จวนแห่งหนึ่ง...จวนที่ซึ่งตั้งตระหง่านไกลออกไปจากตัวเมืองมากโขแต่กลับใกล้กับธรรมชาติมากนักมีทั้งต้นไม้ร่มรื่นและน้ำตกสายใหญ่ไหลแบ่งแยกเป็นสายเล็กสายน้อยอย่างสวยงามภายในห้องหนังสือของจวนกำลังมีเงาร่างของคนสองคนยืนซ้อนทับกันจนจะสิงร่างกันอยู่ที่มุมอับของห้องหนังสือแห่งนี้“อา...ท่าน” เสียงแว่วหวานอันสั่นเครือคล้ายกับจะร่ำไห้แต่ไม่ร่ำไห้ทั้งยังหลับตาพริ้มพ่นลมออกจากปากเบาๆ“มันใช่ที่นี่หรือไม่” นางเอ่ยเสียงกระเส่าสลับกับสูดปากอย่างต่อเนื่อง นางกำลังเผ็ดมาก...“ยามกลางคืนทำไม่ได้มีลูกๆ นอนคั่นกลาง หากทำในห้องนอนยามนี้อาจจะผิดสังเกตเอาได้” เสียงทุ้มต่ำสั่นพร่าเอ่ยออกมาตามเหตุตามผลของการกระทำบางอย่างในเวลานี้ซึ่งเป็นเวลาของยามกลางวันแสงแดดแผดเผาแต่กลับสร้างอารมณ์ร้อนเร่าทั้งยังเผ็ดร้อนได้อย่างมากมาย อึดใจพลันมีเสียงเสื้อผ้าอาภรณ์เสียดสีดังสวบสาบและเสียงกระทบกันของเนื้อกลมกลึงตรงบั้นท้ายกับท้องน้อยใต้เอวสอบดังออกมา ตามด้วยเสียงครวญครางแผ่วหวานของสตรีดังตามจังหวะบางอย่างที่บุรุษผู้ซ้อนแผ่นหลังกำลังมอบให้คนสองคนร่างสองร่างกำลังบดเบียดเสียดสีขยับแก่นกายกลางลำตัวสอดใส่เข้าๆ ออกๆ อยู่ตรงซอกของ
ภาพครอบครัวสุขสันต์ตรงตั่งยาวมุมห้องริมหน้าต่างบานใหญ่กำลังสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่นั่งมองอยู่ไม่ไกลที่โต๊ะใหญ่อีกตัวหนึ่งเฉินจิ้นเหอรู้สึกประทับใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมากจนก่อเกิดเป็นความรู้สึกผิดมหันต์ถึงขั้นไม่อาจประเมิน เมื่อได้รับรู้ว่าภรรยากับธิดาของเขาร่วมมือกันทำสิ่งใดลงไป"พี่หญิง พี่เขย ข้าไม่มีอันใดจะกล่าวแก้ตัวทั้งสิ้น"เฉินจิ้นเหอที่ยามนี้ มิใช่ชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับเป็นเพียงน้องชายของพี่สาวเท่านั้นเขาเลือกที่จะเอ่ยออกมาตามตรงตามนิสัยตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเมื่อรับรู้ได้แล้วว่าจินเยว่ชิงส่งคนไปที่บ้านฟงหมายล่อลวงภรรยาของฟงชินหยางให้ออกมาจากบ้านฟงเพื่อจะพาไปทำมิดีมิร้าย"ข้าย่อมไม่โกรธเจ้า อาเหอ ความร้ายกาจของอิสตรีนั้นพี่หญิงของเจ้าย่อมเข้าใจ หากแต่ปล่อยไปคงไม่ดี เจ้าคิดว่าอย่างไร" ซินหรูเอ่ยคำเรียบเรื่อยตามแบบฉบับของนาง เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดจะเอาผิดน้องชายผู้ที่นางรักยิ่งแต่ก็ไม่คิดจะปล่อยน้องสะใภ้ผู้หลงผิดไปให้ลอยนวล ซินหรูยังคงเอ่ย "ภรรยาของเจ้ารักธิดามากจึงหลงผิดไป หากแต่คำโบราณว่าไว้ดูนางให้ดูแม่ เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่อาจจะทำร้ายธิดาของเจ้าในภายภาคห
เด็กน้อยสองคนในอาภรณ์สีดำทมิฬใบหน้าถอดแบบมาจากเขาทั้งยังบ้าบิ่นไม่ต่างจากเขาเลยสักเสี้ยวนั้นที่แท้แล้วเป็นใครไยกล้าหาญมากมายมาขี่คอเขา“อ่า...” ฟงชินหยางเริ่มหายใจไม่ออก นอกจากตื่นเต้นที่ได้พบหน้าบุตรชายแล้ว เจ้าสองคนนี้ยังกอดคอของเขาเสียแน่นจนลิ้นของเขาจุกอยู่ในปากเลยทีเดียวทหารยามรอบด้านรวมถึงเฉินจิ้นเหอได้แต่อ้าปากค้างตะลึงงันเมื่อตระหนักได้แล้วว่าบุรุษผู้โหดเหี้ยมเหนือใครท่านนี้มิได้มีเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป แต่กลับงอกขึ้นมาอีกสองรวมแล้วเป็นสาม เมื่อรวมตัวกันแล้วกลิ่นอายไม่ธรรมดาจึงเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวจู่ๆ เสียงของสตรีสูงวัยคนหนึ่งพลันดัง“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะชินอ๋อง”เฉินจิ้นเหอรีบหันหน้าไปมองตามเสียงนั้นในทันที“พี่หญิง...”ซินหรูหรือพี่หญิงของชินอ๋องเพียงคลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้ แต่ใครไหนเลยจักเข้าใจรอยยิ้มนั้นไปมากกว่าเขาที่เป็นน้องชายพี่หญิงอุตส่าห์เดินทางมาด้วยตนเองต้องมีเรื่องอันใดมาสะสางกับเขาเป็นแน่!จวนแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านไกลออกไปจากตัวเมืองมากโขแต่กลับใกล้กับธรรมชาติมากนักมีทั้งต้นไม้ร่มรื่นและน้ำตกสายใหญ่ไหลแบ่งแยกเป็นสายเล็กสายน้อยอย่างสวยงามภายในจวนแห่งนี้เป็นจ
ภายในเรือนของแม่ทัพฟงแห่งค่ายทหารอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแคว้นเฉินชินอ๋องผู้สูงศักดิ์เลือกที่จะวางฐานันดรเอาไว้ที่จวนของตนแล้วแอบเดินทางส่วนตัวออกมาจากวังชินอ๋องเพื่อมานั่งร่ำสุรากับฟงชินหยางตามวิสัยที่เคยมีมาแต่ไหนแต่ไรกับสหายต่างวัยของเขาสองบุรุษหนึ่งคนหนุ่มแน่นกับอีกหนึ่งคนในวัยกลางคนจึงนั่งร่ำสุรากันพร้อมปลดเปลื้องยศถาบรรดาศักดิ์ให้ออกไปชั่วคราวเพื่อที่จะคุยกันได้อย่างเปิดอกเปิดใจไร้พิธีรีตองอันใดมากมาย“ข้าคงต้องหาโอกาสไปเที่ยวที่เมืองชางอี้สักวัน จะได้ไปเยี่ยมพี่หญิงพี่เขยและหลานๆ”เฉินจิ้นเหอเอ่ยขึ้นเมื่อยกจอกเหล้ากระดกเข้าปากไปหนึ่งอึกใหญ่แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย“กี่ปีมาแล้วที่ข้าต้องเฝ้าหัวเมืองหลักแห่งนี้จนไม่รู้ข่าวสารอันใดจากญาติพี่น้องเลย ข่าวที่รู้ย่อมเป็นข่าวการเมืองแลการศึกทั้งสิ้น ช่างน่าขันเสียจริง”ฟงชินหยางเพียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วเอ่ยต่อคำด้วยน้ำเสียงไม่ต่าง “ข้าเองก็คิดถึงที่บ้านเต็มที คิดถึงบุตรชายทั้งสองยิ่งนัก”เฉินจิ้นเหอจึงหรี่ตามองฟงชินหยางเล็กน้อยแล้วเอ่ยเชิงเย้า “คิดถึงแต่บุตรแล้วเมียเล่า ไม่คิดถึงรึ?”“อา...” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนแม่ทัพคร
สองวันต่อมา....ภายในห้องรับรองส่วนตัวแห่งจวนของชินอ๋องพลันปรากฏบุรุษหนุ่มรูปงามรูปร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาแต่เย็นชาตลอดเวลากำลังยืนหลังตรงตั้งสง่าด้วยท่วงท่าที่แสดงออกฉายชัดว่าไม่คิดจะยินยอมใดๆ จนเฉินจิ้นเหอนึกแปลกใจไยเขาไม่ยินดี? นี่คือบุตรีผู้งดงามของชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่เชียวหนาฉีเล่อเพียงหรี่ตาคมกริบมองสตรีงดงามในอาภรณ์สีแดงจัดจ้านประดับประดาด้วยเพชรพลอยมากมายจนเต็มเนื้อตัวใบหน้าแต่งแต้มฉูดฉาดคล้ายกับจะไปเล่นงิ้วกระนั้นสตรีนางนี้คือบรรณาการที่ชินอ๋องแห่งแคว้นเฉินคิดจะมอบให้เขาตามเงื่อนไขสัญญาสงบศึกอา...เขามิต้องดูงิ้วทุกวันทุกคืนหรอกหรือไรหากได้สตรีนางนี้ไปร่วมเรียงเคียงหมอน“ข้าย่อมเข้าใจในสัญญาสงบศึก” ฉีเล่อเริ่มเอ่ยคำ “หากแต่มีเงื่อนไขอื่นในการทำสัญญาหรือไม่” เขาเริ่มต่อรองเนื่องจากไม่อยากดูงิ้วในวังของตนเองตลอดชีวิตจินเยว่ชิงถึงกับเบิกตาถลนด้วยคาดไม่ถึงว่าสตรีงดงามที่สุดในใต้หล้าเช่นนางจะถูกปฏิเสธเยี่ยงนี้ นางจึงรีบเอ่ยก่อนที่บิดาจะเอ่ยอันใดก่อนหน้านาง “ข้าก็มิได้อยากเป็นสตรีบรรณาการให้ใครเช่นเดียวกัน หึ!”ฉีเล่อได้ยินพลันหูผึ่ง เขาจึงรีบนิ่งเสีย ก่อนที่สตรีนางนี้จักเปลี่
ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งแห่งจวนของชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองแห่งแคว้น“ข้าจักส่งเจ้าไปเป็นองค์หญิงบรรณาการแคว้นเป่ยฉี”เสียงห้าวหาญของเฉินจิ้นเหอดังคำรามออกมาทางสองแม่ลูกที่บังอาจโกหกเขาเรื่องของฟงชินหยางทำให้เขาเกือบผิดใจกับฟงชินหยางและเกือบทำผิดกับแม่ทัพคู่ใจที่ร่วมรบกันมาหลายปีก่อนที่เขาจะมีเมียเสียอีก ทั้งนี้ยังเกือบจะทำให้เขาผิดต่อพี่สาวต่างมารดาของเขาที่เป็นมารดาของฟงชินหยางอีกด้วยหากว่าซินหรูมารดาของฟงชินหยางรู้เรื่องที่เขาหมายผูกมัดยัดเยียดบุตรสาวให้เพื่อแทรกกลางภรรยากับบุตรชายทั้งสองของฟงชินหยาง นางคงร่อนจดหมายตัดรอนตัดพี่ตัดน้องกับเขาเป็นแน่พี่สาวต่างมารดาของเขานางนี้เคยดูแลเขามาตั้งแต่เขายังเป็นองค์ชายตัวน้อยในยามที่มารดาของเขาตายจากและต้นตระกูลถูกฮ่องเต้พระองค์ก่อนโค่นล้ม หากเขาทำผิดต่อนางไม่อยากจะคิดเลยทีเดียว พี่ใหญ่ของเขาที่เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็คงไม่ยอมเช่นเดียวกัน“เดินทางกลับแคว้นเป่ยฉีพร้อมองค์ชายฉีเล่อไปเลย” เฉินจิ้นเหอยังคงคำรามมาทางจินเยว่ชิงที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของซือจิน“ได้อย่างไรกัน ลูกของเราชมชอบแม่ทัพฟง อีกทั้งเรื่องภรรยาก็ไม่เป็นความจริง” ซือจิ
เสียงโชร้งเชร้งเคล้งคล้างฟาดฟันของอาวุธกระทบกันดังเข้ามาในโสตประสาทของฟงลี่หลินทำเอาหญิงสาวยิ่งตื่นเต็มตา อา...ในที่สุด ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่สิ่งที่ได้แต่ฝึกซ้อมมาในสนามจำลองและเหตุการณ์จำลองตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็จะได้ใช้ในชีวิตจริง เหตุการณ์จริงฟงลี่หลินคนนี้ได้เจอกับเหล่าศัตรูตัวจริง ได้ลงสนามฟาดฟันจริงๆ แล้ว อา...เมื่อคิดได้แล้วจึงลุกขึ้นยืนด้วยความลิงโลดก่อนจะพุ่งทะยานออกมาจากพุ่มไม้ตรงเข้าฟาดฟันกับพวกกลุ่มชายชุดดำอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดนางขอถือโอกาสแสดงฝีมือที่ได้แต่เก็บงำเอาไว้เนื่องจากถูกเก็บกดจากมารดาตลอดมา สตรีต้องปักผ้าหรือ ปักดาบกลางหน้าผากของศัตรูเป็นไรคิดได้แล้วก็ปักฉึกลงไปที่หน้าผากของชายชุดดำที่กำลังฟาดฟันตรงหน้าจนนัยน์ตาของมันเบิกถลนแล้วถอนดาบออกมาจนเลือดสาดกระเซ็น เย็บผ้าหรือ เย็บเจ้าสองคนนี้ให้ติดกันเป็นไรคิดได้แล้วก็เสียบดาบทะลุร่างของชายชุดดำสองคนเข้าด้วยกันก่อนจะยกเท้าถีบพวกมันให้กระเด็นออกไปเพื่อดึงดาบกลับมา เลือดสีแดงฉานไหลเยิ้มอาบไล้ดาบอย่างสวยงามดีดพิณหรือ เด็ดหัวเจ้าพวกนี้เป็นไรคิดได้แล้วก็กุดหัวของชายชุดดำตรงหน้าจนหัวของมันขาดกระเด็นไปเสียไกลแ
หลายวันกับการท่องเที่ยวในเมืองที่ไม่สุนทรีสักเท่าไหร่ หากแต่ใครบางคนกลับไม่ยินยอมกลับบ้านกลับเมืองของตนเองไป ทั้งยังหาเรื่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ยังสถานที่ในป่าใหญ่เสียอย่างนั้นภายในป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองและหมู่บ้านหลายลี้ ภายในป่าแห่งนี้ให้ความชดชื่นร่มรื่นร่มเย็นพาจิตใจรื่นเริงเพลิดเพลินเบิกบานเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากใบหน้างดงามโฉบเฉี่ยวของใครบางคน มิรู้ได้ว่าแอบมีใจให้กับดินฟ้าอากาศแถวนี้หรืออย่างไร ไยยิ้มแย้มอารมณ์ดียิ่งนัก!หากนางจักยิ้มให้กับบุรุษข้างกายแบบนั้นบ้าง เขาคงจะไม่นึกขัดเคืองอันใดมากมายเลยครานี้เป็นฉีเล่อบ้างที่ครางฮึมฮัมฮึดฮัดอยู่ในอกเมื่อสตรีประหลาดข้างกายไม่สนใจเขาเลยสักนิด นางเอาแต่ชื่นชมธรรมชาติรอบด้าน สนใจนกสนใจต้นไม้สนใจกระต่ายป่าสนใจสัตว์เล็กสัตว์น้อยตลอดเส้นทางที่เดินชมเคียงข้างมาด้วยกันทันใดนั้นประสาทสัมผัสอันรวดเร็วของฉีเล่อพลันได้ยินเสียงสวบๆ สาบๆ เบาๆ อยู่ไกลๆอึดใจพลันมีเสียงซวบแหวกอากาศมาอย่างเร็วชายหนุ่มหมุนตัวหลบลูกธนูที่พุ่งมาอย่างเร็วที่ส่งตรงมาทางตัวเขาได้ทันท่วงทีแต่ทว่าลูกธนูมิได้มีแค่เพียงหนึ่งแต่กลับมีอีกลูกหนึ่งที่พลาดเป้
ริมศาลาขนาดเก้าเสากลางบึงสระบัวขนาดใหญ่ภายในจวนแห่งชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองหลักของแคว้นเฉินชินอ๋องยังคงอารมณ์ดีมองฟงชินหยางอย่างนึกชมชอบในตัวบุรุษตรงหน้าไม่สร่างซา หากได้เขาคนนี้มาเป็นบุตรเขยเขาคงนอนตายตาหลับเป็นแน่แท้เสียงเพลงพิณยังคงแว่วดังพาทำนองน่าฟังขับกล่อมทุกผู้คนให้ถูกครอบงำด้วยสำเนียงเสียงแว่วหวานกังวานใสเคล้าคลอไปกับอากาศในยามสายของวันสบายๆ ผสมผสานสายลมเอื่อยเฉื่อยที่โลมไล้รอบเรือนกายของบุคคลทั้งหมดที่กำลังยืนอยู่ทางด้านนอกของศาลาอันใหญ่โตโอ่อ่า จู่ๆ เสียงทุ้มห้าวของบุรุษร่างใหญ่กำยำพลันดังทำลายบรรยากาศอันดีงามเสียสิ้น“กระหม่อมมีภรรยาอยู่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”“...”เสียงนั้นเป็นเสียงของฟงชินหยาง เขาเลือกที่จะเอ่ยกับชินอ๋องตามตรงว่าเขามีภรรยาแล้ว เมื่อในวันนี้ชินอ๋องเองก็เลือกที่จะเอ่ยกับเขาตามตรงเช่นเดียวกัน เขาสังเกตได้ตลอดมาว่าธิดาของชินอ๋องชมชอบเขา หากแต่เขาไม่อาจปฏิเสธออกมาตามตรงได้แต่อย่างใด เนื่องจากจินเยว่ชิงและพระชายาเพียงทำท่าทางก้ำกึ่งตามแบบฉบับสตรีสูงศักดิ์มิได้เปิดเผยความนัยแบบตรงไปตรงมา เขาจึงทำได้แค่เพียงรอเวลานี้เพื่อที่จะให้ชินอ๋องได้ตัดสินใจเอ่ยกับเขาออกมา เขาจ