ข่าวการแต่งงานระหว่างคุณธาดา ศิริพันธุ์วงษ์ เจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ กับคุณวิภา อัครนิกุล นักแสดงรุ่นเก่ามากความสามารถ ถูกพูดถึงการเป็นวงกว้าง และมีการประโคมข่าวกันอย่างใหญ่โต ทั้งทางหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจ หรือแม้แต่หน้าบันเทิง รวมไปถึงสื่อโซเชียลต่าง ๆ ต่างก็พากันประโคมข่าวเรื่องนี้ เพราะใครต่อใครต่างก็รู้ว่า คุณธาดาที่รวยอันดับต้น ๆของประเทศ และไม่ว่าเขาจะหยิบจับทำอะไรก็มักจะประสบความสำเร็จไปซะทุกเรื่อง ซึ่งกำหนดการจะมีอีก 2เดือนข้างหน้า
คุณธาดา ศิริพันธุ์วงษ์ เป็นเจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว และภรรยาก็เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว มีทายาทเพียงคนเดียวคือ เหมันต์ ศิริพันธุ์วงษ์ ที่ถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศ ตั้งแต่อายุ15 และตอนนี้ก็เรียนจบปริญญาโทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“เห็นข่าวของพ่อแล้วใช่ไหม เหม” เอมมี่ป้าของเหมันต์ถามหลานชายของเธอด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่เดินเข้าภายในห้องนอนของเขา และเห็นเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์ อ่านข่าวของผู้เป็นพ่อที่สื่อกำลังประโคมข่าวอยู่
“ครับ” เหมันต์ตอบเพียงสั้น ๆ แค่นั้น ก่อนจะเงยหน้าออกจากโทรศัพท์ และเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ด้วยสายตาที่เหม่อลอย
“เหมไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก” เอมมี่ถามหลานชายสุดที่รักของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมป๋าถึงทำแบบนี้ครับป้าเอมมี่ ป๋าส่งผมอยู่ที่นี่กับลุงกับป้าตั้งแต่ที่แม่เสีย แล้วก็มาเยี่ยมผมนับครั้งได้ ทำเหมือนผมไม่ใช่ลูก เวลาผมจะกลับไทยทีก็มีข้ออ้างสารพัดไม่ให้ผมกลับ แล้วอยู่ ๆเขาก็ประกาศว่าจะแต่งงานใหม่ โดยที่เขาไม่คิดจะบอกผมเลยสักคำ นี่เขายังเห็นผมเป็นลูกอยู่หรือเปล่าครับป้าเอมมี่”
ชายหนุ่มระบายความรู้สึกออกมาอย่างขมขื่น เพราะตั้งแต่ที่เขาถูกส่งมาอยู่ที่อเมริกากับลุงและป้าของเขา ตั้งแต่อายุ 15 จนตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาโท พ่อแท้ ๆของเขา มาเยี่ยมเขานับครั้งได้ และเวลาที่เขาจะกลับไทยไปเยี่ยมบ้าน พ่อของเขาก็มักจะมีข้ออ้างนู่นนี่นั่นสารพัด จนเขาแทบจะไม่ได้กลับไปเหยียบเมืองไทย และอยู่ ๆเขาก็ต้องมารับรู้ข่าวว่าพ่อของเขากำลังจะแต่งงานใหม่ และพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแทนที่แม่ของเขา และอีกไม่นานก็คงจะแย่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาไปอย่างแน่นอน ซึ่งเขาคงจะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่มันควรจะเป็นของเขา เหมันต์ใช้เส้นสายจากคุณตาเขาที่อยู่เมืองไทย ช่วยให้สืบประวัติของผู้หญิงที่ชื่อวิภา อัครนิกุล ผู้หญิงที่กำลังจะเข้ามาแทนที่แม่ของเขา ปรากฏว่าเธอเป็นดารานักแสดงรุ่นเก่า ที่ตอนนี้แทบจะไม่มีผลงาน แต่ก็ยังทำตัวเหมือนว่าตัวเองเด่นดังสูงส่ง เข้างานสังคม งานการกุศล ที่แต่แย่ที่สุดคือเธอ เข้าบ่อน และมีทีท่าว่าเธอกำลังจะติดการพนันงอมแงม และมีลูกชายบุญธรรมที่รับมาอุปการะจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า 1 คน เรียนจบปริญญาตรีแล้ว“นี่ป๋าไม่สืบประวัติผู้หญิงคนนี้ก่อนหรือไง ประวัติแย่ขนาดนี้ ยังจะหลับหูหลับแต่งงานและยกย่องแทนแม่อีก อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว เก่งรอบด้านทุกอย่าง แต่มาโง่โดนผู้หญิงหลอก”
หลังจากที่อ่านข้อมูลที่ได้รับมาจบ เหมันต์ก็ถึงกับมีอาการหงุดหงิดก่อนจะขยำกระดาษข้อมูลนั้นทิ้งด้วยความโมโห หน้าตาบูดบึ้ง เหมันต์คิดว่าเขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดการแต่งงานครั้งนี้ เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น เหมันต์จึงจัดการเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย ประเทศบ้านเกิดของตัวเอง หลังจากที่เขาไม่ได้กลับไปเหยียบที่นั่นนานหลายปี โดยการกลับไทยครั้งนี้ เขาจะเดินทางกลับโดยที่จะไม่มีการแจ้งให้คนที่ได้ขึ้นว่าเป็นพ่อได้รับรู้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะถูกห้ามไม่ให้เดินทางกลับ เหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา“เหมตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมลูก” ป้าเอมมี่ถามหลานชายสุดที่รักของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ครับป้าเอมมี่ ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหน เข้ามาแทนที่แม่ แล้วก็จะไม่ยอมเสียทุกอย่างที่ควรจะเป็นของผมไปเด็ดขาดครับ” เหมันต์ตอบกลับป้าของเขาออกไป ด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มุ่งมั่น
“ในเมื่อแกตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ลุงกับป้าก็จะเคารพในการตัดสินใจของแก แต่แกจำไว้นะ ไม่ว่ายังไงแกก็ยังมีลุงกับป้า ที่จะคอยอยู่เคียงข้างแกเสมอ” ลุงเคน ตบไหล่หลานชายสุดที่รักของเขาเบา ๆเป็นการให้กำลังใจ
“ขอบคุณครับ”
เหมันต์ตอบกลับคนสูงวัยทั้งสอง ที่เขารักและเคารพเหมือนพ่อและแม่แท้ ๆ เพราะตั้งแต่ที่ถูกพ่อแท้ ๆของเขาส่งมาอยู่ที่นี่ลุงเคนและป้าเอมมี่ก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี เหมือนกับเขาเป็นลูกชายแท้ ๆ ของพวกเขาอีกคน นอกเหนือจาก คีรินลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา“ป๋ากับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะคอยช่วยพี่เหมอีกแรงเองครับ” คีรินลูกชายเพียงคนเดียวของลุงเคนและป้าเอมมี่ ที่มีอายุอ่อนกว่าเหมันต์ 2ปี บอกกับพ่อกับแม่ของเขา
คีรินคือชายหนุ่ม ที่หน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง คิ้วเข้ม หน้าคม จมูกโด่ง มีความมั่นใจในตัวเองสูง คล่องแคล่ว และเข้ากับคนอื่นได้ดี เพราะเขาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา และมักจะมีลูกล่อลูกชน จนใครต่อใครต่างก็ชื่นชอบเขาไปตาม ๆ กัน“นี่แกแกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่เนี่ย แกคิดได้ยังไงว่าจะไม่ย้ายตามฉันไปอยู่บ้านนู้น หลังจากที่ฉันแต่งงานกับคุณธาดาแล้ว”
เสียงคุณวิภา ดาราระดับตำนานแผดเสียงตวาดลูกชายบุญธรรมของเธอดังลั่นบ้านด้วยความหงุดหงิด หลังจากที่เธอได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายว่าจะขออยู่บ้านหลังเดิมต่อ จะไม่ขอย้ายตามเธอไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูล ศิริพันธุ์วงษ์ ด้วยเหตุผลว่าเกรงใจเจ้าของบ้าน“แต่ผมหนาวใจที่บ้านนั้นจริง ๆนะครับคุณแม่” หนุ่มน้อยหน้าใสบอกกับแม่บุญธรรมของตัวเองตามสิ่งที่เขาคิด
“แกจะเกรงใจไปทำไม ฉันแต่งงานกับเขา ก็เท่ากับว่าฉันเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนั้น แกก็ต้องตามฉันไป เพราะแกเป็นลูกชายฉัน ถ้าแกไม่ไป แล้วใครจะมาคอยรองมือรองตีนฉัน เวลาที่ฉันเรียกใช้ใครไม่ได้ล่ะ อย่ามาเรื่องมาก รีบไปเก็บข้าวของของแกซะ หลังจากวันแต่งงาน เราจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านนั้นทันที”
“แต่….”
“ไม่ต้องมีตงมีแต่อะไรทั้งนั้น แกมีหน้าที่ฟังแล้วก็ทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น แล้วทีหลังก็อย่าคิดที่จะขัดคำสั่งฉันอีก ไม่อย่างนั้นแกเจอดีแน่ เข้าใจไหม!!!” เสียงคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรมตะคอกออกคำสั่งลูกชายบุญธรรมของเธอด้วยความหงุดหงิด
“เข้าใจครับ”
ลมหนาวทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาตอบรับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรมของตัวเองไปแค่นั้น ทั้ง ๆที่ใจจริงแล้ว เขาไม่ได้อยากทำในสิ่งที่เธอสั่งเลยแม่แต่น้อย แต่เพราะคำว่าบุญคุณที่มันค้ำคอเขาอยู่ เขาจึงไม่สามารถจะปฏิเสธหรือแสดงท่าทีขัดใจผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรม ที่ส่งเสียให้เขาได้เรียนสูง ๆ ให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่พัก จนเขาโตมาจนป่านนี้ได้*******************************************************************************************
หลังจากงานแต่งของเหมันต์และลมหนาววันนั้น คีรินกับแสงดาว ก็ได้สานสัมพันธ์กันต่อ โดยชายหนุ่มมักจะเดินทางไปหาหญิงสาวที่ปากช่องในทุกครั้งที่มีโอกาส หรือในบางครั้ง เขาก็จะไปรับเธอมาที่บ้านของคุณตาพินิจ และพาเธอไปพบพ่อกับแม่ของเขาที่ต่างประเทศ ในช่วงครบรอบที่คบกันได้หนึ่งปี แล้วก็ไปด้วยกันทุก ๆปี จนตอนนี้พวกเขาคบกันจะเข้าปีที่ สามแล้ว
และแล้วงานแต่งงานระหว่างเหมันต์และลมหนาวก็ถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราใหญ่โต ภายในโรงแรมระดับห้าดาว ภายในเครือของบริษัทของตระกูล ศิริพันธุ์วงษ์ แขกภายในงาน พร้อมใจกันใส่ชุดสีขาวตามตรีมงานที่ทั้งคู่ได้แจ้งเอาไว้ ดอกไม้สีขาวนับพันดอก ถูกนำมาจัดเป็นซุ้มเล็กซุ้มใหญ่ ภายในงานได้อย่างลงตัว คุณยาย พร้อมกับหลานสาวคนสวยทั้งแสงเดือนและแสงดาวก็ได้รับเกียรติให้เข้ามาร่วมงานครั
หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลมหนาวก็ย้ายกลับเข้ามาอยู่ที่บ้านตระกูล ตระกูลศิริพันธุ์วงษ์ เหมือนเดิม พร้อมกับรับน้องนิวเด็กชายตัวน้อยมาอยู่ด้วย ส่วนร้านขนมที่อยู่ปากช่อง เขาก็ยกให้แสงดาวและแสงเดือนดูแลต่อ เพื่อเป็นการตอบแทน ที่ครอบครัวของพวกเธอดูแลเขามาอย่างดี ตลอดช่วงเวลาที่เขาอาศัยอยู่ที่นั่น
หลังจากที่ได้คุยกับคุณยายในวันนั้น ลมหนาวก็นำเรื่องนี้กลับมาคิด เขาจึงยอมกินอาหารที่เหมันต์ทำมาให้ และอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาช่วยงานในร้าน แต่ก็ยังคงเว้นระยะห่าง ระหว่างกันเช่นเดิม ซึ่งทำให้เหมันต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ ที่ในที่สุด ลมหนาวก็เริ่มที่ยอมเปิดใจมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลและได้พักฟื้นจนหายดีแล้ว เหมันต์ก็มาหาลมหนาวที่ร้านเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ เขาทำอาหารมาให้อีกฝ่ายด้วย พร้อมกับไปช่วยเปิดร้านจัดร้าน หยิบนั่นยกนี่ทุกอย่าง โดยที่ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยและปริปากบ่นเลยสักครั้ง “ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เข้ามาในร้านได้ พี่เ
ช่วงบ่ายของวัน ที่อากาศค่อนข้างจะร้อนจัด แต่เหมันต์ก็ยังคงนั่งรออยู่ที่หน้าร้าน ตรงที่เดิมตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด จนถึงตอนนี้ก็น่าจะหลายชั่วโมงแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะลุกไปไหน ยังคงนั่งชะเง้อคอคอย เพื่อหวังว่าคนภายในร้านจะใจอ่อน ยอมออกมาเจอเขาบ้างสักครั้ง รถคันหรูสีดำสนิท เข้ามาจอดที่หน้าร้านขนมเล็ก ๆ