หลังจากส่งลออจันทร์ที่ร้านอุ่นไอรัก ครามก็นั่งรถกลับบริษัทไปทำงานต่อระหว่างนั่งทำงานแทบจะไม่มีสมาธิ มัวแต่มองนาฬิกาข้อมือเป็นพัก ๆ แทบอยากจะให้ถึงเวลาเลิกงานเร็ว ๆ หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องผิดหวังเมื่อได้รับสายจากผู้เป็นแม่
“ครับ คุณแม่”
“ตาคราม นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องให้หนูรินรีบพาหนูอัยวาไปต่างประเทศด้วย รีบกลับมาห้ามเมียแกเดี๋ยวนี้นะ” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแทรกเข้ามาท่ามกลางเสียงปลอบประโลมของคนในบ้าน
“งั้นคุณแม่ก็บอกให้โรสรินเตรียมใจไว้ดี ๆ นะครับ”พูดจบก็กดตัดสายไป สายตาเย็นชาครุ่นคิดถึงเรื่องที่โรสรินกระทำลงไป
คิดว่าถ้าจากไปเงียบ ๆ เขาจะไม่คิดบัญชีย้อนหลังแล้วแท้ ๆ
ชายหนุ่มเห็นแก่อัยวาจึงไม่อยากถึงขั้นแตกหักกับโรสริน เด็กน่าสงสารที่ครามคิดว่าเป็นลูกชายในชาติที่แล้วถึงแม้ไม่ได้เลี้ยงดูมาอย่างใกล้ชิดแต่ก็ยังมีความรู้สึกผูกพันอยู่บ้าง เขาจึงไม่อยากให้เรื่องที่ยังแก้ไขได้ส่งผลต่ออนาคตของเด็กคนนั้น
อัยวาควรได้เจอพ่อที่แท้จริง
ครามถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจกลับบ้านไปจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยก่อนที่ลออจันทร์และลลิตจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านโยธินตระกูล
ภายในร้านอุ่นไอรัก ลออจันทร์ที่ทั้งวันได้แต่ชะเง้อมองดูหน้าร้านยิ่งใกล้เวลาเลิกงานเป็นอันต้องดูนาฬิกาทุกนาทีจนเมธาวีที่อุ้มน้องยาหยีเอ่ยแซว
“แหม อะไรจะขนาดนั้นจ๊ะ เดี๋ยวคุณครามก็มาแล้วไม่ต้องชะเง้อดูทุกคนที่เข้าร้านก็ได้จ้ะ”
ลออจันทร์หน้าแดงแปร๊ดหยิบผ้ามาเช็ดโต๊ะแก้เขิน ลลิตที่ยังอยู่ในคอกเกาะรั้วกั้นมองตามคนเป็นแม่ทำงาน ก่อนจะหันไปมองหน้าประตูเมื่อมีร่างสูงใหญ่สวมชุดทำงานสีดำก้าวเข้ามาในร้าน
ไม่ใช่ผู้ชายหน้าโง่คนนั้นนี่นา ทารกน้อยอดผิดหวังไม่ได้
“ไม่ทราบว่าคุณลออจันทร์อยู่ที่ไหนหรือครับ”เสียงต่ำถามเมธาวีที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างสุภาพ ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วร้านสะดุดอยู่ที่ร่างอ้วนกลมที่เกาะรั้วมองมาที่ตนด้วยสายตาไร้เดียงสา
“ผมเองครับลออจันทร์ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ”
“ผมชื่อเตวิชครับ เป็นเลขาของคุณคราม” เบต้าหนุ่มแนะนำตัวต่อนายหญิงของตนเอง
“ครับ?”
“วันนี้คุณครามติดธุระบางอย่างทำให้มารับคุณลออกับคุณหนูไม่ได้ ท่านจึงให้ผมมารับแทนครับ” เตวิชตอบอย่างนอบน้อมก่อนจะช่วยลออจันทร์เก็บของเล่นเด็กและสัมภาระของเด็กน้อย
“งั้นหรือครับ” ลออจันทร์อดผิดหวังไม่ได้แต่ก็ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว อุ้มลูกน้อยที่ชูมือให้อุ้มขึ้นมากอดไว้แนบอกเดินตามเลขาเบต้าขึ้นไปที่รถ
ครืด ครืด
คุณคราม
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” ลออจันทร์ที่เห็นชื่อที่บันทึกไว้รีบรับโทรศัพท์ทันที
“เปิดกล้องหน่อย”
“ครับ? ได้ครับ” ชายหนุ่มกดเปิดกล้องเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งอยู่ในรถเช่นเดียวกัน
“ขอโทษที่วันนี้พี่ไปรับไม่ได้นะ พอดีวันนี้พี่มีธุระด่วน ไว้วันหลังพี่จะพาไปเที่ยวชดเชยนะครับ” ครามเมื่อเห็นใบหน้าโอเมก้าของตน อัลฟ่าหนุ่มที่ทำงานมาทั้งวันก็หายเหนื่อยทันที
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ” ลออจันทร์เอ่ยอย่างเกรงใจ
“อู้ววว อาาาา” หม่าม้าคุยกับใครอ่ะ
“ให้พี่ดูหน้าลลิตหน่อยสิ” ลออจันทร์ถือโทรศัพท์มาตรงหน้าลูกให้ครามมองเห็นชัด ๆ
“แอ่ะ แอ้” พ่อโง่เองเหรอ ไม่อยากรู้แล้วก็ได้
มือป้อมดันโทรศัพท์ให้ออกห่างจนครามอดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกว่าลูกต้องการเล่นโทรศัพท์
“วันนี้พ่อขอโทษที่ไม่ได้ไปรับนะครับ ไว้วันพรุ่งนี้พ่อจะรีบไปหาแต่เช้านะครับ”
“บู้ววว” ไม่ต้องมาก็ได้นะ
“บายครับ พ่อรักลูกนะ” บอกรักลูกชายแต่สบตาคนเป็นแม่จนลออจันทร์ที่ถือโทรศัพท์อยู่เกือบเผลอทำหลุดมือ
“คนเจ้าชู้” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ
.
.
“ถึงแล้วครับท่าน”
“อืม” เสียงที่เคยอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว เท้ายาวก้าวเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วมองดูความวุ่นวายในบ้านด้วยสายตาเรียบเฉย
“คิดว่าคุณจะไปเงียบ ๆ เสียอีก”ตาคมกริบจ้องไปที่โรสรินที่นั่งหน้าซีดอยู่ในอ้อมแขนของคุณไพลิน
“พูดอะไรน่ะตาคราม”คุณไพลินเอ็ดลูกชายพลางปลอบประโลมลูกสะใภ้ที่นั่งหน้าตาซีดเซียว
“แงงงงง” เสียงร้องของอัยวาที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่เลี้ยงดังขึ้นเรียกสายตาคมเหลือบมองแวบเดียว
“คุณแม่ดูรูปใบนี้ก่อนสิครับ”ครามเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบรูปที่สอดอยู่ด้านในออกมา
คุณหญิงรับไปดูอย่างงุนงงก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นสีตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนผู้ชายหน้าตาที่คุ้นตา
“นี่มันลออจันทร์นี่นา แล้วเด็กคนนี้อย่าบอกนะว่า !!!”
“ครับ เด็กในรูปเป็นลูกของผม”
“!!!!” คนในห้องโถงตกตะลึง
โรสรินกัดริมฝีปากแน่นเพราะสาเหตุนี้เองสินะคุณครามถึงได้ตามสืบเรื่องราวในคืนนั้น คุณหญิงไพลินผละตัวจากโอเมก้าสาวเดินไปนั่งข้างคุณพิศาลผู้เป็นสามีก่อนจะยื่นรูปถ่ายให้ช่วยพินิจ
“ตาครามเพราะเด็กคนนี้หรือลูกถึงต้องหย่ากับหนูรินและให้หนูรินย้ายไปอเมริกา แม่ว่าทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ”คุณหญิงไพลินส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย
“รับแค่เด็กมาเลี้ยงก็พอ ส่วนแม่เด็กก็ให้เงินก้อนไปก้อนหนึ่งแล้วกัน”คุณไพลินนึกถึงใบหน้าของลออจันทร์อดีตเด็กรับใช้บ้านที่เข้ามาทำงานเมื่อสามปีก่อน ถึงว่าทำไมจู่ ๆ ถึงได้ลาออกกะทันหันที่แท้ก็แอบปีนเตียงลูกชายของท่านนั่นเอง แต่ก่อนที่คุณไพลินเริ่มเกิดอคติต่อลออจันทร์ ครามก็พูดสาเหตุที่แท้จริงออกมา
“ไม่ได้หรอกครับ ผมจะให้ลูกชายที่แท้จริงของผมต้องขาดแม่ได้ยังไง
“ลูกชายที่แท้จริง” หญิงวัยกลางคนทวนคำ ครามจ้องมองไปที่โรสรินที่นั่งส่ายหน้าพยายามห้ามปราม
“ครับ อัยวาไม่ใช่ลูกชายของผม ครอบครัวเราถูกหลอกมาตั้งแต่แรก”
“คุณคราม !!!” โรสรินกรีดร้องเสียงหลง
“อะไรนะ” สองสามีภรรยาโยธินตระกูลร้องออกมาพร้อมกัน
“นี่ครับ ผลตรวจดีเอ็นเอของผมกับอัยวา” ลูกชายยื่นผลตรวจที่เตรียมไว้ให้พ่อกับแม่ดู คุณไพลินตัวสั่นเทาด้วยความโกรธเมื่อเห็นผลตรวจเดินปรี่เข้าไปตบหน้าอดีตลูกสะใภ้เสียงดัง
เพียะ
“หล่อนกล้าดียังไง เสียแรงที่ฉันรักและเอ็นดูเธอมาตลอด” ตวาดเสียงดังพร้อมกับตบหน้าอีกข้างทันที
“คุณแม่ ฟังรินก่อนนะคะ” โรสรินกุมแก้มที่โดนตบพยายามอธิบาย
“แงงงงงง” เสียงทะเลาะทำให้ทารกน้อยยิ่งตะเบ็งเสียงร้องไห้
“ไป เอาลูกเธอออกไปจากบ้านฉัน จะไปไหนก็ไป !!!” ชี้นิ้วไล่สองแม่ลูกไปให้พ้นหน้า โรสรินได้แต่หอบลูกพร้อมกับพี่เลี้ยงออกจากบ้านโยธินตระกูลอย่างลนลาน
หลังจากที่คุณไพลินระเบิดอารมณ์ก็นั่งทรุดลงร้องไห้กับอกสามี
“ฮึก คุณพิศาลคะ หนูรินกล้าทำแบบนี้ได้ยัง ฮึก”
“ร้องไห้ออกมาเถอะคุณ” คุณศาลปลอมประโลมภรรยาก่อนจะสบตากับลูกชายที่นั่งจิบกาแฟเงียบ ๆ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“แล้วหนูอัยวาอีก แกเพิ่งจะ เอ๊ะ”คุณไพลินหยุดร้องไห้เมื่อนึกถึงเวลาเกิดของอดีตหลานรัก
“นี่มันคลอดก่อนกำหนดที่ไหนกัน นี่ยัยรินตั้งท้องก่อนที่จะมานอนกับลูกชายเราแน่ ๆ” ครามที่นั่งดื่มกาแฟอยู่เกือบสำลัก เขาลืมนึกถึงอายุของอัยวาไปเสียสนิทชายหนุ่มนับถือผู้เป็นแม่จริง ๆ ที่เชื่อมโยงเรื่องนี้ขึ้นได้
“ผมคิดว่าคุณน้าเกสรน่าจะรู้เรื่องทุกอย่างที่โรสรินทำด้วยนะครับ”เอ่ยย้ำเตือนผู้เป็นแม่ แน่ล่ะสิ ลูกสาวตัวเองสร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้คนเป็นแม่ต้องรู้อยู่แล้ว
“หน็อยยัยเกสร ฉันไม่ปล่อยหล่อนไปแน่”เสียงคำรามของอดีตแม่เสือร้ายฉายาในอดีตดังไปทั่วห้อง
“ใจเย็น ๆ ก่อนคุณลิน”คุณพิศาลสมกับเป็นพ่อเรือนรับหน้าที่ปลอบประโลมภรรยาให้สงบสติอารมณ์ลงได้
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ ลูกของลออจันทร์ชื่อว่าอะไรนะ” คุณไพลินที่สงบสติได้รีบถามถึงหลานชายตัวจริงของตน
“ลลิตครับ ชื่อลลิต”สายตาที่เย็นชานับตั้งแต่เข้ามาในบ้านกลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงลูกชาย
“ลลิตงั้นเหรอ ชื่อเพราะจริง” คุณหญิงกล่าวชมพร้อมกับชมเชยหนูน้อยในรูปภาพไปด้วย
“แล้วลูกจะไปรับลลิตกลับมาเมื่อไหร่” ครามขมวดคิ้วเมื่อคุณแม่ของตนไม่เอ่ยถึงลออจันทร์เลยสักนิด
“ลออจันทร์ขอเวลาผมอีกนิดครับ แล้วอีกอย่างผมจะไปรับสองแม่ลูกมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย”เมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ คุณไพลินก็ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“แต่ลออจันทร์เขาเป็นแค่…”
“เขาเป็นแม่ของลูกผมครับ” ครามสบตาผู้เป็นแม่พูดด้วยเสียงหนักแน่น
“แล้วเราสามคนต้องอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจผมจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปอยู่คอนโดเองครับ” พูดจบก็เอื้อมมือไปฉกรูปถ่ายในมือของคุณไพลินพร้อมสอดเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินขึ้นไปห้องทำงานบนชั้นสอง
“เอ๊ะตาคราม จะเอารูปหลานแม่ไปไหน” ตะโกนไล่หลังลูกชายตัวดีที่เดินตัวปลิวออกไป
“แค่รูปเดียว ทำเป็นงกไปได้” คุณไพลินบ่นอุบอิบกับสามี
“เอาน่าคุณ อีกไม่นานเจ้าครามมันก็พาหลานมาที่บ้านอยู่แล้ว”
“เชอะ เห็นแก่หลานหรอกนะ”
ฮัดชิ่ว
เสียงจามของเด็กน้อยที่อาบน้ำเล่นกับคุณเป็ดน้อยอยู่ในอ่างขนาดเล็กทำให้ลออจันทร์ตกใจรีบพาลูกน้อยขึ้นไปเช็ดตัว
ใครมันกล้านินทาลลิตคนนี้ฟะ
“หม่าม้า ไหนลองพูดสิครับ หม่าม้า”“ม่ะแม่ะ แม่ะ อ้ายย” ทำไมลิ้นเปลี้ยแบบนี้“เก่งมากครับ ฟอด” ลออจันทร์หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่เป็นรางวัลให้แก่ลูกน้อยที่พยายามเลียนเสียงตนได้สำเร็จเด็กอายุเจ็ดเดือนจะเริ่มพูดคำง่าย ๆ ได้แล้วลออจันทร์จึงอยากให้ลลิตลองฝึกดูแต่ปรากฏว่าลูกเขาช่างฉลาดจริง ๆ สอนไม่กี่รอบก็พูดได้แล้ว“แม่ะ แม่ะ หม่ำ หม่ำ” หม่าม้าลลิตหิวข้าวแล้ว“โอ๋ ลลิตหิวข้าวแล้วเหรอครับ รอแปปนึงนะครับ”“อ้ายย ยา อ้ายย”กริ๊ง กริ๊งลออจันทร์ที่กำลังบดข้าวกับกล้วยสุกได้ยินเสียงกริ่งจึงเดินไปเปิดประตูเชิญแขกที่คุ้นหน้าคุ้นตาเข้ามาในห้อง ครามที่ในวันนี้แต่งตัวสบาย ๆ สวมเสื้อยืดแบรนด์ดังกับกางเกงเนื้อดีถือถุงใบใหญ่เข้ามาในห้องสร้างความสนใจให้แก่ลลิต“อา อา” ถืออะไรมาอ่ะลลิตคลานมาตรงหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความอยากรู้ ครามที่เห็นลูกคลานมาหาก็ดีใจย่อตัวลงรวบร่างอวบอัดเข้ามากอดมาหอม“แอ้ อ้ายยย”
“ฮึก อึก” เสียงสะอื้นไห้ของเด็กน้อยดังเป็นพัก ๆ ร่างอ้วนซึ่งตอนนี้ซุกหน้ากับบ่าลออจันทร์ มือป้อมกอดคอผู้เป็นแม่ไว้แน่นแต่ไม่วายจับหางไดโนเสาร์ไม่ยอมปล่อย“อย่ารัดคอแม่แน่นแบบนั้นสิครับ มาให้พ่ออุ้มมา”ครามเห็นท่าลูกหมีโคอาล่ากอดต้นไม้ของลูกก็อดขำไม่ได้“แอ้ แอ้” ไปไกล ๆ เลยนะมือน้อยที่กำหางไดโนเสาร์อยู่ใช้แรงฟาดตุ๊กตาไปที่ชายหนุ่มท่าทางเกรี้ยวกราด จนลออจันทร์ต้องปรามลูกน้อย“เอ๊ะ ลลิตอย่าทำแบบนี้สิครับ”“ฮึก แงงงงงง”หม่าม้าดุลลิตเหรอเสียงร้องไห้ที่เพิ่งเงียบไปกลับมาดังอีกครั้ง ลออจันทร์มองลูกน้อยอย่างอ่อนใจมือบางคอยลูบแผ่นหลังน้อย ๆ พลางโยกตัวกล่อมร่างนุ่มนิ่ม“แม่ะ อะบูวววว” หม่าม้าอยากกลับบ้านแล้วครับ“กลับกันเถอะ ลูกคงง่วงนอน” ครามถือของแทนลออจันทร์โอบประคองร่างสองแม่ลูกเข้าไปในลิฟต์ ลออจันทร์ไม่อยากอยู่ในอ้อมแขนแต่ก็จนใจเมื่อสองมืออุ้มลูกน้อย
ย้อนกลับไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อนท่ามกลางตึกระฟ้าสูง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างกำยำสมกับเป็นอัลฟ่า ยืนมองหน้าต่างดูแสงไฟท้ายรถตรงถนนเคลื่อนที่ไปมาสายตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย“คุณครามครับ ได้เวลาแล้วครับ” เตวิช เลขาประจำตัวเอ่ยเตือนเมื่อถึงเวลาที่นัดไว้“อืม”ร่างสูงรับคำก่อนจะเดินนำออกจากห้องทำงาน เตวิชมองร่างสูงที่เดินนำหน้า ชายหนุ่มดูแปลกไปตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน หลังจากที่ครามฟื้นขึ้นมาสิ่งแรกที่ถามคือ“ลออจันทร์อยู่ที่ไหน”“ลออจันทร์?” เมื่อครามเห็นเตวิชทำหน้าฉงนก็เงียบไป ก่อนจะออกคำสั่งที่ทำให้เขาตกตะลึง“ส่งตัวอย่างดีเอ็นเอของฉันกับอัยวาไปตรวจให้เร็วที่สุด”รถหรูแล่นผ่านร้านค้ามากมายแต่ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มสนใจได้ ครามหวนนึกความทรงจำในชาติก่อนเรื่องราวเริ่มต้นในงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนสนิทของคุณแม่ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไม่รู้ว่าเขาดื่มแอลกอฮอล์ไปมากแค่ไหนตื่น
ลลิตมองบรรดาคนแปลกหน้าย้ายของออกจากห้องพัก ตั้งแต่เช้าที่เขารู้สึกตัวก็ถูกครามอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้ว ชายหนุ่มมาคุมการย้ายสัมภาระแม่ลูกด้วยตนเองถึงแม้ว่าลออจันทร์จะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” เตวิชเดินเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่“อืม”พยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปมองลออจันทร์ที่ยังบอกลาสองตายายไม่เสร็จ“ขอบคุณยายแจ่มกับตาทดอีกครั้งนะครับที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด”ลออจันทร์ไหว้ขอบคุณทั้งสองคนอย่างซาบซึ้ง“ตอนนี้ลออมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ ยายเห็นหลานมีความสุขยายก็ดีใจ”ยายแจ่มมองดูลลิตในอ้อมกอดของครามอย่างเอ็นดู“ยา ยา” ยายแจ่มจ๋า อุ้มลลิตหน่อยจ๊ะมือเล็กชูมือไปทางยายแจ่มตากลมโตออดอ้อนให้หญิงชราอุ้มตน ครามประคองร่างลูกชายเข้าสู่อ้อมกอดของยายแจ่มฟอด ฟัดหอมแก้มจนแก้มนุ่มนิ่มกระเพื่อมทารกน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ ยายแจ่มเอ่ยลาคู่สามีภรรยาตรงหน้า“ไว้คราวหน้าพาหลานมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” กล่าวลาเสร็จก็ส่งลลิตคืนสู่อ้อมออกลออเด็กน้อยมองตาแป๋วยังคงไม่เข้าใจในการก
“คิก คัก” ลลิตน้อยกำลังเล่นปาลูกบอลอยู่ในคอกเด็กเล่นอย่างสนุกสนานแต่หูกลับคอยเงี่ยฟังบทสนทนาที่ห่างไปไม่ไกล “ผมต้องกราบขอโทษคุณหญิงด้วยนะครับที่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง” ลออจันทร์ยกมือไหว้ขอโทษอดีตเจ้านาย ครามรีบคุกเข่าเคียงข้างผู้เป็นภรรยาพร้อมกับรับผิดชอบร่วมกัน “เรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิดด้วยครับ ถ้าหากผมไม่ดื่มจนขาดสติเรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น” คุณหญิงไพลินมองดูสองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก โบกมืออนุญาตให้ทั้งสองลุกขึ้น “ลุกมานั่งเก้าอี้ดี ๆ เถอะ วันนี้ฉันไม่ได้จะมาต่อว่าอะไร แค่อยากมาเห็นหน้าหลานเท่านั้น” ลออจันทร์กับครามมองหน้
“อาบน้ำป๋อมแป๋มกันครับ” ลลิตถูกลอกคราบจนตัวเปล่าเปลือยโชว์พุงอยู่อ่างอาบน้ำขนาดเล็ก ในมือถือตุ๊กตาเป็ดที่ลอยอยู่เต็มอ่าง “แอ้ อ้าย คิก คิก” หม่าม้าอาบน้ำให้ลลิตมีความสุขจังเลย อิอิ “หนูอย่าตีน้ำสิครับ อ้าวยกมือขึ้น ฮึบ” ลลิตชูมือตามผู้เป็นแม่ “เด็กดีของหม่าม้า” “คิก คิก” “ลออ ลูกอาบน้ำเสร็จรึยัง” ครามชะโงกหน้าเข้ามาถามแม่ลูกเมื่อเวลาผ่านไปสมควรแล้ว ภายในห้องน้ำมีลออจันทร์อุ้มก้อนขาวนุ่มนิ่มถูกห่อตัวด้วยผ้าสีสันสดใสกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ “ลออไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่แต่งตัวให้ลูกเอง” ครามอาสาแก้ตัวอีกร
“โธ่ ลลิตหนูกินอีกนิดนึงสิครับ” ลออจันทร์พยายามป้อนนมให้ลลิตแต่หนูน้อยกลับส่ายหน้าไม่ยอมดื่มจากขวดนมเอาแต่ใช้หัวดุนดันหน้าอก ลออจันทร์ได้แต่ยอมเลิกเสื้อนอนขึ้นมา ลลิตน้อยดีใจที่แม่ยอมตามใจตนปากน้อยดูดกลืนยอดถันที่บวมเต่งอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็คายออกแล้วร้องไห้จ้าออกมา “แงงงงง”ทำไมไม่มีน้ำนมแล้วอ่ะหม่าม้า ลออจันทร์ที่เห็นลูกร้องไห้ก็หน้าเสียทันที ตวัดสายตาคาดโทษไปหาคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา ครามยิ้มเจื่อนเดินเช็ดผมเสร็จก็คลานขึ้นมาบนเตียงโฉบอุ้มร่างที่งอแงอยู่กับหน้าอกลออจันทร์มาอุ้มเอาไว้เอง “ลลิตหนูร้องไห้ทำไมครับ คนเก่ง” เอ่ยปลอบลูกเสียงอ่อนโยนแต่ลอบส่งสายตามองลออจันทร์ที่สวมแค่เสื้อนอนของตนเพียงตัวเดีย
“ถ้ายังเรียกผมมาด้วยเรื่องไร้สาระอีกล่ะก็ คราวหน้าได้เห็นดีกันแน่”ชายหนุ่มใบหน้าบึ้งตึงประกาศกร้าวไม่สนหัวหงอกหัวดำในห้อง เหวี่ยงประตูห้องประชุมปิดตามแรงอารมณ์“เอ่อ ท่านประธานครับ”“มีอะไรอีก” ครามถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“คุณพิศาล ตอนนี้อยู่ในห้องท่านประธานครับ”ครามหยุดเดินไปจังหวะหนึ่งก่อนจะก้าวเดินเร็ว ๆ กลับไปยังห้องทำงานของตน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปพบกับภาพปู่หลานเล่นกันอย่างสนุกสนาน“ลลิต ไหนเรียกปู่สิ”“ปู ปู ปู”“ฮ่าฮ่าฮ่า เก่งมากนี่รางวัลคนเก่ง” คุณพิศาลหยิบแบงก์เทามาอีกหนึ่งใบ ตอนนี้รอบตัวหนูน้อยลลิตมีแบงก์หลากสีไม่ว่าจะสีแดง สีม่วง สีเขียวเต็มไปหมด“อูวววว ปู ปู” เงินเยอะแยะไปหมดเลยฮะ คุณปู่“คุณพ่อ !!!” ครามส่งเสียงเรียกตัวการที่ทำให้เกิดประชุมผู้ถือหุ้นด่วนทำให้เขาต้องฝากลลิตไว้ให้คุณขวัญดูแล
แทนไทเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก วันนี้นอกจากจะมีครอบครัวเพลิงโชติเมธีแล้วยังมีครอบครัวโยธินตระกูลมาร่วมรับประทานอาหารด้วยลินินตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของคุณวาสินีที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้ามา ร่างตุ้ยนุ้ยนั่งเก้าอี้คอยชวนคุณยายพูดคุยด้วยท่าทางไร้เดียงสา ครามกับปราบนั่งคุยล้อมวงกับคุณอารัญและคุณพิศาล เด็กชายคีตานั่งไถโทรศัพท์เงียบ ๆ นั่งข้างลลิตกับแทมมาลีน“อ้าว พี่จ๋าหายไปไหนมา”แทมมาลีนเอ่ยทัก เผลอละสายตาจากหมากรุกที่เขากับลลิตฟาดฟันมาหลายนาที จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่รู้ตัวเลยว่าลลิตแอบหยิบหมากตัวเองออกไปหนึ่งตัว“ตานายแล้ว รีบเดินสิ”“เร่งทำไม เอ๊ะ ทำไมมันแปลก ๆ”“แปลกอะไร ไม่มี้” ลลิตพูดเสียงสูง ไม่มีพิรุธสักนิด แทมมาลีนที่เห็นท่าทางลลิตเป็นแบบนี้ก็กระโจนเข้าไปขยี้ผมนุ่มทันที“หน็อยแน่ ทำเป็นเนียนเลยนะ”“ปล่อยนะ นายกล้าทำกับพี่เขยแบบนี้ได้ยังไง” ลลิตเผลอตัวหลุดโพล่งออกมา
“บาดแผลสมานตัวดีมาก อย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนี้คุณหนูสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ”คุณหมอมอบรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นั่งยิ้มหน้าบาน“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ครับ”ลลิตไหว้ขอบคุณลุงหมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลเขามาตลอดที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อบอกลาคุณหมอเสร็จเจ้าตัวแสบก็ลงมายืนข้างเตียงโดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงอีกแล้ว“...”แทนไทที่เตรียมอุ้มลลิตทำหน้าเสียดาย ช่วงหลังที่ลลิตพักฟื้นเท้าแทบไม่ติดพื้นเพราะมีครามกับแทนไทคอยอุ้มไปไหนต่อไหนตลอดถึงจะถูกลออจันทร์บ่นว่าก็ทำหูทวนลมทั้งสามีและลูกเขยวันนี้ครามติดประชุมสำคัญทำให้มารับลูกชายออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แทนไทจึงอาสามารับแทนสร้างความประทับใจให้แก่ลออจันทร์ยิ่งไปอีก“ไปกันครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว”ลลิตเดินนำหน้าลออจันทร์และแทนไทออกไปอย่างร่าเริง“ลูกคนนี้นับวันยิ่งแก่นแก้วไปทุกที” แทนไทมองลลิตที่ทำตัวร่าเริงด้วยแววตาอ่อนโยน“ดีแล้วครับ ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้”“หม่าม้า ล
“ตอนนี้แผลผ่าตัดของคุณหนูลลิตปกติดีครับ ไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน นั่งได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน หมอจะทำการตัดไหมในวันที่ 7 พร้อมกลับบ้านในวันเดียวกันได้เลยครับ”ครามและลออจันทร์นั่งฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วยความดีใจ“คุณหมอหมายความว่า ลลิตหายแล้วใช่ไหมครับ” ลออจันทร์ถามย้ำอย่างตื่นเต้น“ครับ ตอนนี้คุณหนูลลิตปลอดภัยแล้วครับแต่ยังต้องทานยาและมาพบแพทย์ตามนัดด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ” ครามโค้งตัวขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”คุณหมอนพ เจ้าของคนไข้นึกชื่นชมเจ้าของโรงพยาบาลตรงหน้าที่ไม่ถือตน เมื่อได้เวลาที่ต้องไปตรวจคนไข้ก็ขอตัวออกไปก่อน ลออจันทร์ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่ยังหลับใหล“ลลิตปลอดภัยแล้วนะครับ”“รีบตื่นมาฟังข่าวดีได้แล้ว เจ้าตัวยุ่ง” เหมือนลลิตรู้ตัวว่าหม่าม้ากำลังพูดกับตน ร่างบางส่งเสียงพึมพำออกมาอย่าง
ครามที่สองมือหอบข้าวของของภรรยาและลูกชายมาเต็มสองมือไม่ยอมให้ป้าจิตช่วยถือเดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับคุณไพลินและคุณพิศาลที่เดินหน้าเครียดสร้างความตื่นตกใจให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก“พี่คราม ผมได้ยินข่าวของลลิตแล้ว หลานของผมเป็นยังไงบ้างครับ” หมอกันต์ที่ออกไปสัมมนาข้างนอกวิ่งเข้ามาเจอครอบครัวของญาติผู้พี่พอดีถามเสียงลั่นไม่นะ หลานชายที่น่ารักของเขาทำไมต้องโชคร้ายขนาดนี้ด้วย“ตอนนี้ลลิตยังปลอดภัย แกก็อย่าตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ได้ไหม กว่าฉันจะปลอบคุณแม่ให้สงบลงต้องใช้เวลาแค่ไหน”ครามกระซิบบอกน้องชายเสียงเบา สายตาคอยมองคุณไพลินที่เดินนำหน้าด้วยความเป็นห่วง“แหะ แหะ เข้าใจแล้วครับ” หมอกันต์แย่งตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเหลืองที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน&
“ป๊ะป๋าตื่นสาย”ลลิตพูดลอย ๆ เมื่อเห็นครามอุ้มลินินเดินลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เขากับคีตากำลังกินข้าวเช้าที่ป้าจิตเป็นคนทำให้ คีตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับแผนการของพี่ชายนั่งตักข้าวต้มกินต่อไป “วันนี้วันหยุด ป๊ะป๋าก็อยากตื่นสายบ้าง หม่าม้าก็ชอบตื่นสายเหมือนป๊ะป๋านะ” ครามตอบโต้ลูกชายด้วยการยกหม่าม้าของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง ลลิตหน้าบูดเมื่อพูดอะไรไปเจ้าพ่อบ้ากามก็ไม่สะทกสะท้านจึงนั่งจ้วงข้าวต้มเข้าปากคำโต “มาค่ะ ลินินเดี๋ยวพ่อป้อนหนูนะคะ” “อื้อ ไม่เอาค่ะ หนูอยากกิงเอง ลินินโตแย้วนะ” เด็กหญิงบอกว่าตัวเองโตแล้ว ครามได้แต่นั่งลงทานข้าวแต่โดยดี “เด็ก ๆ ทานข้าวเสร็จหรือยังครับ”ลออจันทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินมาหาลูกชายลูกสาวก่อนจะไล่หอมหัวคนละหนึ่งที&nbs
"แล้วนายจะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่า”ลลิตถามอัยวาขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ ครามอยากตามลงมาด้วยแต่ถูกเตวิชขวางไว้เสียก่อนจึงได้แต่มองลูกชายและอดีตลูกชายเดินออกไปตาละห้อย “คงต้องกลับเลย ฉันลาหยุดได้แค่ไม่กี่วัน” ราฟาเอลก็ทิ้งการเรียนตามเขามาด้วย อัยวาไม่อยากให้แฟนตัวเองถูกไล่ออกจึงต้องรีบกลับไป“ฉันอยากแวะไปหาคุณยายกับคุณตานะแต่ฉันไปตามที่อยู่เดิมกลับมีคนอื่นเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว” อัยวาพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ ลลิตได้แต่เห็นใจเรื่องของครอบครัวอัยวาเขาคงไปยุ่งมากไม่ได้โอเมก้าสองคนเดินไปยังร้านกาแฟของลออจันทร์ ทันทีที่ลลิตเปิดประตูเข้าไปก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นอัลฟ่าสองคนนั่งจ้องหน้ากันโดยมีน้องคีย์นั่งทำการบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ“พี่ลลิตมาแย้ว”ลินินที่นั่งอยู่บนตักแทนไทดิ้นลงวิ่งมาหาพี่ชาย“ลินินมาได้ไงครับ” ลลิตถามด้วยความแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนี่นา“วันนี้โยงเยียนเล
“ป๊ะป๋าพรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าครับ”ลลิตที่ยื่นหน้ามาทางประตูเอ่ยถามครามที่นั่งทำงานอยู่ในห้องหนังสือ “ลลิต พ่อตกใจหมด”ครามลูบอกปลอบตัวเอง จู่ ๆ ลูกชายก็โผล่แค่ส่วนหัวเข้ามาทำให้ครามตกใจ “คิกคิก ป๊ะป๋าขี้กลัว”ลลิตยอมโผล่ออกมาเต็มตัวเดินเข้าไปนั่งหน้าโต๊ะดี ๆ หยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะมาควงเล่น “หม่าม้าทำอะไรอยู่ครับ”ครามอยากจะถามว่าทำไมลลิตถึงมาหาเขาที่ห้องหนังสือได้ปกติจะตัวติดหม่าม้าตลอด “หม่าม้าอาบน้ำให้ลินินอยู่ครับ ส่วนน้องคีย์นั่งทำการบ้านอยู่ในห้องนอนแล้ว”ลลิตเอ่ยรายงานครบถ้วนก่อนจะวกเข้าเรื่องที่ต้องการถาม “พรุ่งนี้ผมพาเพื่อนใหม่มาเจอป๊ะป๋าได
ตึก ตึก ตึก“พี่คีย์ เร็วหน่อยจิ”เสียงของเด็กน้อยดังขึ้นทำให้เด็กชายรูปร่างสูงปราดเปรียวเร่งจังหวะฝีเท้าให้ทันสาวน้อยวัยอนุบาล“ลินิน รอพี่ด้วย”เสียงห้าวที่เพิ่งแตกหนุ่มของเด็กชายคีตาเรียกน้องสาวตัวน้อยให้รอตนด้วย“ไม่เอา ลินินคิดถึงพี่ลลิตนี่นา”สาวน้อยวิ่งเข้าไปบริษัทไม่ยอมรอพี่ชายอีกต่อไป ทำให้ คีตาต้องวิ่งตามเข้าไปก่อนจะอุ้มร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนหม่าม้าของเขาเลี้ยงลูกเก่งทุกคนเหมือนที่คุณย่าเคยว่าไว้เป๊ะ จะมีลูกกี่คนก็เลี้ยงลูกให้ตัวจ้ำม่ำทุกคนถึงคุณไพลินจะว่าอย่างนั้นแต่ในใจก็อดปลื้มใจที่บรรดาลูกหลานตัวอวบอ้วนทุกคน ถึงตอนโตขึ้นมาจะหุ่นดีกันหมดก็เถอะ“คิกคิก ปล่อยลินินนะ”สาวน้อยดีดดิ้นอยากลงไปวิ่งเองมากกว่าแต่คีตาไม่ยอมปล่อยให้น้องสาววิ่ง กระชับอ้อมกอดเดินไปยังร้านกาแฟ“พี่ลลิตจะมาหรือยังนะ”ลินินโอบคอพี่ชายคนรองถามอย่างใคร่รู้“คงมาแล้วล่ะ พี่แทนก็คงมาด้วย”“พี่
“อัยวา?”“...”ผู้ชายผิวขาวหน้าตาคล้ายโรสรินหันมาตามเสียงเรียก สายตามีความงุนงงเล็กน้อยก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อคิดออก“ลลิตใช่ไหม !!”คราวนี้ลลิตเป็นฝ่ายงุนงงบ้าง เคยเจอกันแค่ตอนเด็กเพียงครั้งเดียวอัยวาไม่น่าจะจำเขาได้นะ“พวกนายรู้จักกันงั้นเหรอ”เสียงภาษาไทยติดสำเนียงแปร่งดังออกมาจากร่างบึกบึนด้านหลังอัยวาแทนไทมองท่าทีคุกคามของชาวต่างชาติก็ไม่พอใจเคลื่อนตัวมาบังหน้าลลิต ราฟาเอลเห็นท่าทางของแทนไทก็เดินมาบังหน้าโอเมก้าของตนบ้างตอนนี้ต่อให้ลลิตและอัยวาเขย่งสุดเท้าแค่ไหนก็ไม่สามารถมองข้ามหัวไหล่ของอัลฟ่าทั้งสองไปได้“หลบไปเลยนะ” อัยวาร้อนใจถีบไปที่หน้าแข้งของคนตัวยักษ์ทำให้ราฟาเอลถลาไปกอดแทนไทที่อยู่ตรงข้ามหมับสถานการณ์ในตอนนี้ช่างดูอิหลักอิเหลื่อเหลือเกิน แทนไทเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของราฟาเอลก็ผลักร่างหนาออกไปทันทีพร้อมกับราฟาเอลที่ดีดตัวออกอย่างรวดเร็ว