงบนิ่งแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอ
หญิงสาวพยายามหลบสายตานั้น แต่ยิ่งหนี...เขากลับยิ่งมองบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มเปลี่ยนจากความอบอุ่น เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น
“หนูณิชาชอบอาหารญี่ปุ่นไหมลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบเลยนะ”
ดำรงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่เริ่มหนาแน่น
“ชอบค่ะคุณลุง”
ณิชาตอบอย่างเรียบสุภาพ แต่ปลายนิ้วยังคงสั่นเล็กน้อยใต้โต๊ะ
คีรติปรายตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มบางแฝงอยู่บนริมฝีปาก รอยยิ้มที่มีทั้งเย็นชาและความหมายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
“โลกกลมมากเลยนะครับผมพึ่งเจอเธอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้...”
เขาพูดเบา ๆ แต่ชัดเจนพอให้ทุกคนได้ยิน
ณิชาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาประสานกับเขาอีกครั้ง
“ตาคีย์นี่ พูดจาตรงไปหน่อยนะลูก หนูณิชาเขินหมดแล้วเนี่ย”
“ขอโทษทีครับ”
คีรติตอบเสียงเรียบ แต่สายตายังคงมองอยู่ที่ณิชา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายบางอย่าง ทั้งความท้าทาย เย้ยหยัน และแววบางเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ใจณิชาเต้นแรง
“เอาล่ะ ไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ประสิทธิ์”
ดำรงเอ่ยขึ้น พลางวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอย่างมั่นคง
“ฉันอยากสู่ขอหนูณิชาให้ตาคีย์ของฉัน ไม่รู้ว่าแกจะยกลูกสาวให้ลูกชายฉันไหม อย่างน้อยครอบครัวเราก็จะได้ร่วมธุรกิจกันอย่างเป็นทางการ”
คำพูดนั้นดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหรูหราในห้องอาหาร แต่ในหัวใจของณิชากลับปั่นป่วนราวกับมีพายุ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นทันทีที่ได้ยินคำว่า “สู่ขอ”
เขา...คือคนที่ครอบครัวจัดหาให้?
แล้วฉัน...ฉันดันเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ฉัน ‘ซื้อบริการ’
แถมยัง...มอบครั้งแรกของฉันให้เขาไปแล้วด้วย
แค่คิด ภาพในคืนนั้นก็แล่นกลับมาจนเธอแทบจะวางส้อมไม่อยู่ มือบางกำแน่นใต้โต๊ะ
“แล้วตาคีย์เต็มใจแต่งกับน้องหรือเปล่าลูก?”
ประสิทธิ์เอ่ยถามเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงแฝงแรงกดดันบางอย่าง
คีรติเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวตรงหน้า เธอหน้าแดงจัดจนเห็นได้ชัด เขายิ้มมุมปากเบา ๆ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของณิชากระตุกวูบ
“ผมไม่มีปัญหาครับคุณลุง...”
เขาพูดเสียงทุ้มชัด ก่อนเว้นวรรคเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ
“ว่าแต่น้อง...ณิชา ยินดีแต่งกับผมหรือเปล่าครับ?”
เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้ทุกคนบนโต๊ะเงียบลงชั่วขณะ
ณิชาก้มหน้าทันที ไม่กล้าสบตาเขา ตอนนี้หัวใจเธอเต้นรัวจนแทบจะทะลุอก ความอาย ความโกรธ ความสับสน ทั้งหมดตีรวนจนเธอไม่อาจแยกได้ว่าอะไรคือความรู้สึกจริง
“ณิชาลูกว่าอย่างไร?”
ภารดีถามเสียงเบาแต่กดดัน
“เอ่อ...เราศึกษาดูใจกันไปก่อน...ได้ไหมคะ?”
เธอตอบอย่างประหม่า
คีรติหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ไม่มีปัญหาครับ งั้นเราหมั้นกันไว้ก่อนได้ถ้าน้องยังไม่อยากแต่ง”
“ห...หมั้น?” ณิชาทวนคำอย่างตกใจ
“ครับ หมั้น” เขาตอบเรียบ
“ช้าเร็วเราก็เป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่ดี ใช่ไหมครับ...คุณพ่อ”
อรสาและประสิทธิ์มองหน้ากันอย่างแปลกใจ — ไหนเมื่อเช้ายังดูไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้กลับพูดขอหมั้นเสียเอง
คีรติเอนหลังพิงพนัก เกลี่ยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูเหมือนขบขันแต่แฝงความนัย
“น้องณิชาว่าอย่างไรครับ... หรืออยากให้ผมเล่าให้ทุกคนฟังว่าเรา ‘รู้จักกันมาก่อน’ ยังไงดี?”
ณิชาสะดุ้ง ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาในทันที
อีตาบ้านี่...กำลังขู่ฉันแน่ ๆ
เธอหันหน้าหลบ พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ทั้งอาย ทั้งโกรธ
“ก็...แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ณิชาไม่ติดอะไร”
เธอตอบเสียงเบาแทบไม่เป็นคำ
“จริงเหรอณิชาลูก?”
ภารดีถาม พลางจับแขนลูกสาวเขย่าเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“ภารดี ฉันดีใจจริง ๆ เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนะ”
อรสากล่าวยิ้มกว้าง
“ฉันก็เหมือนกัน ดีใจที่ลูก ๆ ของเราไม่ปฏิเสธอะไร”
ภารดีเอ่ยเสียงอ่อนอย่างโล่งใจ
แต่ในขณะที่ทุกคนยิ้มแย้มกันอยู่บนโต๊ะ ณิชากลับก้มหน้ามองโทรศัพท์ เพื่อซ่อนแววตาที่เริ่มพร่า น้ำเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังคลอรอบข้าง ทว่าในใจเธอกลับว่างเปล่า
ส่วนคีรติ...เพียงยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ รอยยิ้มที่มุมปากเขาไม่จางหาย — รอยยิ้มที่แฝงด้วยความพึงพอใจและอำนาจของ “ผู้ชนะ” ที่รู้ดีว่าเธอกำลังตกอยู่ในกำมือของเขาอย่างสมบูรณ์
“เอาอย่างนี้สิ เพื่อให้ทั้งสองได้ใช้เวลาศึกษาดูใจกัน...”
ดำรงเอ่ยขึ้น พลางมองหน้าทุกคนบนโต๊ะ
“ให้หนูณิชาไปเป็นเลขาของตาคีย์ที่บริษัทเลยดีไหม จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น”
คำพูดนั้นเหมือนเสียงระฆังที่ดังขึ้นในใจของทุกคน โดยเฉพาะณิชา เธอชะงัก ดวงตาเบิกเล็กน้อย ก่อนรีบเก็บอาการ
ประสิทธิ์หันไปมองลูกสาว แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“พ่อว่าดีนะลูก... ตั้งแต่เรียนจบมาหนูก็ยังไม่ได้ลองทำงานจริงจังเลย โอกาสนี้ดีมากเลยนะณิชา”
“พ่อค่ะ...”
เธอเอ่ยเสียงเบา พยายามกลืนความอึดอัดลงคอ
แต่ยังไม่ทันพูดต่อ คีรติก็เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าน้องณิชาทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะครับคุณลุง ยัไงถ้าแต่งกับผมไป...อยู่เฉย ๆ ก็ได้เมียคนเดียวผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว”
ประโยคนั้นเรียบง่ายแต่แรงพอจะจุดไฟในอกเธอ ณิชากำมือแน่นใต้โต๊ะ ดวงตาวาวขึ้นทันที เธอเงยหน้าขึ้นอย่างทระนง
“ใครว่าหนูทำไม่ได้คะ?” เธอยิ้มเยือกเย็น “แค่ไปทำงานเองสบายมาก หนูไปทำงานกับ...คุณคีย์ก็ได้ค่ะ”
อรสาเอ่ยขัดขึ้นเสียงนุ่มแต่แฝงอำนาจ
“เรียกพี่สิลูก เรียกเขาว่าพี่คีย์”
“ค่ะ...คุณป้า”
ณิชาฝืนยิ้ม
คีรติเอนหลังพิงพนัก มือหมุนแก้วไวน์ช้า ๆ ก่อนหันมามองเธอด้วยแววตาแพรวพราว
“งั้น...ขอไลน์หน่อยสิครับ จะได้ติดต่อกันไว้ มีอะไรจะได้คุยกันสะดวก...”
เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนยกยิ้มมุมปาก
“คุณ...คู่หมั้น”
เสียงหัวใจของณิชาเต้นแรงจนแทบได้ยิน เธอสูดหายใจลึก พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้หน้าแดง ก่อนตอบเรียบเสียงเย็น
“ค่ะ คุณ...พี่คีย์”
เธอยื่นโทรศัพท์ให้เขาช้า ๆ ปลายนิ้วสัมผัสกันเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับส่งแรงสะเทือนแปลกประหลาดไปทั่วร่าง ทั้งโกรธ ทั้งหวั่น ทั้งสับสน
ขณะที่คีรติรับโทรศัพท์ไป เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้พอให้เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูเธอ แผ่วแต่ชัดทุกถ้อยคำ
“ระวังตัวไว้หน่อยนะครับคุณคู่หมั้น... เพราะที่บริษัท ผมไม่ใช่คนใจดีเท่าตอนนี้”
รอยยิ้มบางของเขาเจ้าเล่ห์ฉายชัดในแววตาคู่นั้น...
โอ้ยย คุณพี่คีย์!!! 😳 เมื่อเช้ายังทำท่าไม่อยากแต่งอยู่เลยนะ พอเจอหน้าน้องเท่านั้นแหละ... ขอมาหมั้นเองเฉย พ่อแม่ก็งงดิ๊ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายฉันนนน555 ทำไงได้อะ รี้ดดดด~ ก็ยัยน้องมันถูกใจเกินต้านนี่เนอะ 😍💘
บ้านณิชา..เสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตหรูดังแผ่วก่อนดับลงตรงหน้าบ้านของณิชา คีรติเปิดประตูลงจากรถในชุดสูทเรียบหรู สายตาคมกริบกวาดมองตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจเฉพาะตัวภารดีที่กำลังจัดแจกันดอกไม้ตรงห้องรับแขกหันมาเห็นเข้าพอดี“อ้าว...ตาคีย์ มารับน้องเองเลยหรือลูก?”เสียงเธอแฝงรอยยิ้มปลื้มชัดเจนคีรติยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“ครับคุณแม่ วันแรกของการทำงาน มารับเลขาส่วนตัวสะหน่อยครับ”ภารดียิ้มกว้าง“น่ารักจังลูกเขยของแม่”ทันใดนั้น เสียงเครื่องดนตรีเบา ๆ ดังจากในบ้าน ก่อนชายหนุ่มอีกคนจะเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้าง“อ้อ นี่พอร์ช ลูกชายคนเล็กของแม่”ภารดีแนะนำพอร์ชยิ้มกว้าง“สวัสดีครับพี่เขย”เขาแกล้งเอ่ยคำเรียกอย่างซุกซน“เดี๋ยวผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ”คีรติหัวเราะเบา ๆ“สวัสดีพอร์ช ขับรถดี ๆ นะ”ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังลงมาจากชั้นบน ก่อนจะตามด้วยเสียงใสที่คุ้นหู“แม่ค่ะ มีอะไรทานบ้างคะเช้านี้?”ณิชาในชุดสูทกระโปรงสีครีมอ่อนก้าวลงมาจากบันได ผมยาวสลวยถูกรวบเรียบ เธอดูเรียบร้อยแต่น่ามองอย่างเหลือเชื่อ...จนคีรติอดยิ้มไม่ได้“อรุณสวัสดิ์ครับ...น้องณิชา”เขาเอ่ยเสียงทุ้มต
“คุณ!”เสียงทั้งสองซ้อนทับกันกลางห้องอาหารรอยยิ้มของอรสาและภารดีแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากันด้วยแววตาฉงน“อ้าว...รู้จักกันอยู่แล้วเหรอลูก?”ภารดีถามด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดีณิชารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบาง“เอ่อ...บังเอิญเคยเจอกันค่ะ”“อย่างนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ให้เสียเวลา”อรสากล่าวอย่างมีความหวัง มือประคองถ้วยชาเบา ๆ พลางมองเด็กทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยนคีรติทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับณิชา ท่าทีสงบนิ่งแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอหญิงสาวพยายามหลบสายตานั้น แต่ยิ่งหนี...เขากลับยิ่งมองบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มเปลี่ยนจากความอบอุ่น เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น“หนูณิชาชอบอาหารญี่ปุ่นไหมลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบเลยนะ”ดำรงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่เริ่มหนาแน่น“ชอบค่ะคุณลุง”ณิชาตอบอย่างเรียบสุภาพ แต่ปลายนิ้วยังคงสั่นเล็กน้อยใต้โต๊ะคีรติปรายตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มบางแฝงอยู่บนริมฝีปาก รอยยิ้มที่มีทั้งเย็นชาและความหมายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก“โลกกลมมากเลยนะครับผมพึ่งเจอเธอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้...”เขาพู
บ้านตระกูลอภิพัฒน์วัฒนากุล (บ้านคีรติ)เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านหรูเมื่อ คีรติ พาน้องสาว ครีม กลับมาถึงบ้านทันทีที่ อรสา แม่ของทั้งคู่ได้ยินเรื่องรถชน ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที“ครีม! ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”หญิงสาวรีบเดินเข้ามาดูบุตรสาวด้วยความร้อนใจ“ไม่เจ็บเลยค่ะแม่ แต่พี่ที่หนูชน...เขาหัวแตกค่ะ”ครีมตอบเสียงแผ่วแต่ยังยิ้มบาง ๆ“ตายจริง! แล้วพี่เขาเอาเรื่องหรือเปล่าลูก?”“ไม่ค่ะ แม่...พี่คนสวยเขาน่ารักมากเลย ยังลงมาดูหนูด้วยนะคะ”คีรติยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น ภาพเธอยังวนอยู่ในหัว ดวงตาคมสวย แววตาแข็งแกร่งแต่เศร้าลึก ๆ “งั้นครีมไปพักก่อนนะลูก เดี๋ยวค่อยลงมาทานมื้อเย็นกัน”“ค่ะแม่ แล้วคุณพ่อกลับมาหรือยังคะ?”“ยังเลยลูก วันนี้บริษัทคุณพ่อมีประชุม คงกลับมามืดหน่อย”“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ”“ไปสิลูก รีบอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะ”อรสามองตามลูกสาวขึ้นบันได ก่อนจะหันกลับมาทางลูกชายที่ยังยืนอยู่ตรงโถงบ้าน“ตาคีย์...แม่มีเรื่องจะคุยด้วย มานั่งก่อนสิลูก”คีรติพยักหน้าเบา ๆ“ครับแม่”น้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับรู้ดีว่าเรื่องที่แม่จะพูดคืออะไร“พรุ่งนี้ว
บ้านตระกูลวัฒนวานิชเจริญ (บ้านณิชา)เสียงส้นรองเท้าดังแผ่วเบาไปตามพื้นหินอ่อน เมื่อ ณิชา เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย ดวงตาคู่สวยดูพร่ามัวราวกับคนไม่ได้หลับทั้งคืน“ณิชา เป็นยังไงบ้างลูก…ทำไมมีเลือด!”เสียงของ ภารดี แม่ของเธอเอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตกใจ“รถชนนิดหน่อยค่ะคุณแม่ หนูให้เลขาของคุณพ่อจัดการแล้วค่ะ”หญิงสาวตอบเบาๆ พยายามกลบความอ่อนแรงในน้ำเสียง“ตายแล้ว! มาทำแผลก่อนเถอะลูก”ภารดีรีบพาเธอไปนั่งที่โซฟา มือสั่นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง“ขอบคุณค่ะ...”ณิชาตอบเสียงเรียบ พลางขยับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นอีกนิด เพื่อปกปิดรอยช้ำที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า รอยที่ไม่ควรมีใครเห็น โดยเฉพาะแม่ภารดีนั่งลงข้างๆ พลางหยิบกล่องยามาจัดการแผลให้ลูกสาวด้วยความอาทร“พรุ่งนี้แม่มีนัดกับป้าอรสา ลูกไปกับแม่นะลูก”“แม่ค่ะ…จะให้หนูไปดูตัวอีกแล้วใช่ไหม?”น้ำเสียงของณิชาปนความเหนื่อยใจ“แม่เชื่อว่าลูกกับตาคีย์เหมาะสมกันมาก”ภารดีพูดเสียงหนักแน่นราวกับตัดสินใจแทนลูกสาวไปแล้ว“แต่แม่ค่ะ…”“เพื่อครอบครัวนะณิชา”หญิงสาวชะงัก เธอเม้มปากแน่น ก่อนถามออกมาด้วยความคับข้อง“ครอบครัวเราลำบากขนาดนั้นเลยหรือคะ ทำไมบัตรของหนูเ
บริษัท อภิพัฒน์วัฒนากุล กรุ๊ป ห้องทำงานประธานแสงแดดยามสายลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนลงบนโต๊ะทำงานหรูที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญคีรติพิงเก้าอี้ พลางจิบกาแฟอย่างใจเย็น ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ“ก๊อก… ก๊อก…”“เข้ามาได้”เลขาคนสนิทของเขา ทรงพล เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มสีเทาในมือ“ข้อมูลของผู้หญิงที่คุณคีรติให้สืบมาครับ ทั้งคนที่อยู่กับคุณคืนนั้น… และข้อมูลของคุณณิชาวดีด้วยครับ”คีรติขมวดคิ้วเล็กน้อย พลิกแฟ้มในมืออย่างใช้ความคิด แต่ก่อนที่ทรงพลจะเริ่มรายงานครืด… ครืด… ครืด…เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นหน้าจอขึ้นชื่อว่า “ครีม”คีรติรีบรับสายทันที“ครีม ว่ายังไงพี่ทำงานอยู่”เสียงปลายสายสั่นเครือ“พี่คีย์… ครีมขับรถชนค่ะ พี่มาหาครีมหน่อยได้ไหม”คีรติลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที สีหน้าเปลี่ยนจากเรียบนิ่งเป็นเคร่งเครียดในพริบตา“ครีมบาดเจ็บไหม? อยู่ตรงไหนส่งโลเคชั่นมาพี่จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้” เขาถามไถ่น้องสาวด้วยความห่วงใย“ไม่ค่ะ ครีมไม่เป็นไรเลย”คีรติหายใจโล่งเมื่อรู้ว่าน้องสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ“รอตรงนั้น ห้ามขยับรถ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”“ค่ะพี่คีย์…”สายถูกตัดไป คีรติหันไปสั่งเล
โรงพยาบาลเอกชน เงียบสงบเสียงพยาบาลดังเรียก“เชิญคุณณิชาวดีที่ห้องตรวจค่ะ”ณิชาเดินเข้าไปพบแพทย์ทันที“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“สวัสดีค่ะคุณณิชา ปวดท้องน้อยบริเวณไหนคะ”“ปวดท้องน้อยตรงนี่ค่ะ หน่วง ๆ”ณิชากุมท้องน้อย กดๆ ให้คุณหมอดู “ไม่ทราบรอบเดือนมาวันที่เท่าไหร่ค่ะ?”“เพิ่งมาสัปดาห์ที่แล้วค่ะ ประมาณวันที่ 4”“เอ่อค่ะ… แล้วไม่ทราบว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ค่ะ”ณิชากลืนน้ำลาย ก่อนตอบเสียงเบา“เมื่อคืนค่ะ”หมอพยักหน้าเบา ๆเดี๋ยวหมอขอตรวจหน่อยนะคะ”ณิชาขึ้นนอนบนเตียงตรวจ หมอเริ่มตรวจอย่างละเอียด“อ่อมีฉีกขาดบ้าง เป็นครั้งแรกหรือเปล่าค่ะ ”“อืม..ค่ะคุณหมอ”ณิชาตอบเสียงเบา สีหน้าเธอแดงก่ำหมอยิ้มอ่อนโยนแต่เอ่ยเสียงจริงจัง“อืม..การใช้งานรุนแรงทำให้เกิดการอักเสบได้ ต่อจากนี้ขอให้งดกิจกรรม 7 วันนะคะหมอจะให้ยาไปทาน เดี๋ยวก็จะดีขึ้นค่ะ”ณิชาพยักหน้าอย่างเขินอาย“ขอบคุณค่ะคุณหมอ… เอ่อ ขอ ‘ยาคุมฉุกเฉิน’ ด้วยได้ไหมคะ คือเมื่อคืน…”หมอยิ้มเบา ๆ อย่างเข้าใจ“ได้ค่ะ เดี๋ยวจัดยาให้เลย”“หมอสั่งยาเรียบร้อยแล้วค่ะ...รอรับยาแล้วกลับบ้านได้ค่ะ”“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”ณิชาเดินออกจากห้องตรวจด้วยหัวใจที่







