เมื่อห้องโถงอันโอ่อ่าเหลือเพียงบุรุษสองคนคือเฉินจิ้นเหอและฟงจินหมิงชินอ๋องสูงศักดิ์จึงปรับอารมณ์ขุ่นเคืองคุยกับฟงจินหมิงด้วยอารมณ์ปกติ พระองค์ถอนหายใจออกมาคำรบหนึ่งก่อนเอ่ย“เอาเป็นว่าให้แล้วต่อกันไปเสีย ได้หรือไม่? อาหมิง”ฟงจินหมิงก้มหน้ายกมือประสานคำนับชินอ๋องแล้วกล่าว“ย่อมเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“อืม...ข้าต้องขอบใจเจ้า” ชินอ๋องพยักหน้าพอใจ “แล้วคนรักของเจ้าเล่า เป็นอย่างไรบ้าง” คาดว่านางคงบาดเจ็บไม่น้อย มิเช่นนั้นพยัคฆ์ร้ายคงไม่กลายร่างเป็นราชาหมาป่าที่ถูกปลุกจนตื่นออกมาไล่กัดคนเยี่ยงนี้เป็นแน่“นางได้รับการดูแลแล้วแต่ยังอ่อนแอมากนักพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มบอกกล่าวตามจริงไม่มีปิดบัง “กระหม่อมต้องขออภัยเรื่องที่กระหม่อมแหกคุกออกมาและทำร้ายทหารได้รับบาดเจ็บสาหัสไปหลายคน หากแต่กระหม่อมเลือกรับโทษแล้วด้วยมิให้พระองค์ต้องเสื่อมเกียรติเสียการปกครอง แต่เรื่องที่ตลาดนั้นกระหม่อมโกรธมาก หากเป็นไปได้กระหม่อมไม่อยากเห็นพระชายาอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ” “ข้าอยากให้เจ้าปล่อยพระชายาไป นางย่อมถูกคุมขังอยู่ในหอพระธรรมไม่ต่างอันใดกับตายทั้งเป็นจนตลอดชีวิต” เฉินจิ้นเหอรู้ดี หากเขาไม่ทำอย่างนี้ คงรักษาชีวิตของชา
“อันใดกัน? ท่านอ๋อง! ไม่นะเพคะ” พระชายารีบคุกเข่าเสียงดังอ้อนวอนร้อนรน นั่นร้ายแรงกว่าปลดนางจากพระชายาเสียอีก“ท่านแม่” จินเยว่ชิงร้องได้แค่นั้น นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง“พาตัวไป!” เฉินจิ้นเหอตวาดคำรามดังลั่น หยางกงกงและนางกำนัลรุ่นใหญ่หลายคนรีบเข้ามากึ่งจับกึ่งประคองซือจินอย่างทุลักทุเลชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ยังคงสั่งการ “หวังกงกง” เขาเรียกขันทีคนสนิทอีกคน “ประกาศออกไป หากสตรีบ้านใดพร้อมออกเรือนให้เข้าวังมาคัดเลือกเป็นสนมแห่งข้า เอาทุกตำแหน่ง!”“ท่านอ๋อง!” ซือจินได้ฟังเยี่ยงนั้นพลันร้องอุทานดังลั่นขณะถูกจับประคองแบบบังคับให้เดินออกไปจนลับตา“ชิงเอ๋อร์!” เฉินจิ้นเหอหาได้สนใจพระชายาของตน เขาหันไปคำรามทางธิดาหนึ่งเดียวของเขา“เจ้าควรออกเรือนกับคนรักของเจ้าเสีย พิธีแต่งงานจะเกิดขึ้นในอีกสามวัน” ให้นางแต่งงานออกไปยังดีกว่าปล่อยให้โลเลเปลี่ยนใจไปมา พอกันที!“ท่านพ่อ!” จินเยว่ชิงตกตะลึงพรึงเพริดด้วยคาดไม่ถึงชงหยวนที่ยืนฟังอยู่นานพลันเบิกตาโพลง จู่ๆ เขาก็ได้เมียเป็นสตรีสูงศักดิ์งดงาม จะดีใจหรือเสียใจดีหนอ!?ฟงจินหมิงยกยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจลอบส่ายหน้าไร้ใครเห็น หงส์ย่อมคู่กับหงส์ กาย่อมคู่กับ
เฉินจิ้นเหอแค่นเสียงในลำคออย่างเหลืออดก่อนคำรามดังลั่นมาทางพระชายา “เจ้าสั่งคนไปจับกุมตัวคนรักของอาหมิง ทั้งยังสั่งลงทัณฑ์เฆี่ยนตีนางอย่างรุนแรง เพื่อประจานนางให้อับอายเสื่อมเสียชื่อเสียง”ซือจินเริ่มเข้าใจ แต่นางไม่เสียเวลาคิดอันใด รีบเถียงออกมา “อะไรกัน! หม่อมฉันสั่งลงทัณฑ์นางย่อมเป็นการสมควร สตรีนางนั้นไม่เจียมตัว บังอาจทำร้ายลูกชิงเอ๋อร์จนเป็นลมล้มพับที่จวนแม่ทัพฟงให้อับอายต่อหน้าบ่าวไพร่ ทั้งยังกลั่นแกล้งกันให้เสียเกียรติที่ตลาดเมื่อวานโดยการให้บุรุษแนบชิด หึ! ข้าสั่งเฆี่ยนตีนางจนสลบนับว่ายังน้อยไป อันที่จริงข้าควรโบยนางให้แขนหักขาหักหรือไม่ก็ตายๆ ไปเสียด้วยซ้ำ” พระชายาเชิดหน้าชูคอเอ่ยออกมาไม่คิดลดเกียรติอันสูงส่งของตนแต่อย่างใด นางมีสิทธิ์ลงทัณฑ์ใครก็ได้ในเมืองนี้“บังอาจ!” เฉินจิ้นเหอยิ่งเดือดดาล “ชิงเอ๋อร์ยอมรับแล้วว่าแกล้งเป็นลมที่บ้านฟง ส่วนเรื่องเมื่อวานที่ตลาดนางแค่แกล้งล้มก็เท่านั้น”พระองค์ชี้นิ้วแกร่งสั่นเทิ้มไปทางจินเยว่ชิงที่ยืนก้มหน้าเม้มปากอยู่กับชงหยวน “ส่วนบุรุษผู้นั้น เจ้าก็ลองถามบุตรสาวคนงามของเจ้าดูเถิด ว่าเมื่อวานไปถึงไหนต่อไหนกันมา!” ชินอ๋องตวาดลั่นไปทาง
ค่ำคืนอันมืดมิดไร้แสงแม้กระทั่งจากดวงดาว ดวงจันทรายังต้องหลบเร้นอยู่หลังมวลเมฆดำทะมึนใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหนากลางป่าห่างไกลเมืองพลันปรากฏกลุ่มคนชุดดำทะมึนน่ากลัวกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงนั้นเหนือกลุ่มคนเหล่านั้นมีบุรุษร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์เนื้อดีสีดำด้านยืนอย่างสง่าคล้ายคุณชายรูปงามธรรมดา หากแต่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายกลับมีดวงตาคมดุร้ายกาจมองฝ่าความมืดมิดอย่างเย็นชาแฝงความโหดร้ายทุกอณูเขาเพียงยืนรับฟังคำรายงานจากลูกสมุนด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เลยแม้แต่น้อยกลุ่มบุคคลลึกลับสวมอาภรณ์สีดำสนิทบริเวณกกหูด้านซ้ายของแต่ละคนมีสัญลักษณ์บางประการ เป็นสัญลักษณ์เสี้ยวจันทราสีแดงเพลิง พวกเขากำลังยืนก้มหน้าประสานฝ่ามือรายงานผลแห่งคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อนายเหนือหัวของตนตรงหน้า“ทหารมือแส้ที่ลงทัณฑ์ประจานถูกตัดมือจนขาดทั้งสองข้างแล้วถูกลากไปทรมานด้วยแส้ลูกโซ่เหล็กแหลมก่อนนำศพของมันไปโยนทิ้งที่ริมผาฝั่งประจิมอันไกลโพ้น ส่วนทหารที่ออกคำสั่งถูกจับฉีกปากจนกรามหักแล้วลากให้ใบหน้าไถไปกับพื้นของเหลี่ยมหินจนสิ้นใจตายแล้วนำซากไปลอยน้ำให้เป็นอาหารปลา ส่วนทหารคนอื่นๆ จับแก้ผ้าแล้วมัดขึงเอาไว้ที่กลางตลาดให้พวกม
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อชายหนุ่มใส่ผ้าชุดใหม่สะอาดสะอ้านให้นางเสร็จสรรพก็จับยกนางอย่างนุ่มนวลให้ร่างอ้อนแอ้นของนางพิงซบกับอกแกร่งของเขาก่อนจะป้อนยาให้นางด้วยริมฝีปากของเขาเองชายหนุ่มดูแลหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ห่มผ้าให้นางตามด้วยกดจูบหน้าผากกลมมนของนางแผ่วเบาหมายปลอบประโลม ทุกการกระทำล้วนทะนุถนอมนางทุกสัดส่วนเขานั่งเฝ้านางอยู่ข้างเตียง มือแกร่งข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นปัดปอยผมให้นางอย่างเบามือ ฝ่ามือหนาอีกข้างเอื้อมกุมมือบางที่เย็นเยียบ เขากอบกุมมือนุ่มนิ่มของนางเอาไว้ หวังเพียงให้ความร้อนจากมือเขามอบความอบอุ่นแก่นางฟงจินหมิงนั่งมองหลี่ลี่เหมยนิ่งนาน เสียงลมหายใจแผ่วเบาเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่านางยังมิตายจากกันไปไหน ที่ก้นเหวในวันนั้นเขาใช้เรือนร่างของเขาโอบกอดนางเอาไว้มอบความอบอุ่นให้นางเพื่อดึงนางกลับมาจากความตายนางทั้งอ่อนแอและบอบบาง นางไม่มีใครคอยปกป้อง ความร้ายกาจของนางคือสิ่งเดียวที่ปกป้องนางจนทุกวันนี้ “คุณชายรอง” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังอยู่ตรงพื้นห้องข้างเตียงนอนของหลี่ลี่เหมยนางนั่งอยู่ตรงปลายเท้าของฟงจินหมิงที่กำลังนั่งตระหง่านคล้ายจอมมารอยู่ตรงขอบเตียง “เป็นความผิ
ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่วิจารณ์ของชาวบ้านนั้นเสี่ยวชุ่ยกำลังร้องไห้ดังระงมอยู่ข้างกายของหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้นดิน สองหลานชายรีบกระโดดลงไปทางนั้นในทันทีและภาพของสตรีนางนั้นที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นดินทำให้ฟงจินหมิงถึงกับเบิกตาโพลงหลี่ลี่เหมยอยู่ในสภาพอิดโรยนอนจมฝุ่นดินด้วยเนื้อตัวเปรอะเปื้อนสั่นเทา ผมเผ้าของนางหลุดลุ่ย เสื้อผ้าสีขาวของนางปรากฏริ้วรอยสีแดงฉานธารโลหิตไหลซึมขึ้นมาจากใต้เนื้อผ้า นางถูกตีจนเลือดอาบท่วมกาย นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นดินฟงจินหมิงเสมือนถูกขวักหัวใจออกมาแล้วถูกฉีกทึ้งอย่างรุนแรง เขารีบเข้ามาจับอุ้มร่างบางของนางเอาไว้แนบอกด้วยความรู้สึกหนักอึ้งคล้ายถูกกดทับด้วยหินใหญ่ทั้งภูผา“ลี่เหมย” เสียงแหบห้วนเอ่ยเรียกขานร่างนุ่มในอ้อมแขน“จินหมิง...” เสียงเบามากแทบไม่ได้ยินเอ่ยออกมาฟงจินหมิงก้มหน้ามองนางในอ้อมกอด หัวใจแกร่งพลันให้สะท้านอยู่ในอกเขาเห็นเพียงใบหน้าซีดขาวเปื้อนฝุ่นขมุกขมัว นัยต์ตาที่เคยร้ายกาจวาววับกำลังถูกซ้อนทับเอาไว้ใต้เปลือกตาที่เปื้อนคราบดิน ร่างนุ่มนิ่มไร้สิ้นเรี่ยวแรงที่เคยกราดเกรี้ยว ริมฝีปากที่เคยเปล่งวาจาเสียดแทงแก้วหูกำลังปิดแน่นเม้มเป