เข้าสู่ระบบบ้านตระกูลวัฒนวานิชเจริญ (บ้านณิชา)
เสียงส้นรองเท้าดังแผ่วเบาไปตามพื้นหินอ่อน เมื่อ ณิชา เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย ดวงตาคู่สวยดูพร่ามัวราวกับคนไม่ได้หลับทั้งคืน
“ณิชา เป็นยังไงบ้างลูก…ทำไมมีเลือด!”
เสียงของ ภารดี แม่ของเธอเอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตกใจ
“รถชนนิดหน่อยค่ะคุณแม่ หนูให้เลขาของคุณพ่อจัดการแล้วค่ะ”
หญิงสาวตอบเบาๆ พยายามกลบความอ่อนแรงในน้ำเสียง
“ตายแล้ว! มาทำแผลก่อนเถอะลูก”
ภารดีรีบพาเธอไปนั่งที่โซฟา มือสั่นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะ...”
ณิชาตอบเสียงเรียบ พลางขยับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นอีกนิด เพื่อปกปิดรอยช้ำที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า รอยที่ไม่ควรมีใครเห็น โดยเฉพาะแม่
ภารดีนั่งลงข้างๆ พลางหยิบกล่องยามาจัดการแผลให้ลูกสาวด้วยความอาทร
“พรุ่งนี้แม่มีนัดกับป้าอรสา ลูกไปกับแม่นะลูก”
“แม่ค่ะ…จะให้หนูไปดูตัวอีกแล้วใช่ไหม?”
น้ำเสียงของณิชาปนความเหนื่อยใจ
“แม่เชื่อว่าลูกกับตาคีย์เหมาะสมกันมาก”
ภารดีพูดเสียงหนักแน่นราวกับตัดสินใจแทนลูกสาวไปแล้ว
“แต่แม่ค่ะ…”
“เพื่อครอบครัวนะณิชา”
หญิงสาวชะงัก เธอเม้มปากแน่น ก่อนถามออกมาด้วยความคับข้อง
“ครอบครัวเราลำบากขนาดนั้นเลยหรือคะ ทำไมบัตรของหนูเหลือวงเงินแค่แสนเดียว?”
“ช่วงนี้เราต้องประหยัดก่อนลูก ถึงเราจะยังมีทรัพย์สินมากมาย แต่ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก พ่อของลูกต้องใช้เงินพยุงบริษัทไว้ ถ้าได้ครอบครัวคุณลุงดำรงมาช่วย เราก็จะไม่ล้มละลาย”
“มันไม่มีทางอื่นแล้วเหรอคะ? แล้วถ้าลูกชายเขามีแฟนอยู่แล้ว… เขาไม่ชอบหนูเลยแบบนี้ เขาก็คงไม่ช่วยเราใช่ไหม?”
ภารดีจับมือของลูกสาวไว้แน่น
“ไม่มีทางที่ตาคีย์จะไม่ชอบหนูหรอก หนูน่ารักขนาดนี้”
ณิชาหลุบตาลง “แต่แม่คะ… ถ้าหนูแต่งเข้าไป เขาอาจจะดูถูกหนูก็ได้”
“ป้าอรสาไม่ปล่อยให้ใครมารังแกและดูถูกหนูหรอกลูก”
ภารดีถอนหายใจยาว
“หนูเติบโตมาอย่างสุขสบาย ถ้าครอบครัวเราล้มละลาย หนูก็จะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตแบบเดิมอีกนะณิชา”
หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเสียงเบา
“ใช่สินะ… สำหรับฉัน เงินคงสำคัญที่สุดแล้ว”
เธอหลุบตา แล้วพึมพำต่อ
“พรุ่งนี้หนูจะไปกับแม่ก็ได้ค่ะ... ถ้ามันคือทางเดียวที่จะช่วยครอบครัวได้”
ภารดีคลี่ยิ้มออกมาทันที
“ขอบใจนะลูก ขอบใจที่ยอมทำเพื่อครอบครัวของเรา”
“ค่ะแม่...” ณิชายกยิ้มจางๆ
“งั้นหนูขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“ไปเถอะลูก อาบน้ำพักผ่อนเถอะ”
ภารดีมองตามร่างของลูกสาวที่ค่อยๆ เดินขึ้นบันได ดวงตาเต็มไปด้วยทั้งความรัก… และความหวัง
เสียงเครื่องยนต์ของรถยุโรปหรูดับลงหน้าบ้าน ก่อนที่ ประสิทธิ์ จะก้าวเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาถอดสูทวางลงบนพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
“กลับมาแล้วหรือคะคุณ”
ภารดี ลุกขึ้นต้อนรับสามีด้วยรอยยิ้มบาง
“กลับมาแล้วครับ เห็นเลขาผมบอกว่ารถลูกถูกชน เป็นไงบ้างบาดเจ็บตรงไหน”
เสียงเนกไทเสียดสีกับเนื้อผ้าดังแผ่วเบา เมื่อ ประสิทธิ์ คลายมันออกจากลำคอ
ภารดี เดินเข้ามาหา รับกระเป๋าเอกสารจากมือสามีด้วยความเคยชิน
“ไม่มากค่ะ แค่หัวแตะนิดหน่อย ฉันพาไปทำแผลแล้ว…”
น้ำเสียงของเธอแผ่วลง ขณะเหลือบตามองขึ้นบันไดไปยังทิศทางที่ลูกสาวเพิ่งเดินขึ้นไป ดวงตาเต็มไปด้วยทั้งความรักและความกังวล
ประสิทธิ์ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“แล้วเรื่องดูตัวพรุ่งนี้… ลูกยอมไปกับเราหรือยัง?”
ภารดีพยักหน้าเบา ๆ
“ก็คงต้องยอมแหละค่ะ ลูกเห็นแก่ครอบครัว”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง
“คุณนี่ก็นะ… บังคับให้ผมร่วมมือในเรื่องที่ไม่อยากทำเลย สงสารลูกจริง ๆ”
“เอาเถอะค่ะคุณ ช่วยฉันหน่อยก็แล้วกัน”
ภารดีพูดพลางวางกระเป๋าเอกสารลง
“ฉันกับอรสาคิดเหมือนกันว่าลูกเราสองคนเหมาะสมกันมาก ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ มีหรือณิชาจะยอมเปิดใจ”
“แต่คุณก็น่าจะให้พวกเขาได้เจอกันก่อน แล้วค่อยตัดสินใจด้วยตัวเองสิ” เขาว่าเสียงเรียบ
“ก็จะให้เจอกันพรุ่งนี้นั่นแหละค่ะ”
ภารดีหันมายิ้มบาง
“เรื่องแผนการก็แค่ช่วยผลักดันให้การตัดสินใจมันง่ายขึ้นเท่านั้นเอง”
ประสิทธิ์หัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ภรรยาผมเนี่ย...จอมวางแผนตัวยงเลยจริง ๆ”
“คุณก็พูดเกินไป”
ภารดีหลุดหัวเราะตาม เสียงหัวเราะของทั้งคู่เบาแผ่ว แต่ก็ช่วยคลายบรรยากาศในห้องให้ผ่อนลงเพียงชั่วครู่
หญิงสาวเดินเข้าไปถอดสูทจากบ่าของสามีอย่างอ่อนโยน ก่อนพับเก็บอย่างเรียบร้อยในตู้ไม้ข้างผนัง แล้วหันไปสั่งแม่บ้าน
“แม่บ้านเตรียมน้ำชาและของว่างให้คุณผู้ชายด้วยนะ เดี๋ยวฉันมา”
“รับทราบค่ะคุณผู้หญิง”
แม่บ้านตอบอย่างนอบน้อมก่อนรีบไปจัดการ
ประสิทธิ์ นั่งเอนหลังลงบนโซฟาหนังแท้ เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ที่คุ้นเคย แล้วแนบหูรอฟังเสียงปลายสาย
“พรุ่งนี้เจอกันนะ ดำรง”
เสียงของเขาแผ่วลงคล้ายคนอ่อนแรง
“ฉันอึดอัดเหลือเกิน สงสารลูกสาวจริง ๆ”
ปลายสายหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“เอาน่า...ลองให้เด็กมันได้เจอกันก่อน ถ้ามันไม่เวิร์กจริง ๆ ก็ไม่ต้องฝืนแต่ง”
“แต่เรื่องธุรกิจของฉันนะ…”
ประสิทธิ์กดเสียงต่ำลง
“ที่บอกว่าจะล้มละลาย ช่วยจัดการข้อมูลให้ดีหน่อย ตาคีย์มันไม่ใช่คนโง่ เดี๋ยวโป๊ะแตกก่อนงานจะเริ่ม”
“เออ รู้แล้วน่า!” ดำรงตอบอย่างอารมณ์ดี
“บริษัทของตาคีย์กับของกู มันแยกกันชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ก็ดี…” ประสิทธิ์พ่นลมหายใจ
“ว่าแต่ลูกสาวฉันมันใช้เงินเก่งเหลือเกิน ถ้าแต่งไป ครอบครัวมึงจะไม่รังเกียจใช่ไหม ไม่ใช่ว่ากูไม่มั่นใจนะ แต่กลัวจะไปลำบากเขา”
เสียงหัวเราะดังลอดมาจากปลายสาย
“มึงคุยกับเศรษฐีอยู่นะไอ้ประสิทธิ์ เงินของตาคีย์ก็คือเงินของลูกสาวมึงนั่นแหละ ถ้าแต่งกันเมื่อไหร่...ทุกอย่างก็รวมเป็นของครอบครัวเดียวกัน ฮ่า ๆ ๆ”
“พูดแบบนี้ฉันก็หายห่วงไปครึ่งหนึ่งละ”
ประสิทธิ์หัวเราะเบา ๆ แต่แววตากลับยังแฝงความกังวล
“อย่าห่วงเลยเพื่อน ครอบครัวกูรักหนูณิชาอยู่แล้ว”
“ใช่...แต่ขอให้ลูกชายมึงรักด้วยก็แล้วกัน”
น้ำเสียงของประสิทธิ์เต็มไปด้วยความจริงจัง
“มึงวางใจเถอะ กูเชื่อว่าตาคีย์ต้องรักหนูณิชาแน่ ๆ มึงเชื่อกูเถอะ” ดำรงตอบหนักแน่น
“เออ ๆ ได้ งั้นไว้พรุ่งนี้เจอกันเพื่อน”
“เจอกัน ประสิทธิ์”
เสียงวางสายดัง ติ๊ด ความเงียบกลับเข้าครอบคลุมทั่วห้องอีกครั้ง
ประสิทธิ์เอนหลังพิงโซฟา หลับตาแน่น — ความโล่งใจที่ได้ยินคำรับปากจากเพื่อน...กลับไม่อาจกลบความรู้สึกผิดที่กัดกินอยู่ในใจได้เลย
บ้านณิชา..เสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตหรูดังแผ่วก่อนดับลงตรงหน้าบ้านของณิชา คีรติเปิดประตูลงจากรถในชุดสูทเรียบหรู สายตาคมกริบกวาดมองตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจเฉพาะตัวภารดีที่กำลังจัดแจกันดอกไม้ตรงห้องรับแขกหันมาเห็นเข้าพอดี“อ้าว...ตาคีย์ มารับน้องเองเลยหรือลูก?”เสียงเธอแฝงรอยยิ้มปลื้มชัดเจนคีรติยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“ครับคุณแม่ วันแรกของการทำงาน มารับเลขาส่วนตัวสะหน่อยครับ”ภารดียิ้มกว้าง“น่ารักจังลูกเขยของแม่”ทันใดนั้น เสียงเครื่องดนตรีเบา ๆ ดังจากในบ้าน ก่อนชายหนุ่มอีกคนจะเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้าง“อ้อ นี่พอร์ช ลูกชายคนเล็กของแม่”ภารดีแนะนำพอร์ชยิ้มกว้าง“สวัสดีครับพี่เขย”เขาแกล้งเอ่ยคำเรียกอย่างซุกซน“เดี๋ยวผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ”คีรติหัวเราะเบา ๆ“สวัสดีพอร์ช ขับรถดี ๆ นะ”ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังลงมาจากชั้นบน ก่อนจะตามด้วยเสียงใสที่คุ้นหู“แม่ค่ะ มีอะไรทานบ้างคะเช้านี้?”ณิชาในชุดสูทกระโปรงสีครีมอ่อนก้าวลงมาจากบันได ผมยาวสลวยถูกรวบเรียบ เธอดูเรียบร้อยแต่น่ามองอย่างเหลือเชื่อ...จนคีรติอดยิ้มไม่ได้“อรุณสวัสดิ์ครับ...น้องณิชา”เขาเอ่ยเสียงทุ้มต
“คุณ!”เสียงทั้งสองซ้อนทับกันกลางห้องอาหารรอยยิ้มของอรสาและภารดีแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากันด้วยแววตาฉงน“อ้าว...รู้จักกันอยู่แล้วเหรอลูก?”ภารดีถามด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดีณิชารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบาง“เอ่อ...บังเอิญเคยเจอกันค่ะ”“อย่างนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ให้เสียเวลา”อรสากล่าวอย่างมีความหวัง มือประคองถ้วยชาเบา ๆ พลางมองเด็กทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยนคีรติทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับณิชา ท่าทีสงบนิ่งแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอหญิงสาวพยายามหลบสายตานั้น แต่ยิ่งหนี...เขากลับยิ่งมองบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มเปลี่ยนจากความอบอุ่น เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น“หนูณิชาชอบอาหารญี่ปุ่นไหมลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบเลยนะ”ดำรงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่เริ่มหนาแน่น“ชอบค่ะคุณลุง”ณิชาตอบอย่างเรียบสุภาพ แต่ปลายนิ้วยังคงสั่นเล็กน้อยใต้โต๊ะคีรติปรายตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มบางแฝงอยู่บนริมฝีปาก รอยยิ้มที่มีทั้งเย็นชาและความหมายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก“โลกกลมมากเลยนะครับผมพึ่งเจอเธอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้...”เขาพู
บ้านตระกูลอภิพัฒน์วัฒนากุล (บ้านคีรติ)เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านหรูเมื่อ คีรติ พาน้องสาว ครีม กลับมาถึงบ้านทันทีที่ อรสา แม่ของทั้งคู่ได้ยินเรื่องรถชน ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที“ครีม! ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”หญิงสาวรีบเดินเข้ามาดูบุตรสาวด้วยความร้อนใจ“ไม่เจ็บเลยค่ะแม่ แต่พี่ที่หนูชน...เขาหัวแตกค่ะ”ครีมตอบเสียงแผ่วแต่ยังยิ้มบาง ๆ“ตายจริง! แล้วพี่เขาเอาเรื่องหรือเปล่าลูก?”“ไม่ค่ะ แม่...พี่คนสวยเขาน่ารักมากเลย ยังลงมาดูหนูด้วยนะคะ”คีรติยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น ภาพเธอยังวนอยู่ในหัว ดวงตาคมสวย แววตาแข็งแกร่งแต่เศร้าลึก ๆ “งั้นครีมไปพักก่อนนะลูก เดี๋ยวค่อยลงมาทานมื้อเย็นกัน”“ค่ะแม่ แล้วคุณพ่อกลับมาหรือยังคะ?”“ยังเลยลูก วันนี้บริษัทคุณพ่อมีประชุม คงกลับมามืดหน่อย”“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ”“ไปสิลูก รีบอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะ”อรสามองตามลูกสาวขึ้นบันได ก่อนจะหันกลับมาทางลูกชายที่ยังยืนอยู่ตรงโถงบ้าน“ตาคีย์...แม่มีเรื่องจะคุยด้วย มานั่งก่อนสิลูก”คีรติพยักหน้าเบา ๆ“ครับแม่”น้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับรู้ดีว่าเรื่องที่แม่จะพูดคืออะไร“พรุ่งนี้ว
บ้านตระกูลวัฒนวานิชเจริญ (บ้านณิชา)เสียงส้นรองเท้าดังแผ่วเบาไปตามพื้นหินอ่อน เมื่อ ณิชา เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย ดวงตาคู่สวยดูพร่ามัวราวกับคนไม่ได้หลับทั้งคืน“ณิชา เป็นยังไงบ้างลูก…ทำไมมีเลือด!”เสียงของ ภารดี แม่ของเธอเอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตกใจ“รถชนนิดหน่อยค่ะคุณแม่ หนูให้เลขาของคุณพ่อจัดการแล้วค่ะ”หญิงสาวตอบเบาๆ พยายามกลบความอ่อนแรงในน้ำเสียง“ตายแล้ว! มาทำแผลก่อนเถอะลูก”ภารดีรีบพาเธอไปนั่งที่โซฟา มือสั่นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง“ขอบคุณค่ะ...”ณิชาตอบเสียงเรียบ พลางขยับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นอีกนิด เพื่อปกปิดรอยช้ำที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า รอยที่ไม่ควรมีใครเห็น โดยเฉพาะแม่ภารดีนั่งลงข้างๆ พลางหยิบกล่องยามาจัดการแผลให้ลูกสาวด้วยความอาทร“พรุ่งนี้แม่มีนัดกับป้าอรสา ลูกไปกับแม่นะลูก”“แม่ค่ะ…จะให้หนูไปดูตัวอีกแล้วใช่ไหม?”น้ำเสียงของณิชาปนความเหนื่อยใจ“แม่เชื่อว่าลูกกับตาคีย์เหมาะสมกันมาก”ภารดีพูดเสียงหนักแน่นราวกับตัดสินใจแทนลูกสาวไปแล้ว“แต่แม่ค่ะ…”“เพื่อครอบครัวนะณิชา”หญิงสาวชะงัก เธอเม้มปากแน่น ก่อนถามออกมาด้วยความคับข้อง“ครอบครัวเราลำบากขนาดนั้นเลยหรือคะ ทำไมบัตรของหนูเ
บริษัท อภิพัฒน์วัฒนากุล กรุ๊ป ห้องทำงานประธานแสงแดดยามสายลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนลงบนโต๊ะทำงานหรูที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญคีรติพิงเก้าอี้ พลางจิบกาแฟอย่างใจเย็น ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ“ก๊อก… ก๊อก…”“เข้ามาได้”เลขาคนสนิทของเขา ทรงพล เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มสีเทาในมือ“ข้อมูลของผู้หญิงที่คุณคีรติให้สืบมาครับ ทั้งคนที่อยู่กับคุณคืนนั้น… และข้อมูลของคุณณิชาวดีด้วยครับ”คีรติขมวดคิ้วเล็กน้อย พลิกแฟ้มในมืออย่างใช้ความคิด แต่ก่อนที่ทรงพลจะเริ่มรายงานครืด… ครืด… ครืด…เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นหน้าจอขึ้นชื่อว่า “ครีม”คีรติรีบรับสายทันที“ครีม ว่ายังไงพี่ทำงานอยู่”เสียงปลายสายสั่นเครือ“พี่คีย์… ครีมขับรถชนค่ะ พี่มาหาครีมหน่อยได้ไหม”คีรติลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที สีหน้าเปลี่ยนจากเรียบนิ่งเป็นเคร่งเครียดในพริบตา“ครีมบาดเจ็บไหม? อยู่ตรงไหนส่งโลเคชั่นมาพี่จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้” เขาถามไถ่น้องสาวด้วยความห่วงใย“ไม่ค่ะ ครีมไม่เป็นไรเลย”คีรติหายใจโล่งเมื่อรู้ว่าน้องสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ“รอตรงนั้น ห้ามขยับรถ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”“ค่ะพี่คีย์…”สายถูกตัดไป คีรติหันไปสั่งเล
โรงพยาบาลเอกชน เงียบสงบเสียงพยาบาลดังเรียก“เชิญคุณณิชาวดีที่ห้องตรวจค่ะ”ณิชาเดินเข้าไปพบแพทย์ทันที“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“สวัสดีค่ะคุณณิชา ปวดท้องน้อยบริเวณไหนคะ”“ปวดท้องน้อยตรงนี่ค่ะ หน่วง ๆ”ณิชากุมท้องน้อย กดๆ ให้คุณหมอดู “ไม่ทราบรอบเดือนมาวันที่เท่าไหร่ค่ะ?”“เพิ่งมาสัปดาห์ที่แล้วค่ะ ประมาณวันที่ 4”“เอ่อค่ะ… แล้วไม่ทราบว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ค่ะ”ณิชากลืนน้ำลาย ก่อนตอบเสียงเบา“เมื่อคืนค่ะ”หมอพยักหน้าเบา ๆเดี๋ยวหมอขอตรวจหน่อยนะคะ”ณิชาขึ้นนอนบนเตียงตรวจ หมอเริ่มตรวจอย่างละเอียด“อ่อมีฉีกขาดบ้าง เป็นครั้งแรกหรือเปล่าค่ะ ”“อืม..ค่ะคุณหมอ”ณิชาตอบเสียงเบา สีหน้าเธอแดงก่ำหมอยิ้มอ่อนโยนแต่เอ่ยเสียงจริงจัง“อืม..การใช้งานรุนแรงทำให้เกิดการอักเสบได้ ต่อจากนี้ขอให้งดกิจกรรม 7 วันนะคะหมอจะให้ยาไปทาน เดี๋ยวก็จะดีขึ้นค่ะ”ณิชาพยักหน้าอย่างเขินอาย“ขอบคุณค่ะคุณหมอ… เอ่อ ขอ ‘ยาคุมฉุกเฉิน’ ด้วยได้ไหมคะ คือเมื่อคืน…”หมอยิ้มเบา ๆ อย่างเข้าใจ“ได้ค่ะ เดี๋ยวจัดยาให้เลย”“หมอสั่งยาเรียบร้อยแล้วค่ะ...รอรับยาแล้วกลับบ้านได้ค่ะ”“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”ณิชาเดินออกจากห้องตรวจด้วยหัวใจที่







