LOGIN‘ชาริสา อนุสาน’ คือชื่อของผู้หญิงเอเชียคนนั้น สาวสวยที่อยู่กับเขาไม่รู้จักเธอแต่ก็ยอมไปถามกับเพื่อนให้ และสองวันต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าเธอทำงานที่บริษัทรับจัดส่งดอกไม้เล็กๆ และเป็นคนไทย ข้อมูลนี้ทำให้ปิลันธ์ยิ่งสนใจอีกฝ่าย จะว่าไปตั้งแต่พ่อส่งเขามาอยู่ปารีสก็แทบไม่ได้ทำความรู้จักคนไทยโดยเฉพาะสาวๆ
ชายหนุ่มนั่งบนโซฟาตัวยาวไขว่ห้างกระดิกขาเปิดแฟ้มของสาวน่ารักที่เขาสั่งให้คนไปหาข้อมูลอย่างอารมณ์ดี กวาดสายตาคร่าวๆ ทว่าทุกอย่างเข้าไปอยู่ในหัวทั้งหมด ก่อนจะเปรยขึ้น
“บอกฝ่ายประสานงานให้จ้างบริษัทนี้ดูแลเรื่องดอกไม้ในเรือสำราญที่เราจะจัดงานประมูล”
เขาบอกพร้อมยื่นแฟ้มออกไปจิ้มชื่อบริษัทให้ดู
“งานประมูลสองสัปดาห์หน้าน่ะเหรอครับ”
“ใช่”
“งานใกล้จะเริ่มแล้ว ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ อีกอย่างทางเราไม่จำเป็นต้องใช้ใครมาดูแลดอกไม้ให้...”
“จ้างบริษัทนี้”
คนเป็นนายสั่งทั้งที่ฟังไม่ทันจบด้วยซ้ำ ร่างสูงเอนหลังพิงโซฟาเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ทั้งที่โรลองซ์คนที่พี่ชายส่งมาตามติดอายุมากกว่าถึงสิบปี
“ครับ”
เพราะรู้แก่ใจว่านายคนเล็กของเขาเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด ฉะนั้นอธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์
หลังจากบอร์ดี้การ์ดที่ชายหนุ่มมักเรียกในใจว่าคนคุมความประพฤติออกไปจัดการตามคำสั่งปิลันธ์ก็ทิ้งตัวลงนอนตามความยาวของโซฟาหลับตาลงพักผ่อน ที่นี่เป็นห้องทำงานของเขาก็จริง แต่มันก็เป็นเหมือนบ้าน เพราะเขาไม่เคยมีบ้านอยู่ปารีส
ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับเสียงมือถือที่วางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ ก็ดังขึ้น
“ครับ เลียมพูด”
เขาตอบรับอย่างมีมารยาทหลังหรี่ตาขึ้นดูแล้วว่าเป็นใคร
“อาทิตย์หน้าวันเกิดแม่ นายควรไปด้วยนะ”
เสียงพี่ชายดังตามมาสาย ทำเอาปิลันธ์เบ้หน้า
“ไม่ดีกว่า ไม่อยากทำให้ท่านหงุดหงิด”
“มันไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้อ้างได้ นายไม่ได้ติดธุระอะไร ถึงมีก็ควรหยุดไว้ก่อน สองสามปีมานี้นายโดดตลอด แม่ถามถึงนาย”
“พี่พูดผิดหรือเปล่า ถามถึงหรือบ่นกันแน่”
“เลียม”
ความเงียบอึมครึมในอึดใจต่อมา เอียนเป็นคนที่ปิลันธ์ให้ความเคารพและเกรงใจ เพราะในช่วงเวลาที่เขายังเด็กกว่านี้แม่เลี้ยงใช้เขาเป็นที่ระบายอารมณ์โกรธเอียนก็เป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ เอมิเลียเป็นผู้ดีเกินกว่าจะตบตี ด่าทอ ทว่าเขามักจะโดนกดดันด้วยการแสดงออกและคำพูดให้รู้ว่าเขาเป็นลูกเมียน้อย เขามาพึ่งพาครอบครัวนี้ ไม่มีคุณค่าใดๆ ในตระกูลอันสูงส่งของท่าน ชายหนุ่มถูกแม่เลี้ยงมองด้วยหางตาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ไม่เคยเปลี่ยน
“ยังไงผมก็คิดว่าผมไม่ควรไป พี่ก็รู้ดี ท่านไม่รู้สึกดีหรอกที่เห็นหน้าผม”
ชายหนุ่มเปลี่ยนมาใช้คำพูดที่ดีกว่าการกวนอารมณ์อีกฝ่าย
เอียนนิ่งไปก่อนจะถอนหายใจยาว
“เอาเถอะ ไม่เจอกันอาทิตย์หน้า เดี๋ยวยังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดี”
“พี่ไม่บังคับผมแล้วใช่ไหม”
เขาพยายามบังคับเสียงไม่ให้ลิงโลด โดยไม่ได้สะดุดใจในคำพูดของอีกฝ่าย
“อืม งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว แค่นี้นะ”
“ครับ”
โทรศัพท์ถูกโยนไปบนโต๊ะเบาๆ แล้วคนตัวสูงก็นอนฮัมเพลงอย่างสบายใจ สมองคิดไปถึงสองอาทิตย์ข้างหน้า แม้จะอดแปลกใจตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องอยากเจอผู้หญิงไทยคนนั้นใกล้ๆ อยากมีเวลาสบตาให้นานกว่านี้นัก
=====
“ผมรู้คนสวย”เขากระซิบเสียงพร่า ใบหน้าคมขยับมาหาอีกครั้งพร้อมมือหนาเลื่อนมาเกาะกุมอกข้างหนึ่งของเธอเข้าเต็มๆ เพียงขวัญถอยตามสัญชาตณาณทว่าเพราะนอนบนฟูกหนาทำให้ไปไหนไม่ได้ มือบางรีบคว้าข้อมือหนาทันควัน ขณะที่ริมฝีปากได้รูปกระซิบชิดปากเธอ“ผ่อนคลาย เชื่อใจผม”ชายหนุ่มบอกแล้วบดจูบพร้อมกับมือหนาเคล้าคลึงอกอวบสวยเต็มกำมืออย่างแผ่วเบาเพียงขวัญครางฮือในทันที หากก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายทำราวกับเป็นเจ้าของมัน ไม่นานอกคู่สวยก็ถูกปากร้อนผ่าวครอบครองสลับไปมาทั้งสองข้าง ทั้งไล้เลียดูดดื่มเหมือนชิมรสอาหารถูกปากจนหญิงสาวหอบกระเส่า เนิ่นนานจนพอใจเอียนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังกางกางขาสั้นของหญิงสาว เขาถอดมันออกโดยไม่จำเป็นต้องถามความสมัครใจจากอีกฝ่าย ร่างอ่อนระทวยไร้แรงต้านราวกับยินยอมพร้อมใจให้เขาพาไปทุกที่ แม้ตอนปลดชั้นในสองชิ้นบนร่างเธอก็ไม่ขัดขืนเอียนขยับมือหนาไปหาสัดส่วนอ่อนไหวโดยไม่ลังเล รับรู้ว่าอีกฝ่ายเกร็งและพยายามจะบิดตัวหนีแต่เขาไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ มือข้างหนึ่งวางบนอกอวบ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจูบเร้าโรมรันร่างหญิงสาวทุกส่วนพร้อมกันทำเอาอีกฝ่ายถึงกับครางกระสับกระส่ายกับความต้องการที่ถูกปลุกให้พุ่งส
‘แผนเริ่มแล้ว’วิเวียนบอกเป็นสัญญาณก่อนจะเลิกการติดต่อ นับจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการแชตกลุ่มเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงเวลาประมูลทุกคนจะมาเจอกันที่ห้องของวิเวียนก่อนหน้านี้ทั้งหมดต่างบอกความคืบหน้ากันในกรุ๊ป มีเพียงเพียงขวัญที่เงียบไปทำให้ทุกคนเริ่มกังวลแต่งานสำคัญก็ล้มเลิกไม่ได้ พวกเธอต้องเดินหน้าต่อ ส่วนชาริสานั้นวิเวียนบอกให้ตามไปสมทบกับมินตราที่ห้องเพราะหากปิลันธ์อยู่กับผู้หญิงเขาคงใช้เวลากับเธอพักใหญ่และไม่ออกมาจนกว่าจะถึงเวลาประมูล ถ้าเขาจะไปร่วมงานด้วยขณะกำลังจะเดินไปยังชั้นที่ตัวเองพัก คนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ทำให้ชาริสาหลบอยู่ตรงมุมทางเดินก่อน แม้คนกลุ่มนั้นอาจจะจำเธอไม่ได้แต่หญิงสาวไม่ชอบหน้าตาลุงนั่นเพราะฉะนั้นอยู่ในห่างๆ ดีกว่า และเมื่อลิฟต์มาถึงคนส่วนใหญ่ก็ก้าวเข้าไปแต่อีกสองคนกลับแยกออกไปทางอื่น เธอเห็นหนึ่งในนั้นล้วงไปจับบางอย่างในเสื้อสูท ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเป็นปืนแต่เพราะเขาหันเสื้อด้านในมาทางเธอชาริสาจึงรู้ว่ามันคือกล่อง กล่องสีดำที่เขาพยายามใส่ไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไม่ให้เป็นที่สังเกต ชาริสากลับมาหลบในมุมเดิมขณะครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป‘อย่าไปยุ่งเรื่อง
เพราะเกรงว่าความเลินเล่อของตัวเองที่ลืมคิดถึงกล้องวงจรปิดไปจะทำให้งานพลาดชาริสาจึงรีบกดลิฟต์เพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกตถ้าเธอหยุดรออยู่ตรงนี้นานจนเกินไป หญิงสาวคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นจริงต้องมีการตรวจกล้องแน่แม้ชั้นนี้จะไม่ใช่ชั้นของห้องนิรภัยแต่การทำลับๆ ล่อๆ ของเธออาจมีคนสังเกตเห็นขึ้นมาชาริสาพยายามสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกพร้อมกับคิดว่าตนควรบอกให้วิเวียนรู้เอาไว้ก่อนเกี่ยวกับปิลันธ์ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ละสายตาจากเขาแต่ตามเขาไม่ได้ต่างหาก ทว่าพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะพิมพ์ข้อความประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะก้าวเข้าไปทว่าคนที่อยู่ข้างในทำให้ใจดวงน้อยร่วงลงไปตาตุ่ม หากก็ยังคงพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้แสดงอาการตระหนกเอาไว้ขณะสบตากับอีกฝ่ายแล้วก้าวเข้าไปด้านใน“ชั้นไหนครับ”คนอยู่ก่อนเอ่ยถามอย่างสุภาพบุรุษ“ชั้นสามค่ะ”เมื่อเขากดลิฟต์ให้หญิงสาวก็ยิ้มให้พร้อมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะก้มลงเปลี่ยนเป็นเข้าแอปโซเชียลดูนั่นนี่วางมาดให้ปกติในยุคสังคมก้มหน้ากระทั่งถึงชั้นของตนจึงก้าวออกมา“ขอให้สนุกนะครับ”หญิงสาวหันกลับไปยิ้มรับและเอ่ยขอบคุณชายในชุดสูทดำ คนที่เธอจำได้ว่าเขายืนอยู่ข้างกายเอียนเสมอ!ร่าง
พื้นที่สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ถูกเคลียร์เพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษของเอียน เชสเตอร์ เมื่อฮ.ลงจอดเรียบร้อย ชายในชุดสูทดำหกคนก็ก้าวลงมาก่อน ตามด้วยชายร่างสูงใหญ่ในชุดเชื้อเชิ้ตสีฟ้าพาสเทลเกงเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน ชายในชุดสูทดำหกคนตั้งแถวยืนฝั่งละสามคน ทำให้ผู้นำที่ดูสง่าผ่าเผยอยู่แล้วยิ่งโดดเด่นเกินใครขึ้นไปอีก แล้วทั้งกลุ่มก็ตรงมาหาคนของเอียนที่ยืนตั้งแถวรอรับ ในขณะที่ฮ.ก็บินขึ้นในทันทีที่คนออกมาในระยะห่างอย่างปลอดภัยแล้ว“ยินดีต้อนรับครับ...ท่าน”ลูยส์เอ่ยอย่างลังเลกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ใส่ชุดต่างจากทุกคน สายตาหลังแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มดูคมและกวาดไล่มองหน้าพวกเขาจนครบก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เอียน?”“เอ่อ...คุณเอียนเกิดปัญหานิดหน่อย เลยสั่งให้ผมมาต้อนรับแทนแล้วก็ฝากขอประทาน...เอ่อ...และบอกว่าจะมาขอ...เอ่อ...”“อย่ามากพิธีเลย สบายๆ เถอะ ใช่ว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรก”“ครับ แล้วคุณเอียนจะขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้งครับ”คำพูดเกร็งๆ ในตอนแรกเริ่มติดขัดน้อยลงเมื่ออีกฝ่ายอนุญาต“เอาละ ฉันพักห้องไหนล่ะ พาไปสิ”“ครับ เชิญครับ”ลูยส์ผายมือเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายจึงเดินนำโดยมีลูยส์กับเจมส์และคนของ
เธอกำลังมึน...เพียงขวัญคิดขณะพยายามฝืนทำร่างกายให้ดูเหมือนเป็นปกติ หญิงสาวดื่มคอกเทลไปแล้วห้าแก้ว มันมากเกินไปสำหรับคนคออ่อนเช่นเธอ แต่ไม่อาจปฏิเสธหวังหมิงที่สั่งมาให้เพิ่มได้ แม้พยายามจิบช้าที่สุดแล้วแต่ราวกับอีกฝ่ายจ้องมอมเหล้าเธอ เมื่อเห็นคอกเทลของเธอพร่องไปมากกว่าครึ่งแก้วเขาจะสั่งแก้วใหม่เพิ่มทันทีถึงเธอจะบอกว่าเกรงใจแล้วก็ตาม“เพิ่มอีกแก้วไหมครับ”“ไม่แล้วล่ะค่ะ พายเริ่มมึนแล้ว เดี๋ยวเดินกลับห้องไม่ไหว”เพียงขวัญรีบปฏิเสธแล้วอธิบายเพิ่มเมื่อหวังหมิงหันไปยังลูกน้องของตน“อ้าวงั้นเหรอ ต้องขอโทษจริงๆ ผมเองก็ลืมคิดไปว่าคุณอาจจะคอไม่แข็ง วันนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากเลย รู้ไหมว่าตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือยังไม่มีเคยมีสาวสวยขนาดนี้มานั่งดื่มด้วยสักที”“เอ่อ...”หญิงสาวเหลือบไปทางเอียนอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ซึ่งอีกฝ่ายก็เบนสายตามายังเธอแวบเดียวแล้วเมินไปราวกับไม่ได้ยินคำพูดหวังหมิงที่เหมือนจะเกี้ยวพาเธอ ทว่าเพียงขวัญมั่นใจว่าเห็นมุมปากเขายิ้มนิดๆ“คุณหวังให้เกียรติพายเกินไปแล้วล่ะค่ะ”เธอพยายามถ่อมตัวพร้อมยิ้มให้ ไม่รู้หรอกว่าดวงตาที่หวานอยู่แล้วของตนนั้นหวานเยิ้มเพียงใด และยิ้มแบบนั้นก็ทำให้มุมปา
สาวหน้าหวานในชุดสบายๆ เสื้อบางสีขาวตัวยาว ยัดปลายด้านหน้าเข้าไปในกางเกงขาสั้นสีขาว ดึงดูดสายตาเอียนได้ทันทีที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในโซนของสระน้ำ เจ้าตัวมีท่าทางราวกำลังมองหาใครอยู่ เธออาจจะมาหาเพื่อนหรือเด็กๆ ที่เล่นด้วยวันนั้น กระทั่งมองมายังจุดที่เขานั่งอยู่หญิงสาวดูนิ่งขึงไปชั่วอึดใจก่อนจะละสายตาแล้วมองไปในทิศทางอื่น นั่นทำให้เอียนขมวดคิ้วนิดๆเธอมีท่าทีราวกับไม่อยากเจอเขา...“อ้าว นั่นสาวสวยที่ตกน้ำวันนั้นนี่นา”น้ำเสียงชื่นมื่นของหวังหมิงทำให้เอียนคอแข็งโดยทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเธอเหมือนเขา“อาหลี่ไปเชิญคุณผู้หญิงมาหน่อย บอกว่าฉันอยากเลี้ยงปลอบขวัญ”“ครับนาย”คนของหวังหมิงเดินไปแล้วเอียนจึงเอ่ยขึ้น“ไม่น่าเชื่อว่านักธุรกิจที่ใจเย็น วางแผนแยบยลอย่างคุณหวัง จะใจร้อนเรื่องสาวๆ”เขาลองหยั่งเชิงและอีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงดัง“เดี๋ยวนี้ชักช้าก็อดกันพอดี ผมมันแก่แล้ว ถ้าไม่รีบตะครุบเหยื่อก็ช้ากว่าพวกหนุ่มๆ หล่อๆ น่ะสิครับ”เอียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำมือแน่นขึ้น แม้สีหน้าจะดูยิ้มนิดๆ ก็ตาม ขณะเดียวกันสาวสวยตัวเล็กทว่าอวบอิ่มก็ก้าวตามคนของหวังหมิงมาด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด







