ฟงชินหยางยังคงนอนเหยียดตัวบนเตียงนอนยามเอ่ยสั่งการอย่างเอาแต่ใจ “เจ้าแค่ไปเรียกบ่าวไพร่ของเจ้ามาทำความสะอาดก็พอ”หลิงเวยจึงเงียบไป นางจะเรียกใช้งานใครได้ ในเมื่อยามก่อนเป็นถึงคุณหนูของจวนยังเอ่ยสั่งการยากเย็น ยามนี้แต่งออกไปแล้วนับเป็นคนนอกจะเอ่ยสั่งใครได้กัน อีกครั้งที่หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจอยู่ในอกพลางก้มหน้าลงต่ำแล้วเดินคอตกออกนอกห้องไปหลิงเวยเดินออกมาด้านหน้าของเรือนเห็นทหารติดตามของฟงชินหยางยืนกระจายตัวด้วยสีหน้าถมึงทึงท่าทางน่ากลัวอยู่เต็มหน้าเรือนและสาวใช้หนึ่งนางที่เดินทางมาด้วยกันจากจวนตระกูลฟง เหล่าทหารพวกนี้นางเห็นได้ชัดว่ามิใช่เพียงเหล่าทหารชั้นประทวนธรรมดา วันก่อนจะเดินทางมานั้นเหล่าทหารชั้นผู้น้อยหลายรายต่างทำความเคารพพวกเขาอย่างพินอบพิเทาก่อนออกเดินทาง อีกทั้งเครื่องแต่งกายของพวกเขายังบ่งบอกตำแหน่งแตกต่างจากทหารชั้นผู้น้อยที่นางเคยเจอ เช่นนั้นแล้วกลุ่มคนพวกนี้จึงนับได้ว่าเป็นแขกของนาง นางจึงเอ่ย “พวกเจ้าพักผ่อนตามสบายนะ ข้าจะไปสั่งโรงครัวทำอาหารมาให้”“ขอรับ/เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย” ทุกคนประสานเสียงตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียงแสดงความเคารพยำเกรงไม่สร่างซาหลิงเวยเห็นอย่างน
ภายในเรือนหลังเล็กท้ายจวนหลิงเวยกลับเข้ามาในเรือนทันทีก่อนจะรีบค้นหากระดาษออกมาจากชั้นของตู้ที่อยู่ในห้องนอนแล้วลงมือร่ายกลอนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวใช้เวลาแค่เพียงไม่นานไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำสำหรับการเขียนกลอน ซึ่งหากเป็นคนอื่นคงใช้เวลาถึงครึ่งวันทันใดนั้นแผ่นกระดาษที่มีคำกลอนร่ายยาวพลันถูกกระชากออกจากโต๊ะตรงหน้าของหลิงเวยทำให้น้ำหมึกเปื้อนกระดาษทับตัวอักษรจนเป็นทางสีดำลากยาวเสียหายทั้งหมด“ท่าน!” นางร้องออกมาแค่นั้นเมื่อมองเห็นว่าเป็นใครฟงชินหยางคลี่กระดาษที่ดึงกระชากมาจากโต๊ะตรงหน้าของหลิงเวยเมื่อครู่ออกดูอยู่อึดใจแล้วฉีกมันออกเสียงดังแคว่กแล้วโปรยทิ้งไปอย่างไม่ใยดีแผ่นกระดาษเปื้อนน้ำหมึกจึงกระจัดกระจายปลิวว่อนอยู่กลางอากาศจนเต็มพื้นที่โดยมีบุรุษร่างหนายืนมองด้วยสายตามืดดำหลิงเวยถึงกับตาโตตกใจ “ท่านฉีกทำไม”“เหตุใดเจ้าต้องยอม” ชายหนุ่มถามเสียงเย็นสีหน้าไม่พอใจชัดเจน เขาแอบเดินตามนางไปได้เห็นทั้งหมด ทั้งพี่น้องทั้งแม่เลี้ยง หลิงเวยยืนอยู่ตรงนั้น นางยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางอสรพิษน่ารังเกียจพวกนั้น พวกมันน่าเชือดคอยิ่ง!ฟงชินหยางเอ่ยเสียงกดต่ำสีหน้าเย็นชา “เจ้าไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้”
เสียงดังโครมครามทำลายข้าวของเครื่องเรือนดังครืนๆ ทำเอาสาวใช้ของจวนตระกูลหลิงสามนางที่กำลังทำความสะอาดในเรือนชานต่างพากันตกใจวิ่งเข้ามาดูกันอย่างสามัคคี พวกนางมองเห็นสามีตัวโตของคุณหนูหลิงเวยกำลังกราดเกรี้ยวอาละวาดโดยที่คุณหนูเพียงยืนมองตามด้วยเนื้อตัวสั่นเทาใบหน้าแดงก่ำน้ำตาไหลรินอา...ภาพนี้ต้องบอกต่อแทนที่จะตระหนกตกใจ สาวใช้ทั้งสามนางกลับคิดไปอีกทาง และไม่คิดจะเข้าไปห้ามปรามหรือช่วยเหลือหลิงเวยแต่อย่างใด ทั้งยังทิ้งงานในมือวิ่งออกไปนอกเรือนเพื่อหมายจะคาบข่าวไปนินทาอย่างสนุกปากตามวิสัยการนินทาเจ้านายเป็นงานหลักยิ่งกว่างานใดๆฟงชินหยางยืนตระหง่านอยู่เหนือซากปรักหักพังของตู้โต๊ะตั่งเครื่องเรือนทั้งหลายทั้งเล็กทั้งใหญ่โดยไม่มีอาการเหนื่อยหอบใดๆ เลยสักนิด เขาสามารถพังเรือนทั้งหลังยังได้ชายหนุ่มปรายสายตาคมดุมองปราดไปที่ร่างบางของหญิงสาวอรชนที่ยืนนิ่งกะพริบตามองเขาผ่านม่านน้ำตาสีใสในครานี้น้ำตาของนางทำให้เขายิ่งคันตามเนื้อตัวโดยเฉพาะที่ฝ่ามือเขากำลังคันมืออยากฆ่าคน!“เจ้าไม่ควรอ่อนแอให้ใครเหยียบย่ำ” เขาเอ่ยเสียงกดต่ำครางคำราม “เจ้าควรเข้มแข็ง”หลิงเวยเงยหน้าขึ้นสู้สายตาคมดำอย่างไม่มีห
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะเอ่ยต่อประโยคคำใด สาวใช้นางหนึ่งก็วิ่งเข้ามาแล้วชิงเอ่ยก่อน “เรียนนายท่าน ฮูหยินใหญ่หกล้มข้อมือหักเส้นเอ็นฉีกขาดทั้งสองข้างเลยเจ้าค่ะ”“...!?”อึดใจสาวใช้หน้ากลมพลันวิ่งถลามาอีกคน “เรียนนายท่าน คุณหนูมี่อิงกับคุณหนูมี่เอินตกสระน้ำสลบใสลไม่ได้สติเลยเจ้าค่ะ”“...!?”และสาวใช้อีกคนหนึ่งก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาแล้วรีบเอ่ยกลัวใครแย่ง “เรียนนายท่านฮูหยินเจียวซิงตกบันใดศีรษะกระแทกพื้นบาดเจ็บสาหัสเจ้าค่ะ ท่านหมอประจำจวนอยู่ตรงนั้นพอดีจึงตรวจดูพบว่าความจำอาจจะเลอะเลือนเจ้าค่ะ”เสียงของสาวใช้ทั้งสามทำหลิงอี้ถังถึงกับอ้าปากค้างทุกคนในเรือนได้แต่ยืนฟังความอย่างตื่นตะลึงหลิงเวยถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองแผ่นหลังกว้างใหญ่ของใครบางคนฟงชินหยางยืนตระหง่านฟังความอยู่เช่นกัน เขาเพียงกระตุกยิ้มหยันบางเบาไร้ใครสังเกต นี่ยังนับว่าน้อยไป มันแค่น้ำจิ้ม!ประมุขแห่งจวนรีบดึงสติกลับมาหลังจากมีอาการตกตะลึงกับข่าวอุบัติเหตุเกินคาดก่อนกระแอมไอในลำคอแล้วเอ่ยไปทางบุตรชายทั้งสามข้างกาย “พวกเจ้าไปจัดการแทนพ่อ”บุตรชายทั้งสามมีสีหน้าไม่เต็มใจชัดเจน พวกเขายังต้องการอยู่คุยกับท่านแม่ทัพฟงผู้เกรียง
ฝ่ามือน้อยๆ ของร่างระหงนุ่มนิ่มยังคงสั่นระริกอยู่ตรงแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฟงชินหยางทำเขาต้องยืนนิ่งงันให้เวลากระต่ายน้อยของเขาอยู่ครู่ใหญ่หลิงอี้ถังที่หมดความอดทนยังคงส่งเสียงไม่ยินยอม“เจ้าเป็นบุตรสาวของพ่อไยปล่อยให้สามีของเจ้ากล่าววาจาสามหาวกับพ่อเยี่ยงนี้ เจ้าช่างอกตัญญู” เขากล่าวอ้างสิทธิ์ของบิดาจากบุตรีที่มิเคยใคร่ใส่ใจนางมาเนิ่นนานปีหลิงเวยได้ยินยิ่งสะดุ้ง หลิงอี้ถังที่เป็นถึงเสนาบดีกรมคลังไหนเลยคิดจะยินยอมให้ใครมาถอนหงอกได้โดยง่าย เขาจึงคำรามเสียงดังฟังชัดไปทางบุตรเขย“นางเป็นบุตรสาวของข้า ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ข้าก็ยังคงเป็นบิดาของนางอย่างเต็มตัวสามารถเรียกสิทธิ์พึงกระทำได้ทุกสิ่งอย่าง”ฟงชินหยางถามกลับไป หาได้หวั่นเกรงผู้เป็นพ่อตาไม่ “เช่นนั้นแล้วบุตรสาวของท่านผู้นี้สามารถเรียกร้องสิทธิ์ใดจากบิดาเยี่ยงท่านได้บ้าง”หลิงอี้ถังนิ่งงัน นึกขัดเคืองขึ้นเรื่อยๆชายหนุ่มยังคงเอ่ยถ่วงเวลาให้หญิงสาวทางด้านหลัง “ท่านใช้นางเป็นเครื่องมือหมายผูกมัดข้า บอกข้ามาว่าสิทธิ์ของบิดามีข้อนี้หรือไม่”หลิงอี้ถังได้ยินพลันผงะ “ข้าเป็นพ่อข้าย่อมมีสิทธิ์ทุกอย่าง” เขาคำรามเสียงดัง “นา
บิดาทำได้เพียงยืนถลึงตามองธิดาพร้อมยกนิ้วมือชี้หน้านางอย่างเอาเรื่องจนนิ้วนั้นสั่นระริก แต่ทว่าไม่สามารถเอ่ยคำอันใด หลิงอี้ถังไม่สามารถเถียงคำใดออกมาได้หลิงเวยก้มหน้าหลุบตายอมแพ้กับบิดาเช่นนี้ นางไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานอีกต่อไป นางกัดปากล่างหน้าแดงก่ำทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าเสียงดังก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงกระทั่งรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเกินคาดการ นางลุกขึ้นยืนตัวตรงโดยไม่มีอ่อนเอนพลางปรายสายตาเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกมองส่งตรงยังผู้เป็นบิดานิ่งนานสายตาของนางช่างเย็นชาแผ่กลิ่นอายไม่ธรรมดาในแบบที่ไม่เคยเป็น นางยืนจ้องหน้าของหลิงอี้ถังอยู่อย่างนั้นคล้ายกับไม่รู้จักกันอีกต่อ “นี่จะเป็นคารวะครั้งสุดท้ายจากข้า ท่านพ่อ” นางเอ่ยเสียงเย็นพาคนฟังใจยะเยือก จบคำนางเพียงหมุนกายอย่างเชื่องช้าแล้วเดินออกจากเรือนไปอย่างมั่นคงโดยไม่หันหน้ามามองใครอีกเลยท่าทางยามพยศของหลิงเวยทำหลิงอี้ถังและฟงชินหยางคาดไม่ถึง ทำเอาบุรุษทั้งสองในห้องโถงถึงกับขนลุกเกรียวเสียวสันหลังวาบเมื่อร่างระหงงดงามจากไปอย่างแง่งอนคงเหลือไว้เพียงสองบุรุษต่างวัยยืนจ้องหน้ากันนิ่งงัน“จะอย่างไรเสีย นางก็เป็นของท่านแล้ว
เรือนหลังเล็กท้ายจวนที่เคยเป็นเรือนนอนของใครบางคนพังครืนลงมาทั้งหลังเนื่องจากมันไม่จำเป็นจักต้องมีอีกต่อไป เพราะว่าเจ้าของเรือนจะไม่มีวันได้กลับมาอาศัยมันอีก ถัดมาเป็นเรือนโตหลังงามของฮูหยินใหญ่พลันเกิดไฟไหม้โดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทั้งยังโหมกระพือลุกไหม้อย่างรวดเร็วอยู่ภายในเรือนนอนนั้น ทำเอาผู้คนเริ่มปลุกปั่นอย่างน่าสงสาร และถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเปลวเพลิงขนาดย่อมคล้ายกับเกิดขึ้นจากเทียนไม่กี่เล่มที่ล้มใส่กระดาษใกล้ผ้าม่าน แต่แค่นั้นก็ทำให้มีสตรีงดงามในอาภรณ์สีสดข้อมือพันผ้าเข้าเฝือกทั้งสองข้างได้วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงผมเผ้ารุงรังน่าเกลียดน่ากลัวออกมาจากในเรือนนอนได้อย่างน่าสมเพชตามด้วยบ่าวไพร่ทั้งหลายที่ก่อนหน้ามองหลิงเวยด้วยรอยยิ้มขบขัน ในยามนี้รอยยิ้มนั้นกำลังเปลี่ยนไปเป็นกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งก็ไม่มีใครช่วยเหลือใคร ทุกคนต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ไร้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เห็นได้ชัดว่าจวนแห่งนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัว ถัดจากเรือนของฮูหยินใหญ่เป็นเรือนของบุตรสาวของนางทั้งสองที่ก่อนหน้านี้ด่าทอหลิงเวย พวกนางตกน้ำหมดสติไปก่อนหน้า หากแต่บัดนี้สตรีสองนางนั้
หลิงเวยเดินมาเรื่อยๆ ด้วยความเคยชินจนกระทั่งเดินมาจนถึงประตูจวนแต่ทว่ากลับเป็นประตูด้านข้างหาใช่ประตูใหญ่ไม่ หากแต่นางก็เลือกที่จะเดินออกไปด้วยความเคยชินเช่นเดียวกันระหว่างทางเดินจากจวนตระกูลหลิงนั้นเป็นทางเดินติดกันระหว่างจวนและตลาดภายในเมือง มีบ้านเรือนมีร้านค้าและโรงเตี๊ยมมากมายตั้งตระหง่านอยู่สองฝั่งข้างทางหลิงเวยเดินไปด้วยอาการเหม่อลอยคล้ายสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสตรีในอาภรณ์สีชมพูอ่อนหวานสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีเดียวกันช่วยขับเน้นใบหน้าเรียวเล็กให้ดูสวยหวานจิ้มลิ้มน่ารักแต่ทว่าหากมองดีๆ กลับได้เห็นแววตาที่แสนจะเหนื่อยหน่ายยิ่งนัก นางดูอ่อนโยนทั้งยังอ่อนแอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่อกรกับสิ่งใดๆ กระทั่งสายลมแสงแดดยังคล้ายกับใบมีดคมกริบสามารถบาดกรีดผิวนางให้ล้มลงได้โดยง่าย เรือนร่างระหงงดงามซ่อนส่วนเว้าส่วนโค้งเอาไว้ภายใต้เสื้อผ้าเนื้อหนาได้มิดชิดแต่กลับเผยความงามหวานล้ำออกมาฉายชัดทำเอาบุรุษที่เดินตามอยู่เงียบๆ เริ่มไม่อยากเดินตามเงียบๆ อีกต่อไปเมื่อมองเห็นสายตาของใครๆ เอาแต่มองตามนางโดยเฉพาะสายตาของบุรุษระหว่างทางเดินของตลาดนั้นสายตาหลายคู่ของชาวบ้านเริ่มมองตามร่างระหงของคนตัวเล็กน่
ริมศาลาขนาดเก้าเสากลางบึงสระบัวขนาดใหญ่ภายในจวนแห่งชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองหลักของแคว้นเฉินชินอ๋องยังคงอารมณ์ดีมองฟงชินหยางอย่างนึกชมชอบในตัวบุรุษตรงหน้าไม่สร่างซา หากได้เขาคนนี้มาเป็นบุตรเขยเขาคงนอนตายตาหลับเป็นแน่แท้เสียงเพลงพิณยังคงแว่วดังพาทำนองน่าฟังขับกล่อมทุกผู้คนให้ถูกครอบงำด้วยสำเนียงเสียงแว่วหวานกังวานใสเคล้าคลอไปกับอากาศในยามสายของวันสบายๆ ผสมผสานสายลมเอื่อยเฉื่อยที่โลมไล้รอบเรือนกายของบุคคลทั้งหมดที่กำลังยืนอยู่ทางด้านนอกของศาลาอันใหญ่โตโอ่อ่า จู่ๆ เสียงทุ้มห้าวของบุรุษร่างใหญ่กำยำพลันดังทำลายบรรยากาศอันดีงามเสียสิ้น“กระหม่อมมีภรรยาอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”“...”เสียงนั้นเป็นเสียงของฟงชินหยาง เขาเลือกที่จะเอ่ยกับชินอ๋องตามตรงว่าเขามีภรรยาแล้ว เมื่อในวันนี้ชินอ๋องเองก็เลือกที่จะเอ่ยกับเขาตามตรงเช่นเดียวกัน เขาสังเกตได้ตลอดมาว่าธิดาของชินอ๋องชมชอบเขา หากแต่เขาไม่อาจปฏิเสธออกมาตามตรงได้แต่อย่างใด เนื่องจากจินเยว่ชิงและพระชายาเพียงทำท่าทางก้ำกึ่งตามแบบฉบับสตรีสูงศักดิ์มิได้เปิดเผยความนัยแบบตรงไปตรงมา เขาจึงทำได้แค่เพียงรอเวลานี้เพื่อที่จะให้ชินอ๋องได้ตัดสินใจเอ่ยกับเขาออกมา เขาจ
ในวันนี้ชินอ๋องเฉินจิ้นเหอส่งคนมาเชิญฟงชินหยางให้ไปร่วมดื่มน้ำชาเสวนาพาทีพร้อมเดินหมากล้อมกันตามปกติวิสัย ฟงชินหยางจึงเดินทางไปยังจวนของชินอ๋องในยามสายของวันโดยพาทหารหญิงคนสนิทข้างกายไปด้วยกันตามติดด้วยทหารหน้าบากนายหนึ่งตามไปด้วยอย่างมึนๆบุรุษร่างหนาใบหน้ามีแผลเป็นลากยาวหนวดเครารุงรังผู้นี้ยังคงทำหน้าที่อันหลากหลายได้ดีในทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นองครักษ์พิทักษ์พี่สะใภ้ เป็นหน่วยข่าวกรองไม่เปิดเผยตัวตนให้พี่ใหญ่ ทั้งยังเป็นหน่วยกล้าตายในสังกัดค่ายทหารได้อย่างแนบเนียน หลิงเวยและฟงจินหมิงเดินขนาบข้างมากับฟงชินหยางจนกระทั่งเข้ามายังภายในจวนก่อนจะถูกเชื้อเชิญจากข้ารับใช้ภายในจวนให้เดินตามไปยังทิศทางที่ข้ารับใช้บอกกล่าวว่าชินอ๋องทรงนั่งประทับรออยู่แล้วเป็นนานภายในศาลากลางสระบัวเพียงไม่นานบุคคลทั้งหมดจึงเดินมาถึงศาลาหลังใหญ่ขนาดเก้าเสาหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางบึงสระบัวขนาดกว้างขวางเมื่อฟงชินหยางเดินมาจนถึงศาลานั้น เสียงเพลงพิณแว่วหวานส่งสำเนียงทำนองเสียงใสพลันดังกังวานอยู่ภายในศาลาฟงชินหยางถึงกับชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน หลิงเวยและฟงจินหมิงเองก็ไม่ต่างกัน ทั้งหมดพากันชะงักงันยืนตรึงอยู่กับท
“อันใดหรือเจ้าคะ” จินฮวาเอ่ยถามทหารหญิงคนสนิทของท่านแม่ทัพฟงในทันทีเมื่อมองเห็นผ้าปักงดงามล้ำค่ามากมายตรงหน้า “สำหรับลูกน้อยของเจ้าที่กำลังจะเกิดมา หวังว่าเจ้าคงไม่รังเกียจ” หลิงเวยบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานจริงใจ“เอ่อ...มันงดงามมากเลยเจ้าค่ะ ไม่ธรรมดาเลย บุตรของข้ามิอาจเอื้อมเจ้าค่ะ” จินฮวาเอ่ยอย่างเกรงใจ ทุกวันนี้ท่านแม่ทัพฟงก็ดูแลพวกเราสองสามีภรรยาเป็นอย่างดีมากแล้ว“ข้ามีเยอะทีเดียว เจ้าอย่าได้เกรงใจ” หลิงเวยยังคงตั้งใจจริงจังในการขอโทษสตรีตั้งครรภ์ตรงหน้าจึงไม่คิดจะยินยอมให้จินฮวาปฏิเสธ “หากเจ้าไม่รับข้าเกรงว่าท่านแม่ทัพคงไม่พอใจ”“อา...เจ้าค่ะ” จินฮวายิ้มจนตาหยีรีบรับผ้าปักทั้งหมดเอาไว้ นางยอมรับว่าชมชอบอยู่ไม่น้อย ฝีมือปักผ้านี้ นางนั่งทำสิบปียังเทียบไม่ได้ “ผ้าปักพวกนี้ใส่ได้ทั้งบุตรสาวและบุตรชาย ไม่ว่าเจ้าจะได้บุตรเป็นชายหรือหญิงย่อมใช้ได้ทั้งหมด” “ขอบคุณแม่นางมากๆ เจ้าค่ะ ขอบคุณจริงๆ”สองสาวเพียงส่งยิ้มให้กันพร้อมเสียงหัวเราะสดใสดังกังวานคุยกันถูกปากถูกคอในเรื่องบุตรที่จะมีในไม่ช้าทำเอาในเวลาต่อมาเป็นฝ่ายบุรุษบ้างที่ต้องกลับกลายเป็นฝ่ายรอให้ฝ่ายสตรีเสวนาพาทีกันจนพอใจ
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่