LOGIN“คุณ!”
เสียงทั้งสองซ้อนทับกันกลางห้องอาหาร
รอยยิ้มของอรสาและภารดีแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากันด้วยแววตาฉงน
“อ้าว...รู้จักกันอยู่แล้วเหรอลูก?”ภารดีถามด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดี
ณิชารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบาง
“เอ่อ...บังเอิญเคยเจอกันค่ะ”
“อย่างนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ให้เสียเวลา”
อรสากล่าวอย่างมีความหวัง มือประคองถ้วยชาเบา ๆ พลางมองเด็กทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยน
คีรติทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับณิชา ท่าทีสงบนิ่งแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอ
หญิงสาวพยายามหลบสายตานั้น แต่ยิ่งหนี...เขากลับยิ่งมองบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มเปลี่ยนจากความอบอุ่น เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น
“หนูณิชาชอบอาหารญี่ปุ่นไหมลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบเลยนะ”
ดำรงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่เริ่มหนาแน่น
“ชอบค่ะคุณลุง”
ณิชาตอบอย่างเรียบสุภาพ แต่ปลายนิ้วยังคงสั่นเล็กน้อยใต้โต๊ะ
คีรติปรายตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มบางแฝงอยู่บนริมฝีปาก รอยยิ้มที่มีทั้งเย็นชาและความหมายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
“โลกกลมมากเลยนะครับผมพึ่งเจอเธอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้...”
เขาพูดเบา ๆ แต่ชัดเจนพอให้ทุกคนได้ยิน
ณิชาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาประสานกับเขาอีกครั้ง
“ตาคีย์นี่ พูดจาตรงไปหน่อยนะลูก หนูณิชาเขินหมดแล้วเนี่ย”
“ขอโทษทีครับ”
คีรติตอบเสียงเรียบ แต่สายตายังคงมองอยู่ที่ณิชา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายบางอย่าง ทั้งความท้าทาย เย้ยหยัน และแววบางเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ใจณิชาเต้นแรง
“เอาล่ะ ไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ประสิทธิ์”
ดำรงเอ่ยขึ้น พลางวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอย่างมั่นคง
“ฉันอยากสู่ขอหนูณิชาให้ตาคีย์ของฉัน ไม่รู้ว่าแกจะยกลูกสาวให้ลูกชายฉันไหม อย่างน้อยครอบครัวเราก็จะได้ร่วมธุรกิจกันอย่างเป็นทางการ”
คำพูดนั้นดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหรูหราในห้องอาหาร แต่ในหัวใจของณิชากลับปั่นป่วนราวกับมีพายุ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นทันทีที่ได้ยินคำว่า “สู่ขอ”
เขา...คือคนที่ครอบครัวจัดหาให้?
แล้วฉัน...ฉันดันเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ฉัน ‘ซื้อบริการ’
แถมยัง...มอบครั้งแรกของฉันให้เขาไปแล้วด้วย
แค่คิด ภาพในคืนนั้นก็แล่นกลับมาจนเธอแทบจะวางส้อมไม่อยู่ มือบางกำแน่นใต้โต๊ะ
“แล้วตาคีย์เต็มใจแต่งกับน้องหรือเปล่าลูก?”
ประสิทธิ์เอ่ยถามเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงแฝงแรงกดดันบางอย่าง
คีรติเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวตรงหน้า เธอหน้าแดงจัดจนเห็นได้ชัด เขายิ้มมุมปากเบา ๆ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของณิชากระตุกวูบ
“ผมไม่มีปัญหาครับคุณลุง...”
เขาพูดเสียงทุ้มชัด ก่อนเว้นวรรคเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ
“ว่าแต่น้อง...ณิชา ยินดีแต่งกับผมหรือเปล่าครับ?”
เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้ทุกคนบนโต๊ะเงียบลงชั่วขณะ
ณิชาก้มหน้าทันที ไม่กล้าสบตาเขา ตอนนี้หัวใจเธอเต้นรัวจนแทบจะทะลุอก ความอาย ความโกรธ ความสับสน ทั้งหมดตีรวนจนเธอไม่อาจแยกได้ว่าอะไรคือความรู้สึกจริง
“ณิชาลูกว่าอย่างไร?”
ภารดีถามเสียงเบาแต่กดดัน
“เอ่อ...เราศึกษาดูใจกันไปก่อน...ได้ไหมคะ?”
เธอตอบอย่างประหม่า
คีรติหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ไม่มีปัญหาครับ งั้นเราหมั้นกันไว้ก่อนได้ถ้าน้องยังไม่อยากแต่ง”
“ห...หมั้น?” ณิชาทวนคำอย่างตกใจ
“ครับ หมั้น” เขาตอบเรียบ
“ช้าเร็วเราก็เป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่ดี ใช่ไหมครับ...คุณพ่อ”
อรสาและประสิทธิ์มองหน้ากันอย่างแปลกใจ — ไหนเมื่อเช้ายังดูไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้กลับพูดขอหมั้นเสียเอง
คีรติเอนหลังพิงพนัก เกลี่ยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูเหมือนขบขันแต่แฝงความนัย
“น้องณิชาว่าอย่างไรครับ... หรืออยากให้ผมเล่าให้ทุกคนฟังว่าเรา ‘รู้จักกันมาก่อน’ ยังไงดี?”
ณิชาสะดุ้ง ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาในทันที
อีตาบ้านี่...กำลังขู่ฉันแน่ ๆ
เธอหันหน้าหลบ พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ทั้งอาย ทั้งโกรธ
“ก็...แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ณิชาไม่ติดอะไร”
เธอตอบเสียงเบาแทบไม่เป็นคำ
“จริงเหรอณิชาลูก?”
ภารดีถาม พลางจับแขนลูกสาวเขย่าเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“ภารดี ฉันดีใจจริง ๆ เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนะ”
อรสากล่าวยิ้มกว้าง
“ฉันก็เหมือนกัน ดีใจที่ลูก ๆ ของเราไม่ปฏิเสธอะไร”
ภารดีเอ่ยเสียงอ่อนอย่างโล่งใจ
แต่ในขณะที่ทุกคนยิ้มแย้มกันอยู่บนโต๊ะ ณิชากลับก้มหน้ามองโทรศัพท์ เพื่อซ่อนแววตาที่เริ่มพร่า น้ำเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังคลอรอบข้าง ทว่าในใจเธอกลับว่างเปล่า
ส่วนคีรติ...เพียงยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ รอยยิ้มที่มุมปากเขาไม่จางหาย — รอยยิ้มที่แฝงด้วยความพึงพอใจและอำนาจของ “ผู้ชนะ” ที่รู้ดีว่าเธอกำลังตกอยู่ในกำมือของเขาอย่างสมบูรณ์
“เอาอย่างนี้สิ เพื่อให้ทั้งสองได้ใช้เวลาศึกษาดูใจกัน...”
ดำรงเอ่ยขึ้น พลางมองหน้าทุกคนบนโต๊ะ
“ให้หนูณิชาไปเป็นเลขาของตาคีย์ที่บริษัทเลยดีไหม จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น”
คำพูดนั้นเหมือนเสียงระฆังที่ดังขึ้นในใจของทุกคน โดยเฉพาะณิชา เธอชะงัก ดวงตาเบิกเล็กน้อย ก่อนรีบเก็บอาการ
ประสิทธิ์หันไปมองลูกสาว แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“พ่อว่าดีนะลูก... ตั้งแต่เรียนจบมาหนูก็ยังไม่ได้ลองทำงานจริงจังเลย โอกาสนี้ดีมากเลยนะณิชา”
“พ่อค่ะ...”
เธอเอ่ยเสียงเบา พยายามกลืนความอึดอัดลงคอ
แต่ยังไม่ทันพูดต่อ คีรติก็เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าน้องณิชาทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะครับคุณลุง ยัไงถ้าแต่งกับผมไป...อยู่เฉย ๆ ก็ได้เมียคนเดียวผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว”
ประโยคนั้นเรียบง่ายแต่แรงพอจะจุดไฟในอกเธอ ณิชากำมือแน่นใต้โต๊ะ ดวงตาวาวขึ้นทันที เธอเงยหน้าขึ้นอย่างทระนง
“ใครว่าหนูทำไม่ได้คะ?” เธอยิ้มเยือกเย็น “แค่ไปทำงานเองสบายมาก หนูไปทำงานกับ...คุณคีย์ก็ได้ค่ะ”
อรสาเอ่ยขัดขึ้นเสียงนุ่มแต่แฝงอำนาจ
“เรียกพี่สิลูก เรียกเขาว่าพี่คีย์”
“ค่ะ...คุณป้า”
ณิชาฝืนยิ้ม
คีรติเอนหลังพิงพนัก มือหมุนแก้วไวน์ช้า ๆ ก่อนหันมามองเธอด้วยแววตาแพรวพราว
“งั้น...ขอไลน์หน่อยสิครับ จะได้ติดต่อกันไว้ มีอะไรจะได้คุยกันสะดวก...”
เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนยกยิ้มมุมปาก
“คุณ...คู่หมั้น”
เสียงหัวใจของณิชาเต้นแรงจนแทบได้ยิน เธอสูดหายใจลึก พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้หน้าแดง ก่อนตอบเรียบเสียงเย็น
“ค่ะ คุณ...พี่คีย์”
เธอยื่นโทรศัพท์ให้เขาช้า ๆ ปลายนิ้วสัมผัสกันเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับส่งแรงสะเทือนแปลกประหลาดไปทั่วร่าง ทั้งโกรธ ทั้งหวั่น ทั้งสับสน
ขณะที่คีรติรับโทรศัพท์ไป เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้พอให้เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูเธอ แผ่วแต่ชัดทุกถ้อยคำ
“ระวังตัวไว้หน่อยนะครับคุณคู่หมั้น... เพราะที่บริษัท ผมไม่ใช่คนใจดีเท่าตอนนี้”
รอยยิ้มบางของเขาเจ้าเล่ห์ฉายชัดในแววตาคู่นั้น...
โอ้ยย คุณพี่คีย์!!! 😳 เมื่อเช้ายังทำท่าไม่อยากแต่งอยู่เลยนะ พอเจอหน้าน้องเท่านั้นแหละ... ขอมาหมั้นเองเฉย พ่อแม่ก็งงดิ๊ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายฉันนนน555 ทำไงได้อะ รี้ดดดด~ ก็ยัยน้องมันถูกใจเกินต้านนี่เนอะ 😍💘
งานเลี้ยงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราแขกผู้มีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจต่างทยอยเข้าร่วมทุกคำเชิญ ทุกการจับมือ…ล้วนแฝงไว้ด้วยผลประโยชน์ที่มองไม่เห็นประสิทธิ์และดำรงคือหนึ่งในผู้ถือบัตรเชิญประสิทธิ์มาพร้อมกับ ณิชาขณะที่ดำรงพา คีรติ มาร่วมงานเช่นเดียวกันและแน่นอน…หากพูดถึงงานที่ผลประโยชน์เดินนำหน้าเช่นนี้ชื่อของ ธันวา ย่อมไม่อาจหายไปจากรายชื่อแขกได้เสียงดนตรีแจ๊สคลอเบา ๆ ลอยอบอวลไปทั่วห้องจัดเลี้ยงแชนเดอเลียร์สะท้อนแสงระยิบระยับเหนือศีรษะณิชาในชุดราตรีสีครีมยาวพลิ้วความเรียบหรูตัดกับผิวขาวผ่อง ทำให้เธอโดดเด่นราวกับแสงจันทร์กลางห้องไม่ว่าจะก้าวไปทางไหน ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เธอโดยไม่รู้ตัวขวัญเดินควงแขนมากับเตชทัตทั้งคู่เป็นที่รู้กันดีในวงสังคมว่ามีแพลนจะแต่งงานกันในกลางเดือนหน้า“ณิชา ทางนี้!”ขวัญเรียกด้วยรอยยิ้มดีใจณิชากำลังจะก้าวเข้าไปหาเพื่อนแต่สายตาของเธอกลับชะงักค้างหญิงสาวผมยาว ผิวขาวลูกครึ่งในชุดราตรีสีดำเข้ารูปยืนเคียงข้างชายคนหนึ่ง…คนที่เธอเคยรักสุดหัวใจ“พี่คีย์…”ณิชาอุทานแผ่วเบา ราวกับกลัวเสียงของตัวเองจะดังเกินไปครึ่งเดือน…ครึ่งเดือนเต
มือของคีรติกำแน่น หัวใจเหมือนถูกบีบจนเจ็บ เขาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้สงบที่สุด“ขวัญ… ถ้าไปถึงแล้ว ดูแลณิชาก่อนนะ พี่จะไปเดี๋ยวนี้”ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนขวัญจะเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล“พี่คีย์จะมาจริง ๆ เหรอคะ ถ้าณิชารู้ว่าพี่มา ทุกอย่างที่พี่ทำมาก่อนหน้านี้มันจะพังหมดนะคะ”“พี่แค่จะไปดูให้แน่ใจว่านิชาปลอดภัย แค่นั้นจริง ๆ”เขาตอบเสียงหนัก แต่แฝงความห่วงใยที่ปิดไม่มิด“พี่คีย์อดทนไว้นะคะ เพราะถ้ามีใครเห็นพี่แวะเวียนหรือข้องเกี่ยวกับณิชา ข่าวลือที่ปล่อยออกไปจะไม่น่าเชื่อถือทันที”ขวัญเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ“ไม่ต้องห่วงนะคะ ณิชาขวัญดูแลได้ ขวัญโทรหาพี่เตให้มาช่วยแล้วค่ะ”คีรติหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ขอบใจมากนะขวัญ… งั้นพี่ฝากณิชาด้วย”สายถูกตัดลง แต่ความเป็นห่วงในใจเขากลับหนักอึ้งขึ้นกว่าเดิม“รักเธอมากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง”เขาพึมพำคนเดียวห้อง VIP – Diva Dee Bar“ณิชา… ทำไมดื่มหนักขนาดนี้”ขวัญเอ่ยเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนรักนอนพับอยู่บนโซฟา ร่างกายอ่อนแรงแทบไม่มีสติเจ๊ดีถอนหายใจยาว สีหน้าฉายแววเป็นห่วง“เจ๊ให้เด็กพามาที่ห้อง
ทันทีที่ณิชาเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับเขา“เพี้ยะ!”ฝ่ามือเล็กฟาดลงบนใบหน้าของคีรติอย่างแรง เสียงดังชัดเจนจนบรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นมาทันที“อยากบอกเลิก ทำไมไม่บอกต่อหน้าฉันล่ะ มาเฟียสายโหด ความกล้ามีแค่นี้เองเหรอ?”ดวงตาของเธอแดงก่ำ เต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด จนเขาแทบมองไม่เห็นความรักที่เธอเคยมีให้เขาอีกแล้ว“ถ้าไม่รักกันแล้ว ก็บอกกันตรง ๆ ไม่ต้องบอกแล้วหนีหน้าแบบนี้ ไม่ต้องกลัวฉันไม่รั้งใครไว้ทั้งนั้นเพราะณิชาไม่ใช่คนที่รอให้ใครมาบอกเลิกถ้าจะจบ…ฉันจะเป็นคนจบเอง”เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่น“ที่มาวันนี้ ฉันไม่ได้มาทวงความรัก ไม่ได้มาอ้อนวอน แค่อยากมาทำให้ทุกอย่างมันจบ ไม่ต้องค้างคา”ณิชาหยิบบัตรเครดิตที่เขาเคยให้ไว้สองสามใบออกมาจากกระเป๋า แล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าเขาเสียงบัตรกระทบโต๊ะดัง แปะ แผ่วแต่หนักหน่วงเหมือนตอกย้ำจุดจบของความสัมพันธ์“ของของคุณ ฉันเอามาคืน และหวังว่าต่อจากนี้ เราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”เธอจ้องหน้าเขาตาเขม็ง“คนหลายใจอย่างคุณ ไม่คู่ควรที่จะมาเคียงข้างฉัน”ณิชาหลับตา กลืนน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตาลง ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่เจ็บปวดที่สุดออกมา
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป อาการของณิชาดีขึ้น เธอจึงกลับมารักษาตัวต่อที่กรุงเทพ“พี่ณิชาอยากทานอะไรบอกพอร์ชได้นะครับ เดี๋ยวพอร์ชออกไปซื้อให้”พอร์ช น้องชายแท้ ๆ เข้ามาช่วยดูแลและเทคแคร์พี่สาวอย่างใกล้ชิด“ยังไม่อยากทานอะไรเลย ช่วงนี้กินไม่ค่อยลง”ณิชาตอบเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองแม่ที่ยืนจ้องเธออยู่ห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง“แม่ค่ะ… ณิชาเลิกกับพี่คีย์แล้วนะ เขาบอกเลิกณิชา เขากลับไปหาแฟนเก่าของเขาค่ะ”ภารดีสบตากับลูกสาว เธอรู้ดีว่าณิชากำลังเจ็บปวดมาก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยเยียวยาอย่างไร“ถ้าลูกสองคนเลิกกันแบบนี้ งานแต่งก็คงต้องยกเลิก แม่เสียใจด้วยนะลูก”“แม่ไม่คิดจะต่อว่าพี่คีย์เลยเหรอคะ ที่เขาทำกับลูกสาวแม่ได้ถึงขนาดนี้… หนูเจ็บนะคะแม่”น้ำตาของณิชาเริ่มคลอขึ้นจนแทบจะไหล พอร์ชเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเบี่ยงประเด็นทันที"ความรักคือเรื่องของคนสองคน ลูกโตแล้วก็ลองผิดลองถูก แม่ไปยุ่งไม่ได้หรอก แต่แม่จะคุยกับอรสาให้เขาจัดการลูกชายเขาแล้วกัน""ไม่ต้องค่ะแม่ ต่อให้เขากลับมาขอคืนดี ณิชาก็ไม่กลับไปหาเขาแล้ว"ณิชาเม้มปากแน่น“พี่ณิชา ไปเที่ยวต่างประเทศกันไหมครับ แผลพี่ก็ดีขึ้นแล้ว ไปพักผ่อนสักหน่อย เดี๋ยวอะไรก็ดีขึ้นนะพี่
“บอกเลิกแล้ว…ก็อย่ากลับมาอีกแล้วกันคุณคีรติ”คำพูดนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวไม่ใช่เพราะความแรงของถ้อยคำแต่เพราะคำว่า คุณคีรติ ที่เธอเลือกใช้มันชัดเจนเกินไปชัดเจนว่าเธอโกรธและโกรธเขาจริง ๆคีรติเงยหน้าขึ้น สบตากับเตชทัต แววตาแดงก่ำอย่างคนที่กำลังจะพัง“แค่เธอเรียกกูแบบนั้น…กูก็รู้แล้วว่าณิชาไม่เหลือความอ่อนโยนให้กูอีกแล้ว”เขาหัวเราะแผ่ว ๆ อย่างขมขื่น“กูควรดีใจใช่ไหมวะ ทุกอย่างมันตรงตามแผนเป๊ะแต่ทำไม…ทำไมกูเจ็บแทบขาดใจขนาดนี้”เตชทัตตบไหล่เพื่อนเบา ๆ“อดทนไว้ไอ้คีย์ อีกแค่เดือนเดียว เราจะปิดทุกอย่างให้จบ”คีรติส่ายหน้าช้า ๆ“กูไม่รู้ว่ากูจะทนได้ถึงหนึ่งเดือนไหม”เสียงเขาแผ่วลง“หรือพอถึงตอนนั้น…ณิชาอาจไม่รักกูแล้วจริง ๆ”“ณิชาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล” เตชทัตพยายามปลอบ“ถ้ามึงได้อธิบาย เธอน่าจะฟังมึง”คีรติหัวเราะในลำคอ“มึงพูดเหมือนไม่รู้จักณิชา”เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า“คุณหนูขี้วีนของกู…ที่ผ่านมาเธอไม่เคยวีนใส่กู เพราะเธอรักแต่จากนี้ไป กูไม่มั่นใจเลยว่าเธอจะเกลียดกูมากแค่ไหน”เตชทัตถอนหายใจยาว“แล้วจะทำยังไงได้วะ”เขามองเพื่อนอย่างเข้าใจ“มึงเป็นคนเลือกทางนี้เอง ไอ้คีย์”คีรติกำม
อ่านข้อความปรากฏบนหน้าจอพี่ไม่ได้รักณิชาแล้วโลกทั้งใบของณิชาราวกับหยุดหมุนดวงตาที่พร่าเลือนค้างอยู่กับตัวอักษรไม่กี่คำหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ ราวกับถูกกระชากออกจากอกทั้งเป็น“…ไม่รักแล้ว?”เสียงเธอแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยินตัวเองมือที่กำโทรศัพท์เริ่มสั่นน้ำตาหยดลงไม่ขาดสายหยดแล้วหยดเล่า…เหมือนหัวใจที่ร้าวไม่หยุด“โกหก…”ณิชาส่ายหน้าแรง ๆ“พี่โกหก…พี่คีย์โกหกณิชา…”เธอพยายามพิมพ์ตอบแต่ตัวอักษรกลับพร่าเลือนเพราะน้ำตาที่ไหลไม่หยุดจู่ ๆ ความเจ็บแปลบก็แล่นขึ้นจากหน้าอกแรงจนเธอสะดุ้งเฮือก“อ๊ะ!”มือหนึ่งกุมหน้าอก อีกมือยันเตียงลมหายใจเริ่มติดขัดหัวใจเต้นแรงและถี่ผิดปกติ“หายใจ…หายใจสิณิชา…”เธอพึมพำกับตัวเอง แต่ยิ่งพยายามกลับยิ่งแน่นน้ำตาไหลผสมเสียงสะอื้นร่างกายที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่เริ่มต่อต้าน“เจ็บ…”เธอร้องออกมาเบา ๆความเจ็บที่แผลซี่โครงร้าวปะทุขึ้นทันที เมื่อร่างกายเกร็งจากอารมณ์ที่ถาโถมขวัญที่ยืนอยู่ข้างเตียงตกใจสุดขีด“ณิชา! ณิชา ใจเย็น ๆ ณิชาเป็นอะไร...พยาบาล...พยาบาลค่ะ”เธอรีบกดออดเรียกพยาบาล ก่อนจะพยายามประคองร่างเพื่อนให้เอนลง“พี่คีย์ไม่รักณิชาแล้ว…”ณิชาพูดทั้งน้ำตา“เ