สตรีร่างระหงบอบบางนอนคว่ำหน้าเหยียดยาวอยู่บนเตียงตั่ง สายตาคู่งามเหม่อมองพื้นห้องข้างเตียงนอนอย่างเหม่อลอยเนื่องจากแผ่นหลังได้รับบาดเจ็บและกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังทายารักษาบาดแผลมิให้เป็นแผลเป็น หลี่ลี่เหมยจึงต้องนอนคว่ำหน้ามองห้องพักของตนเองอยู่ครู่ใหญ่นางกำลังนึกถึงเหตุการณ์ในตลาดวันนั้น นางถูกทหารชั้นต่ำลากตัวไปเยี่ยงทาสนางหนึ่ง ทหารพวกนั้นลงทัณฑ์นางอย่างไร้ความปราณี พวกมันเฆี่ยนตีประจานนางจนหมดสติไป นางจำได้ว่ามันเจ็บมาก เจ็บร้าวไปหมดทั่วทั้งสรรพางค์กายนางเคยแต่สั่งโบยสั่งลงโทษผู้อื่นไม่เคยเลยสักครั้งที่จะถูกทำโทษอย่างต่ำต้อยเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าการมีอำนาจเป็นเรื่องที่ดีหากแต่กลับกัน การเป็นสตรีสามัญชนนั้นช่างลำบากยากเข็ญเมื่อกาลก่อนยามที่นางทำร้ายคนเหล่านั้น กี่คนกันที่นางเคยสั่งประหัตประหาร ทาสเหล่านั้นบางคนพิการปานขาดใจ บางคนก็ตายไปไร้ใครเหลียวแลเช่นนั้นแล้วที่นางโดนกระทำอย่างนี้เรียกว่ากรรมตามสนองได้หรือไม่?อา...นางควรลดความร้ายกาจลงเสียบ้างแล้ว...“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยคำขึ้นทำเอาหลี่ลี่เหมยพลันสะดุ้งเฮือกตกใจฟงจินหมิงถึงกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหลี่ลี่เ
ทั้งๆ ที่องค์เหนือหัวทั้งสองคุยไปยิ้มไป แต่เมื่อชินอ๋องหันไปสบตากับฟงชินหยางและฟงจินหมิงที่ยืนอารักขาอยู่ในระดับหางตา บรรยากาศรอบกายพลันอึดอัดและเครียดตึงอย่างไม่น่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะฟงจินหมิงที่มีสีหน้าราวกับสัตว์ป่าแสนดุร้าย มิรู้ได้ว่าอยากกัดใครเมื่อชินอ๋องหันมาสบตาสีดำรัตติกาลที่ลึกล้ำยากหยั่งถึงของฉีหย่งเหอก็ยิ่งให้รู้สึกประหลาดใจนัก จักรพรรดิพระองค์นี้จะเย็นชาอันใดกันนักกันหนา ประหนึ่งว่าพระองค์ไปพรากสตรีจากอ้อมอกเขามากระนั้น"ไม่ทราบว่าท่านหมายถึงใครกัน" เฉินจิ้นเหอตัดสินใจเอ่ยถามตามตรง "สตรีใดกันที่มีผลกับสัญญาของเรา" ฉีหย่งเหอยังคงหัวเราะในลำคอแผ่วเบาแต่สายตาและสีหน้ากลับเย็นเยียบมากกว่าเดิม "ว่าที่ฮองเฮาของข้า""หืม?" ชินอ๋องเลิกคิ้วขึ้นสูงมากกว่าเดิม หากสูงกว่านี้คงเคลื่อนที่ไปอยู่บนศีรษะ "ว่าที่ฮองเฮาของท่านจักมาอยู่ที่เมืองของเราได้อย่างไร"จักรพรรดิแห่งเป่ยฉีไม่ตอบคำอันใด เขายังคงหัวเราะเสียงเบาพลางยกจอกเหล้าขึ้นคลึงในมือ แต่ทว่าสายตาคมปลาบกลับชำเลืองมองไปทางฟงจินหมิงเฉินจิ้นเหอมองตามสายตาคู่นั้น พลันได้เห็นสายตาคมกริบของฟงจินหมิงก็มองตอบสบกับฉีหย่งเหอเช่นกัน สายตาค
สายตาเรียวคมของฟงจินหมิงพลันหรี่เล็กแคบ เมื่อระลึกถึงประโยคของหลี่ลี่เหมยแบบวนซ้ำไปมา ริมฝีปากได้รูปสีแดงพลันเม้มเป็นเส้นตรง ฝ่ามือหนาพลันกำเข้าหากันแน่น ใบหน้าคมคายฉายแววไม่ยินยอม เรือนร่างสูงสง่าในอาภรณ์ธรรมดาเริ่มแผ่กลิ่นอายไม่ดำทะมึนข่มขวัญออกมาคล้ายกับฟงชินหยางจะรับรู้ได้ถึงไอสังหารดำทมิฬเข้มข้นของน้องชาย เขาจึงเอ่ยเนิบนาบโดยที่สายตาคู่คมยังคงจับจ้องที่องค์จักรพรรดิแห่งเป่ยฉี “ที่เจ้าคิดเอาไว้ย่อมไม่ผิดแม้เพียงครึ่ง ฉีหย่งเหอรู้แล้วว่าลี่เหมยอยู่ที่นี่" ฟงชินหยางกล่าวคำเรียบเรื่อยน้ำเสียงคล้ายกังวล "และอยู่กับเจ้า..."“...”ผู้เป็นพี่ชายเห็นน้องชายชะงักไปดังคาดอย่างนั้น เขาจึงนิ่งเงียบเสียสองพี่น้องจึงยืนนิ่งขึงเป็นแท่งศิลาอยู่บนหอบัญชาการแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาระดับแคว้นเลยทีเดียว ข่าวว่าฉีหย่งเหอรับรู้แล้วถึงการมีตัวตนของหลี่ลี่เหมย ว่าที่ฮองเฮาเพียงหนึ่งเดียวแห่งพระองค์...ยังไม่ตายและมีชายลึกลับลักพาตัวนางมาอยู่ที่นี่เดิมทีฉีเล่อจะเดินทางมาด้วย เขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยคลี่คลายและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากแต่ก่อนเดินทางหมอหลวงพลันแจ้งข่าวถึงการตั้งครรภ์ของลี่หล
ฟงชินหยางประสานมือทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์บนแท่นประทับก่อนรายงานด้วยเสียงทุ้มห้าวหนักแน่น “ทูลท่านอ๋อง ขบวณเดินทางของเป่ยฉีใกล้มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ครานี้มิได้มาเพียงท่านทูตเชื่อมสัมพันธ์หากแต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็เสด็จมาด้วยองค์เองพ่ะย่ะค่ะ”จบคำของฟงชินหยาง ฟงจินหมิงพลันเข้าใจความหมายสายตาแวบหนึ่งของพี่ชายในทันทีจักรพรรดิองค์ปัจจุบันแห่งเป่ยฉีฉีหย่งเหอ…ขบวนพยุหยาตราอันยิ่งใหญ่แห่งเป่ยฉีเคลื่อนตัวจากประตูเมืองจนถึงหน้าประตูวังชินอ๋องในรถม้าคันใหญ่ลากด้วยขุนศึกอาชาไนยมากกว่าสิบตัวล้อมรอบด้วยทหารราชองครักษ์นับร้อยชีวิตในรถม้านั้นมีบุรุษหนุ่มรูปงามในอาภรณ์สีทองอร่ามลวดลายมังกรเหินเมฆานั่งอย่างงามสง่าแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ไม่ธรรมดาเขาคือจักรพรรดิฉีหย่งเหอแห่งเป่ยฉี...บนหอบัญชาการเหนือประตูวังชินอ๋อง...ฟงชินหยางยืนควบคุมลูกน้องตามหน้าที่ เพื่อมอบหมายงานให้เหล่าทหารในอาณัติคอยดูแลอารักขาอาคันตุกะผู้สูงส่งยิ่งใหญ่ ให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยฟงจินหมิงในอาภรณ์สีเขียวอ่อนเผยความสง่างามดั่งคุณชายธรรมดาผู้หนึ่งยืนขนาบข้างอยู่กับฟงชินหยาง เขายืนมองขบวนพยุหยาตราหรูหรานั้นด้ว
เมื่อห้องโถงอันโอ่อ่าเหลือเพียงบุรุษสองคนคือเฉินจิ้นเหอและฟงจินหมิงชินอ๋องสูงศักดิ์จึงปรับอารมณ์ขุ่นเคืองคุยกับฟงจินหมิงด้วยอารมณ์ปกติ พระองค์ถอนหายใจออกมาคำรบหนึ่งก่อนเอ่ย“เอาเป็นว่าให้แล้วต่อกันไปเสีย ได้หรือไม่? อาหมิง”ฟงจินหมิงก้มหน้ายกมือประสานคำนับชินอ๋องแล้วกล่าว“ย่อมเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“อืม...ข้าต้องขอบใจเจ้า” ชินอ๋องพยักหน้าพอใจ “แล้วคนรักของเจ้าเล่า เป็นอย่างไรบ้าง” คาดว่านางคงบาดเจ็บไม่น้อย มิเช่นนั้นพยัคฆ์ร้ายคงไม่กลายร่างเป็นราชาหมาป่าที่ถูกปลุกจนตื่นออกมาไล่กัดคนเยี่ยงนี้เป็นแน่“นางได้รับการดูแลแล้วแต่ยังอ่อนแอมากนักพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มบอกกล่าวตามจริงไม่มีปิดบัง “กระหม่อมต้องขออภัยเรื่องที่กระหม่อมแหกคุกออกมาและทำร้ายทหารได้รับบาดเจ็บสาหัสไปหลายคน หากแต่กระหม่อมเลือกรับโทษแล้วด้วยมิให้พระองค์ต้องเสื่อมเกียรติเสียการปกครอง แต่เรื่องที่ตลาดนั้นกระหม่อมโกรธมาก หากเป็นไปได้กระหม่อมไม่อยากเห็นพระชายาอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ” “ข้าอยากให้เจ้าปล่อยพระชายาไป นางย่อมถูกคุมขังอยู่ในหอพระธรรมไม่ต่างอันใดกับตายทั้งเป็นจนตลอดชีวิต” เฉินจิ้นเหอรู้ดี หากเขาไม่ทำอย่างนี้ คงรักษาชีวิตของชา
“อันใดกัน? ท่านอ๋อง! ไม่นะเพคะ” พระชายารีบคุกเข่าเสียงดังอ้อนวอนร้อนรน นั่นร้ายแรงกว่าปลดนางจากพระชายาเสียอีก“ท่านแม่” จินเยว่ชิงร้องได้แค่นั้น นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง“พาตัวไป!” เฉินจิ้นเหอตวาดคำรามดังลั่น หยางกงกงและนางกำนัลรุ่นใหญ่หลายคนรีบเข้ามากึ่งจับกึ่งประคองซือจินอย่างทุลักทุเลชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ยังคงสั่งการ “หวังกงกง” เขาเรียกขันทีคนสนิทอีกคน “ประกาศออกไป หากสตรีบ้านใดพร้อมออกเรือนให้เข้าวังมาคัดเลือกเป็นสนมแห่งข้า เอาทุกตำแหน่ง!”“ท่านอ๋อง!” ซือจินได้ฟังเยี่ยงนั้นพลันร้องอุทานดังลั่นขณะถูกจับประคองแบบบังคับให้เดินออกไปจนลับตา“ชิงเอ๋อร์!” เฉินจิ้นเหอหาได้สนใจพระชายาของตน เขาหันไปคำรามทางธิดาหนึ่งเดียวของเขา“เจ้าควรออกเรือนกับคนรักของเจ้าเสีย พิธีแต่งงานจะเกิดขึ้นในอีกสามวัน” ให้นางแต่งงานออกไปยังดีกว่าปล่อยให้โลเลเปลี่ยนใจไปมา พอกันที!“ท่านพ่อ!” จินเยว่ชิงตกตะลึงพรึงเพริดด้วยคาดไม่ถึงชงหยวนที่ยืนฟังอยู่นานพลันเบิกตาโพลง จู่ๆ เขาก็ได้เมียเป็นสตรีสูงศักดิ์งดงาม จะดีใจหรือเสียใจดีหนอ!?ฟงจินหมิงยกยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจลอบส่ายหน้าไร้ใครเห็น หงส์ย่อมคู่กับหงส์ กาย่อมคู่กับ