มินรญากลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน วันนี้งานเธอเสร็จเร็วจึงขอกลับก่อน ปกติแล้วเธอมักจะรอกลับพร้อมเพื่อน ๆ เสมอ แต่วันนี้ต้องซื้อของใช้ให้มดยิ้มจึงปลีกตัวออกมาก่อน
ร่างบางขับรถออกจากห้างสรรพสินค้าเมื่อได้ของครบตามที่ต้องการ แวะซื้อขนมหวานร้านปากซอยฝากคนที่บ้านนิดหน่อย โดยไม่ลืมข้าวเหนียวมะม่วงด้วย เธอไม่อยากกินแต่อยากซื้อ ร่างบางน้ำตารื้นหัวตา เมื่อมองกล่องขนมหน้าตาน่ารับประทานนั่น
เขากลับมาแล้ว นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แต่เธอไม่เห็นวี่แววเขาอีกเลย คงย้ายไปอยู่กรุงเทพสินะ เธอถึงไม่เห็นเขาที่นนทบุรีอีก
ตั้งแต่เขาไปเรียนต่อ บ้านเธออยู่ปทุมฯ บ้านภพธรอยู่นนทบุรีแต่ห่างกันแค่อำเภอกั้น ถึงแม้จะบอกว่าไม่สนใจ แต่ก็มีหลายครั้งที่เธอตั้งใจแอบไปดูเขาที่ร้านทอง แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาเลยสักครั้ง
หญิงสาวขับรถผ่านเข้ามาในรั้วบ้าน รถพ่อจอดอยู่ตรงที่ประจำ เพราะพ่อจะกลับบ้านเร็วกว่าเธอทุกวัน ดวงตากลมโตสะดุดเข้ากับรถยนต์คันใหญ่ที่มาจอดแทนที่เธอ ร่างบางมองรถยนต์คันหรูราคาแพงอย่างสนใจ คงเป็นเจ้านายของพ่อแวะมา เพราะคนฐานะปกติคงไม่สามารถซื้อรถราคานี้ขับแน่นอน
ร่างบางคิดไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะจอดรถขวางหน้ารถคันใหญ่ เดี๋ยวค่อยขยับให้ตอนจะกลับก็แล้วกัน ลงมือขนของลงจากรถ ของใช้มดยิ้มทั้งนั้นเดือนหนึ่ง ๆ หมดไปเท่าไร มินรญายิ้มเมื่อคิดถึงหน้าเล็กจิ้มลิ้มของลูกสาว
ร่างบางรวบถุงเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี แขกของพ่อนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ที่แบ่งมุมจากโถงกลางบ้านแล้วใช้โซฟากั้นง่าย ๆ บ้านเธอไม่กว้างเท่าไร
บนตักเขามีร่างเล็กของลูกสาวเธอเกยอยู่ แขนแกร่งโอบรอบเอวเล็กของมดยิ้มไว้ สร้างความงุนงงให้กับคนเป็นแม่ เพราะปกติมดยิ้มจะไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้า มินรญางงใจกับลูกสาวตัวน้อยที่วันนี้นั่งนิ่ง ๆ ให้คนอื่นกอดได้ เธอต้องเดินผ่านตรงนี้ถึงจะขึ้นชั้นบนได้ เพราะมันติดกับบันได
"มีนมาพอดีเลย” คุณญดาที่นั่งคุยกับแขกหันมาเห็นเธอแล้วร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"มานี่เลยมีน มาดูสิว่าใครมาหา” แม่บอกอย่างดีใจจนออกนอกหน้า ผิดกับพ่อที่ยังนั่งหน้านิ่งอยู่
"มิม มิม จ๋า” มดยิ้มที่นั่งอยู่บนตักของคนร่างสูงร้องเรียกเธออย่างดีใจ ร่างเล็กพยายามปีนลงจากตักกว้าง แต่เขายังไม่ปล่อยมดยิ้มลงมา กลับอุ้มมดยิ้มขึ้นไปแนบอก ก่อนจะหันมามองเธอช้า ๆ
ร่างทั้งร่างชาเหมือนถูกแช่แข็ง ยืนนิ่งตาค้างข้าวของในมือร่วงลงพื้น แข้งขาพากันอ่อนแรง เมื่อสบกับดวงตาคมดุ ที่มองมาอย่างเอาเรื่อง ในมือเขายังอุ้มมดยิ้มไว้ ถึงแม้ร่างเล็ก ๆ จะร้องหาเธอ พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนใหญ่
"เต้ย" เสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางเบาหวิว ทำอะไรไม่ถูกยิ่งเห็นมดยิ้มอยู่ในอ้อมแขนแกร่งเธอยิ่งลนลาน
"มีน เต้ยมาหาน่ะ มาตั้งแต่บ่าย” คุณญดาเอ่ยทำลายความเงียบ เมื่อเห็นคนหนุ่มสาวจ้องหน้ากันค้าง
"ข้าวของพังหมดแล้ว ทำอะไรน่ะมีนทิ้งลงพื้นทำไม” ร่างอวบของคุณญดาลุกจากโซฟาเดินมาหาคนที่ยังยืนค้าง ลงมือเก็บข้าวของ
มินรญาเพิ่งได้สติเดินตรงลิ่วเข้าไปแย่งมดยิ้มจากร่างสูงแต่ภพธรยังยื้อไว้
"มดยิ้มมานี่ลูก” มินรญาไม่ยอมแพ้ ยังพยายามดึงร่างเล็ก ๆ ของลูกออกจากอ้อมแขนใหญ่
มดยิ้มตกใจจนร้องจ้าเมื่อถูกรั้งไปมา เด็กน้อยส่งเสียงร้องดังลั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม
มินรญาเจ็บจี๊ด เมื่อเห็นลูกร้องไห้แรงจะเอาชนะก็เพิ่มขึ้น เธอยังฉุดรั้งลูกไม่หยุด
การกระทำของหนุ่มสาวอยู่ในสายตาของคนสูงวัยทั้งสอง คุณปรีชาเดาเรื่องราวทั้งหมดได้จากอาการของลูกสาว
ส่วนคุณญดาได้แต่ยืนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
"เอาลูกฉันมา! เห็นไหมแกร้องใหญ่แล้ว” มินรญายังคงรั้งมดยิ้ม จนลืมไปว่าลูกอาจจะเจ็บ
"มีนหยุด!” เสียงห้าวของคนตรงหน้าตวาดลั่น เมื่อหญิงสาวทำเหมือนคุมตัวเองไม่อยู่
"เอาลูกฉันมานะ!” ร่างบางตวาดกลับ
เสียงดังของเธอบวกกับเสียงของคนแปลกหน้า ทำให้มดยิ้มร้องหนักขึ้น
"อะไรกันล่ะ มีน! เต้ย! แย่งมดยิ้มกันทำไมเนี่ย! โอ๋... มาหายายมา ลูก อะไรกัน” คุณญดาห้ามทัพ เมื่อเห็นสองคนแย่งกันเอาเป็นเอาตาย โดยภพธรอุ้มมดยิ้มไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างใช้กันมินรญาออกห่างตัว
"เต้ย ส่งมดยิ้มมาให้ป้า” คุณญดาเอ่ยขอ
ภพธรยอมส่งมดยิ้มคืนให้คุณญดา
คุณปรีชายังนั่งมองเงียบ ๆ เหมือนสองคนนั่นลืมเขาไปแล้ว ทำอะไรกัน คงไม่เห็นสินะว่าเขานั่งหัวโด่อยู่นี่
"โอ๋ ๆ ไม่ร้องลูก มาหายายลูก เดี๋ยวยายพาไปนอน” คุณญดาปลอบขวัญหลานตัวน้อยที่ยังคงสะอื้น
"มดยิ้ม มาหาแม่มาลูก” ร่างบางถลาเข้าหาลูกน้อยเหมือนจงอางหวงไข่ เธอหวังจะพาลูกหนีไปให้พ้น ๆ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนข้อมือก็ถูกรั้ง
"มานี่เลย” มือแกร่งกระชากกลับ จนร่างบางหันมาตามแรง
"ปล่อย!” ตวาดแหว พยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือ
"เต้ย! มีน! อะไรกัน! เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ไปได้” คุณปรีชาเอ่ยอย่างเหลืออด เด็กพวกนี้ทำอะไรกันไม่เกรงใจเขาบ้างเลย
"คุยกันดี ๆ สิ อะไรเพิ่งเจอกันแท้ ๆ” คุณปรีชายังดุต่อ
ทำให้มือแกร่งที่เผลอคว้าข้อมือบางตามอารมณ์ตัวเองต้องปล่อยออก
"ใช่มีน พ่อพูดถูก คุยกันดี ๆ สิลูก ไม่เจอกันตั้งนาน อะไรมาทะเลาะกันเหมือนเด็กไปได้”
คุณญดาเอ่ยเห็นด้วยกับสามี ก่อนจะก้าวขึ้นชั้นบน เพื่อพามดยิ้มหลบไปก่อน มินรญาทำท่าเดินตาม แต่ถูกเสียงดุ ๆ ของคนเป็นพ่อเรียกไว้ก่อน
"มีน! อย่าเพิ่งไปคุยกับเต้ยให้รู้เรื่องก่อน” คุณปรีชาบอก เขาอยากให้สองคนคุยกัน ไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน แต่ดูแล้วเดาสาเหตุได้ไม่ยาก
"ไม่คุยค่ะ มีนไม่มีอะไรจะคุย ขอตัวนะคะ"
"แต่ผมมี ขออนุญาตนะครับคุณลุง” ภพธรเอ่ยเสียงดัง หันไปขออนุญาตคุณปรีชา ก่อนจะลากร่างบางออกไป
"พ่อช่วยมีนด้วยค่ะ พ่อ!” มินรญาดิ้นรน ปากก็ร้องให้คุณปรีชาช่วย เมื่อถูกมือแกร่งลากออกไปหน้าบ้าน
"เป็นบ้าอะไรมีน คลุ้มคลั่งอะไร!” ภพธรเอ่ยเมื่อลากเธอมาหน้าบ้านได้สำเร็จ
"มาทำไม!” มินรญาตวาดแหว
"มีอะไร ทำไมจะมาไม่ได้” ภพธรเถียงกลับ
"ที่นี่ไม่ต้อนรับแกออกไป!” มินรญาชี้ไปที่หน้าประตูเพื่อไล่เขา
"นี่ใช่ไหมมีน สาเหตุที่มีนทิ้งเต้ย หลอกให้เต้ยไปเรียนคนเดียว” ภพธรจ้องหน้ามินรญาเขม็ง
"มีนมีแฟนใช่ไหม มีลูกใช่ไหม ที่กันเต้ยออกห่างเพราะมีแฟนอยู่ใช่ไหม!"
"เออใช่! แล้วจะทำไม!..."
"ไม่ทำไมหรอกมีน แต่มีนหลอกเต้ยทำไม หลอกให้เต้ยไปเรียนต่อทำไม"
"บ้าเปล่าเนี่ย ใครเขาไปหลอกอะไรแก แกอยากไปเรียนต่อเองไม่ใช่เหรอ"
"ใช่เต้ยอยากไป แล้วใครล่ะที่บอกว่าจะไปด้วยกัน"
"เออ แล้วไงล่ะ ก็ไม่อยากไปน่ะ"
"กันเต้ยออกไป จะได้อยู่กับคนรักใช่ไหม"
"ใช่!"
“เฮ้ย!”ผมร้องเสียงดัง เมื่อสายน้ำเบ่งของเก่าออกมาทางตูด! เจ๊มดที่นั่งข้างๆวิ่งเลยครับ ไม่ได้วิ่งมาช่วยนะ นางวิ่งหนีไปหน้าประตูครัวโน้น ไหนใครบอกว่ามดยิ้มรักน้อง! “สายน้ำทำอะไรเนี่ย หึ้ย!วางระเบิดพ่อได้ไง”ผมพูดกับสายน้ำ เอาไงดีล่ะผมน่ะเลี้ยงลูกได้ แต่ตอนอึเนี่ยบอกตรงๆผมไม่ชอบเลย เด็กห้าเดือนนะ คุณคิดภาพตามดิ เหมือนซุปข้าวโพดอะ แล้วกลิ่นเนี่ยไม่ต้องพูดถึง พูดแล้วขมคอ ตอนนี้ผมมีทางเลือกสองทางคือหนึ่งโทรตามเด็กที่บ้านใหญ่ให้มาจัดการลูก และสองคือผมทำเอง . . . “มดยิ้มหยิบผ้าขนหนูน้องให้พ่อหน่อยลูก!”ครับตามที่เห็น ตอนนี้ผมจัดการกับสายน้ำแล้วครับ พามาล้างอึในห้องน้ำแล้วก็อาบน้ำให้เลยครับ “มดยิ้มลูก ได้ยินพ่อไหม”ผมตะโกนถามเจ๊มดอีกครั้ง ไม่นานก็เห็นร่างเล็กๆเดินเข้ามาในห้องน้ำ มดยิ้มถือผ้าขนหนูมาวางไว้ให้น้องด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย นางยืนกอดอกดูน้องที่เล่นน้ำในอ่างด้วยสีหน้าที่เดาอารมณ์ไม่ออก แต่ผมจะบอกว่าโครตเหมือนมีนเลยครับ หน้าแบบนี้การกระทำแบบนี้ มันมีนชัดๆเวลาที่ผมเมาแล้วงอแง มีนก็จะมายืนทำหน้าแบบนี
“แล้วมึงกับแก้วไปถึงไหนกันแล้ววะ”ผมถามตรงๆ อยู่กันมาขนาดนี้ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว สองปีแล้วที่มันวิ่งไปกลับแบบนี้ มันก็น่าจะได้อะไรกลับมาบ้างแหละ “เหมือนเดิม” “แค่เนี้ย” “อืม...”ไอ้ธามตอบก่อนจะหันไปหาลูกผมบนตักมีน เหมือนเดิมอีกแล้วเอากับมันสิ แล้วไอ้ที่ว่าเหมือนเดิมน่ะคืออะไรวะ ผมสงสัยต่ออีกนิด “เดือนหน้าเนยจะย้ายไปอยู่อังกฤษ”อยู่ๆไอ้ธามก็พูดเรื่องนี้ออกมา หลังจากที่เราย้ายกันมานั่งดื่มกันที่หน้าบ้าน “อ้าว...ไปอยู่เลยหรือแค่ไปเที่ยว”ผมถามกลับหลังจากเติมเครื่องดื่มในแก้วให้มัน วันนี้มันดื่มหนักนะผมว่า เพราะผมเติมให้มันแบบแก้วต่อแก้วเลย “ไปอยู่เลย...” “อ้าวแล้วลูกมึงล่ะ” “ก็ไปกับแม่มัน” “มึงมีอะไรจะบอกกูไหม” “ไม่มี กูแค่คิดถึงลูก”มันพูดพร้อมกับกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอีกคำใหญ่ ผมก็พูดไม่ออกครับ ไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกมัน ตั้งแต่ที่มันรู้ว่ามีลูกกับน้องเนยมันก็เสนอช่วยดูแลลูก ก็ทำแบบที่ผมทำกับมีนนี่แหละครับ แต่มันไม่ได้เอาแม่แบบผม ก็อย่างที่พวกคุณรู้ ใ
“แม่มีน ตื่นแล้วหรอคะ มดยิ้มขอโทษ มดยิ้มจะมาหาน้องค่ะ”พอได้ยินเสียงแม่แค่นั้นแหละ เจ้าตัวเล็กข้างๆผมหน้าเสียเลยครับ “มดยิ้มย่องแล้วค่ะ มดยิ้มไม่ได้ตั้งใจ”นี่คือคำพูดเด็กห้าขวบจริงๆใช่ไหม:) “ไม่เป็นไรค่ะลูก มาหาแม่มา มาให้แม่ดูสิคะว่าพ่อใส่กระโปรงถูกหรือเปล่า”มีนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วเรียกคนตัวเล็กเข้าไปหา พร้อมกับจับลูกหมุนดูนี่นั่นสำรวจไปทั่วตัวลูก ใช่ผมเคยใส่กระโปร่งให้ลูกกลับด้าน แล้วไงวะก็แค่สี่ห้าครั้งเอง:( “น้องตื่นยังคะ” “ยังเลยค่ะน้องเพิ่งหลับ เมื่อคืนน้องงอแงค่ะ แม่มีนเลยตื่นสาย”ยัยตัวเล็กถาม เพราะเมื่อคืนมดยิ้มของผมไปนอนบนตึกใหญ่มาครับ เด็กเพิ่งเอามาส่งให้เมื่อเช้านี้เอง ก็เหมือนเดิมครับ เจ้มดก็ยังต้องเดินสายนอนกับอาม่า นอนกับก๋งเหมือนเดิม ใครว่ามีลูกใหม่พวกเค้าจะเห่อมดยิ้มน้อยลง เปล่าเลยครับ นอกจากจะไม่เบื่อแล้ว แถมยังเอามดยิ้มไปนานกว่าเดิมอีก เพราะไม่อยากให้มดยิ้มมากวนแม่กับน้อง ผมว่ามันคือข้ออ้างครับ คนโตอยากได้มดยิ้มไปนอนกอดเลยเอาน้องมาอ้างมากกว่า “มดยิ้มทานข้าวยังคะ” “ทานแล้วค่ะ
“คุณพ่อไปไหนมาคะ”เจ้ามดยิ้มร้องถาม พร้อมกับวิ่งมากอดที่เอวผม ออลืมบอกไปตอนนี้มดยิ้มสูงเลยหัวเข่าผมมาแล้วครับ เด็กห้าขวบกับความสูงแค่นี้คุณว่าปกติไหม ก็อย่างว่ามีนมันเตี้ย ส่วนผมก็เสือกสูงเองลูกเลยไม่รู้ว่าอันไหนคือมาตฐาน นาทีนี้ตัดเรื่องความสูงมดยิ้มไปก่อน เมื่อผมอุ้มลูกขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปหาคนที่นอนอมยิ้มบนเตียง มีนนะมีนไม่ต้องมาขำเลย ผมงอนจริงด้วยงานนี้ “มีนเป็นไงบ้าง”ผมเอ่ยถามเมื่อมายืนข้างเตียง “มีนน่ะสบายดี ห่วงตัวเองก่อนไหมตี๋ฮาๆๆ”สิ้นเสียงของคนที่ว่าแดกผม คนในห้องก็พากันขำกระจายครับ เจ็กเก้าครับเขาก็คือคู่ปรับตลอดกาลของผมเอง “มีนไม่เป็นไร เต้ยล่ะเป็นไงบ้าง”ใช่เวลาห่วงผัวไหมเมีย ยิ่งเมียถามกลับมาแบบนี้คนให้ห้องก็ยิ่งได้ใจครับ ขำกันหนักกว่าเดิมอีก “พอๆ อย่าล้ออะไรมันมากเลยแค่นี้มันก็อายจะแย่แล้ว ตี๋ป๊ากับม๊าดีใจมากที่ได้หลานชาย ขอบใจมากนะ ชอบใจมากนะมีน”ป๊าเอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะขอบใจผมกับลูกสะใภ้อย่างสุดซึ้ง พ่อกับแม่มีนด้วยครับ ท่านทั้งสองมองมาที่ผมด้วยสายตาอ่อนโยนจนผมขนลุก ไม่บอกก็รู้ว่าท่านทั้งสองมีความสุขมากเช่น
“มีน มีน ไม่เป็นไรนะมีน ถ้ามีนเจ็บมีนปวดจนทนไม่ไหวบีบมือเต้ยนะ จะกัดเต้ยก็ได้”นี่เป็นคำพูดของผมครับ เพราะทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลหมอก็พาคนตัวเล็กเข้าห้องคลอดทันที ผมก็เข้ามาด้วยเพราะเราฝากท้องแบบพิเศษครับ พิเศษสุดๆเลยเอาแบบที่โรงพยาบาลจะจำเราได้ไปอีกนาน และอยากให้เมียผมท้องทุกปีเลยล่ะครับ ลืมบอกไปวันนี้มีนเจ็บท้องและกำลังจะคลอดครับ “เต้ยมีนไม่เป็นไร มาคลอดลูกไม่ได้เจ็บขนาดนั้น”คนตัวเล็กยังพยายามบอกให้ผมโอเค ทั้งๆที่มือเธอยังกำมือผมไว้แน่น เหงื่อก็เริ่มซึมออกมาตามหน้าผาก แถมหน้าก็ซีดลงๆ เอาจริงๆผมไม่รู้หรอกครับว่าเจ็บท้องคลอดลูกเนี่ยมันเจ็บขนาดไหน แต่สำหรับผมแค่มีดบาดก็โครตเจ็บแล้วครับ ภรรยาผมเธออดทนมากแต่ผมรู้ว่าเธอกำลังเจ็บมาก ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้ยิ่งโมโหตัวเองครับ เพราะต่อให้มีเงินล้นฟ้าก็ช่วยให้เมียหายเจ็บไม่ได้ เพราะเมียผมเลือกจะคลอดตามธรรมชาติครับ เธอไม่ผ่าคลอดเพราะเมื่อตอนคลอดมดยิ้มเธอก็คลอดเอง แล้วไงล่ะครับทีนี้ก็เลยลำบากมายันผม ทำไมนะหรอครับก็ผมเนี่ยอยากจะเจ็บแทนเธอไง “มดลูกขยายอีกสองเซนเเล้วค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งเบ่งนะคะ รออีกนิด”หมอคนที่ทำหน้า
คุณญดาตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อได้เห็นลูกสมหวัง หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูกท่านคิดในใจ เมื่อเอื้อมมือมาลูบหัวลูกรัก ผู้ใหญ่อวยพรให้คนทั้งสอง บ่าวสาวขอบคุณก่อนจะเดินขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ถึงแม้มินรญาจะกำชับให้จัดแค่งานเล็ก ๆ แต่ครอบครัวของภพธรเป็นครอบครัวใหญ่ เฉพาะญาติ ๆ ก็เกือบ ๆ ร้อย ไม่รวมเพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นน้องที่แห่กันมาอวยพรและแสดงความยินดีกับเธอ อธิปกับแก้วสุนีย์มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว มินรญาสังเกตอาการคนทั้งสองตามคำบอกเล่าของภพธร จะเป็นอธิปที่คอยเอาใจแก้วสุนีย์เสียส่วนใหญ่ ในขณะที่แก้วสุนีย์ยังเฉยจนดูไม่ออก งานแต่งงานที่จบไปเมื่อตอนเช้าสร้างความเมื่อยล้าให้ว่าที่คุณแม่ลูกสองไม่น้อย ใช่มินรญากำลังจะกลายเป็นคุณแม่ลูกสองอีกครั้ง เพราะตอนนี้เธอตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว หลังจากที่รู้ว่าท้องภพธรก็ไม่ให้เธอทำอะไรอีกเลย ให้เธอดูแลลูกกินแล้วก็นอน เวลาที่มดยิ้มไปโรงเรียน มินรญาก็ทำงานบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลมินรญาก็ถูกสั่งให้ย้ายมาอยู่บ้านใหญ่ทันที เพราะทุกคนต่างก็รักและเป็นห่วงเธอ แต่คืนวันเสาร์อาทิตย์ภพธรจะ