เข้าสู่ระบบนรกสำหรับเขากำลังย่างกรายเข้ามาหา ปิลันธ์เหลือบไปเห็นร่างอวบที่กำลังเดินเฉิดฉายเข้ามาในลอบบี้พร้อมคนเดินตามเป็นขบวนตอนก้าวออกจากลิฟต์ อยากจะเลี่ยงแต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะเอียนเดินมาจากโถงด้านหนึ่ง เพียงสายตาที่สบกันแวบเดียวชายหนุ่มก็รู้ว่าเขาต้องตามพี่ไป ปิลันธ์คุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่งเอาไว้แล้วก้าวเข้าไปสมทบด้านหลังเอียนโดยมีคนสนิทของพี่ชายสองคนเดินตามมา
“เดินทางเรียบร้อยดีนะครับ”
เอียนทักพร้อมกับเข้าไปกอดเอมิเลีย อีกฝ่ายลูบหลังลูกชายสองสามทีก่อนเขาจะปล่อย
“ดีลูก”
เอมิเลียเหลือบมาทางปิลันธ์เล็กน้อยให้รู้ว่าเห็นเขาชายหนุ่มจึงก้มหัวให้ แล้วแม่เลี้ยงของเขาก็หันไปคุยกับลูกชายต่อโดยไม่ทักหรือตอบรับ ปิลันธ์เองก็ได้แต่พยายามยืนบื้อไม่รับรู้อะไรให้มากที่สุด
“เพื่อนแม่มากันครบหรือยังลูก”
“ส่วนใหญ่เช็กอินเรียบร้อยแล้วครับ”
ท่านพยักหน้ารับแล้วพูดต่อขณะแตะท่อนแขนลูกชายให้เดินนำไปยังลิฟต์ ปิลันธ์จึงให้ผู้ใหญ่เดินก่อนแล้วเดินตามหลังแทน
“เย็นนี้แม่คิดว่าจะจัดเลี้ยงเล็กๆ กันสักหน่อย”
“เดี๋ยวผมจะให้ผู้จัดการที่นี่ดูแลให้ แม่อยากให้เป็นส่วนตัวไหมครับ”
“เอาห้องที่เป็นซีวิวโอเพ่นเล็กๆ อาหารเมนคอร์สเล็กๆ ก็พอ”
“ครับ”
ขบวนเล็กๆ มาหยุดอยู่หน้าลิฟต์โดยระหว่างทางก็มีพนักงานของโรงแรมโค้งเป็นระยะ เพราะที่นี่เป็นโรงแรมของเอียน เป็นสถานที่รองรับแขกก่อนจะขึ้นเรือสำราญ
“ไม่ต้องขึ้นไปส่งแม่หรอก ให้พนักงานดูแลก็ได้”
ขณะที่ลิฟต์เปิดออกเอมิเลียก็เอ่ยกับลูกชาย ท่านพยักพเยิดไปทางพนักงานต้อนรับสาวสองคนกับคนถือกระเป๋าก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้
“อ้อ...แล้วห้องพักของแม่กับเพื่อนบนเรือเป็นโซนเดิมใช่ไหม”
“ครับ”
“ดีแล้ว...เพราะแม่อยากได้ความเป็นส่วนตัว บนเรือคนเยอะแยะ ใครเป็นใคร ใครจะทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ ไม่อยากเห็นอะไรที่มัน...”
ตาที่ตกแต่งสวยงามสมวัยเหลือบมองคนที่เดินตามมาเงียบๆ นิดเดียว และปิลันธ์เองก็มองตอบอย่างนิ่งเฉย
“ระคายตา หรือได้ยินเรื่องระคายหู ดีนะครั้งนี้เพื่อนแม่ไม่มีใครพาลูกสาวมาด้วย”
พูดจบร่างอวบก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์ที่พนักงานกดรอเอาไว้ ตามด้วยคนติดตามของท่านสี่คน รอจนลิฟต์ปิดปิลันธ์ก็ปล่อยลมหายใจออกมายาวเหยียด
“ไม่มีลูกสาวมา แล้วคิดว่าผมจะหาที่นี่ไม่ได้หรือไง”
“แม่แค่ไม่อยากเสียหน้ากับเพื่อนๆ”
เอียนพูดขึ้นเสียงเรียบ
“เพราะท่านชวนเพื่อนๆ มาเลี้ยงหลังวันเกิดปีนี้ที่ไม่ได้จัด”
“อ้าว แล้วที่พี่ไปอาทิตย์ที่แล้วล่ะ”
“เราแค่ฉลองในครอบครัว พี่ถึงบอกให้นายไปด้วยไง”
“นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องมีผม”
คราวนี้เป็นเอียนที่ถอนหายใจยาว ความจริงปิลันธ์ไม่ใช่คนดื้อแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะถูกกรอบสังคมหล่อหลอม
“เอาเถอะ ยังไงก็อย่าก่อเรื่องอะไรให้แม่ขัดใจก็แล้วกัน พี่ไปจัดการงานก่อน”
ปิลันธ์เงียบไม่รับปาก ส่วนเอียนก็ผละไปโดยไม่ได้ซักไซ้
นีซคือสวรรค์สำหรับเธอ น้ำทะเลไล่จากโทนฟ้าไปจนถึงน้ำเงินบรรจบที่ปลายขอบฟ้าสะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ระยิบระยิบจับตา ชาริสาอ้าแขนออกกว้างรับลมทะเลเต็มที่ เธอชอบความสดชื่นของที่นี่ ไม่เคยชอบแสงสีของปารีสแต่ก็นั่นแหละ ชีวิตทั้งชีวิตของเธออยู่ปารีส
ร่างบางถูกกอดจากทางด้านหลังจนเจ้าตัวสะดุ้งขาสองข้างก็โดนรวบด้วยเช่นกัน ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอยู่รอบด้าน
“จะทำอะไร ไม่เอานะ”
หญิงสาวโวยวาย รู้ตัวว่ากำลังถูกช้อนตัวขึ้น เธอกำลังโดนรุมยกจากคนสามคน
“มาทะเลจะไม่ลงเล่นน้ำได้ยังไง”
“ใช่ ไปสนุกด้วยกันดีกว่า”
“ไม่เอาน้า...”
หญิงสาวร้องลั่นแต่ไม่มีประโยชน์ ร่างบางถูกปล่อยลอยคว้างกลางอากาศชั่วพริบตาก่อนจะตกกระทบน้ำทะเล เมื่อรู้ว่ากำลังจะจมน้ำจึงตะเกียกตะกายโผล่ขึ้นมาหายใจ เท้าเธอแตะถึงพื้นจึงไม่จำเป็นต้องว่ายเพื่อพยุงตัว มือบางลูบผมลูบหน้าพัลวันแต่ยังไม่ทันได้ต่อว่าใครก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนใส่จนหงายจมไปในน้ำอีกครั้ง ทว่าคราวนี้คนแกล้งดึงเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างบางสำลักน้ำอีกฝ่ายก็ช่วยลูบหลังให้
“โทษที เล่นแรงไปหน่อย”
เธอส่ายหน้าเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะยิ้มแล้ววักน้ำเอาคืน ฝ่ายนั้นจึงวักใส่บ้าง
“เล่นแบบนี้เหรอ นี่แน่ะ โอ๊ย...เธออยู่ข้างริสาเหรอมิ้นท์”
คนโดนรุมสองบ่นแล้วร้องหาตัวช่วย
“พายเธอช่วยฉันด้วยสิ เราเป็นเพื่อนซี้กันนะ”
คนโดนเรียกยืนหัวเราะกอดอกเฉย ทำให้คนหาตัวช่วยไม่พอใจ วิ่งหนีไปกระโจนใส่เพื่อนแทน
“ไม่ยอมช่วยฉันเหรอ นี่แน่ะ”
จากนั้นทั้งสี่สาวก็ทั้งแกล้งกันและเล่นด้วยกัน ไม่มีใครโกรธใครจริงจัง โดยมีสายตาภายใต้แว่นดำของสาวร่างสวยสะพรั่งนอนอาบแดดมองอยู่เงียบๆ กระทั่งเหนื่อยและแสงอาทิตย์เลือนหายคนที่เล่นน้ำเริ่มล้าจึงกลับมาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ชายหาดใกล้ๆ
“วีไม่เล่นน้ำเหรอ”
คนที่นอนอยู่คนเดียวเป็นนานส่ายหน้าน้อยๆ
“อะไรกัน วียังไม่เล่นน้ำได้เลย แล้วทำไมทุกคนถึงต้องแกล้งริสาด้วย”
“เพราะเธอไม่เคยมานีซยังไงล่ะสาวน้อย ทะเลสวยขนาดนี้ฉันไม่อยากให้เธอพลาด” คนต้นคิดบอก
“ใช่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องขึ้นไปทำงานบนเรือกันแล้ว”
เพียงขวัญช่วยเสริมอาทิตยาเพื่อนของตัวเอง
=====
“ผมรู้คนสวย”เขากระซิบเสียงพร่า ใบหน้าคมขยับมาหาอีกครั้งพร้อมมือหนาเลื่อนมาเกาะกุมอกข้างหนึ่งของเธอเข้าเต็มๆ เพียงขวัญถอยตามสัญชาตณาณทว่าเพราะนอนบนฟูกหนาทำให้ไปไหนไม่ได้ มือบางรีบคว้าข้อมือหนาทันควัน ขณะที่ริมฝีปากได้รูปกระซิบชิดปากเธอ“ผ่อนคลาย เชื่อใจผม”ชายหนุ่มบอกแล้วบดจูบพร้อมกับมือหนาเคล้าคลึงอกอวบสวยเต็มกำมืออย่างแผ่วเบาเพียงขวัญครางฮือในทันที หากก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายทำราวกับเป็นเจ้าของมัน ไม่นานอกคู่สวยก็ถูกปากร้อนผ่าวครอบครองสลับไปมาทั้งสองข้าง ทั้งไล้เลียดูดดื่มเหมือนชิมรสอาหารถูกปากจนหญิงสาวหอบกระเส่า เนิ่นนานจนพอใจเอียนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังกางกางขาสั้นของหญิงสาว เขาถอดมันออกโดยไม่จำเป็นต้องถามความสมัครใจจากอีกฝ่าย ร่างอ่อนระทวยไร้แรงต้านราวกับยินยอมพร้อมใจให้เขาพาไปทุกที่ แม้ตอนปลดชั้นในสองชิ้นบนร่างเธอก็ไม่ขัดขืนเอียนขยับมือหนาไปหาสัดส่วนอ่อนไหวโดยไม่ลังเล รับรู้ว่าอีกฝ่ายเกร็งและพยายามจะบิดตัวหนีแต่เขาไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ มือข้างหนึ่งวางบนอกอวบ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจูบเร้าโรมรันร่างหญิงสาวทุกส่วนพร้อมกันทำเอาอีกฝ่ายถึงกับครางกระสับกระส่ายกับความต้องการที่ถูกปลุกให้พุ่งส
‘แผนเริ่มแล้ว’วิเวียนบอกเป็นสัญญาณก่อนจะเลิกการติดต่อ นับจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการแชตกลุ่มเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงเวลาประมูลทุกคนจะมาเจอกันที่ห้องของวิเวียนก่อนหน้านี้ทั้งหมดต่างบอกความคืบหน้ากันในกรุ๊ป มีเพียงเพียงขวัญที่เงียบไปทำให้ทุกคนเริ่มกังวลแต่งานสำคัญก็ล้มเลิกไม่ได้ พวกเธอต้องเดินหน้าต่อ ส่วนชาริสานั้นวิเวียนบอกให้ตามไปสมทบกับมินตราที่ห้องเพราะหากปิลันธ์อยู่กับผู้หญิงเขาคงใช้เวลากับเธอพักใหญ่และไม่ออกมาจนกว่าจะถึงเวลาประมูล ถ้าเขาจะไปร่วมงานด้วยขณะกำลังจะเดินไปยังชั้นที่ตัวเองพัก คนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ทำให้ชาริสาหลบอยู่ตรงมุมทางเดินก่อน แม้คนกลุ่มนั้นอาจจะจำเธอไม่ได้แต่หญิงสาวไม่ชอบหน้าตาลุงนั่นเพราะฉะนั้นอยู่ในห่างๆ ดีกว่า และเมื่อลิฟต์มาถึงคนส่วนใหญ่ก็ก้าวเข้าไปแต่อีกสองคนกลับแยกออกไปทางอื่น เธอเห็นหนึ่งในนั้นล้วงไปจับบางอย่างในเสื้อสูท ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเป็นปืนแต่เพราะเขาหันเสื้อด้านในมาทางเธอชาริสาจึงรู้ว่ามันคือกล่อง กล่องสีดำที่เขาพยายามใส่ไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไม่ให้เป็นที่สังเกต ชาริสากลับมาหลบในมุมเดิมขณะครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป‘อย่าไปยุ่งเรื่อง
เพราะเกรงว่าความเลินเล่อของตัวเองที่ลืมคิดถึงกล้องวงจรปิดไปจะทำให้งานพลาดชาริสาจึงรีบกดลิฟต์เพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกตถ้าเธอหยุดรออยู่ตรงนี้นานจนเกินไป หญิงสาวคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นจริงต้องมีการตรวจกล้องแน่แม้ชั้นนี้จะไม่ใช่ชั้นของห้องนิรภัยแต่การทำลับๆ ล่อๆ ของเธออาจมีคนสังเกตเห็นขึ้นมาชาริสาพยายามสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกพร้อมกับคิดว่าตนควรบอกให้วิเวียนรู้เอาไว้ก่อนเกี่ยวกับปิลันธ์ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ละสายตาจากเขาแต่ตามเขาไม่ได้ต่างหาก ทว่าพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะพิมพ์ข้อความประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะก้าวเข้าไปทว่าคนที่อยู่ข้างในทำให้ใจดวงน้อยร่วงลงไปตาตุ่ม หากก็ยังคงพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้แสดงอาการตระหนกเอาไว้ขณะสบตากับอีกฝ่ายแล้วก้าวเข้าไปด้านใน“ชั้นไหนครับ”คนอยู่ก่อนเอ่ยถามอย่างสุภาพบุรุษ“ชั้นสามค่ะ”เมื่อเขากดลิฟต์ให้หญิงสาวก็ยิ้มให้พร้อมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะก้มลงเปลี่ยนเป็นเข้าแอปโซเชียลดูนั่นนี่วางมาดให้ปกติในยุคสังคมก้มหน้ากระทั่งถึงชั้นของตนจึงก้าวออกมา“ขอให้สนุกนะครับ”หญิงสาวหันกลับไปยิ้มรับและเอ่ยขอบคุณชายในชุดสูทดำ คนที่เธอจำได้ว่าเขายืนอยู่ข้างกายเอียนเสมอ!ร่าง
พื้นที่สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ถูกเคลียร์เพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษของเอียน เชสเตอร์ เมื่อฮ.ลงจอดเรียบร้อย ชายในชุดสูทดำหกคนก็ก้าวลงมาก่อน ตามด้วยชายร่างสูงใหญ่ในชุดเชื้อเชิ้ตสีฟ้าพาสเทลเกงเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน ชายในชุดสูทดำหกคนตั้งแถวยืนฝั่งละสามคน ทำให้ผู้นำที่ดูสง่าผ่าเผยอยู่แล้วยิ่งโดดเด่นเกินใครขึ้นไปอีก แล้วทั้งกลุ่มก็ตรงมาหาคนของเอียนที่ยืนตั้งแถวรอรับ ในขณะที่ฮ.ก็บินขึ้นในทันทีที่คนออกมาในระยะห่างอย่างปลอดภัยแล้ว“ยินดีต้อนรับครับ...ท่าน”ลูยส์เอ่ยอย่างลังเลกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ใส่ชุดต่างจากทุกคน สายตาหลังแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มดูคมและกวาดไล่มองหน้าพวกเขาจนครบก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เอียน?”“เอ่อ...คุณเอียนเกิดปัญหานิดหน่อย เลยสั่งให้ผมมาต้อนรับแทนแล้วก็ฝากขอประทาน...เอ่อ...และบอกว่าจะมาขอ...เอ่อ...”“อย่ามากพิธีเลย สบายๆ เถอะ ใช่ว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรก”“ครับ แล้วคุณเอียนจะขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้งครับ”คำพูดเกร็งๆ ในตอนแรกเริ่มติดขัดน้อยลงเมื่ออีกฝ่ายอนุญาต“เอาละ ฉันพักห้องไหนล่ะ พาไปสิ”“ครับ เชิญครับ”ลูยส์ผายมือเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายจึงเดินนำโดยมีลูยส์กับเจมส์และคนของ
เธอกำลังมึน...เพียงขวัญคิดขณะพยายามฝืนทำร่างกายให้ดูเหมือนเป็นปกติ หญิงสาวดื่มคอกเทลไปแล้วห้าแก้ว มันมากเกินไปสำหรับคนคออ่อนเช่นเธอ แต่ไม่อาจปฏิเสธหวังหมิงที่สั่งมาให้เพิ่มได้ แม้พยายามจิบช้าที่สุดแล้วแต่ราวกับอีกฝ่ายจ้องมอมเหล้าเธอ เมื่อเห็นคอกเทลของเธอพร่องไปมากกว่าครึ่งแก้วเขาจะสั่งแก้วใหม่เพิ่มทันทีถึงเธอจะบอกว่าเกรงใจแล้วก็ตาม“เพิ่มอีกแก้วไหมครับ”“ไม่แล้วล่ะค่ะ พายเริ่มมึนแล้ว เดี๋ยวเดินกลับห้องไม่ไหว”เพียงขวัญรีบปฏิเสธแล้วอธิบายเพิ่มเมื่อหวังหมิงหันไปยังลูกน้องของตน“อ้าวงั้นเหรอ ต้องขอโทษจริงๆ ผมเองก็ลืมคิดไปว่าคุณอาจจะคอไม่แข็ง วันนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากเลย รู้ไหมว่าตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือยังไม่มีเคยมีสาวสวยขนาดนี้มานั่งดื่มด้วยสักที”“เอ่อ...”หญิงสาวเหลือบไปทางเอียนอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ซึ่งอีกฝ่ายก็เบนสายตามายังเธอแวบเดียวแล้วเมินไปราวกับไม่ได้ยินคำพูดหวังหมิงที่เหมือนจะเกี้ยวพาเธอ ทว่าเพียงขวัญมั่นใจว่าเห็นมุมปากเขายิ้มนิดๆ“คุณหวังให้เกียรติพายเกินไปแล้วล่ะค่ะ”เธอพยายามถ่อมตัวพร้อมยิ้มให้ ไม่รู้หรอกว่าดวงตาที่หวานอยู่แล้วของตนนั้นหวานเยิ้มเพียงใด และยิ้มแบบนั้นก็ทำให้มุมปา
สาวหน้าหวานในชุดสบายๆ เสื้อบางสีขาวตัวยาว ยัดปลายด้านหน้าเข้าไปในกางเกงขาสั้นสีขาว ดึงดูดสายตาเอียนได้ทันทีที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในโซนของสระน้ำ เจ้าตัวมีท่าทางราวกำลังมองหาใครอยู่ เธออาจจะมาหาเพื่อนหรือเด็กๆ ที่เล่นด้วยวันนั้น กระทั่งมองมายังจุดที่เขานั่งอยู่หญิงสาวดูนิ่งขึงไปชั่วอึดใจก่อนจะละสายตาแล้วมองไปในทิศทางอื่น นั่นทำให้เอียนขมวดคิ้วนิดๆเธอมีท่าทีราวกับไม่อยากเจอเขา...“อ้าว นั่นสาวสวยที่ตกน้ำวันนั้นนี่นา”น้ำเสียงชื่นมื่นของหวังหมิงทำให้เอียนคอแข็งโดยทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเธอเหมือนเขา“อาหลี่ไปเชิญคุณผู้หญิงมาหน่อย บอกว่าฉันอยากเลี้ยงปลอบขวัญ”“ครับนาย”คนของหวังหมิงเดินไปแล้วเอียนจึงเอ่ยขึ้น“ไม่น่าเชื่อว่านักธุรกิจที่ใจเย็น วางแผนแยบยลอย่างคุณหวัง จะใจร้อนเรื่องสาวๆ”เขาลองหยั่งเชิงและอีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงดัง“เดี๋ยวนี้ชักช้าก็อดกันพอดี ผมมันแก่แล้ว ถ้าไม่รีบตะครุบเหยื่อก็ช้ากว่าพวกหนุ่มๆ หล่อๆ น่ะสิครับ”เอียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำมือแน่นขึ้น แม้สีหน้าจะดูยิ้มนิดๆ ก็ตาม ขณะเดียวกันสาวสวยตัวเล็กทว่าอวบอิ่มก็ก้าวตามคนของหวังหมิงมาด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด







