หลังจากส่งลออจันทร์ที่ร้านอุ่นไอรัก ครามก็นั่งรถกลับบริษัทไปทำงานต่อระหว่างนั่งทำงานแทบจะไม่มีสมาธิ มัวแต่มองนาฬิกาข้อมือเป็นพัก ๆ แทบอยากจะให้ถึงเวลาเลิกงานเร็ว ๆ หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องผิดหวังเมื่อได้รับสายจากผู้เป็นแม่
“ครับ คุณแม่”
“ตาคราม นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องให้หนูรินรีบพาหนูอัยวาไปต่างประเทศด้วย รีบกลับมาห้ามเมียแกเดี๋ยวนี้นะ” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแทรกเข้ามาท่ามกลางเสียงปลอบประโลมของคนในบ้าน
“งั้นคุณแม่ก็บอกให้โรสรินเตรียมใจไว้ดี ๆ นะครับ”พูดจบก็กดตัดสายไป สายตาเย็นชาครุ่นคิดถึงเรื่องที่โรสรินกระทำลงไป
คิดว่าถ้าจากไปเงียบ ๆ เขาจะไม่คิดบัญชีย้อนหลังแล้วแท้ ๆ
ชายหนุ่มเห็นแก่อัยวาจึงไม่อยากถึงขั้นแตกหักกับโรสริน เด็กน่าสงสารที่ครามคิดว่าเป็นลูกชายในชาติที่แล้วถึงแม้ไม่ได้เลี้ยงดูมาอย่างใกล้ชิดแต่ก็ยังมีความรู้สึกผูกพันอยู่บ้าง เขาจึงไม่อยากให้เรื่องที่ยังแก้ไขได้ส่งผลต่ออนาคตของเด็กคนนั้น
อัยวาควรได้เจอพ่อที่แท้จริง
ครามถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจกลับบ้านไปจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยก่อนที่ลออจันทร์และลลิตจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านโยธินตระกูล
ภายในร้านอุ่นไอรัก ลออจันทร์ที่ทั้งวันได้แต่ชะเง้อมองดูหน้าร้านยิ่งใกล้เวลาเลิกงานเป็นอันต้องดูนาฬิกาทุกนาทีจนเมธาวีที่อุ้มน้องยาหยีเอ่ยแซว
“แหม อะไรจะขนาดนั้นจ๊ะ เดี๋ยวคุณครามก็มาแล้วไม่ต้องชะเง้อดูทุกคนที่เข้าร้านก็ได้จ้ะ”
ลออจันทร์หน้าแดงแปร๊ดหยิบผ้ามาเช็ดโต๊ะแก้เขิน ลลิตที่ยังอยู่ในคอกเกาะรั้วกั้นมองตามคนเป็นแม่ทำงาน ก่อนจะหันไปมองหน้าประตูเมื่อมีร่างสูงใหญ่สวมชุดทำงานสีดำก้าวเข้ามาในร้าน
ไม่ใช่ผู้ชายหน้าโง่คนนั้นนี่นา ทารกน้อยอดผิดหวังไม่ได้
“ไม่ทราบว่าคุณลออจันทร์อยู่ที่ไหนหรือครับ”เสียงต่ำถามเมธาวีที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างสุภาพ ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วร้านสะดุดอยู่ที่ร่างอ้วนกลมที่เกาะรั้วมองมาที่ตนด้วยสายตาไร้เดียงสา
“ผมเองครับลออจันทร์ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ”
“ผมชื่อเตวิชครับ เป็นเลขาของคุณคราม” เบต้าหนุ่มแนะนำตัวต่อนายหญิงของตนเอง
“ครับ?”
“วันนี้คุณครามติดธุระบางอย่างทำให้มารับคุณลออกับคุณหนูไม่ได้ ท่านจึงให้ผมมารับแทนครับ” เตวิชตอบอย่างนอบน้อมก่อนจะช่วยลออจันทร์เก็บของเล่นเด็กและสัมภาระของเด็กน้อย
“งั้นหรือครับ” ลออจันทร์อดผิดหวังไม่ได้แต่ก็ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว อุ้มลูกน้อยที่ชูมือให้อุ้มขึ้นมากอดไว้แนบอกเดินตามเลขาเบต้าขึ้นไปที่รถ
ครืด ครืด
คุณคราม
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” ลออจันทร์ที่เห็นชื่อที่บันทึกไว้รีบรับโทรศัพท์ทันที
“เปิดกล้องหน่อย”
“ครับ? ได้ครับ” ชายหนุ่มกดเปิดกล้องเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งอยู่ในรถเช่นเดียวกัน
“ขอโทษที่วันนี้พี่ไปรับไม่ได้นะ พอดีวันนี้พี่มีธุระด่วน ไว้วันหลังพี่จะพาไปเที่ยวชดเชยนะครับ” ครามเมื่อเห็นใบหน้าโอเมก้าของตน อัลฟ่าหนุ่มที่ทำงานมาทั้งวันก็หายเหนื่อยทันที
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ” ลออจันทร์เอ่ยอย่างเกรงใจ
“อู้ววว อาาาา” หม่าม้าคุยกับใครอ่ะ
“ให้พี่ดูหน้าลลิตหน่อยสิ” ลออจันทร์ถือโทรศัพท์มาตรงหน้าลูกให้ครามมองเห็นชัด ๆ
“แอ่ะ แอ้” พ่อโง่เองเหรอ ไม่อยากรู้แล้วก็ได้
มือป้อมดันโทรศัพท์ให้ออกห่างจนครามอดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกว่าลูกต้องการเล่นโทรศัพท์
“วันนี้พ่อขอโทษที่ไม่ได้ไปรับนะครับ ไว้วันพรุ่งนี้พ่อจะรีบไปหาแต่เช้านะครับ”
“บู้ววว” ไม่ต้องมาก็ได้นะ
“บายครับ พ่อรักลูกนะ” บอกรักลูกชายแต่สบตาคนเป็นแม่จนลออจันทร์ที่ถือโทรศัพท์อยู่เกือบเผลอทำหลุดมือ
“คนเจ้าชู้” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ
.
.
“ถึงแล้วครับท่าน”
“อืม” เสียงที่เคยอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว เท้ายาวก้าวเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วมองดูความวุ่นวายในบ้านด้วยสายตาเรียบเฉย
“คิดว่าคุณจะไปเงียบ ๆ เสียอีก”ตาคมกริบจ้องไปที่โรสรินที่นั่งหน้าซีดอยู่ในอ้อมแขนของคุณไพลิน
“พูดอะไรน่ะตาคราม”คุณไพลินเอ็ดลูกชายพลางปลอบประโลมลูกสะใภ้ที่นั่งหน้าตาซีดเซียว
“แงงงงง” เสียงร้องของอัยวาที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่เลี้ยงดังขึ้นเรียกสายตาคมเหลือบมองแวบเดียว
“คุณแม่ดูรูปใบนี้ก่อนสิครับ”ครามเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบรูปที่สอดอยู่ด้านในออกมา
คุณหญิงรับไปดูอย่างงุนงงก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นสีตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนผู้ชายหน้าตาที่คุ้นตา
“นี่มันลออจันทร์นี่นา แล้วเด็กคนนี้อย่าบอกนะว่า !!!”
“ครับ เด็กในรูปเป็นลูกของผม”
“!!!!” คนในห้องโถงตกตะลึง
โรสรินกัดริมฝีปากแน่นเพราะสาเหตุนี้เองสินะคุณครามถึงได้ตามสืบเรื่องราวในคืนนั้น คุณหญิงไพลินผละตัวจากโอเมก้าสาวเดินไปนั่งข้างคุณพิศาลผู้เป็นสามีก่อนจะยื่นรูปถ่ายให้ช่วยพินิจ
“ตาครามเพราะเด็กคนนี้หรือลูกถึงต้องหย่ากับหนูรินและให้หนูรินย้ายไปอเมริกา แม่ว่าทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ”คุณหญิงไพลินส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย
“รับแค่เด็กมาเลี้ยงก็พอ ส่วนแม่เด็กก็ให้เงินก้อนไปก้อนหนึ่งแล้วกัน”คุณไพลินนึกถึงใบหน้าของลออจันทร์อดีตเด็กรับใช้บ้านที่เข้ามาทำงานเมื่อสามปีก่อน ถึงว่าทำไมจู่ ๆ ถึงได้ลาออกกะทันหันที่แท้ก็แอบปีนเตียงลูกชายของท่านนั่นเอง แต่ก่อนที่คุณไพลินเริ่มเกิดอคติต่อลออจันทร์ ครามก็พูดสาเหตุที่แท้จริงออกมา
“ไม่ได้หรอกครับ ผมจะให้ลูกชายที่แท้จริงของผมต้องขาดแม่ได้ยังไง
“ลูกชายที่แท้จริง” หญิงวัยกลางคนทวนคำ ครามจ้องมองไปที่โรสรินที่นั่งส่ายหน้าพยายามห้ามปราม
“ครับ อัยวาไม่ใช่ลูกชายของผม ครอบครัวเราถูกหลอกมาตั้งแต่แรก”
“คุณคราม !!!” โรสรินกรีดร้องเสียงหลง
“อะไรนะ” สองสามีภรรยาโยธินตระกูลร้องออกมาพร้อมกัน
“นี่ครับ ผลตรวจดีเอ็นเอของผมกับอัยวา” ลูกชายยื่นผลตรวจที่เตรียมไว้ให้พ่อกับแม่ดู คุณไพลินตัวสั่นเทาด้วยความโกรธเมื่อเห็นผลตรวจเดินปรี่เข้าไปตบหน้าอดีตลูกสะใภ้เสียงดัง
เพียะ
“หล่อนกล้าดียังไง เสียแรงที่ฉันรักและเอ็นดูเธอมาตลอด” ตวาดเสียงดังพร้อมกับตบหน้าอีกข้างทันที
“คุณแม่ ฟังรินก่อนนะคะ” โรสรินกุมแก้มที่โดนตบพยายามอธิบาย
“แงงงงงง” เสียงทะเลาะทำให้ทารกน้อยยิ่งตะเบ็งเสียงร้องไห้
“ไป เอาลูกเธอออกไปจากบ้านฉัน จะไปไหนก็ไป !!!” ชี้นิ้วไล่สองแม่ลูกไปให้พ้นหน้า โรสรินได้แต่หอบลูกพร้อมกับพี่เลี้ยงออกจากบ้านโยธินตระกูลอย่างลนลาน
หลังจากที่คุณไพลินระเบิดอารมณ์ก็นั่งทรุดลงร้องไห้กับอกสามี
“ฮึก คุณพิศาลคะ หนูรินกล้าทำแบบนี้ได้ยัง ฮึก”
“ร้องไห้ออกมาเถอะคุณ” คุณศาลปลอมประโลมภรรยาก่อนจะสบตากับลูกชายที่นั่งจิบกาแฟเงียบ ๆ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“แล้วหนูอัยวาอีก แกเพิ่งจะ เอ๊ะ”คุณไพลินหยุดร้องไห้เมื่อนึกถึงเวลาเกิดของอดีตหลานรัก
“นี่มันคลอดก่อนกำหนดที่ไหนกัน นี่ยัยรินตั้งท้องก่อนที่จะมานอนกับลูกชายเราแน่ ๆ” ครามที่นั่งดื่มกาแฟอยู่เกือบสำลัก เขาลืมนึกถึงอายุของอัยวาไปเสียสนิทชายหนุ่มนับถือผู้เป็นแม่จริง ๆ ที่เชื่อมโยงเรื่องนี้ขึ้นได้
“ผมคิดว่าคุณน้าเกสรน่าจะรู้เรื่องทุกอย่างที่โรสรินทำด้วยนะครับ”เอ่ยย้ำเตือนผู้เป็นแม่ แน่ล่ะสิ ลูกสาวตัวเองสร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้คนเป็นแม่ต้องรู้อยู่แล้ว
“หน็อยยัยเกสร ฉันไม่ปล่อยหล่อนไปแน่”เสียงคำรามของอดีตแม่เสือร้ายฉายาในอดีตดังไปทั่วห้อง
“ใจเย็น ๆ ก่อนคุณลิน”คุณพิศาลสมกับเป็นพ่อเรือนรับหน้าที่ปลอบประโลมภรรยาให้สงบสติอารมณ์ลงได้
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ ลูกของลออจันทร์ชื่อว่าอะไรนะ” คุณไพลินที่สงบสติได้รีบถามถึงหลานชายตัวจริงของตน
“ลลิตครับ ชื่อลลิต”สายตาที่เย็นชานับตั้งแต่เข้ามาในบ้านกลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงลูกชาย
“ลลิตงั้นเหรอ ชื่อเพราะจริง” คุณหญิงกล่าวชมพร้อมกับชมเชยหนูน้อยในรูปภาพไปด้วย
“แล้วลูกจะไปรับลลิตกลับมาเมื่อไหร่” ครามขมวดคิ้วเมื่อคุณแม่ของตนไม่เอ่ยถึงลออจันทร์เลยสักนิด
“ลออจันทร์ขอเวลาผมอีกนิดครับ แล้วอีกอย่างผมจะไปรับสองแม่ลูกมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย”เมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ คุณไพลินก็ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“แต่ลออจันทร์เขาเป็นแค่…”
“เขาเป็นแม่ของลูกผมครับ” ครามสบตาผู้เป็นแม่พูดด้วยเสียงหนักแน่น
“แล้วเราสามคนต้องอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจผมจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปอยู่คอนโดเองครับ” พูดจบก็เอื้อมมือไปฉกรูปถ่ายในมือของคุณไพลินพร้อมสอดเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินขึ้นไปห้องทำงานบนชั้นสอง
“เอ๊ะตาคราม จะเอารูปหลานแม่ไปไหน” ตะโกนไล่หลังลูกชายตัวดีที่เดินตัวปลิวออกไป
“แค่รูปเดียว ทำเป็นงกไปได้” คุณไพลินบ่นอุบอิบกับสามี
“เอาน่าคุณ อีกไม่นานเจ้าครามมันก็พาหลานมาที่บ้านอยู่แล้ว”
“เชอะ เห็นแก่หลานหรอกนะ”
ฮัดชิ่ว
เสียงจามของเด็กน้อยที่อาบน้ำเล่นกับคุณเป็ดน้อยอยู่ในอ่างขนาดเล็กทำให้ลออจันทร์ตกใจรีบพาลูกน้อยขึ้นไปเช็ดตัว
ใครมันกล้านินทาลลิตคนนี้ฟะ
แทนไทเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก วันนี้นอกจากจะมีครอบครัวเพลิงโชติเมธีแล้วยังมีครอบครัวโยธินตระกูลมาร่วมรับประทานอาหารด้วยลินินตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของคุณวาสินีที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้ามา ร่างตุ้ยนุ้ยนั่งเก้าอี้คอยชวนคุณยายพูดคุยด้วยท่าทางไร้เดียงสา ครามกับปราบนั่งคุยล้อมวงกับคุณอารัญและคุณพิศาล เด็กชายคีตานั่งไถโทรศัพท์เงียบ ๆ นั่งข้างลลิตกับแทมมาลีน“อ้าว พี่จ๋าหายไปไหนมา”แทมมาลีนเอ่ยทัก เผลอละสายตาจากหมากรุกที่เขากับลลิตฟาดฟันมาหลายนาที จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่รู้ตัวเลยว่าลลิตแอบหยิบหมากตัวเองออกไปหนึ่งตัว“ตานายแล้ว รีบเดินสิ”“เร่งทำไม เอ๊ะ ทำไมมันแปลก ๆ”“แปลกอะไร ไม่มี้” ลลิตพูดเสียงสูง ไม่มีพิรุธสักนิด แทมมาลีนที่เห็นท่าทางลลิตเป็นแบบนี้ก็กระโจนเข้าไปขยี้ผมนุ่มทันที“หน็อยแน่ ทำเป็นเนียนเลยนะ”“ปล่อยนะ นายกล้าทำกับพี่เขยแบบนี้ได้ยังไง” ลลิตเผลอตัวหลุดโพล่งออกมา
“บาดแผลสมานตัวดีมาก อย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนี้คุณหนูสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ”คุณหมอมอบรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นั่งยิ้มหน้าบาน“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ครับ”ลลิตไหว้ขอบคุณลุงหมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลเขามาตลอดที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อบอกลาคุณหมอเสร็จเจ้าตัวแสบก็ลงมายืนข้างเตียงโดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงอีกแล้ว“...”แทนไทที่เตรียมอุ้มลลิตทำหน้าเสียดาย ช่วงหลังที่ลลิตพักฟื้นเท้าแทบไม่ติดพื้นเพราะมีครามกับแทนไทคอยอุ้มไปไหนต่อไหนตลอดถึงจะถูกลออจันทร์บ่นว่าก็ทำหูทวนลมทั้งสามีและลูกเขยวันนี้ครามติดประชุมสำคัญทำให้มารับลูกชายออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แทนไทจึงอาสามารับแทนสร้างความประทับใจให้แก่ลออจันทร์ยิ่งไปอีก“ไปกันครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว”ลลิตเดินนำหน้าลออจันทร์และแทนไทออกไปอย่างร่าเริง“ลูกคนนี้นับวันยิ่งแก่นแก้วไปทุกที” แทนไทมองลลิตที่ทำตัวร่าเริงด้วยแววตาอ่อนโยน“ดีแล้วครับ ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้”“หม่าม้า ล
“ตอนนี้แผลผ่าตัดของคุณหนูลลิตปกติดีครับ ไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน นั่งได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน หมอจะทำการตัดไหมในวันที่ 7 พร้อมกลับบ้านในวันเดียวกันได้เลยครับ”ครามและลออจันทร์นั่งฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วยความดีใจ“คุณหมอหมายความว่า ลลิตหายแล้วใช่ไหมครับ” ลออจันทร์ถามย้ำอย่างตื่นเต้น“ครับ ตอนนี้คุณหนูลลิตปลอดภัยแล้วครับแต่ยังต้องทานยาและมาพบแพทย์ตามนัดด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ” ครามโค้งตัวขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”คุณหมอนพ เจ้าของคนไข้นึกชื่นชมเจ้าของโรงพยาบาลตรงหน้าที่ไม่ถือตน เมื่อได้เวลาที่ต้องไปตรวจคนไข้ก็ขอตัวออกไปก่อน ลออจันทร์ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่ยังหลับใหล“ลลิตปลอดภัยแล้วนะครับ”“รีบตื่นมาฟังข่าวดีได้แล้ว เจ้าตัวยุ่ง” เหมือนลลิตรู้ตัวว่าหม่าม้ากำลังพูดกับตน ร่างบางส่งเสียงพึมพำออกมาอย่าง
ครามที่สองมือหอบข้าวของของภรรยาและลูกชายมาเต็มสองมือไม่ยอมให้ป้าจิตช่วยถือเดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับคุณไพลินและคุณพิศาลที่เดินหน้าเครียดสร้างความตื่นตกใจให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก“พี่คราม ผมได้ยินข่าวของลลิตแล้ว หลานของผมเป็นยังไงบ้างครับ” หมอกันต์ที่ออกไปสัมมนาข้างนอกวิ่งเข้ามาเจอครอบครัวของญาติผู้พี่พอดีถามเสียงลั่นไม่นะ หลานชายที่น่ารักของเขาทำไมต้องโชคร้ายขนาดนี้ด้วย“ตอนนี้ลลิตยังปลอดภัย แกก็อย่าตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ได้ไหม กว่าฉันจะปลอบคุณแม่ให้สงบลงต้องใช้เวลาแค่ไหน”ครามกระซิบบอกน้องชายเสียงเบา สายตาคอยมองคุณไพลินที่เดินนำหน้าด้วยความเป็นห่วง“แหะ แหะ เข้าใจแล้วครับ” หมอกันต์แย่งตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเหลืองที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน&
“ป๊ะป๋าตื่นสาย”ลลิตพูดลอย ๆ เมื่อเห็นครามอุ้มลินินเดินลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เขากับคีตากำลังกินข้าวเช้าที่ป้าจิตเป็นคนทำให้ คีตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับแผนการของพี่ชายนั่งตักข้าวต้มกินต่อไป “วันนี้วันหยุด ป๊ะป๋าก็อยากตื่นสายบ้าง หม่าม้าก็ชอบตื่นสายเหมือนป๊ะป๋านะ” ครามตอบโต้ลูกชายด้วยการยกหม่าม้าของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง ลลิตหน้าบูดเมื่อพูดอะไรไปเจ้าพ่อบ้ากามก็ไม่สะทกสะท้านจึงนั่งจ้วงข้าวต้มเข้าปากคำโต “มาค่ะ ลินินเดี๋ยวพ่อป้อนหนูนะคะ” “อื้อ ไม่เอาค่ะ หนูอยากกิงเอง ลินินโตแย้วนะ” เด็กหญิงบอกว่าตัวเองโตแล้ว ครามได้แต่นั่งลงทานข้าวแต่โดยดี “เด็ก ๆ ทานข้าวเสร็จหรือยังครับ”ลออจันทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินมาหาลูกชายลูกสาวก่อนจะไล่หอมหัวคนละหนึ่งที&nbs
"แล้วนายจะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่า”ลลิตถามอัยวาขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ ครามอยากตามลงมาด้วยแต่ถูกเตวิชขวางไว้เสียก่อนจึงได้แต่มองลูกชายและอดีตลูกชายเดินออกไปตาละห้อย “คงต้องกลับเลย ฉันลาหยุดได้แค่ไม่กี่วัน” ราฟาเอลก็ทิ้งการเรียนตามเขามาด้วย อัยวาไม่อยากให้แฟนตัวเองถูกไล่ออกจึงต้องรีบกลับไป“ฉันอยากแวะไปหาคุณยายกับคุณตานะแต่ฉันไปตามที่อยู่เดิมกลับมีคนอื่นเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว” อัยวาพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ ลลิตได้แต่เห็นใจเรื่องของครอบครัวอัยวาเขาคงไปยุ่งมากไม่ได้โอเมก้าสองคนเดินไปยังร้านกาแฟของลออจันทร์ ทันทีที่ลลิตเปิดประตูเข้าไปก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นอัลฟ่าสองคนนั่งจ้องหน้ากันโดยมีน้องคีย์นั่งทำการบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ“พี่ลลิตมาแย้ว”ลินินที่นั่งอยู่บนตักแทนไทดิ้นลงวิ่งมาหาพี่ชาย“ลินินมาได้ไงครับ” ลลิตถามด้วยความแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนี่นา“วันนี้โยงเยียนเล