“หม่าม้า ไหนลองพูดสิครับ หม่าม้า”
“ม่ะแม่ะ แม่ะ อ้ายย” ทำไมลิ้นเปลี้ยแบบนี้
“เก่งมากครับ ฟอด” ลออจันทร์หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่เป็นรางวัลให้แก่ลูกน้อยที่พยายามเลียนเสียงตนได้สำเร็จ
เด็กอายุเจ็ดเดือนจะเริ่มพูดคำง่าย ๆ ได้แล้วลออจันทร์จึงอยากให้ลลิตลองฝึกดูแต่ปรากฏว่าลูกเขาช่างฉลาดจริง ๆ สอนไม่กี่รอบก็พูดได้แล้ว
“แม่ะ แม่ะ หม่ำ หม่ำ” หม่าม้าลลิตหิวข้าวแล้ว
“โอ๋ ลลิตหิวข้าวแล้วเหรอครับ รอแปปนึงนะครับ”
“อ้ายย ยา อ้ายย”
กริ๊ง กริ๊ง
ลออจันทร์ที่กำลังบดข้าวกับกล้วยสุกได้ยินเสียงกริ่งจึงเดินไปเปิดประตูเชิญแขกที่คุ้นหน้าคุ้นตาเข้ามาในห้อง ครามที่ในวันนี้แต่งตัวสบาย ๆ สวมเสื้อยืดแบรนด์ดังกับกางเกงเนื้อดีถือถุงใบใหญ่เข้ามาในห้องสร้างความสนใจให้แก่ลลิต
“อา อา” ถืออะไรมาอ่ะ
ลลิตคลานมาตรงหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความอยากรู้ ครามที่เห็นลูกคลานมาหาก็ดีใจย่อตัวลงรวบร่างอวบอัดเข้ามากอดมาหอม
“แอ้ อ้ายยย” อย่ามาหอมนะ
มือป้อมพยายามดันใบหน้าให้ห่างออกไปแต่ก็ต้องยอมแพ้แรงผู้ใหญ่ปล่อยให้ครามกอดฟัดให้หนำใจ
“ลออกำลังทำอาหารเช้าอยู่เหรอ”
“ทำอาหารให้ลูกน่ะครับ” พูดจบก็เดินไปถือชามรูปหมีน่ารักมาเตรียมป้อนข้าวให้ลูกน้อย
“หม่ำ ๆ ครับ คนเก่ง”
“หม่ำ หม่ำ” ร่างน้อยดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่งยื่นมือไปทางผู้เป็นแม่
“วันนี้ขอพี่ลองป้อนข้าวลูกหน่อยเถอะนะ” หลายวันที่ครามเห็นลออจันทร์ป้อนข้าวลูกชายจึงนึกอยากจะป้อนข้าวให้ลูกบ้าง
“เอ ก็ได้ครับ”เมื่อเห็นสายตาเว้าวอนของคนตัวโตจึงยอมถอย ครามยิ้มดีใจรีบอุ้มลูกนั่งโต๊ะทานข้าวสำหรับเด็กก่อนจะนั่งขัดสมาธิมือหนึ่งถือชามข้าวอีกมือใช้ช้อนตักอาหารจ่อไปที่ปากเล็ก
“......” มือหนาจ่อช้อนรูปหมีที่ตักอาหารเต็มช้อนเกือบล้นไปที่ปากน้อย ๆ ที่เม้มสนิท สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
ครามหน้าเสียเมื่อเห็นลูกชายเมินใส่ ลออจันทร์หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทางเงอะงะของชายหนุ่ม
“คุณครามครับ ตักคำโตไปแล้วครับ”
“อ่า งั้นหรอกหรือ” ครามเริ่มใหม่ใช้ช้อนตักพอดีคำก่อนจะจ่อไปที่ปากน้อย ๆ อีกครั้ง วินาทีที่ลลิตยอมอ้าปากกินข้าวที่เขาป้อนครั้งแรกทำให้ความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“อ้าาาา” มัวเหม่ออะไร ป้อนต่อสิ
“ครับ อ้ามมมม” ครามลองเลียนแบบลออจันทร์เวลาที่ป้อนข้าวลูกน้อยมักจะทำเสียงแปลกประหลาดจึงจดจำลองนำมาใช้กับลูกบ้าง
ปัญญาอ่อนชะมัด พ่อใครเนี่ย
หลังมื้อเช้าที่ชวนอลเวงผ่านไป ลออจันทร์ที่ขอตัวไปซักผ้าทิ้งให้พ่ออยู่เล่นกับลูกตามลำพัง ครามเมื่อสบโอกาสก็หยิบของข้างในถุงที่อยู่ด้านข้างออกมา
“พี่ไดโนเสาร์ของน้องลลิตเองครับ” ครามพยายามฉีกยิ้มหลอกล่อลูกชายด้วยตุ๊กตาที่มีขนาดเหมาะสำหรับเด็ก
“อูววว ดายย” ไดโนเสาร์สีชมพูซะด้วย นี่เห็นฉันเป็นคนยังไง
ต่อให้ในใจเกรี้ยวกราดแค่ไหนแต่มือกับคว้าหมับไปที่ตัวตุ๊กตาพลางเอาเข้าปากทันที
“โธ่ หนูอย่าเอาเข้าปากสิครับ”
“แอ่ะ แอ้” มันห้ามได้ที่ไหนเล่า
ครามพยายามเบี่ยงเบนความสนใจเด็กน้อยด้วยการเปิดการ์ตูนในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดให้ดูและมันก็ได้ผลเมื่อลลิตยอมเอาหางไดโนเสาร์ออกจากปากและสนใจตัวดุ๊กดิ๊กที่เต้นอยู่ในโทรศัพท์
ในโลกนี้มีโดเรม่อนด้วยงั้นเหรอ งั้นมันก็ไม่ต่างไปจากโลกเดิมที่เราเคยอยู่เลยน่ะสิ
“อูวว อา อูวว”เสียงตื่นเต้นของลูกน้อยเรียกความสนใจจากลออจันทร์ที่กำลังตากผ้าอยู่นอกระเบียง
สงสัยลลิตจะชอบคุณครามมาก
“เสร็จแล้วเหรอ ไปกันเถอะ” ครามเมื่อเห็นร่างบางเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็โอบอุ้มร่างลูกน้อยที่ยังกอดตุ๊กตาไว้ขึ้นแนบอก
“ครับ” มือของลออจันทร์ถือกระเป๋าใบใหญ่ที่ข้างในมีแต่ของหนูน้อยลลิตเท่านั้น
“ดา ดา ดา” ไปไหนกันเหรอ
ทารกน้อยนั่งรถไปกับพ่อแม่ด้วยความสงสัยพลางกัดหางตุ๊กตาไดโนเสาร์ไปด้วย ครามมองภาพลลิตฟัดตุ๊กตาอย่างเมามันครุ่นคิดในใจว่าคงต้องไปซื้อเพิ่มอีกหลายตัวเผื่อเจ้าตัวน้อยกัดหางไดโนเสาร์ตัวนี้ขาดไปจะได้มีตัวใหม่ใช้แทนทันที
เมื่อรถเคลื่อนตัวไปสักพักก็หยุดตรงสถานที่น่ากลัวแห่งหนึ่ง ครามที่อุ้มลูกน้อยลงจากรถก็รับรู้ได้ว่าร่างในอ้อมอกชะงักไปและเริ่มเบะปาก
เขารู้แล้วว่าหม่าม้ากับเจ้าพ่อโง่พาเขามาที่ไหน
“แงงงงงงงง” เสียงร้องไห้โฮดังออกมาพร้อมกับร่างกายที่ดีดดิ้นไปมาจนครามต้องรวบลูกน้อยไว้แน่น
“เหมือนแกจะรู้นะว่าเรามาที่ไหน” ครามพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเอกชนพร้อมกับร่างของลออจันทร์ที่เครียดเกร็งไม่แพ้คนเป็นลูก
แน่ละสิ ลออจันทร์ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน รอบที่พาหนูน้อยลลิตไปฉีดวัคซีนก็พาไปที่โรงพยาบาลรัฐธรรมดาเท่านั้น แต่เมื่อครามรู้เรื่องที่ต้องลลิตน้อยต้องไปฉีดวัคซีนตามกำหนดก็ขอตามไปด้วยทันที แต่พอรู้เรื่องสถานที่ที่ลูกน้อยต้องไปฉีดก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“พี่พอจะรู้จักโรงพยาบาลดี ๆ อยู่บ้าง พรุ่งนี้ให้พี่ไปส่งนะครับ”
“แต่ว่า...”
“เถอะนะ ให้พี่ได้ดูแลลลิตบ้าง”สายตาคมมองไปยังลูกน้อยที่นั่งเล่นตัวต่อกับน้องยาหยีอย่างสนุกสนานในมุมเด็กเล่น
“ก็ได้ครับ”
จึงเป็นที่มาของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ฮึก แงงงงงง”
“สวัสดีค่ะ วันนี้พาน้องมาฉีดวัคซีนหรือคะ” พยาบาลสาวสวยยิ้มหวานต้อนรับคุณพ่อยังหนุ่มตรงหน้า
“ครับ นัดไว้แล้วครับ ชื่อคราม โยธินตระกูล”
“คะ เอ๊ะนี่มัน...” พยาบาลที่เพิ่งยิ้มหวานสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นนามสกุลของชายหนุ่ม
“อ้าว พี่ครามมาแล้วเหรอ” เสียงเรียกชื่อจากด้านหลังทำให้ครามและลออจันทร์หันไปเจอกับร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์หน้าตาน่ารัก หากสังเกตดี ๆ เมื่อยามคุณหมอยิ้มจะเห็นลักยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากด้านซ้ายด้วย
“กันต์เองเหรอ” ครามพยักหน้าให้กับลูกพี่ลูกน้องของตนเป็นการทักทาย คุณหมอหนุ่มชะงักไปวินาทีหนึ่งเมื่อสบตาสีอำพันของเด็กน้อยในอ้อมแขนของญาติผู้พี่
“เด็กคนนี้คือลลิตเองสินะ” หมอกันต์คือคนที่ครามไว้ใจให้ตรวจดีเอ็นเอระว่างเขากับอัยวาจึงพลอยรู้เรื่องราวทั้งหมดไปด้วย
“ฮึก ฮือออ” ใครอีกเนี่ย?
“จ๊ะเอ๋” หมอกันต์คนมาดเท่เวลาเล่นกับหลานช่างดูปัญญาอ่อนเหลือเกิน ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างคิดในใจเหมือนกันหมด หากแต่หนูน้อยลลิตกลับดูชอบท่าทางเพี้ยน ๆ ของหมอหนุ่ม
“คิกคิกคิก” ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หมอนี่ตลกชะมัด
“อะแฮ่ม นี่ลออจันทร์เมียของฉันเอง” เมื่อเห็นท่าทางปัญญาอ่อนของน้องชายทำให้ลูกชายหยุดร้องไห้ได้ จึงแนะนำลออจันทร์ให้รู้จัก
“คุณคราม” ลออจันทร์หน้าซีดเมื่อได้ยินคำแนะนำตัวแบบนั้น
คุณโรสรินต่างหากที่เป็นภรรยาของคุณคราม
หากยังไม่ทันได้เอ่ยแย้งก็ถูกหมอหนุ่มจับมือทักทายเสียก่อน
“สวัสดีครับพี่สะใภ้ เรียกผมว่ากันต์เฉย ๆ ก็ได้นะครับ เหมือนเราสองคนจะอายุไล่เลี่ยกันเลย”
“คุณกันต์ครับ ผมกับคุณครามไม่ได้...”
“อ่ะ ได้เวลาแล้ว เราไปกันเถอะ” ไม่รอให้ลออจันทร์ได้แก้ตัว คนตัวสูงก็รีบพาสองแม่ลูกไปขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการทันที
“พี่ครามนี่ขี้หวงชะมัด” หมอหนุ่มบ่นอุบอิบ เมื่อพี่ชายของตนลับสายตาไปก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้พยาบาลที่ยังทำหน้างุนงง
“ไม่ทราบว่าคุณครามคนเมื่อกี๊ ใช่คนเดียวกันกับเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ไหมคะ” พยาบาลตื่นเต้นเมื่อคิดว่าตนเองโชคดีได้เจอเจ้าของโรงพยาบาลที่แทบไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาตรวจงานเลยสักครั้ง
“ถูกแล้วครับ ผมก็นึกว่าคุณรู้แล้วซะอีก” ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ก่อนจะผิวปากเดินทอดน่องไปตรวจงานบริเวณอื่น
“ลลิตครับ หันหน้ามาหน่อยเร็ว คนเก่ง” ลออจันทร์พยายามกล่อมลูกชายที่ขอตัวเป็นก้อนซุกเข้าที่หน้าท้องของครามให้หันมา
“ฮึก แงงงงง” หม่าม้าลลิตกลัวเข็มครับ
เกิดมาสามสิบปีไม่เคยกลัวอะไรนอกจากเข็มแท่งเล็ก ๆ ไม่ว่าจะถูกหม่าม้าเกลี้ยกล่อมขนาดไหนเจ้าก้อนน้อย ๆ ก็ไม่ยอมหันออกมา ครามจึงตัดสินใจใช้วิธีชั่วร้าย
“โอ๊ะ นั่นอะไรน่ะ” มือยาวชี้ไปที่ด้านหลัง คุณหมอที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบฉีดวัคซีนเข็มเล็กเข้าที่แขนนุ่มนิ่มทันที ลลิตน้อยที่หลงกลคนเป็นพ่อได้แต่แผดเสียงร้องลั่น
“แงงงงงงงงง” ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้พ่อโง่
แทนไทเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก วันนี้นอกจากจะมีครอบครัวเพลิงโชติเมธีแล้วยังมีครอบครัวโยธินตระกูลมาร่วมรับประทานอาหารด้วยลินินตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของคุณวาสินีที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้ามา ร่างตุ้ยนุ้ยนั่งเก้าอี้คอยชวนคุณยายพูดคุยด้วยท่าทางไร้เดียงสา ครามกับปราบนั่งคุยล้อมวงกับคุณอารัญและคุณพิศาล เด็กชายคีตานั่งไถโทรศัพท์เงียบ ๆ นั่งข้างลลิตกับแทมมาลีน“อ้าว พี่จ๋าหายไปไหนมา”แทมมาลีนเอ่ยทัก เผลอละสายตาจากหมากรุกที่เขากับลลิตฟาดฟันมาหลายนาที จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่รู้ตัวเลยว่าลลิตแอบหยิบหมากตัวเองออกไปหนึ่งตัว“ตานายแล้ว รีบเดินสิ”“เร่งทำไม เอ๊ะ ทำไมมันแปลก ๆ”“แปลกอะไร ไม่มี้” ลลิตพูดเสียงสูง ไม่มีพิรุธสักนิด แทมมาลีนที่เห็นท่าทางลลิตเป็นแบบนี้ก็กระโจนเข้าไปขยี้ผมนุ่มทันที“หน็อยแน่ ทำเป็นเนียนเลยนะ”“ปล่อยนะ นายกล้าทำกับพี่เขยแบบนี้ได้ยังไง” ลลิตเผลอตัวหลุดโพล่งออกมา
“บาดแผลสมานตัวดีมาก อย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนี้คุณหนูสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ”คุณหมอมอบรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นั่งยิ้มหน้าบาน“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ครับ”ลลิตไหว้ขอบคุณลุงหมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลเขามาตลอดที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อบอกลาคุณหมอเสร็จเจ้าตัวแสบก็ลงมายืนข้างเตียงโดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงอีกแล้ว“...”แทนไทที่เตรียมอุ้มลลิตทำหน้าเสียดาย ช่วงหลังที่ลลิตพักฟื้นเท้าแทบไม่ติดพื้นเพราะมีครามกับแทนไทคอยอุ้มไปไหนต่อไหนตลอดถึงจะถูกลออจันทร์บ่นว่าก็ทำหูทวนลมทั้งสามีและลูกเขยวันนี้ครามติดประชุมสำคัญทำให้มารับลูกชายออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แทนไทจึงอาสามารับแทนสร้างความประทับใจให้แก่ลออจันทร์ยิ่งไปอีก“ไปกันครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว”ลลิตเดินนำหน้าลออจันทร์และแทนไทออกไปอย่างร่าเริง“ลูกคนนี้นับวันยิ่งแก่นแก้วไปทุกที” แทนไทมองลลิตที่ทำตัวร่าเริงด้วยแววตาอ่อนโยน“ดีแล้วครับ ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้”“หม่าม้า ล
“ตอนนี้แผลผ่าตัดของคุณหนูลลิตปกติดีครับ ไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน นั่งได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน หมอจะทำการตัดไหมในวันที่ 7 พร้อมกลับบ้านในวันเดียวกันได้เลยครับ”ครามและลออจันทร์นั่งฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วยความดีใจ“คุณหมอหมายความว่า ลลิตหายแล้วใช่ไหมครับ” ลออจันทร์ถามย้ำอย่างตื่นเต้น“ครับ ตอนนี้คุณหนูลลิตปลอดภัยแล้วครับแต่ยังต้องทานยาและมาพบแพทย์ตามนัดด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ” ครามโค้งตัวขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”คุณหมอนพ เจ้าของคนไข้นึกชื่นชมเจ้าของโรงพยาบาลตรงหน้าที่ไม่ถือตน เมื่อได้เวลาที่ต้องไปตรวจคนไข้ก็ขอตัวออกไปก่อน ลออจันทร์ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่ยังหลับใหล“ลลิตปลอดภัยแล้วนะครับ”“รีบตื่นมาฟังข่าวดีได้แล้ว เจ้าตัวยุ่ง” เหมือนลลิตรู้ตัวว่าหม่าม้ากำลังพูดกับตน ร่างบางส่งเสียงพึมพำออกมาอย่าง
ครามที่สองมือหอบข้าวของของภรรยาและลูกชายมาเต็มสองมือไม่ยอมให้ป้าจิตช่วยถือเดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับคุณไพลินและคุณพิศาลที่เดินหน้าเครียดสร้างความตื่นตกใจให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก“พี่คราม ผมได้ยินข่าวของลลิตแล้ว หลานของผมเป็นยังไงบ้างครับ” หมอกันต์ที่ออกไปสัมมนาข้างนอกวิ่งเข้ามาเจอครอบครัวของญาติผู้พี่พอดีถามเสียงลั่นไม่นะ หลานชายที่น่ารักของเขาทำไมต้องโชคร้ายขนาดนี้ด้วย“ตอนนี้ลลิตยังปลอดภัย แกก็อย่าตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ได้ไหม กว่าฉันจะปลอบคุณแม่ให้สงบลงต้องใช้เวลาแค่ไหน”ครามกระซิบบอกน้องชายเสียงเบา สายตาคอยมองคุณไพลินที่เดินนำหน้าด้วยความเป็นห่วง“แหะ แหะ เข้าใจแล้วครับ” หมอกันต์แย่งตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเหลืองที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน&
“ป๊ะป๋าตื่นสาย”ลลิตพูดลอย ๆ เมื่อเห็นครามอุ้มลินินเดินลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เขากับคีตากำลังกินข้าวเช้าที่ป้าจิตเป็นคนทำให้ คีตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับแผนการของพี่ชายนั่งตักข้าวต้มกินต่อไป “วันนี้วันหยุด ป๊ะป๋าก็อยากตื่นสายบ้าง หม่าม้าก็ชอบตื่นสายเหมือนป๊ะป๋านะ” ครามตอบโต้ลูกชายด้วยการยกหม่าม้าของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง ลลิตหน้าบูดเมื่อพูดอะไรไปเจ้าพ่อบ้ากามก็ไม่สะทกสะท้านจึงนั่งจ้วงข้าวต้มเข้าปากคำโต “มาค่ะ ลินินเดี๋ยวพ่อป้อนหนูนะคะ” “อื้อ ไม่เอาค่ะ หนูอยากกิงเอง ลินินโตแย้วนะ” เด็กหญิงบอกว่าตัวเองโตแล้ว ครามได้แต่นั่งลงทานข้าวแต่โดยดี “เด็ก ๆ ทานข้าวเสร็จหรือยังครับ”ลออจันทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินมาหาลูกชายลูกสาวก่อนจะไล่หอมหัวคนละหนึ่งที&nbs
"แล้วนายจะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่า”ลลิตถามอัยวาขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ ครามอยากตามลงมาด้วยแต่ถูกเตวิชขวางไว้เสียก่อนจึงได้แต่มองลูกชายและอดีตลูกชายเดินออกไปตาละห้อย “คงต้องกลับเลย ฉันลาหยุดได้แค่ไม่กี่วัน” ราฟาเอลก็ทิ้งการเรียนตามเขามาด้วย อัยวาไม่อยากให้แฟนตัวเองถูกไล่ออกจึงต้องรีบกลับไป“ฉันอยากแวะไปหาคุณยายกับคุณตานะแต่ฉันไปตามที่อยู่เดิมกลับมีคนอื่นเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว” อัยวาพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ ลลิตได้แต่เห็นใจเรื่องของครอบครัวอัยวาเขาคงไปยุ่งมากไม่ได้โอเมก้าสองคนเดินไปยังร้านกาแฟของลออจันทร์ ทันทีที่ลลิตเปิดประตูเข้าไปก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นอัลฟ่าสองคนนั่งจ้องหน้ากันโดยมีน้องคีย์นั่งทำการบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ“พี่ลลิตมาแย้ว”ลินินที่นั่งอยู่บนตักแทนไทดิ้นลงวิ่งมาหาพี่ชาย“ลินินมาได้ไงครับ” ลลิตถามด้วยความแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนี่นา“วันนี้โยงเยียนเล