“อะไรนะคะ ทำไมฉันต้องเอาเรื่องนี้ข่มขู่คุณหมอด้วย ฉันไม่ใช่คนเลวแบบนั้นสักหน่อย”
“นี่เธอกำลังบอกว่าฉันเป็นคนเลวงั้นเหรอ”
“เปล่านะคะฉันไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นเลยสักนิด นั่นคุณหมอคิดเอาเองทั้งหมด”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เธอ แต่จากนี้ฉันคิดว่าคงไม่เจอเธอที่แผนกบ่อย ๆ อีกอย่างนะ เลิกซื้อของไร้สาระนั่นไปให้ฉันเสียที ฉันไม่ชอบ”
“พี่กชบอกคุณเหรอคะ”
“ต่อให้คุณกชไม่บอกฉันก็คิดเองได้ เลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันเสียที เธอมาที่นี่เพื่อฝึกงานก็ทำไป อย่าทำอะไรที่มันเกินหน้าที่ไม่อย่างนั้นฉันจะรายงานเธอกับคุณอินอร เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
เธอสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว จากความชื่นชมในตอนนี้เธอแทบจะไม่เหลือความรู้สึกนั้นอีกเลย เมื่อถูกเขาพูดข่มขู่เรื่องสารเลวที่ทำไปทั่วทั้งโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไม่ได้อยากจะเห็นเลยสักนิด
“ฉันคิดว่าเธอคงไม่บังเอิญเจอฉันบ่อย ๆ เหมือนทุกวันนี้อีกนะ”
หมอคินน์เดินออกจากประตูไปแล้ว ชมชนกที่กลัวและตกใจค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้นห้องประชุมที่ปูด้วยพรมอย่างหมดแรง เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารุ่นพี่ที่เฝ้าชื่นชมมาตั้งแต่มัธยมและช่วงที่เรียนในมหาลัยจะเป็นคนแบบนี้
อีกอย่างทั้ง ๆ ที่เขารู้กลับไม่แม้แต่คิดที่จะถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด เขาเลือกที่จะพูดแบบนี้เพื่อให้เธอไม่ต้องยุ่งกับเขาอีก
กลับมาที่ผับ
“ไอ้เลว จิลฉันว่าแกน่าจะตัดใจได้แล้วนะ มันพูดกับแกขนาดนี้ถ้ายังชอบคนสารเลวนี่อยู่ฉันก็ไม่รู้ว่าแกเอาสมองไปทิ้งแล้วหรือเปล่า”
“ฉันถึงได้ตัดสินใจบอกแกยังไงล่ะว่าฉันพอแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยตั้งใจจะไปพบเห็นอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่เขาพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นคนโรคจิตที่เอาแต่ตามเขาอยู่ฝ่ายเดียว”
เมื่อเริ่มดื่มจิลก็เริ่มระบายอารมณ์และร้องไห้ออกมาอีกครั้ง กับความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บมาเกือบเดือน มิ้นท์ดึงเธอเข้ามาปลอบโดยที่ทั้งคู่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะมีคนที่เฝ้าดูพวกเธออยู่
“ร้องไห้ทำไม”
“ใครร้องไห้วะ กูได้ยินแค่เสียงครางของไอ้พวกนั้น”
“มึงมาแล้วเหรอ ไหนบอกว่าไม่เข้ามาไงวันนี้”
“งานเสร็จเร็วนะเลยแวะมาดื่มสักหน่อย มึงไปทำใครร้องไห้มาอีกล่ะตกลงพวกสาว ๆ พวกนั้นช่วยมึงไม่ได้เลยเหรอ”
คณาธิปค่อย ๆ กระดกเครื่องดื่มในมือของเขารวดเดียวหมดก่อนจะเดินมานั่งกับเพื่อนของเขาซึ่งเป็นเจ้าของผับนี้
“ไม่ได้”
“กูว่ามึงลองไปให้หมอเฉพาะทางตรวจดูดีไหม กูรู้ว่ามึงเป็นหมอแต่ก็ใช่ว่าผงเข้าตาตัวเองจะเป่าออกได้เสียเมื่อไหร่จริงไหม”
“กูไปมาแล้ว”
“เหรอ แล้วหมอว่ายังไงบ้างล่ะ”
“ตันติกร” เพื่อนของเขาที่เป็นทั้งมาเฟียและเจ้าของผับแห่งนี้ถามขึ้นมาพร้อมกับเทเครื่องดื่มลงในแก้วก่อนจะค่อย ๆ คนและนั่งฟังหมอคินน์เล่า
สิบวันก่อน
“ผมว่าคุณหมอน่าจะเครียดกับงานมากเกินไปนะครับ แม้ว่าการสอบคุณวุฒิจะสำคัญ แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะคาดหวังมากเกินไป หมอควรจะหาเวลาผ่อนคลายบ้าง”
“ผมพยายามแล้วครับอาจารย์แต่ว่ามันไม่ดีขึ้นเลย พวกเธอไม่ใช่ทางออกสำหรับผม คือผมไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ว่าผมไม่มีอารมณ์กับพวกเธอและมันก็…”
“หมอคณาธิป ผมว่าปัญหาของคุณมันไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์กับใครสักคนอย่างที่ว่ามา”
“แต่ก่อนหน้านั้นผมคิดว่าผมปกตินะครับจนกระทั่ง….”
เขาเองก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พยายามนอนกับผู้หญิงมาหลายคนหลายครั้ง ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นนางแบบ ดาราดังหรือสาวเซ็กซี่ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องการ แต่แค่พวกเธอแก้ผ้าเขากลับหมดอารมณ์จน “นกเขาไม่ขัน” เอาเสียดื้อ ๆ
“คุณไม่เคยมีแฟนเหรอ”
“ไม่เคยครับ ผมคิดว่ายังไม่จำเป็นจะต้องแต่งงานในตอนนี้ ผมไม่อยากผูกมัดใครและไม่อยากถูกเชือกมาล่ามคอ มันดูไร้อิสระแล้วก็น่ารำคาญ”
“ผมถามว่าไม่เคยมี "แฟน" ไม่เกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน"
“แต่ถ้าไม่คิดจะแต่งงานจะมีแฟนไปทำไมละครับ”
“อืม เอาแบบนี้นะ คุณไม่เคยคิดจะชอบผู้หญิงคนไหนที่เคยมีเซ็กส์ด้วยกันบ้างเหรอ”
“ไม่เคยเลยครับ ก็แค่ระบายอารมณ์แบบว่า ขอโทษนะครับ “น้ำแตกแล้วแยกทาง” อะไรแบบนั้น"
หมอ “ไพศาล” อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อหมอคินน์ตอบมาแบบไม่คิดเลยว่าเขาไม่เคยชอบผู้หญิงที่นอนด้วย ไม่คิดเลยว่าหนุ่ม ๆ สมัยนี้จะเป็นแบบนี้ซึ่งหมอคณาธิปไม่ใช่คนแรกที่มาปรึกษาเขาด้วยอาการแบบนี้
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณชอบ “ซื้อกิน” งั้นเหรอ"
“ก็ไม่นะครับผมเต็มใจให้ ที่จริงพวกเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงบริการ ต่างคนต่างพอใจก็จบแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“แต่ที่ผมถามคือ คุณไม่เคยรู้สึกชอบอยากดูแลอยากเอาใจใส่ใครสักคนเลยเหรอ”
“ความรู้สึกแบบนั้น… มันไม่น่าเบื่อไปหน่อยเหรอครับ”
“นั่นแหละครับปัญหาของคุณ”
ห้องวีไอพี
“หมายความว่าหมอบอกให้มึงมีเมียแล้วจะหายงั้นเหรอ”
“กูก็ไม่รู้ความหมายของหมอเลยว่ะ อาจารย์หมอหมายความว่ายังไง”
"มึงเอาแต่มองไปข้างล่างนั่น มีอะไรน่าสนใจงั้นเหรอ มึงหาเหยื่อคนใหม่ได้งั้นเหรอ"
“เปล่า แค่คนรู้จักน่่ะ”
“แค่รู้จักไม่น่าทำให้มึงสนใจมากขนาดนี้ มึงรู้ตัวไหมว่ามึงยืนอยู่ตรงนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงทั้ง ๆ ที่ไอ้สองตัวนั่นซ่ำหญิงอยู่ห้องข้าง ๆ แล้วเสียงก็ดังออกมาแม้แต่กูยังได้ยินเลย”
“กูก็แค่….”
“เพล้ง!”
“อะไรวะนั่น ข้างล่างเกิดอะไรขึ้น"
ดูเหมือนว่าในผับจะเกิดเรื่องชกต่อยขึ้น ตอนนี้การ์ดของผับเริ่มวิ่งลงไปดุเหตุการณ์และจับแยกคนออกมา คณาธิปรีบเดินไปดูที่หน้าต่าง เขาเห็นว่าคนที่โวยวายและโยนแก้วเป็นคนที่เขารู้จัก เธอเป็นเด็กฝึกงานที่ปกติแล้วไม่ค่อยพูด แต่ทำไมพอดื่มแล้วเธอถึงอาละวาดล่ะ
“ฉิบหายแล้ว!”
“อะไรวะไอ้คินน์ มึงรู้จักเหรอ เฮ้ย!”
ตันติกรวิ่งตามคณาธิปลงไปทันที การ์ดที่วุ่นวายกับการกั้นคนที่กำลังมีเรื่องออกจากกัน ทำให้มิ้นท์เพื่อนสาวของจิลที่ไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็ต้องตกใจ แต่เธอเข้าไปหาเพื่อนไม่ได้เลยเพราะถูกกันเอาไว้
“เดี๋ยวค่ะ นั่นเพื่อนฉันเองฉันจะเข้าไป…”
“อยู่ตรงนี้จนกว่าจะเคลียร์พื้นที่ได้ครับ”
“แต่ว่า…”
มิ้นท์พยายามเข้าไปแต่ก็ไม่ได้ผล จิลถูกการ์ดของร้านดึงออกมาเพราะอีกฝ่ายเริ่มจะคว้าผมของเธอหลุดออกมาซึ่งปกติเธอไม่เคยปล่อยออกจากหางม้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว คณาธิปเดินลงมาและถามการ์ดดู
“เกิดอะไรขึ้นพี่หลวง”
“คุณหมอ ผู้หญิงตบกันครับ”
“อะไรนะ! ตบเหรอ”
“ครับ ผู้หญิงชุดแดงนั่นเดินมาหาเรื่องผู้หญิงชุดขาวที่นั่งหน้าบาร์ เธอเลยซัดหมัดเข้าไปแล้วก็ฟาดด้วยแก้วครับ”
“ร้ายไม่เบา เอาตัวเธอขึ้นไปข้างบน”
“คนไหนครับ”
“ชุดสีขาว คนของผมเองพาขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
“ครับ ๆ”
“ปล่อยนะอีผีบ้าเข้ามาสิ คนอย่างจิลไม่เคยให้ใครด่าฟรีนะ เข้ามา!”
“กรี๊ด!! อีบ้านั่นมันเอาแก้วตีฉันเห็นไหม! จับมันส่งตำรวจสิเร็ว ๆ!”
จิลทั้งถีบทั้งใช้มือสาวหมัดก่อนที่การ์ดจะดึงตัวเธอลากขึ้นไปที่ห้องข้างบน เมื่อเธอถูกจับขึ้นไปการ์ดที่เหลือก็เริ่มเคลียร์พื้นที่ทันที มิ้นท์จึงได้ถามถึงเพื่อนของเธอ แต่การ์ดไม่ตอบอะไรเธอจึงรีบโทรหาเพื่อนแต่จิลก็ไม่รับสาย
“ปล่อยนะไอ้พวกบ้า! ฉันจะเอาเลือดหัวมันออก ปล่อย!!”
“ปล่อยเธอ ดูสิว่าจะบ้าได้ถึงแค่ไหน”
“ใครวะไอ้คินน์”
คณาธิปหันไปมอง “ต้วน” เพื่อนสนิทเจ้าของผับที่มองหน้าผู้หญิงชุดขาวหัวกระเซิงเล็กน้อยตรงหน้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอสวยและเซ็กซี่มากเมื่อมองแบบนี้ แต่ในเมื่อเพื่อนเขาบอกว่าเป็น “คนรู้จัก” ดังนั้นเขาจะไม่ยุ่ง
“งั้นมึงก็จัดการเองเลยก็แล้วกันนะกูขอตัวก่อน”
ตันติกรเดินออกจากห้องพร้อมการ์ดที่เหลือเพื่อไปเคลียร์สถานการณ์ข้างล่าง เมื่อจิลที่ถูกพาเข้ามาเริ่มเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อพบกับคนที่เธออยากลืมให้เร็วที่สุดอยู่ตรงหน้า
“คุณหมอ!”
“ทำไมฉันต้องเจอเธออีกแล้ว เหมือนจะเคยบอกว่าให้ต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่รนหาที่จนถูกพาขึ้นมาถึงที่นี่ เธอจงใจจะยั่วฉันให้ได้เลยใช่ไหมชมชนก”
ห้องส่งตัว หมอคินน์ค่อย ๆ พยุงภรรยาเข้ามาในห้องหอที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับทั้งคู่ งานในวันนี้ถูกจัดที่เรือนหอที่พึ่งสร้างเสร็จ เมื่อพาเธอมานั่งที่เตียงหมอคินน์ก็ก้มลงไปถอดรองเท้าให้จนจิลต้องห้ามเขา“อย่าทำแบบนี้นะคะ เดี๋ยวจิลถอดเองดีกว่า”“ไม่เป็นไร หลังจากนี้ให้ผมทำเถอะนะ คุณแค่อุ้มท้องเจ้าตัวเล็กนี่กับต้องทนแพ้ท้องทุกวันก็ลำบากแย่แล้ว แค่ถอดรองเท้าให้คุณผมทำได้อยู่แล้ว”“แต่ว่า…”เมื่อหมอคินน์ถอดรองเท้าเธอออกถึงได้รู้ว่าทำไมจิลถึงไม่อยากให้เขาเป็นคนถอด รองเท้าแม้ว่าจะสวยแต่กลับกัดเจ้าสาวของเขาจนมีรอยแผล“อะไรเนี่ย! ทำไมไม่บอกผมว่ารองเท้ากัดล่ะ แล้วทำไมต้องทนเจ็บอยู่คนเดียวแบบนี้ เดี๋ยวผมไปเอายามาทาให้”“หมอคะ! อย่าไปเลยค่ะ เดี๋ยวค่อยทาก็ได้ไม่ได้เจ็บมาก ยังมีถุงน่องรองเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง มิ้นท์เองก็เอาแผ่นรองมากันให้แล้วตอนอยู่ในงาน”“ทำไมไม่พูดอะไรเลยผมจะได้ให้คนเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้”“จิลไม่คิดว่าวันจริงเท้าจะบวมมากขึ้นขนาดนี้ค่ะ วันที่ลองใส่ยังพอดีกับเท้าอยู่เลย”“เฮ้อ อยู่นี่นะผมจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณแช่เท้า”หมอคินน์ลุกขึ้นเพื่อจะไปเตรียมของ จิลลุกขึ้นกอดเขาจากด้านหลัง คณาธิปร
“นี่แกยังจะทรมานเมียแกอีกเหรอ ตอนนี้จิลก็กำลังท้องแกยังจะทรมานลูกสะใภ้ของฉันแบบนี้ได้ยังไง”“ผมรู้ครับแต่ผมก็ติดรสมือเมียผมไปแล้วนี่นา อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ได้แพ้มากแต่ยังไงผมก็ต้องดูแลจิลให้ดีที่สุด แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”“เดือนหน้าจะรับปริญญาแล้วใช่ไหม คงต้องจัดการให้ดี ๆ แล้วล่ะ คุณลินดา จริงด้วยบอกคุณแม่หรือยัง”“บอกแล้วค่ะคุณแม่บอกว่าจะรีบมาที่กรุงเทพค่ะถ้างานที่ฮ่องกงเรียบร้อยคงจะมาอยู่ยาวค่ะ”“ดีเลย ๆ งั้นแม่ไม่รบกวนละ ตาคินน์เลิกงานแล้วก็รีบพาจิลกลับไปบ้านพักผ่อนแล้วอย่าหักโหมนักเข้าใจไหม หนูเองก็พักมาก ๆ นะเข้าใจไหม ท้องแรกอาจจะยังทำตัวไม่ถูกเอาไว้แม่จะทำอาหารบำรุงครรภ์ไปให้”“ขอบคุณค่ะคุณแม่”คุณแม่หมอคินน์กลับไปแล้วเขาจึงพาเธอกลับบ้าน แต่เรื่องทุกอย่างไม่ง่ายเลย เพราะจิลแพ้ท้องเกือบทุกวันจนหมอคินน์ไม่อนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกในช่วงนี้ นอกจากจะมีธุระสำคัญอย่างไปตรวจครรภ์กับเขาที่โรงพยาบาล หรือฝึกซ้อมรับปริญญาเท่านั้นหนึ่งเดือนถัดมา / งานรับปริญญา “ชิดกันหน่อยนะครับ หนึ่ง สอง… สวยมากครับ”หมอคินน์ที่ถ่ายรูปคู่กับจิลซึ่งถือช่อดอกไม้ช่อโตที่เขาถือมาให้พร้อมกับลูกโป่งเพื่อแสด
""อะไรนะ""ทั้งสามคนหันมามองหน้าคณาธิปด้วยความคิดที่ไม่เหมือนกัน “แกจะไม่ใจร้อนเกินไปเหรอที่ไปดูที่และตัดสินใจแบบนั้น ต้องให้…”“แม่ครับ ผมให้ซินแสของคุณแม่ไปช่วยดูมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ที่ดินไม่มีปัญหาอีกอย่างเป็นทำเลทองและอยู่ในโครงการของคุณพ่อนั่นแหละครับ ไม่ได้ซื้อที่อื่นเลย”“แต่ว่าที่ดินตอนนี้ต้องดูดี ๆ อีกอย่างบริษัทที่รับออกแบบ…”“พ่อครับ เรื่องนั้นผมมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์คอยดูแลให้อยู่นะครับ อีกอย่างพี่จรูญก็ช่วยผมได้เพราะเขาดูแลโครงการบ้านที่นี่อยู่เหมือนกัน”“แต่ว่า เรื่องนี้ไม่เห็นคุณหมอบอกจิลมาก่อนเลย”“คือว่าเรื่องนี้…. ผมอยากจะเซอร์ไพรส์คุณแต่ไม่คิดว่าคุณแม่จะพูดเรื่องเรือนหอขึ้นมาก็เลยต้องรีบบอกน่ะ หมู่บ้านนี้เป็นของคุณพ่อก็จริงแต่ผมซื้อที่ดินและปลูกเองนะครับไม่เกี่ยวกับเงินบริษัท ที่สำคัญที่นี่อยู่ใกล้มหาลัยของจิลแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเดิมด้วย”จิลไม่กล้ามีปากเสียงต่อหน้าพ่อแม่ของเขา แม้ว่าจะไม่เคยได้ออกความเห็นเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าหมอคินน์จะทำทุกอย่างรวดเร็วแบบนี้ ตั้งแต่เรื่องที่เชียงใหม่จนถึงที่นี่ เธ
จิลแทบไม่มีความรู้สึกเลยเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน จำได้แค่ครั้งสุดท้ายเธอไม่มีเสียงและอยู่ในอ้อมกอดของเขาบนเตียงและหลับสนิทไปเลยหลังจากนั้นเมื่อหันไปมองคนที่ยังหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ ซึ่งไม่ได้สวมเสื้อผ้าเหมือนกับเธอก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งจับที่ปลายจมูกคมสันน่ามองนั่น“ตื่นแล้วแกล้งคนแบบนี้ระวังจะไม่มีแรงกลับกรุงเทพฯ เอานะครับ”“อุ๊ย! คุณตื่นแล้วเหรอ แกล้งหลับเหรอคะเนี่ย”คณาธิปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองคู่หมั้นข้าง ๆ และดึงเธอเข้ามาหอมแก้มอีกครั้งและกอดเธอเอาไว้“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้เหรอว่ามีคนกำลังจะลักหลับสามีตัวเอง”“พูดอะไรแบบนั้นคะ ไม่ได้ทำสักหน่อย”“งั้นก็แอบมองเพราะผมหล่อมาก”“แหวะ”“ท้องแล้วเหรอ แสดงว่าความพยายามที่ผ่านมาได้ผล”“จะบ้าเหรอคะหมอ! เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยใครท้องกันล่ะคะ”“จริงสิจิลคุณวางแผนเอาไว้หรือยัง หลังเรียนจบแล้วแต่งงาน อยากมีลูกกี่คน”“เรื่องนั้นยังไม่ได้คิดเอาไว้เลยค่ะ ช่วงนี้คงต้องฉีดยาคุมไปก่อนจนกว่าจิลจะเรียนจบนะคะ”“ผมรู้ครับแต่หลังจากแต่งงานยังไงแม่ผมก็ต้องถาม นี่ยังไลน์มาถามทุกวันว่าขอคุณแต่งงานสำเร็จหรือเปล่า”“อะไรนะคะ คุณแม่ข
“พรีเวดดิ้งเหรอคะ”“มาเถอะน่า มีอีกหลายคนที่รอถ่ายอยู่นะ”“ออ ค่ะ ๆ”“เดินระวังหน่อย”หมอคินน์ค่อย ๆ จับตัวจิลเข้าไปถ่ายรูปในฉากที่โรงแรมจัดเอาไว้ให้ ทั้งคู่ถ่ายรูปไปเยอะมากและถ่ายในหลาย ๆ มุมของโรงแรมเหมือนกับช่างภาพถูกจ้างมา แต่คณาธิปก็ไม่ได้ขัดใจเพราะวันนี้คู่หมั้นของเขาสวยเหมือนกับเจ้านางทางเหนือและเขาเองก็ไม่เคยแต่งชุดแบบนี้เลยสักครั้ง“อร่อยไหม”“อาหารของโรงแรมวันนี้อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ หรือเป็นเพราะว่าเทศกาล ดูสิคะคนเริ่มมาลอยกระทงกันแล้ว”“อยากไปลอยหรือเปล่า”“อืม รอให้แขกคนอื่นลอยไปก่อนก็ได้ค่ะคนยังเยอะอยู่เลย”“แต่ช่วงสามทุ่มเห็นบอกว่าจะมีจุดประทีปลอยแม่น้ำปิง ที่จริงจะมีปล่อยโคมที่เรียกว่างานอะไรนะ...”“ประเพณียี่เป็ง[1]ค่ะแต่เห็นบอกว่าตอนนี้งดปล่อยโคมกันแล้ว ให้จุดไฟแล้วลอยโคมสายในน้ำแทนค่ะ”“ก็ดีนะ แบบนี้ไม่อันตรายด้วย”ทางโรงแรมมีจัดงานลอยกระทงแบบย่อม ๆ แขกที่มาพักที่นี่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทุกคนต่างสวมชุดล้านนาที่ทางโรงแรมมีจัดเตรียมไว้ให้ แต่เท่าที่จิลเริ่มสังเกต ทุกคนล้วนแต่จ้องมองพวกเขาทั้งสองคนเพราะชุดที่เธอและหมอคินน์ใส่เหมือนจะไม่เหมือนกับชุดพื้นเมืองที่คนอื่
จิลค่อย ๆ ขยับช่วงเอวตามจังหวะและเริ่มรุนแรงขึ้นเพราะเธอทนไม่ไหว ความเสียวที่เขากระตุ้นเริ่มทำให้เธอลืมตัว“อ๊าา ที่รักคะช่วยด้วย!!”“มาแล้ว...อาา แน่นฉิบหายเลย โอยจิลผมเสียวมาก…อาา”คณาธิปดึงเธอลงมากอดเขาเอาไว้และเป็นฝ่ายเด้งตอบเธอไป ความแรงและความถี่ของเขาทำได้ดีกว่าเธอ ไม่นานจิลก็เริ่มร้องดังมากขึ้น ร่างบางเกร็งสุดตัวและร้องสุดเสียงเมื่อถึงฝั่งไปก่อน หมอคินน์เองก็ไม่อยากรอ เขาจึงได้เร่งตามเธอไปทันที“อาา…ไม่คิดว่าจะน่ากินขนาดนี้”“ต่อสิคะที่รัก”“ให้ตายเถอะ ทำไมคืนนี้คุณเร่าร้อนขนาดนี้”จิลลุกขึ้นและหันหลังพร้อมกับก้มบั้นท้ายรอเขา เธอถอดชั้นในออกไปแล้วโดยไม่รอให้เขาทำ หมอคินน์แค่เห็นบั้นท้ายขาวกลมตรงหน้ามีเหรอที่จะทนไหว เพียงแค่จังหวะเดียวเขาก็สอดเข้าไปจนสุดและแช่เอาไว้เพื่อซึมซับความอบอุ่นและการบีบรัดตรงหน้า มือหนาเอื้อมไปขย้ำบั้นท้ายจนเกิดรอย“เฮือก!! อ๊าา…ฮึก!! อ๊าา…หมอคะ แรงอีกค่ะ อ๊าา แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา”จิลเสร็จไปไม่รู้กี่รอบในคืนนี้แต่เขาก็ยังปรนเปรอเธอไม่หยุด ดูเหมือนว่าเธอจะยอมตามใจเขามากกว่าเดิม คิดถูกแล้วที่ไม่ทำข้างนอกเพราะหมอคินน์ค่อนข้างจะหวงแฟนสาวเอามาก ๆ แต่ต่อให้เ