공유

บทที่ 3

last update 최신 업데이트: 2025-03-31 14:55:01

 

“ฮึก ฮึก”  เสียงสะอื้นของลลิตน้อยเริ่มสงบลงเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของลออจันทร์  โอเมก้าหนุ่มที่ตอนนี้นั่งหลบมุมอยู่ในร้านโดยฝั่งตรงข้ามมีคนหน้าดุเฝ้ามองกระทำด้วยสายตาอ่อนโยนไม่ห่าง

สายตาที่ทารกวัยเจ็ดเดือนจ้องมองคนแปลกหน้าเขม็งอย่างกับว่ารู้จักมานาน ทำให้คนเป็นพ่อรู้สึกแปลกใจ

แน่ละสิ เขาต้องรู้จักคนตรงหน้าอยู่แล้ว ครามคุณพ่อของนายเอกและเป็นไอ้หน้าโง่ที่เลี้ยงดูลูกคนอื่นจนไม่รู้ว่าลูกตัวเองตายไปตั้งนานแล้ว

ลลิตคิดแล้วก็โกรธคนตรงหน้าที่มีส่วนทำให้หม่าม้าของตนต้องมีจุดจบแบบนั้น ใบหน้าน้อย ๆ ออกอาการฮึดฮัดชี้มือชี้ไม้ไปมาจนคนเป็นแม่นึกฉงน

“เด็กดี ไม่ต้องร้องนะครับ” เสียงลออจันทร์เอ่ยปลอบโยนลูกชายในอ้อมอก ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่ง

“คุณลูกค้า หากต้องการสั่งกาแฟรบกวนสั่งที่หน้าเคาน์เตอร์นะครับ” ลออจันทร์รวบรวมความกล้าขึ้นสบตากับชายหนุ่ม

“ตอนที่เดินเข้ามาในร้านนายยังเรียกฉันว่า คุณครามอยู่เลยนะ” ลออจันทร์เม้มปากแน่น อยากจะเขกกะโหลกตัวเองเมื่อเผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มออกไป

“คุณคราม มาที่นี่ทำไมครับ” อ้อมกอดเริ่มรัดแน่นเมื่อลูกน้อยที่อยู่บนตักเริ่มขยับตัวขยุกขยิกพยายามหันหน้าออกมา ร่างบางกลัวลูกจะตกจึงจับหันหน้าออกมานั่งตักสองแขนรัดก้อนนุ่มนิ่มไว้

ครามมองภาพแม่ลูกที่เหมือนกันราวกับโขลกกันมาตรงหน้าจ้องมองมาที่เขาโดยเฉพาะตาสีอำพันจากร่างอ้วนป้อม ชายหนุ่มพยายามกลั้นยิ้มอย่างยากเย็นก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องที่ต้องการออกมา

“ลออจันทร์ พี่มารับเธอกับลูกกลับบ้าน” ตาแป๋วแหววของทารกน้อยเบิกโต

อ้าวเฮ้ย ในนิยายไม่มีแบบนี้นี่หว่า

ลลิตครุ่นคิดในใจถึงการปรากฏตัวของครามที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ ถ้าอิงตามในนิยายควรจะเป็นตอนที่อัยวาจัดงานวันเกิดอายุ 20 ปีต่างหาก

“!!!!!” หลังจากที่ได้ยินคำพูดชวนตกใจ ลออจันทร์ก็เอ่ยปฏิเสธครามทันที

“คุณครามเข้าใจผิดแล้วล่ะครับถึงผมจะเคยทำงานที่บ้านโยธินตระกูล แต่ผมก็ลาออกมานานแล้ว ส่วนลลิตเป็นลูกแฟนเก่าของผมครับ”

“แล้วนายจะอธิบายสีตาของลลิตว่ายังไง” สิ้นเสียงของคราม ลออจันทร์ได้แต่นั่งงันขบคิดข้อแก้ตัวไม่ออก

“ไม่ต้องพูดแก้ตัวอีกแล้ว ตาสีอำพันของลลิตสืบทอดมาจากต้นตระกูลโยธินตระกูลที่จะปรากฏในรุ่นละหนึ่งคนเท่านั้น รุ่นของพี่ก็เป็นพี่เองที่ได้รับสืบทอดส่วนรุ่นหลานยังไม่มีใครปรากฏนอกจากลลิต” ดวงตาสีอำพันสองคู่สบตากัน ตาคู่หนึ่งฉายแววอบอุ่นอีกคู่ฉายแววไร้เดียงสา ลออจันทร์มองภาพพ่อลูกก่อนจะเม้มปากแน่น

“แล้วก็นี่เอกสารยืนยันดีเอ็นเอระหว่างพี่กับลลิต”ครามยื่นซองเอกสารไปตรงหน้าลออจันทร์ โอเมก้าหนุ่มเปิดซองกวาดตามองทุกบรรทัด

“ผมไม่ยอมยกลลิตให้คุณครามแน่” เสียงหวานเริ่มสั่นเครือ เมื่อคิดว่าคนใจร้ายต้องการพรากลูกไปจากตน

“ม่ะ แม่ะ อ้ายยยย” หม่าม้าอย่าร้องไห้

เสียงอ้อแอ้ของลลิตดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของพ่อแม่ ครามถอนหายใจเมื่อแม่ของลูกน้ำตานองหน้า

“พี่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าจะพาพวกเธอสองแม่ลูกกลับบ้านโยธินตระกูล ไม่คิดจะพรากแม่ลูกจากกันหรอกนะ” เอ่ยย้ำเพิ่มความมั่นใจ แต่ลออจันทร์กลับนึกถึงใบหน้าของภรรยาที่เพิ่งคลอดลูกวัยไล่เลี่ยกับลลิตจึงเม้มปากแน่น ส่ายหัวปฏิเสธข้อเสนออีกครั้ง

ครามเห็นท่าทางดื้อดึงของคนตรงหน้าก็ยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง เอ่ยข้อเสนอใหม่อีกครั้งอย่างใจเย็น

“งั้นนายก็ต้องย้ายไปอยู่สถานที่ที่ฉันจัดเตรียมไว้ให้ นายคงไม่อยากให้ลลิตเติบโตมาในสภาพขาดแคลนแบบนี้ใช่ไหม” ครามจี้จุดตรงกลางใจของลออจันทร์ ไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกเติบโตมาอย่างอัตคัด ทุกคนต่างก็ต้องการให้ลูกเติบโตมาอย่างดีที่สุด ร่างบางก้มหน้ามองดูร่างเจ้าเนื้อที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากลมโตพอดี ก่อนจะตัดสินใจได้

“ตกลงครับ แต่ผมขอเวลาหน่อยนะครับ”

“บู้ววว อูวววว”  หม่าม้าตอบตกลงไปได้ยังไง

ร่างในอ้อมแขนอาละวาดอีกครั้งเมื่อได้ยินคำตอบของคนเป็นแม่ ลลิตดีดดิ้นไปมาไม่ยอมรับการตัดสินใจ

ประท้วง ลลิตขอประท้วง

ลออจันทร์เริ่มขมวดคิ้วเมื่อลูกน้อยเริ่มสะบัดแขนขาไปมา ตั้งแต่ทารกอายุเจ็ดเดือนก็ยิ่งกินมากขึ้นจนตัวอ้วนกลมไปหมด น้ำหนักเจ้าตัวน้อยก็มากขึ้นตามไปด้วยสองแขนที่โอบร่างไว้เริ่มประคองไว้ไม่อยู่

“ขอพี่อุ้มลูกหน่อย” เมื่อเห็นลูกน้อยอาละวาดในอ้อมแขนโอเมก้าของตน อัลฟ่าหนุ่มก็ยื่นมือไปคว้าก้อนนุ่มนิ่มมาไว้ในอ้อมกอดทันที

วินาทีที่ร่างน้อยอยู่ในอ้อมแขนหัวใจที่ไม่เคยสั่นไหว นับตั้งแต่เห็นรูปของลออจันทร์เมื่อชาติที่แล้วเริ่มเต้นเป็นจังหวะระรัว มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่วาบหวามซาบซ่านเหมือนกับแม่ของลูกแต่เป็นความรู้สึกที่อยากจะปกป้องและทะนุถนอม อยากจะยกโลกทั้งใบมากองอยู่ใต้แทบเท้าน้อย ๆ คู่นี้ แต่ครามก็ตื่นจากห้วงภวังค์เมื่อเจ็บตรึงไปทั่วหนังศีรษะ

“อ้ายยย แอ่ะ แอ่ะ” นี่แน่ะ กล้ามารังแกหม่าม้าของลลิตเหรอ

มือเล็กป้อมจิกเส้นผมที่ถูกเซตมาอย่างดีจนยุ่งเหยิงไปหมด เท้าน้อย ๆ เหยียบย่ำขย่มตักไปมาสองมือขยำเส้นผมอย่างเมามัน

“บู้วว บู้ววว” ปากเล็กคอยพ่นน้ำลายใส่หน้าผู้เป็นพ่อไม่ขาดสาย จนใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยน้ำลายสีใส

“ลลิต !!!” เจ้าตัวน้อยที่เคยนิสัยน่ารักตอนนี้กลับแผลงฤทธิ์อย่างร้ายกาจ ลออจันทร์ผุดลุกจากเก้าอี้รีบไปประคองร่างน้อยคืนแต่ครามกลับส่ายหน้าเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

“ลูกแค่ต้องการเล่นกับพี่น่ะ ปล่อยให้เล่นไปเถอะ”คุณพ่อหมาด ๆ เข้าข้างตัวเองจนลออจันทร์หน้าเจื่อน

นี่มันไม่เหมือนเล่นกันเลยสักนิด เหมือนลลิตกำลังตั้งใจทำร้ายคุณครามมากกว่าอีก

“ลลิต อยากให้พ่อหอมแก้มเหรอครับ” ฟอด จมูกโด่งที่เปื้อนน้ำลายเด็กอ้วนหอมฟอดไปที่แก้มอิ่มที่ป่องออกมาเป็นก้อน

“อ้ายยย” อี๋ อย่ามาหอมลลิตนะ ไอ้พ่อโง่

ร่างเล็กเอนตัวหลบจมูกโด่งไปมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ลออจันทร์มองภาพตรงหน้าน้ำตาคลอ เขานึกว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพนี้อีกแล้ว

“เลิกงานกี่โมง” เสียงทุ้มถามขึ้นมาจนลออจันทร์สะดุ้งหลุดจากความคิด ละล่ำละลักตอบ

“เอ่อ เลิกงานห้าโมงครับ” ตอบคำถามพร้อมกับทำหน้างุนงง ครามพยักหน้าเข้าใจก่อนจะบอกให้ร่างบางไปทำงานต่อ

“แต่ว่าลลิตยังต้องกินนม” ลออจันทร์เอ่ยแย้งเมื่อครามอาสาอยู่เฝ้าร่างน้อยที่ตอนนี้เริ่มตาปรือแต่ริมฝีปากน้อย ๆ เริ่มขมุบขมิบเป็นสัญญาณว่าหิวนมแล้ว

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันป้อนลูกเอง” ครามหน้านิ่งเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นสีหน้า   เหวอของร่างบาง

ครามเดินออกไปบริเวณคอกเด็กเล่นก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งขัดสมาธิประคองร่างที่อาละวาดจนหมดแรงไว้บนตัก ประคองศีรษะเล็กไว้ส่งสายตาให้ลออจันทร์รีบไปชงนมมาให้

ลออจันทร์ไม่รอช้ารีบไปอุ่นนมให้ทันที หลังจากเห็นท่าทางป้อนนมอย่างคล่องแคล่วของชายหนุ่มจึงวางใจไปทำงานต่อแต่ไม่วายเหลือบมองพ่อลูกเป็นระยะ

จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ร่างบางที่ทำความสะอาดร้านร่วมกับพนักงานคนอื่นจึงเสร็จอย่างรวดเร็ว ลออจันทร์เก็บของเสร็จแล้วรีบเดินออกไปที่คอกเด็กด้วยความเป็นห่วง แต่ภาพผู้ชายตัวใหญ่สองคนที่บนตักต่างก็มีร่างของเด็กน้อยนั่งอยู่ทำให้ลออจันทร์ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยทักเจ้าของร้าน

“พี่นริศไปส่งขนมมาแล้วเหรอครับ” นอกจากร้านอุ่นไอรักจะมีกาแฟขายแล้วยังมีบริการเดลิเวอรี่อีกด้วย ซึ่งสามีของเจ้าของร้านรับหน้าที่เป็นคนส่งขนม

“ครับ พี่เพิ่งมาเมื่อกี๊เอง ว่าแต่คุณพ่อของลลิตหน้าตาดีนะเนี่ย” เบต้าหนุ่มที่ทั้งกอดทั้งฟัดลูกสาวหันมาแซวลูกจ้างตัวเอง หลังจากที่ครามเล่าว่าตนกับลออจันทร์เข้าใจผิดกันทำให้ห่างเหินกันไป แต่ตอนนี้ได้ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ลออจันทร์ที่ได้ยินดังนั้นได้แต่ยิ้มเจื่อนได้แต่ขอตัวกลับก่อน

ครามอุ้มร่างลูกน้อยที่ลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมา ลออจันทร์ยื่นมือไปรับลูกน้อยแต่ครามกลับเดินออกไปนอกร้านจึงทำให้โอเมก้าหนุ่มบอกลาเจ้าของร้านอย่างเร่งรีบก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างออกไป

“คุณคราม คุณจะพาลลิตไปไหนครับ” ลออจันทร์เรียกอย่างเสียขวัญเมื่อคนตัวโตอุ้มลูกน้อยเข้าไปในรถ

ไหนว่าจะให้เวลาพวกเขาสองแม่ลูกไง

“รีบขึ้นมาสิ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกดังมาจากในรถ ลออจันทร์จึงรีบเข้าไปในนั่งในรถก่อนที่คนขับรถจะปิดประตูอย่างนอบน้อม

“คุณจะพาพวกเราไปไหนครับ” เสียงตื่นกลัวถามคนที่นั่งอุ้มร่างลูกน้อยไว้แนบอก ร่างกายเกร็งเครียดเล็กน้อยไม่กล้าขยับตัวเมื่อสัมผัสกับเบาะหนังชั้นดี

“ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น” อัลฟ่าตัวโตเอ่ยบอกให้โอเมก้าที่ตื่นกลัวนั่งตามสบาย

“พี่แค่จะไปส่งลูกกับเธอกลับบ้านเท่านั้น ไม่ต้องกลัวหรอกนะ” เมื่อเห็นร่างเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอก ครามจึงครุ่นคิดในใจ

ลออยังไม่ไว้ใจเขา

ก่อนที่เขาจะสร้างครอบครัวได้ ด่านแรกที่เขาต้องทลายคือกำแพงในใจแม่ของลูกก่อน ส่วนร่างเล็กในอ้อมกอดยังมีเวลาอีกเยอะ รอยยิ้มกดลึกที่มุมปากแทบมองไม่เห็นแต่ก็ไม่พ้นสายตาของลลิตไปได้

หน็อยแน่ คิดล่อลวงหม่าม้าเหรอ ฝันไปเถอะ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ลลิตจะปกป้องหม่าม้าเอง   บทที่ 54 END

    แทนไทเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก วันนี้นอกจากจะมีครอบครัวเพลิงโชติเมธีแล้วยังมีครอบครัวโยธินตระกูลมาร่วมรับประทานอาหารด้วยลินินตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของคุณวาสินีที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้ามา ร่างตุ้ยนุ้ยนั่งเก้าอี้คอยชวนคุณยายพูดคุยด้วยท่าทางไร้เดียงสา ครามกับปราบนั่งคุยล้อมวงกับคุณอารัญและคุณพิศาล เด็กชายคีตานั่งไถโทรศัพท์เงียบ ๆ นั่งข้างลลิตกับแทมมาลีน“อ้าว พี่จ๋าหายไปไหนมา”แทมมาลีนเอ่ยทัก เผลอละสายตาจากหมากรุกที่เขากับลลิตฟาดฟันมาหลายนาที จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่รู้ตัวเลยว่าลลิตแอบหยิบหมากตัวเองออกไปหนึ่งตัว“ตานายแล้ว รีบเดินสิ”“เร่งทำไม เอ๊ะ ทำไมมันแปลก ๆ”“แปลกอะไร ไม่มี้” ลลิตพูดเสียงสูง ไม่มีพิรุธสักนิด แทมมาลีนที่เห็นท่าทางลลิตเป็นแบบนี้ก็กระโจนเข้าไปขยี้ผมนุ่มทันที“หน็อยแน่ ทำเป็นเนียนเลยนะ”“ปล่อยนะ นายกล้าทำกับพี่เขยแบบนี้ได้ยังไง” ลลิตเผลอตัวหลุดโพล่งออกมา

  • ลลิตจะปกป้องหม่าม้าเอง   บทที่ 53

    “บาดแผลสมานตัวดีมาก อย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนี้คุณหนูสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ”คุณหมอมอบรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นั่งยิ้มหน้าบาน“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ครับ”ลลิตไหว้ขอบคุณลุงหมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลเขามาตลอดที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อบอกลาคุณหมอเสร็จเจ้าตัวแสบก็ลงมายืนข้างเตียงโดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงอีกแล้ว“...”แทนไทที่เตรียมอุ้มลลิตทำหน้าเสียดาย ช่วงหลังที่ลลิตพักฟื้นเท้าแทบไม่ติดพื้นเพราะมีครามกับแทนไทคอยอุ้มไปไหนต่อไหนตลอดถึงจะถูกลออจันทร์บ่นว่าก็ทำหูทวนลมทั้งสามีและลูกเขยวันนี้ครามติดประชุมสำคัญทำให้มารับลูกชายออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แทนไทจึงอาสามารับแทนสร้างความประทับใจให้แก่ลออจันทร์ยิ่งไปอีก“ไปกันครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว”ลลิตเดินนำหน้าลออจันทร์และแทนไทออกไปอย่างร่าเริง“ลูกคนนี้นับวันยิ่งแก่นแก้วไปทุกที” แทนไทมองลลิตที่ทำตัวร่าเริงด้วยแววตาอ่อนโยน“ดีแล้วครับ ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้”“หม่าม้า ล

  • ลลิตจะปกป้องหม่าม้าเอง   บทที่ 52

    “ตอนนี้แผลผ่าตัดของคุณหนูลลิตปกติดีครับ ไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน นั่งได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน หมอจะทำการตัดไหมในวันที่ 7 พร้อมกลับบ้านในวันเดียวกันได้เลยครับ”ครามและลออจันทร์นั่งฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วยความดีใจ“คุณหมอหมายความว่า ลลิตหายแล้วใช่ไหมครับ” ลออจันทร์ถามย้ำอย่างตื่นเต้น“ครับ ตอนนี้คุณหนูลลิตปลอดภัยแล้วครับแต่ยังต้องทานยาและมาพบแพทย์ตามนัดด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ” ครามโค้งตัวขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”คุณหมอนพ เจ้าของคนไข้นึกชื่นชมเจ้าของโรงพยาบาลตรงหน้าที่ไม่ถือตน เมื่อได้เวลาที่ต้องไปตรวจคนไข้ก็ขอตัวออกไปก่อน ลออจันทร์ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่ยังหลับใหล“ลลิตปลอดภัยแล้วนะครับ”“รีบตื่นมาฟังข่าวดีได้แล้ว เจ้าตัวยุ่ง” เหมือนลลิตรู้ตัวว่าหม่าม้ากำลังพูดกับตน ร่างบางส่งเสียงพึมพำออกมาอย่าง

  • ลลิตจะปกป้องหม่าม้าเอง   บทที่ 51

    ครามที่สองมือหอบข้าวของของภรรยาและลูกชายมาเต็มสองมือไม่ยอมให้ป้าจิตช่วยถือเดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับคุณไพลินและคุณพิศาลที่เดินหน้าเครียดสร้างความตื่นตกใจให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก“พี่คราม ผมได้ยินข่าวของลลิตแล้ว หลานของผมเป็นยังไงบ้างครับ” หมอกันต์ที่ออกไปสัมมนาข้างนอกวิ่งเข้ามาเจอครอบครัวของญาติผู้พี่พอดีถามเสียงลั่นไม่นะ หลานชายที่น่ารักของเขาทำไมต้องโชคร้ายขนาดนี้ด้วย“ตอนนี้ลลิตยังปลอดภัย แกก็อย่าตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ได้ไหม กว่าฉันจะปลอบคุณแม่ให้สงบลงต้องใช้เวลาแค่ไหน”ครามกระซิบบอกน้องชายเสียงเบา สายตาคอยมองคุณไพลินที่เดินนำหน้าด้วยความเป็นห่วง“แหะ แหะ เข้าใจแล้วครับ” หมอกันต์แย่งตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเหลืองที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน&

  • ลลิตจะปกป้องหม่าม้าเอง   บทที่ 50

    “ป๊ะป๋าตื่นสาย”ลลิตพูดลอย ๆ เมื่อเห็นครามอุ้มลินินเดินลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เขากับคีตากำลังกินข้าวเช้าที่ป้าจิตเป็นคนทำให้ คีตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับแผนการของพี่ชายนั่งตักข้าวต้มกินต่อไป “วันนี้วันหยุด ป๊ะป๋าก็อยากตื่นสายบ้าง หม่าม้าก็ชอบตื่นสายเหมือนป๊ะป๋านะ” ครามตอบโต้ลูกชายด้วยการยกหม่าม้าของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง ลลิตหน้าบูดเมื่อพูดอะไรไปเจ้าพ่อบ้ากามก็ไม่สะทกสะท้านจึงนั่งจ้วงข้าวต้มเข้าปากคำโต “มาค่ะ ลินินเดี๋ยวพ่อป้อนหนูนะคะ” “อื้อ ไม่เอาค่ะ หนูอยากกิงเอง ลินินโตแย้วนะ” เด็กหญิงบอกว่าตัวเองโตแล้ว ครามได้แต่นั่งลงทานข้าวแต่โดยดี “เด็ก ๆ ทานข้าวเสร็จหรือยังครับ”ลออจันทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินมาหาลูกชายลูกสาวก่อนจะไล่หอมหัวคนละหนึ่งที&nbs

  • ลลิตจะปกป้องหม่าม้าเอง   บทที่ 49 NC เล็กน้อย

    "แล้วนายจะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่า”ลลิตถามอัยวาขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ ครามอยากตามลงมาด้วยแต่ถูกเตวิชขวางไว้เสียก่อนจึงได้แต่มองลูกชายและอดีตลูกชายเดินออกไปตาละห้อย “คงต้องกลับเลย ฉันลาหยุดได้แค่ไม่กี่วัน” ราฟาเอลก็ทิ้งการเรียนตามเขามาด้วย อัยวาไม่อยากให้แฟนตัวเองถูกไล่ออกจึงต้องรีบกลับไป“ฉันอยากแวะไปหาคุณยายกับคุณตานะแต่ฉันไปตามที่อยู่เดิมกลับมีคนอื่นเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว” อัยวาพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ ลลิตได้แต่เห็นใจเรื่องของครอบครัวอัยวาเขาคงไปยุ่งมากไม่ได้โอเมก้าสองคนเดินไปยังร้านกาแฟของลออจันทร์ ทันทีที่ลลิตเปิดประตูเข้าไปก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นอัลฟ่าสองคนนั่งจ้องหน้ากันโดยมีน้องคีย์นั่งทำการบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ“พี่ลลิตมาแย้ว”ลินินที่นั่งอยู่บนตักแทนไทดิ้นลงวิ่งมาหาพี่ชาย“ลินินมาได้ไงครับ” ลลิตถามด้วยความแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนี่นา“วันนี้โยงเยียนเล

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status