แม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้วแต่เมื่อเห็นสถานที่สองแม่ลูกอาศัยอยู่ก็ทำให้ครามรู้สึกปวดใจไปหมด
สภาพห้องเช่าขนาดกลางที่ไม่ได้กว้างมากนัก ภายในห้องนอกจากจะมีเตียงขนาดกลางชิดมุมห้องและเปลเด็กกลางห้องยังมีของสำหรับเด็กอ่อนที่อยู่บนโต๊ะข้างตู้เย็นกลางเก่ากลางใหม่บริเวณกลางห้องมีเสื่อเด็กเล่น ยังดีที่มีระเบียงหลังใช้สำหรับตากผ้าอ้อมกับอ่างล้างจาน
“แอ้ แอ้” มองแบบนี้หมายความว่ายังไง
ทารกน้อยตบมือปุ ๆ ไปที่คางได้รูปเมื่อเห็นคนตัวยักษ์กวาดสายตาไปทั่วห้อง ลออจันทร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย
“เอ่อ คุณครามนั่งที่เตียงได้นะครับ” ปกติสองแม่ลูกจะปูเสื่อนั่งเล่นกลางห้อง ลลิตตัวน้อยรู้ความมาก เมื่อกลับจากที่ทำงานลออจันทร์จะปูเสื่อนิ่มไว้กลางห้องและเทบรรดาของเล่นที่ตายายที่ขยันซื้อมาฝากปล่อยให้ลูกเล่นตามลำพัง ส่วนเขานั้นก็จะรีบซักผ้าอ้อมและทำอาหารเย็น
เด็กอายุเจ็ดเดือนเริ่มทานอาหารอ่อน ๆ ได้แล้ว ลออจันทร์จึงมักสลับทำอาหารกับป้อนนมให้ลูกเป็นบางครั้งเพื่อฝึกให้ลลิตเลิกเต้าเพราะตอนนี้น้ำนมของเขาแทบจะไม่มีแล้ว
ครามเดินไปที่เตียงก่อนจะวางลูกน้อยให้นอนแผ่บนเตียง ลลิตที่ถูกปล่อยตัวพลิกคว่ำคลานไปทั่วเตียงหยิบตุ๊กตาของตนมากอดไว้ ครามจ้องมองการกระทำของลูกอย่างน่าฉงนก่อนจะถึงมาอ้อเมื่อเจ้าเด็กอ้วนปาตุ๊กตาเสือมายังจุดที่เขานั่ง
นี่ลูกจะทำร้ายพ่อทุกครั้งที่มีโอกาสเลยหรือ
ร่างสูงได้แต่ละเหี่ยใจนั่งเป็นเป้านิ่งให้ลูกโยนตุ๊กตาตัวแล้วตัวเล่าใส่ ลออจันทร์ที่ตอนนี้ง่วนอยู่กับการซักผ้าโผล่หน้าออกมามองพ่อลูกเล่นกันก่อนจะอมยิ้มในใจ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็คงดี
ก่อนจะส่ายหัวสลัดความคิดที่เห็นแก่ตัวออก เมื่อคิดถึงครอบครัวที่แท้จริงของครามในใจก็เริ่มขมปร่า
ไม่ได้นะลออ ที่คุณครามทำแบบนี้เพราะอยากรับผิดชอบลลิตต่างหาก ตอนนี้คุณครามแต่งงานกับคุณโรสรินอีกทั้งยังมีลูกชายอีกคน
ลออจันทร์กลับมาสู่ความเป็นจริงรีบซักผ้าแล้วจัดการงานบ้านที่เหลือให้เสร็จอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนที่อยู่ด้านนอกอยู่เลี้ยงลูกให้ตอนที่เขาทำงานบ้าน
“แอ้ แอ้ อ้ายยย” เสียงลูกน้อยที่ตอนนี้ปีนตักผู้เป็นพ่อดึงทึ้งเนคไทราคาแพงจนคนเป็นพ่อแทบหายใจไม่ออกแต่ก็ต้องยอมเมื่อเห็นลูกเล่นอย่างสนุกสนาน
นี่แน่ะ นี่แน่ะ จะยอมออกจากห้องไปหรือยัง ไอ้พ่อโง่
“ลลิต ลูกอย่าดึงแบบนั้นสิครับ” โอเมก้าหนุ่มร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นครามหน้าแดงเหมือนหายใจไม่ออก
“ไม่เป็นไรให้แกเล่นไปเถอะ”
“แต่คุณคราม....” ดูใกล้จะไม่ไหวแล้วนะครับ
“รีบไปทำอาหารเถอะ เดี๋ยวลลิตจะโมโหหิวเอา” ร่างสูงยังยืนยันว่าตนรับมือกับลูกได้ ลออจันทร์เห็นอย่างนั่นจึงหันไปทำอาหารสำหรับเด็กอ่อนอย่างรวดเร็ว
“มา มะ หม่ำ ๆ กันครับ” ลลิตที่ได้ยินคำว่าหม่ำ ๆ ก็ผละมือจากเนคไทชูมือเอนตัวไปหาผู้เป็นแม่
“หม่ำ ๆ แม่ะ หม่ำ ๆ” ฮึ่ย ปล่อยเลยนะ หิวข้าวแล้วเนี่ย
ร่างอวบพยายามดิ้นจากอ้อมกอดแต่กลับถูกอุ้มจับไปนั่งตักชายหนุ่มที่เดินไปนั่งขัดสมาธิกลางห้อง
“รีบนั่งลงสิ เดี๋ยวลลิตได้อาละวาดอีกหรอก” เสียงทุ้มสั่งแม่ของลูกอย่างเอาแต่ใจ
“คุณครามให้ลูกนั่งเก้าอี้สำหรับทานข้าวดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อเอา” ลออจันทร์เมื่อเห็นว่าครามตั้งใจจะเป็นเก้าอี้ให้ลูกน้อยเอ่ยเตือนอย่างหวังดี
“ไม่เป็นไร ป้อนข้าวลลิตเถอะ”
“หม่ำ ๆ อาาาา” หม่าม้ารีบป้อนเร็ว ลลิตหิวแล้ว
มองดูลูกน้อยที่อ้าปากรอแล้ว จึงได้แต่รีบนั่งลงนั่งป้อนข้าว ครามมองดูแม่ป้อนข้าวลูกที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของตนอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกหวานล้ำผุดขึ้นมากลางใจอยากจะโอบกอดสองแม่ลูกไว้ไม่ห่าง
“อ้ามมม” ปากน้อย ๆ อ้าออกเมื่อกลืนข้าวที่บดกับกล้วยสุก แม้จะไร้รสชาติแต่ลลิตก็ไม่อาจฝืนความหิวไปได้
อยากโตเร็ว ๆ จังเลย
ก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง เสียงของเล่นที่ลลิตสะบัดไปมาอยู่กลางห้องท่าทางเหมือนเด็กไร้เดียงสาแต่ทว่าหูกลับกระดิกเป็นระยะพยายามฟังบทสนทนาหน้าห้อง
“ตอนนี้ดึกแล้ว คุณครามกลับไปก่อนเถอะครับ” ลออจันทร์ส่งแขกที่หน้าประตู
“อืม” ร่างสูงรับคำแต่กลับไม่ยอมขยับไปไหน
“คุณคราม ?” ลออจันทร์เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่ขยับจึงเรียกอีกครั้ง ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาสัมผัสกับกลีบฝีปากบางเบา ๆ หนึ่งที
“พรุ่งนี้ฉันจะมารับ รอฉันนะ” เมื่อจูบลาเสร็จก็เดินจากไปทิ้งให้โอเมก้าหน้าแดงก่ำไว้ที่หน้าประตู
“อ้ายยยย”เสียงร้องของทารกดังมาจากด้านหลัง มืออวบพยายามคืบคลานมาหาแม่ที่หน้าประตูหน้าแดงก่ำอย่างกับคนโมโหบางอย่าง
ไอ้คนฉวยโอกาส อย่ามาลวนลามหม่าม้านะ
เช้าวันถัดมาลออจันทร์ที่ข้างหนึ่งอุ้มลูกน้อยอีกข้างหนึ่งหอบของพะรุงพะรังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยความระมัดระวังแต่ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถเมล์ก็ได้ยินเสียงเรียกของของยายแจ่มเสียก่อน
“ลออ จะไปทำงานแล้วเหรอ” ยายแจ่มที่นั่งม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ทักทายโอเมก้าแม่ลูกอ่อนอย่างอารมณ์ดี
“ครับ ยาย...” ลออจันทร์ตรงไปทักทายผู้อาวุโสก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใส่ชุดทำงานลุกขึ้นจากม้านั่งเดินตรงมาที่เขา
“คุณคราม คุณมาทำไมอีกครับ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“แอ้ แอ้” หน็อย มาแต่เช้าเชียวนะ
ร่างที่หนักขึ้นของหนูน้อยในอ้อมแขนเริ่มดิ้นไปมา จนลออจันทร์ต้องกระชับอ้อมกอดไว้แน่น ครามที่เห็นท่าทางขมวดคิ้วของลออจันทร์จึงรีบไปอุ้มร่างเจ้าเนื้อของลูกชายมาไว้ในอ้อมอก
กำปั้นน้อยโบกไปมาท่าทางเอาเรื่องแต่ยายแจ่มกับตาทดต่างเอ็นดูเด็กน้อยที่คึกคักแต่เช้า
“เมื่อคืนฉันบอกว่าจะไปส่งเธอทำงาน ลืมแล้ว?” คิ้วหนาเลิกคิ้วถามเมื่อคนตรงหน้าลืมคำพูดของตนที่บอกไว้ก่อนแยกจาก ลออจันทร์ที่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็หน้าแดงอีกครั้ง
“อ่า จำได้สิครับ” ละล่ำละลักตอบแก้ตัวไปก่อน หากบอกไปว่าเพราะจูบเมื่อคืนทำให้ลืมบทสนทนาไปหมดต้องขายหน้าแน่ ๆ
“แอ่ะ แอ้ แม่ะ” หม่าม้าอย่าหน้าแดงสิ
“อืม ไปกันเถอะ” พูดจบก็จูงมือคนหน้าแดงไปขึ้นรถหรูที่จอดอยู่หน้าหอพัก สองตายายมองภาพครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนึกถึงบทสนทนาก่อนที่แม่ลูกจะลงจากห้อง
ตอนแรกยอมรับว่าโกรธคนตรงหน้าที่ทิ้งลูกเมียตัวเองไป แต่เมื่อฟังความจริงอีกด้านกลับเป็นว่าลออจันทร์เป็นฝ่ายทิ้งอีกฝ่ายแทน ทำให้เกิดความรู้สึกสงสารอีกฝ่ายแทน
“ดีแล้วล่ะที่หากันเจอ ต่อไปนี้ก็พูดคุยกันดี ๆ อย่าใช้อารมณ์อีกนะพ่อหนุ่ม” ตาทดที่เข้าใจว่าทั้งสองคนทะเลาะกันฝ่ายลออจันทร์จึงเป็นฝ่ายจากมา
“ครับ ผมขอบคุณคุณตากับคุณยายมากนะครับที่ช่วยลออกับลลิตไว้”ครามผงกหัวรับคำสอนของตาทด
“จากนี้ไปครอบครัวเราจะไม่แยกจากกันอีกแน่นอนครับ”ครามพูดให้สัญญาอย่างหนักแน่นก่อนจะมองไปที่ประตูห้องพักที่เปิดออกเผยให้เห็นลออจันทร์ที่อุ้มลลิตออกมาจึงรีบลุกขึ้นไปช่วยอุ้มลลิตไว้
“จากนี้ไปหนูลออและลลิตคงไม่ต้องลำบากแล้วล่ะ ตาแก่” ยายแจ่มพูดจบก็หันมายิ้มให้กับคู่ชีวิตก่อนจะประคองพากันกลับบ้านพักที่อยู่ใกล้ ๆ
แต่สถานการณ์ภายในรถที่ครอบครัวสุขสันต์นั่งโดยสารอยู่นั้นค่อนข้างจะวุ่นวายเมื่อเจ้าหนูน้อยพยายามขย้ำศีรษะผู้เป็นพ่ออยู่ตลอด
“โธ่ ลลิต ทำไมช่วงนี้หนูคึกคักจังเลยลูก” ลออจันทร์พยายามห้ามปรามลูกน้อยไม่ให้จิกหัวผู้เป็นพ่อ
“แอ่ แอ่ะ แอ่ะ”
นี่แน่ะ นี่แนะ แผนเยอะนักนะ
แทนไทเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก วันนี้นอกจากจะมีครอบครัวเพลิงโชติเมธีแล้วยังมีครอบครัวโยธินตระกูลมาร่วมรับประทานอาหารด้วยลินินตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของคุณวาสินีที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้ามา ร่างตุ้ยนุ้ยนั่งเก้าอี้คอยชวนคุณยายพูดคุยด้วยท่าทางไร้เดียงสา ครามกับปราบนั่งคุยล้อมวงกับคุณอารัญและคุณพิศาล เด็กชายคีตานั่งไถโทรศัพท์เงียบ ๆ นั่งข้างลลิตกับแทมมาลีน“อ้าว พี่จ๋าหายไปไหนมา”แทมมาลีนเอ่ยทัก เผลอละสายตาจากหมากรุกที่เขากับลลิตฟาดฟันมาหลายนาที จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่รู้ตัวเลยว่าลลิตแอบหยิบหมากตัวเองออกไปหนึ่งตัว“ตานายแล้ว รีบเดินสิ”“เร่งทำไม เอ๊ะ ทำไมมันแปลก ๆ”“แปลกอะไร ไม่มี้” ลลิตพูดเสียงสูง ไม่มีพิรุธสักนิด แทมมาลีนที่เห็นท่าทางลลิตเป็นแบบนี้ก็กระโจนเข้าไปขยี้ผมนุ่มทันที“หน็อยแน่ ทำเป็นเนียนเลยนะ”“ปล่อยนะ นายกล้าทำกับพี่เขยแบบนี้ได้ยังไง” ลลิตเผลอตัวหลุดโพล่งออกมา
“บาดแผลสมานตัวดีมาก อย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนี้คุณหนูสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ”คุณหมอมอบรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นั่งยิ้มหน้าบาน“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ครับ”ลลิตไหว้ขอบคุณลุงหมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลเขามาตลอดที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อบอกลาคุณหมอเสร็จเจ้าตัวแสบก็ลงมายืนข้างเตียงโดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงอีกแล้ว“...”แทนไทที่เตรียมอุ้มลลิตทำหน้าเสียดาย ช่วงหลังที่ลลิตพักฟื้นเท้าแทบไม่ติดพื้นเพราะมีครามกับแทนไทคอยอุ้มไปไหนต่อไหนตลอดถึงจะถูกลออจันทร์บ่นว่าก็ทำหูทวนลมทั้งสามีและลูกเขยวันนี้ครามติดประชุมสำคัญทำให้มารับลูกชายออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แทนไทจึงอาสามารับแทนสร้างความประทับใจให้แก่ลออจันทร์ยิ่งไปอีก“ไปกันครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว”ลลิตเดินนำหน้าลออจันทร์และแทนไทออกไปอย่างร่าเริง“ลูกคนนี้นับวันยิ่งแก่นแก้วไปทุกที” แทนไทมองลลิตที่ทำตัวร่าเริงด้วยแววตาอ่อนโยน“ดีแล้วครับ ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้”“หม่าม้า ล
“ตอนนี้แผลผ่าตัดของคุณหนูลลิตปกติดีครับ ไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน นั่งได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน หมอจะทำการตัดไหมในวันที่ 7 พร้อมกลับบ้านในวันเดียวกันได้เลยครับ”ครามและลออจันทร์นั่งฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วยความดีใจ“คุณหมอหมายความว่า ลลิตหายแล้วใช่ไหมครับ” ลออจันทร์ถามย้ำอย่างตื่นเต้น“ครับ ตอนนี้คุณหนูลลิตปลอดภัยแล้วครับแต่ยังต้องทานยาและมาพบแพทย์ตามนัดด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ” ครามโค้งตัวขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”คุณหมอนพ เจ้าของคนไข้นึกชื่นชมเจ้าของโรงพยาบาลตรงหน้าที่ไม่ถือตน เมื่อได้เวลาที่ต้องไปตรวจคนไข้ก็ขอตัวออกไปก่อน ลออจันทร์ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่ยังหลับใหล“ลลิตปลอดภัยแล้วนะครับ”“รีบตื่นมาฟังข่าวดีได้แล้ว เจ้าตัวยุ่ง” เหมือนลลิตรู้ตัวว่าหม่าม้ากำลังพูดกับตน ร่างบางส่งเสียงพึมพำออกมาอย่าง
ครามที่สองมือหอบข้าวของของภรรยาและลูกชายมาเต็มสองมือไม่ยอมให้ป้าจิตช่วยถือเดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับคุณไพลินและคุณพิศาลที่เดินหน้าเครียดสร้างความตื่นตกใจให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก“พี่คราม ผมได้ยินข่าวของลลิตแล้ว หลานของผมเป็นยังไงบ้างครับ” หมอกันต์ที่ออกไปสัมมนาข้างนอกวิ่งเข้ามาเจอครอบครัวของญาติผู้พี่พอดีถามเสียงลั่นไม่นะ หลานชายที่น่ารักของเขาทำไมต้องโชคร้ายขนาดนี้ด้วย“ตอนนี้ลลิตยังปลอดภัย แกก็อย่าตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ได้ไหม กว่าฉันจะปลอบคุณแม่ให้สงบลงต้องใช้เวลาแค่ไหน”ครามกระซิบบอกน้องชายเสียงเบา สายตาคอยมองคุณไพลินที่เดินนำหน้าด้วยความเป็นห่วง“แหะ แหะ เข้าใจแล้วครับ” หมอกันต์แย่งตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเหลืองที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน&
“ป๊ะป๋าตื่นสาย”ลลิตพูดลอย ๆ เมื่อเห็นครามอุ้มลินินเดินลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เขากับคีตากำลังกินข้าวเช้าที่ป้าจิตเป็นคนทำให้ คีตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับแผนการของพี่ชายนั่งตักข้าวต้มกินต่อไป “วันนี้วันหยุด ป๊ะป๋าก็อยากตื่นสายบ้าง หม่าม้าก็ชอบตื่นสายเหมือนป๊ะป๋านะ” ครามตอบโต้ลูกชายด้วยการยกหม่าม้าของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง ลลิตหน้าบูดเมื่อพูดอะไรไปเจ้าพ่อบ้ากามก็ไม่สะทกสะท้านจึงนั่งจ้วงข้าวต้มเข้าปากคำโต “มาค่ะ ลินินเดี๋ยวพ่อป้อนหนูนะคะ” “อื้อ ไม่เอาค่ะ หนูอยากกิงเอง ลินินโตแย้วนะ” เด็กหญิงบอกว่าตัวเองโตแล้ว ครามได้แต่นั่งลงทานข้าวแต่โดยดี “เด็ก ๆ ทานข้าวเสร็จหรือยังครับ”ลออจันทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินมาหาลูกชายลูกสาวก่อนจะไล่หอมหัวคนละหนึ่งที&nbs
"แล้วนายจะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่า”ลลิตถามอัยวาขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ ครามอยากตามลงมาด้วยแต่ถูกเตวิชขวางไว้เสียก่อนจึงได้แต่มองลูกชายและอดีตลูกชายเดินออกไปตาละห้อย “คงต้องกลับเลย ฉันลาหยุดได้แค่ไม่กี่วัน” ราฟาเอลก็ทิ้งการเรียนตามเขามาด้วย อัยวาไม่อยากให้แฟนตัวเองถูกไล่ออกจึงต้องรีบกลับไป“ฉันอยากแวะไปหาคุณยายกับคุณตานะแต่ฉันไปตามที่อยู่เดิมกลับมีคนอื่นเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว” อัยวาพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ ลลิตได้แต่เห็นใจเรื่องของครอบครัวอัยวาเขาคงไปยุ่งมากไม่ได้โอเมก้าสองคนเดินไปยังร้านกาแฟของลออจันทร์ ทันทีที่ลลิตเปิดประตูเข้าไปก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นอัลฟ่าสองคนนั่งจ้องหน้ากันโดยมีน้องคีย์นั่งทำการบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ“พี่ลลิตมาแย้ว”ลินินที่นั่งอยู่บนตักแทนไทดิ้นลงวิ่งมาหาพี่ชาย“ลินินมาได้ไงครับ” ลลิตถามด้วยความแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนี่นา“วันนี้โยงเยียนเล