จ๊วบ จ๊วบ เสียงดูดกลืนน้ำนมของทารกน้อย เรียกรอยยิ้มของลออจันทร์ให้กว้างขึ้นไปอีก
ความจริงเขาไม่อยากดื่มนมจากเต้าหรอกนะ แต่ร่างกายทารกนี่ยุ่งยากจริงหากไม่หิวก็หลับอยู่นั่นแหละ
ลลิตคิดถึงร่างกายผอมแห้งของลลิตตอนโต มืออวบยิ่งบีบจับเต้าไว้แน่นออกแรงดูดกลืนน้ำนมจนเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของโอเมก้าหนุ่มดังขึ้น
“โอ๊ะ ลูกแม่ แรงดีจริง ๆ เลยนะเนี่ย” เสียงนุ่มหยอกล้อเจ้าตัวเล็ก จนลลิตรู้สึกผิดจึงได้เบาแรงลงเล็กน้อย สองแม่ลูกใช้เวลาร่วมกันสักพักจนร่างทารกหลับคาหน้าอก
ลออจันทร์อุ้มร่างเล็กนอนลงเปลเด็ก ก่อนผละออกไปซักผ้าอ้อมที่ใช้แล้วในห้องน้ำ แม้การเป็นโอเมก้าเลี้ยงเดี่ยวจะลำบากไปหน่อย แต่เขาโชคดีที่บรรดาผู้คนที่รายล้อมเขาต่างคอยให้ความช่วยเหลือ ลออจันทร์หวนนึกถึงใบหน้าหล่อเหล่าในความทรงจำ แต่ก็รีบสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ป่านนี้คุณครามกับคุณรินคงแต่งงานกันไปแล้ว
กริ๊ง กริ๊ง เสียงออดหน้าประตูดังขึ้น ทำให้ลออจันทร์หลุดออกจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มรีบออกไปสำรวจลูกน้อยก่อนว่าจะสะดุ้งกับเสียงออดหรือเปล่า เมื่อเห็นทารกน้อยหลับอุตุอย่างน่ารัก ก็รีบไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับแขก
“โอ๊ย ยายแก่หยิกฉันทำไม” เสียงสูดปากดังขึ้นเบา ๆ เมื่อคู่ชีวิตหันมาหยิกจนเนื้อเขียวหลังจากที่ตนกดกริ่งหน้าประตู
“ใครใช้ให้แกกดกริ่งล่ะ คราวหลังเคาะประตูก็พอ เดี๋ยวเจ้าหนูลลิตตกใจกันพอดี” หญิงชราบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ
“มาแล้วครับ ยายแจ่มกับตาทดมาเยี่ยมหนูลลิตหรือครับ” ลออจันทร์เอ่ยทักทายผู้มีพระคุณพร้อมกับเชื้อเชิญเข้าห้องพักอย่างอ่อนโยน
หากไม่ได้ตายายสองคนตรงหน้า เขาที่อุ้มท้องอยู่คงไม่รู้จะหาห้องเช่าราคาถูกแบบนี้ได้ที่ไหน อีกทั้งสองตายายยังเอ็นดูเจ้าหนูลลิตเป็นอย่างมาก
“โอ๊ะหลานยาย ตื่นแล้วนี่นา” ตาแจ่มหยอกล้อทารกวัยเดือนกว่าด้วยการแกล้งปิดตาและทำสีหน้าตลก
“แอ่ะ แอ้” สองมือปัดป่าย ปลายเท้าดีดไปมาท่าทางดูสนุกสนานหากแต่ความจริงนั้น
ไปไกล ๆ เลย อย่ามายุ่งกับฉันนะ
“นี่ยาย ดูสิหลานเล่นกับฉันด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของตาทดยังคงดังต่อเนื่อง
“ความจริงยายแจ่มไม่ต้องซื้อของให้เยอะขนาดนี้ก็ได้นะครับ” เสียงเกรงใจเอ่ยขึ้นเมื่อสองตายายซื้อของมาฝากเยอะแยะ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ของหลานทั้งนั้นถือเสียว่ารับขวัญหลานแล้วกันนะ” ยายแจ่มรู้สึกสงสารคนตรงหน้า สมัยนี้โอเมก้ายังคงถูกจำกัดในหลาย ๆ อย่าง เนื่องจากรอบฮีทที่ต้องคอยเก็บตัวทุกเดือนทำให้ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงที่จ้างงาน
“แล้ววางแผนไว้หรือยังว่าจะทำยังไงต่อ” ยายแจ่มถามอย่างห่วงใย
ลออจันทร์ส่ายหน้าอย่างอับจน ตอนนี้เขายังพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่คงอยู่ได้อีกไม่นาน อย่างน้อยก็คงอยู่ได้อีกแค่หกเดือน
“เอาแบบนี้ไหม มีคู่เบต้ากำลังจะเปิดร้านกาแฟอยู่ที่ตึกเช่าของยาย ได้ยินว่ากำลังรับสมัครพนักงาน ลองไปทำดูไหม”
“แต่ว่าผมต้องดูแลลลิต คงทำงานอย่างเต็มที่ไม่ได้หรอกครับ”ข้อจำกัดของโอเมก้าแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเขาช่างมากมายเหลือเกิน
“ไม่ต้องห่วงหรอก คู่แต่งงานคู่นั้นก็กำลังคลอดลูกพอดี น่าจะต้องหอบลูกไปทำงานด้วยแน่ ถ้ายังไงเดี๋ยวยายช่วยพูดให้แล้วกันนะ” พูดคุยธุระเสร็จก่อนจะขอตัวกลับก่อน
ลออจันทร์ไหว้ขอบคุณยายแจ่มด้วยความซาบซึ้ง อุ้มลูกน้อยที่หลับปุ๋ยมาส่งตายายที่หน้าประตู
ถึงจะลำบากแค่ไหน แต่เพื่อลลิตแม่ทำได้
หกเดือนผ่านไป
“อ่ะ อ้ายย ย่า” เสียงอ้อแอ้ของลลิตดังขึ้นต้อนรับลูกค้าที่เปิดประตูเข้ามาในร้านกาแฟเล็กที่ตกแต่งด้วยโทนอบอุ่น
“เอ๊ะ ดูสิ เด็กน้อยจ้ำม่ำนี่หลานใครกันนะ” เสียงหยอกเย้าเจ้าตัวน้อยดังขึ้นหน้าคอกเด็กเล่น ลลิตที่ตอนนี้ยืนได้แล้วเกาะขอบรั้วไว้ข้างหนึ่งอีกข้างโบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้น
พี่จ๋าคนสวยอุ้มลลิตหน่อยจ้ะ
จ๋า เบต้าสาวสวยลูกค้าประจำร้านอุ่นไอรักที่มักแวะมาซื้อกาแฟเป็นประจำตั้งแต่ร้านเปิดจนสนิทกับเด็กน้อยไปโดยปริยาย
“ลลิต ไม่เอานะครับ หนูอยู่นิ่ง ๆ เหมือนน้องยาหยีหน่อยสิครับ” ลออจันทร์ส่ายหน้า เมื่อสัญชาตญาณในตัวบอกว่าลูกชายตัวเองต้องเป็นโอเมก้าแน่ ๆ เพราะลลิตเหมือนเขาราวกับย่อส่วนเว้นแค่ดวงตาที่เป็นสีอำพันที่สืบทอดมาจากคนนั้น
ในทีแรกชายหนุ่มค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับสีตาที่เป็นเอกลักษณ์ของลูกชาย แต่ไม่นานก็เลิกกังวลเพราะพวกเขาสองแม่ลูกคงไม่ได้เจอกับคุณครามอีก
หม่าม้าอ่ะ ไม่เห็นใจคนหล่อเลย บู้วว
ลลิตตัวน้อยพ่นน้ำลายประท้วงคนเป็นแม่เรียกเสียงหัวเราะให้แก่คนทั้งร้าน ลออจันทร์ส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นเจ้าตัวแสบทำตัวน่ารักก่อนจะเดินไปบริการลูกค้าที่โต๊ะ
“คุณจ๋า วันนี้รับอเมริกาโน่เหมือนเดิมไหมครับ” ชายหนุ่มโอเมก้าเอ่ยถามเสียงนุ่ม ทำให้โอเมก้าหน้าแดงตัวม้วน
“แหมคุณลออ นับวันยิ่งสวยนะคะเนี่ย” จ๋าเอ่ยแซวก่อนจะสั่งเครื่องดื่มประจำเหมือนเดิม
“คุณจ๋าก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” โอเมก้าหนุ่มพูดพลางรับเมนูก่อนจะขอตัวไปทำออเดอร์ที่สั่งไว้ แต่สายตาคอยแอบดูลูกชายตัวน้อยที่นั่งเขย่าลูกป๋องแป๋งไปมาอย่างเมามัน
ลลิตนั่งสะบัดลูกป๋องแป๋งอย่างโง่ ๆ วงจรของเด็กทารกช่างน่าเบื่อ ตั้งแต่เขาคลานได้ก็คลานไปทั่วบ้านทั้งยังฝึกปีนป่ายอีกด้วย ตอนนี้เขาอยากที่จะเดินได้เร็ว ๆ จะได้ทำอะไรได้สะดวกกว่านี้
“อ่ะ แอ้ ” เสียงเรียกร้องความสนใจของหนูน้อยยาหยีดังขึ้นเรียกให้ลลิตให้หันไปมองอย่างรำคาญ ยาหยีลูกสาวของเบต้า นริศกับเมธาวีเจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้ ทั้งสองเป็นช่างทำขนมมาก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านตามความฝันของเมธาวีผู้เป็นภรรยา
นับว่าเป็นความโชคดีของลออจันทร์ที่เจอกับสองตายายจึงทำให้แม่ลูกอ่อนได้เข้ามาทำงานที่ร้านกาแฟอุ่นไอรักแห่งนี้ ลลิตมองดูยัยหนอนด้วงที่พยายามคืบคลานมาหาเขาด้วยแววตาหวาดหวั่น
ไม่นะ อย่ามาทางนี้
“อ้ายยย แม่ะ แม่ะ” ลลิตขยับคลานหนียัยหนอนด้วงจอมพ่นน้ำลายไปรอบ ๆ คอกเด็กพลางเรียกแม่ตัวเองหากแต่ลออจันทร์กลับเห็นภาพพี่น้องเล่นกันอย่างมีความสุขจึงหันไปชงกาแฟต่อ
ง่ะ หม่าม้าใจร้ายย
ลลิตที่หมดแรงนอนพังพาบให้น้องสาวหอมแก้มจนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำลายใสเรียกเสียงหัวเราะของลูกค้าในร้านอย่างเอ็นดู
กริ๊ง กริ๊ง
“ร้านอุ่นไอรักยินดีต้อนรับครับ” ลออจันทร์หันมายิ้มต้อนรับลูกค้าคนใหม่ ก่อนจะตกตะลึงตัวชาวาบเมื่อเห็นบุคคลที่ก้าวเข้ามาในร้านพร้อมกับกลิ่นอัลมอลด์ซึ่งเป็นกลิ่นฟีโรโมนประจำตัวแผ่กระจายออกมา
“คุณคราม” ลออจันทร์เรียกชื่อพ่อของลูกด้วยเสียงแผ่วเบา เมื่อคนตรงหน้าเดินมาหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์จ้องมองหน้าหวานอย่างเงียบงัน ริมฝีปากได้รูปเตรียมจะเอ่ยคำพูดบางอย่างแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยสิ่งของที่ถูกโยนมาจากคอกเด็กเล่น
โป๊ก
กลองป๋องแป๋งปาโดนขมับของนักธุรกิจหนุ่มตกลงบนพื้น เรียกสายตาคมกริบให้จดจ้องก้อนอวบอ้วนที่โบกไม้โบกมือไปมาอย่างกราดเกรี้ยว
“ออกไปให้ห่างจากหม่าม้านะ” เสียงเล็กตะโกนไล่คนตัวโตแต่กลับได้ยินเสียงตัวเองพูดอ้อแอ้ออกมาว่า
“แอ้ แอ้ อ้ายยย”
“......” ทั้งร้านเงียบกริบ ลออจันทร์หน้าซีดเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองไปยังลูกชายของตนที่เริ่มเบะปากก่อนจะร้องไห้โฮออกมาดังลั่น
ฮึก น่าอายชะมัดเลย แงงงงง
แทนไทเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก วันนี้นอกจากจะมีครอบครัวเพลิงโชติเมธีแล้วยังมีครอบครัวโยธินตระกูลมาร่วมรับประทานอาหารด้วยลินินตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของคุณวาสินีที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้ามา ร่างตุ้ยนุ้ยนั่งเก้าอี้คอยชวนคุณยายพูดคุยด้วยท่าทางไร้เดียงสา ครามกับปราบนั่งคุยล้อมวงกับคุณอารัญและคุณพิศาล เด็กชายคีตานั่งไถโทรศัพท์เงียบ ๆ นั่งข้างลลิตกับแทมมาลีน“อ้าว พี่จ๋าหายไปไหนมา”แทมมาลีนเอ่ยทัก เผลอละสายตาจากหมากรุกที่เขากับลลิตฟาดฟันมาหลายนาที จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่รู้ตัวเลยว่าลลิตแอบหยิบหมากตัวเองออกไปหนึ่งตัว“ตานายแล้ว รีบเดินสิ”“เร่งทำไม เอ๊ะ ทำไมมันแปลก ๆ”“แปลกอะไร ไม่มี้” ลลิตพูดเสียงสูง ไม่มีพิรุธสักนิด แทมมาลีนที่เห็นท่าทางลลิตเป็นแบบนี้ก็กระโจนเข้าไปขยี้ผมนุ่มทันที“หน็อยแน่ ทำเป็นเนียนเลยนะ”“ปล่อยนะ นายกล้าทำกับพี่เขยแบบนี้ได้ยังไง” ลลิตเผลอตัวหลุดโพล่งออกมา
“บาดแผลสมานตัวดีมาก อย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนี้คุณหนูสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ”คุณหมอมอบรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นั่งยิ้มหน้าบาน“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ครับ”ลลิตไหว้ขอบคุณลุงหมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลเขามาตลอดที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อบอกลาคุณหมอเสร็จเจ้าตัวแสบก็ลงมายืนข้างเตียงโดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงอีกแล้ว“...”แทนไทที่เตรียมอุ้มลลิตทำหน้าเสียดาย ช่วงหลังที่ลลิตพักฟื้นเท้าแทบไม่ติดพื้นเพราะมีครามกับแทนไทคอยอุ้มไปไหนต่อไหนตลอดถึงจะถูกลออจันทร์บ่นว่าก็ทำหูทวนลมทั้งสามีและลูกเขยวันนี้ครามติดประชุมสำคัญทำให้มารับลูกชายออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แทนไทจึงอาสามารับแทนสร้างความประทับใจให้แก่ลออจันทร์ยิ่งไปอีก“ไปกันครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว”ลลิตเดินนำหน้าลออจันทร์และแทนไทออกไปอย่างร่าเริง“ลูกคนนี้นับวันยิ่งแก่นแก้วไปทุกที” แทนไทมองลลิตที่ทำตัวร่าเริงด้วยแววตาอ่อนโยน“ดีแล้วครับ ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้”“หม่าม้า ล
“ตอนนี้แผลผ่าตัดของคุณหนูลลิตปกติดีครับ ไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน นั่งได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน หมอจะทำการตัดไหมในวันที่ 7 พร้อมกลับบ้านในวันเดียวกันได้เลยครับ”ครามและลออจันทร์นั่งฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วยความดีใจ“คุณหมอหมายความว่า ลลิตหายแล้วใช่ไหมครับ” ลออจันทร์ถามย้ำอย่างตื่นเต้น“ครับ ตอนนี้คุณหนูลลิตปลอดภัยแล้วครับแต่ยังต้องทานยาและมาพบแพทย์ตามนัดด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ” ครามโค้งตัวขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”คุณหมอนพ เจ้าของคนไข้นึกชื่นชมเจ้าของโรงพยาบาลตรงหน้าที่ไม่ถือตน เมื่อได้เวลาที่ต้องไปตรวจคนไข้ก็ขอตัวออกไปก่อน ลออจันทร์ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่ยังหลับใหล“ลลิตปลอดภัยแล้วนะครับ”“รีบตื่นมาฟังข่าวดีได้แล้ว เจ้าตัวยุ่ง” เหมือนลลิตรู้ตัวว่าหม่าม้ากำลังพูดกับตน ร่างบางส่งเสียงพึมพำออกมาอย่าง
ครามที่สองมือหอบข้าวของของภรรยาและลูกชายมาเต็มสองมือไม่ยอมให้ป้าจิตช่วยถือเดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับคุณไพลินและคุณพิศาลที่เดินหน้าเครียดสร้างความตื่นตกใจให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก“พี่คราม ผมได้ยินข่าวของลลิตแล้ว หลานของผมเป็นยังไงบ้างครับ” หมอกันต์ที่ออกไปสัมมนาข้างนอกวิ่งเข้ามาเจอครอบครัวของญาติผู้พี่พอดีถามเสียงลั่นไม่นะ หลานชายที่น่ารักของเขาทำไมต้องโชคร้ายขนาดนี้ด้วย“ตอนนี้ลลิตยังปลอดภัย แกก็อย่าตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ได้ไหม กว่าฉันจะปลอบคุณแม่ให้สงบลงต้องใช้เวลาแค่ไหน”ครามกระซิบบอกน้องชายเสียงเบา สายตาคอยมองคุณไพลินที่เดินนำหน้าด้วยความเป็นห่วง“แหะ แหะ เข้าใจแล้วครับ” หมอกันต์แย่งตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเหลืองที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน&
“ป๊ะป๋าตื่นสาย”ลลิตพูดลอย ๆ เมื่อเห็นครามอุ้มลินินเดินลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เขากับคีตากำลังกินข้าวเช้าที่ป้าจิตเป็นคนทำให้ คีตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับแผนการของพี่ชายนั่งตักข้าวต้มกินต่อไป “วันนี้วันหยุด ป๊ะป๋าก็อยากตื่นสายบ้าง หม่าม้าก็ชอบตื่นสายเหมือนป๊ะป๋านะ” ครามตอบโต้ลูกชายด้วยการยกหม่าม้าของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง ลลิตหน้าบูดเมื่อพูดอะไรไปเจ้าพ่อบ้ากามก็ไม่สะทกสะท้านจึงนั่งจ้วงข้าวต้มเข้าปากคำโต “มาค่ะ ลินินเดี๋ยวพ่อป้อนหนูนะคะ” “อื้อ ไม่เอาค่ะ หนูอยากกิงเอง ลินินโตแย้วนะ” เด็กหญิงบอกว่าตัวเองโตแล้ว ครามได้แต่นั่งลงทานข้าวแต่โดยดี “เด็ก ๆ ทานข้าวเสร็จหรือยังครับ”ลออจันทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินมาหาลูกชายลูกสาวก่อนจะไล่หอมหัวคนละหนึ่งที&nbs
"แล้วนายจะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่า”ลลิตถามอัยวาขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ ครามอยากตามลงมาด้วยแต่ถูกเตวิชขวางไว้เสียก่อนจึงได้แต่มองลูกชายและอดีตลูกชายเดินออกไปตาละห้อย “คงต้องกลับเลย ฉันลาหยุดได้แค่ไม่กี่วัน” ราฟาเอลก็ทิ้งการเรียนตามเขามาด้วย อัยวาไม่อยากให้แฟนตัวเองถูกไล่ออกจึงต้องรีบกลับไป“ฉันอยากแวะไปหาคุณยายกับคุณตานะแต่ฉันไปตามที่อยู่เดิมกลับมีคนอื่นเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว” อัยวาพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ ลลิตได้แต่เห็นใจเรื่องของครอบครัวอัยวาเขาคงไปยุ่งมากไม่ได้โอเมก้าสองคนเดินไปยังร้านกาแฟของลออจันทร์ ทันทีที่ลลิตเปิดประตูเข้าไปก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นอัลฟ่าสองคนนั่งจ้องหน้ากันโดยมีน้องคีย์นั่งทำการบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ“พี่ลลิตมาแย้ว”ลินินที่นั่งอยู่บนตักแทนไทดิ้นลงวิ่งมาหาพี่ชาย“ลินินมาได้ไงครับ” ลลิตถามด้วยความแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนี่นา“วันนี้โยงเยียนเล