LOGINติ๊ดๆๆๆ
“แจ้งฝ่ายบุคคลด้วยว่านับตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปปรับเงินเดือนของคุณมนตราเลขาของฉันเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า”
คนตัวโตที่ฉันเพิ่งจะมอบความสุขให้เขาด้วยปากเป็นครั้งแรกเอ่ยพูดกับปลายสายจนทำให้ฉันหยุดถึงกับหยุดชะงักขาเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองเขาด้วยใบหน้าสงสัย และด้วยสีหน้าอีกทั้งท่าทางของฉันที่ดูจะตื่นตกใจของฉันก็ทำให้คนที่เพิ่งออกคำสั่งเพิ่มเงินเดือนให้เอ่ยปากไขข้อสงสัยทันที
“มันเป็นสิ่งที่คุณควรจะได้รับ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ” คำตอบเพียงสั้น ๆ ที่มอบให้กับความสงสัยของฉันได้แต่ทำให้ฉันเม้มปากแน่นเอาไว้ ก่อนที่ตัวเองเลือกจะไม่ใส่ใจแล้วหันกลับเพื่อไปเก็บของของตัวเองแล้วเตรียมตัวกลับที่พักสักที...
ณ หอพักแห่งหนึ่ง
แกร๊ก ~~
ฉันเปิดประตูห้องเข้าไปด้วยสภาวะร่างกายที่เหนื่อยล้าเต็มที และทันทีที่ฉันเปิดประตูห้องพักเข้าไปนั้น...ฉันกลับต้องพบเข้ากับอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถึงกับหัวใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มทันที
“หะ...หายไปไหน ข้าวของของฉันหายไปไหนหมดเนี่ย...!!” ฉันอุทานลั่นเมื่อได้เห็นภาพของห้องตรงหน้าที่ดูว่างเปล่าจนคล้ายกับว่าไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อนอย่างไงอย่างงั้น พร้อมกับร่างบางรีบถลาเดินเข้าไปดูห้องที่ตนเคยอยู่ทุกซอกทุกมุมด้วยใจระทึก
“นะ...นี่ฉันเข้าห้องผิดหรือเปล่า” สองขารีบวิ่งออกไปดูหมายเลขหน้าห้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“เลขห้องก็ถูกต้อง...ไม่ซิ...เราก็ยังไขกลอนประตูเข้ามาได้เลยนี่หน่า มันไม่มีอะไรที่ผิดเลย จะผิดก็แต่ข้าวของหายเกลี้ยง...ถ้างั้นก็...” ฉันตั้งสติทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ความจริงบางอย่างจะตีเข้าแสกหน้าว่าห้องฉันโดนยกเค้า...!!
“ขโมย...!! ห้องฉันโดนขโมยขึ้น นิติ...!! ตำรวจ...!!”
และในขณะที่ฉันกำลังสติหลุดพร้อมกับอาการลนลานอย่างคนที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นสุดขีด เสียงเคาะที่ดังขึ้นหน้าประตูก็ได้เบนความตั้งใจที่จะกดเบอร์โทรหานิติให้หันไปมองทันที
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
“หรือว่านิติจะรู้แล้วก็เลยมาแจ้งข่าวซินะ” ฉันงึมงำกับตัวเองเบา ๆ และทันทีที่คิดได้แบบนั้นฉันก็รีบตรงไปเปิดประตูห้องทันที
แกร๊ก ~~
“คือฉันโดน...”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจบประโยค ภาพตรงหน้าก็ปรากฏชายสวมชุดสูทสีดำยืนจังก้าอยู่หน้าห้อง และด้วยความตกใจเพราะคิดว่าชายร่างกำยำอาจจะมีเจตนาร้ายหรือไม่คนตรงหน้าก็อาจจะเป็นโจรขโมยของที่หวนกลับมา นั่นจึงทำให้ฉันรีบดันประตูเพื่อปิดหนีทันที เพียงแต่ว่ากลับถูกลำแขนแกร่งดันสู้ขืนเอาไว้ไม่ให้บานประตูปิดลงเสียก่อน
“ขอโทษด้วยครับที่ทำให้ตกใจ ผมมารับคุณมนตราตามคำสั่งของนายครับ” ชายตรงหน้าประตูเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาในครั้งนี้ ก่อนที่ฉันจะทันได้แหกปากร้องขอความช่วยเหลือ
“นะ...นาย นายไหน ฉันไม่รู้จักแล้วเลิกดันประตูฉันสักทีไม่งั้นฉันจะร้องเรียกให้คนช่วยแล้วนะ” ฉันที่ยังคงตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดรีบออกปากไล่คนตรงหน้าทันที
“นายของผมก็คือคุณวาคิมครับ ท่านให้มารับคุณมนตราครับ” คนเดิมที่ยกมือขึ้นดันประตูบอกเสียงเรียบน้ำคำหนักแน่น
“ห๊ะ...!! วะ...ว่าไงนะคะ” ฉันที่อึ้งกิมกี่กับสิ่งที่ได้ยินถึงกับลืมดันประตูทันที
“นายหรือคุณวาคิมเจ้านายของผมให้มารับคุณมนตราครับ” ชายในชุดสูทย้ำคำสั่งที่ได้รับมาอีกครั้ง
“รับฉัน รับฉันไปไหน...??” ฉันถามย้ำกลับไปด้วยความไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ อีกทั้งยังรู้สึกหวั่นในใจด้วยกลัวว่าจะถูกบุคคลที่กล่าวอ้างเรียกไปทำอะไรอีกหรือเปล่า
“ท่านให้มารับไปยังที่พักใหม่ที่ท่านเตรียมไว้ให้ครับ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ของคุณมนตราทางพวกผมส่งคนมาขนไปจัดไว้ยังห้องใหม่เรียบร้อยแล้วครับ” ผู้ชายมาดสุขุมคนเดิมตอบคำถามที่อยู่ข้างในใจฉันจนหมดสิ้น และด้วยคำตอบของเขาก็ยิ่งทำให้ฉันสับสนมากขึ้นไปอีก
“ที่พักใหม่...อะไร ยังไงกันค่ะเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว...??” ฉันที่แสดงสีหน้าว่าสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากจริง ๆ และก่อนที่ฉันจะทันได้คิดอะไรเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น
กระทั่งเมื่อภาพหน้าจอปรากฏชื่อของคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายในตอนนี้ คิ้วเรียวสวยได้รูปก็พลันขมวดแน่นจนแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ
“ท่านประธาน”
ฉันมองหน้าจอมือถือตัวเองก่อนจะกดรับสาย
“ค่ะท่านประธาน” ฉันกรอกเสียงตามสาย ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ลดความตื่นตระหนกลงเลยสักนิด
“คนของผมไปถึงแล้วใช่ไหม” ปลายสายตอบ เหมือนกับรู้ดีว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับฉัน
“ค่ะ แต่ว่านี่มันเรื่องอะไรกันค่ะ มนต์งงไปหมดแล้ว” ฉันถามกลับด้วยอยากได้คำอธิบายมากกว่านี้
“ก็แค่ทำตามที่เขาบอก” ปลายสายตอนเสียงเรียบ ไม่อธิบายให้ฉันเข้าใจเพิ่มเลยสักนิด
“ยังไงคะ แล้วที่คนของท่านประธานบอกว่ามารับมนต์ไปอยู่ที่อยู่ใหม่ มันคือยังไงคะ” ฉันที่ยังไม่ได้รับคำอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยังถามออกไปไม่หยุด
“ก็ตามที่เขาบอก” ปลายสายพูดคล้ายกวนประสาท
“ท่านประธานค่ะ มนต์ต้องการคำอธิบายค่ะ” ส่วนฉันที่เบื่อกับการเล่นลิ้นของเขาแล้วก็ได้เอ่ยถามเสียงเข้มออกไปอย่างลืมตัว
“มาก่อนแล้วผมจะอธิบายให้ฟัง”
และไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากถามอะไรออกไปอีก ปลายสายก็กดตัดสัญญาณไปเสียดื้อ ๆ และนั่นจึงทำให้ฉันต้องจำใจตามชายชุดดำไปแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
ณ เพนท์เฮ้าส์สุดหรูใจกลางเมือง
“นายครับ ผมพาคุณมนตรามาส่งแล้วครับ” ชายคนเดิมพาฉันเดินเข้ามายังห้องสุดหรูที่อยู่ชั้นบนสุดของคอนโดใจกลางเมือง ก่อนที่เขาจะโค้งหัวเอ่ยรายงานผู้เป็นเจ้านายตัวเองที่บัดนี้นั่งอยู่บนโซฟาหลุยส์สุดหรูกำลังยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบอยู่ด้วยท่าทางสบาย ๆ
“อืม ออกไปได้แล้ว” ผู้เป็นเจ้านายเอ่ยเสียงเรียบ โดยไม่หันหน้ามามองคู่สนทนาเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ฉันเอ่ยทักทายตามมารยาท เพราะไม่ว่าเรื่องราวระหว่างเขากับฉันจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือสถานะความเป็นนายจ้างกับลูกจ้าง
“นั่งซิ” เขาพูดหลังจิบบรั่นดีในมือ
และในจังหวะที่ฉันกำลังจะอ้าปากถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย
“ผมจัดการย้ายข้าวของคุณและคุณให้มาพักอยู่ห้องใต้คอนโตของผมแล้วนะ ส่วนเรื่องที่ห้องเก่าผมจัดการเคลียร์เรียบร้อยแล้วไม่ต้องเป็นกังวลไป” เขาพูดโดยที่สายตายังคงจับจ้องน้ำสีอำพันในแก้วใส และเป็นอีกครั้งที่ฉันยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเขาออกไป เขาก็จัดการคลายข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจของฉันแล้ว
“ไม่ต้องกังวลงั้นเหรอคะ คุณเล่นทำอะไรโดยพลการแบบนี้ นั่นมันของของมนต์ เรื่องส่วนตัวของมนต์นะคะ” ฉันที่รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำถึงกับทนไม่ไหวออกปากตำหนิเขาไป
“แล้วไง...” คิ้วเข้มเลิกขึ้นถามออกมาด้วยท่าทีไม่ยี่หระ
“แล้วไง...เหอะ...!!” ส่วนฉันที่จนใจยอมซูฮกให้กับความเอาแต่ใจของเขาจริง ๆ ถึงกับพูดไม่ออก
“เหมือนคุณจะลืมไปว่าเรายังมีข้อตกลงกันอยู่ และเมื่อไรที่ผมต้องการคุณ การที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ คุณก็สามารถตอบสนองผมได้ทันที” เขาที่อธิบายแบบพูดเองเออเอง ก่อนจะวางแก้วบรั่นดีในมือแล้วหันมามองหน้าฉันตรง ๆ เหมือนว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันถูกต้องแล้ว
“แต่มนต์ไม่ใช่นางบำเรอของคุณนะคะ...!!” ฉันที่เหลืออดกับการบีบบังคับของเขา จนแทบอยากจะกระโดดเข้าไปบีบคอเขาให้ได้สติสักที
แต่ทว่า...คำตอบที่คนตัวโตส่งมากลับทำให้ไฟโกรธที่คุกรุ่นอยู่กลางใจโหมลุกกระพือขึ้นมาทันที
“ก็กำลังจะเป็นอยู่นี่ไง” เขายักคิ้วใส่อย่างไม่แยแสความรู้สึกฉันแม้แต่น้อย
“คุณวาคิม...!!”
ฉันถึงกับผุดตัวลุกขึ้นยืนอย่างคนที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ พร้อมกับเตรียมตัวจะเดินกลับออกไปทันที...
(ชิ...ไม่ทงไม่ทำมันแล้วงานเลขาอะไรนี่...) ฉันคิดในใจ
และในจังหวะที่ฉันยังไม่ทันได้ก้าวเท้าแม้สักครึ่งก้าว เสียงที่เป็นดั่งคำประกาศิตก็เอ่ยเพื่อหยุดการก้าวขาของฉันเอาไว้...
ความคิดมากมายยังคงถาโถมเข้ามาในสมองไม่หยุดยามที่ได้นึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งในอดีตวันวาน ความทรงจำที่ทั้งดีและร้ายแม้จะมีบางเหตุการณ์ที่ยังชัดเจนในใจ แต่ทว่า...มันกลับไม่มีผลต่อหัวใจหรือความรู้สึกสำหรับฉันอีกต่อไปแล้วอีกทั้งพอได้นึกเรื่องราวเก่า ๆ ที่ผ่านมา ครั้นเมื่อคิดไปถึงเรื่องของคุณวาคิมแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงเรื่องราวของผู้ชายอีกคนที่แสนร้ายกาจไม่ต่างกัน...และเขาคนนั้นก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก...คุณไผ่...เรื่องราวของคุณไผ่นั้นนับได้ว่าเขาเป็นคนที่ได้รับผลของการกระทำมากที่สุดก็ดูจะไม่ผิดไปอย่างที่พูด เพราะแม้ว่านับตั้งแต่วันนั้นเขาจะไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก ด้วยเหตุผลหลักที่ฉันพอรู้ก็คือเขาไม่อยากมีปัญหากับคุณมาติน บุคคลที่มีคนใหญ่คนโตของประเทศหนุนหลังอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากนักที่เขาจะเลิกยุ่งกับฉันหลังจากที่รู้ว่าฉันได้มาอยู่กับคุณมาตินแล้วจริง ๆเพียงแต่ว่าหลังจากนั้นไม่กี่ปีข่าวคราวที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับคุณไผ่เขา มันกลับทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะท้อนใจกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ...นั่นก็เพราะหลังจากที่เรื่องราวของความจริงในอีกด้านได้ถูกเปิดเผยขึ้น
หลายปีต่อมา ~~นับตั้งแต่คืนวันแต่งงาน ทั้งฉันกับคุณมาตินก็ต่างมอบความรักให้กันอย่างดูดดื่มแทบจะทุกวัน จนกระทั่งสุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะได้จากฉันก็สำเร็จเมื่อฉันได้ให้กำเนิดลูกชายอีกคนที่เป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจให้กับคุณมาติน ส่วนเขาที่พอได้ลูกชายก็ออกอาการดีใจเห่อไม่หยุด และแม้ว่าฉันจะรู้ดีว่าเขาเองก็อยากจะมีลูกกับฉันเพิ่มอีกก็ตาม เพียงแต่เขานั้นยังไม่กล้าเอ่ยปากขอออกมาด้วยเพราะเขากลัวว่าฉันจะไม่พอใจแต่สิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือ...ตัวฉันเองก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าฉันจะมีลูกให้กับเขาอีก เพียงแต่ฉันอยากจะเลี้ยงลูกชายให้โตกว่านี้อีกสักหน่อยก่อน แล้วค่อยมีลูกให้เขาอีกคนอีกทั้งฉันที่ยังรู้สึกตื้นตันใจในความเสมอต้นเสมอปลายของเขาที่มีให้มาเสมอไม่ว่ากับฉันหรือลูกของฉันก็ตาม เขาที่ยังคงเอ็นดูสเตล่าลูกสาวของฉันที่เกิดกับคุณวาคิมเสมือนกับเป็นลูกในไส้ตัวเองเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง เหมือนกับวันแรกที่ลูกสาวของฉันคลอดออกมาอย่างไงก็อย่างงั้น แถมยังดูว่าเขาจะรักลูกสาวฉันมากขึ้นด้วยซ้ำนับตั้งแต่ที่ฉันคลอดลูกชายออกมาส่วนข่าวคราวของคุณวาคิมพ่อแท้ ๆ ของลูกสาวฉัน แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจะไม่ลด
พั่บ...พั่บๆๆๆ“อ๊ะ...อ๊ะ...อือออออ...มาตินค่ะ...อ่าาาาา ~~” ใบหน้าหวานเชิดขึ้นร้องครวญครางกระเส่าเสียงดังลั่นห้อง อีกทั้งมือบางทั้งสองข้างยังยกขึ้นมากอบกุมสองเต้างามงอนแล้วจัดการบีบขยี้เล่นอย่างต้องการระบายความเสียวที่กำลังตีมวนอยู่ในท้องน้อยยามนี้“อ่าาาาา...มนต์...ผมรักคุณ...มนต์...ซี๊ดดดดด ~~” ส่วนคนตัวโตที่มีใบหน้าเหยเกไม่ต่างกันก็กำลังกัดฟันแน่นด้วยความกระสัน พร้อมกับลำเอ็นที่กำลังจะปะทุลาวาสีขาวขุ่นออกมาอีกครั้งแล้ว แม้ว่าเขาจะปลดปล่อยมันไปมากมายก่อนหน้านี้แล้วก็ตามและด้วยเสียงร้องคำรามที่ออกมาจากคนใต้ร่าง ก็เป็นเหมือนดั่งแรงส่งให้ร่างบางเร่งขยับขย่มลำเอ็นแข็งระรัวถี่ยิบ จนกระทั่งเมื่อร่องอุ่นเสียดสีเข้ากับปลอกเนื้อหยุ่นอีกเพียงไม่กี่อึดใจ แรงกระตุกตอดของมัดกล้ามเนื้อด้านในก็ได้ส่งให้ร่างทั้งสองก็ต่างกู่ก้องร้องคำรามลั่นออกมาด้วยความสุขสมอย่างพร้อมเพรียงกัน“กรี๊ดดดด...อร๊ายยยย ~~ / อ่าาาาส์ ~~”ความร้อนอุ่นสาดซัดเข้าเต็มท้องน้อยอีกครั้งจนรู้สึกได้ พร้อมกับร่างนุ่มนิ่มที่ทิ้งตัวลงไปนอนบนอกแกร่งอย่างอ่อนแรง ทั้งที่ในร่องสาวยังคงปล่อยให้ครอบงำกลืนกินเอ็นอุ่นอยู่แบบนั้นด้วยเพราะแ
กระทั่งเมื่อฉันหลับตาพักอยู่ได้ไม่นานมากนัก อาวุธร้ายที่ยังคงสอดเสียบอยู่ในร่องอุ่นก็เหมือนจะแสดงอำนาจร้องขอออกมาอีกครั้งจนฉันรู้สึกได้“อะ...อุ้ย...”ฉันที่เด้งตัวขึ้นมามองหน้าของคุณสามี ก่อนที่เขาจะอมยิ้มแล้วพยักหน้าน้อย ๆ ดูเหมือนเด็กน้อยกำลังขอความเมตตาจากผู้ใหญ่ด้วยเพราะตัวเองยังกินไม่อิ่ม ส่วนฉันที่ได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้เขาดั่งคนรู้ใจ ก่อนที่เราสองคนจะทำตามใจปรารถนาที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่า เรานั้นมีความต้องการกันและกันมากแค่ไหนพั่บ...พั่บ...พั่บๆๆ"อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ... / อืมมมมม ~~"จากนั้น...บทเพลงสวาทแสนเร่าร้อนจนอุณหภูมิในห้องน้ำพุ่งระอุ เสียงร้องครางกระเส่าประสานกับเสียงเนื้อนุ่มกระทบกันไม่หยุด เป็นสัญญาณบอกได้ดีว่าสองร่างที่เป็นเงาสะท้อนเคลื่อนกระเพื่อมไปในทิศทางเดียวกันนั้น ต่างมีความสุขกันมากแค่ไหน ความซาบซ่านที่ทั้งสองรอคอยกันมานานจนกระทั่งต่างคนต่างมั่นใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้แล้ว มันช่างหอมหวานและกลมกล่อมคู่ควรกับที่ทั้งคู่รอคอยมานานจริง ๆก่อนที่ร่างบางจะถูกอุ้มยกตัวลอยอีกครั้ง โดยที่ภายในร่องฟิตแน่นของหญิงสาวนั้นยังมีท่อนเอ็นอุ่นคาอยู่เหมือนว่ามันไม่เคยถอดถอนไปไหน
แผล็บ ~~ จ๊วบ...จุ๊บ...ทั้งลิ้นทั้งริมฝีปากที่ต่างสลับกันทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น ส่งผลทำให้นอกจากร่างกำยำที่เกร็งรับความเสียวซ่านแล้ว ยังมีแท่งกล้ามเนื้อร้อนที่ตอนนี้ขยายร่างพองจนตัวโตชี้ตั้งโด่เชื้อเชิญให้ฉันลงไปทักทายจากนั้นร่างสาวที่ค่อย ๆ ย่อหย่อนกายคุกเข่านั่งลงไป จนเมื่อสายตาได้ประสานเข้ากับความใหญ่โตที่พอได้มองใกล้ ๆ แล้วจำต้องแอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ(ยะ...ใหญ่ไปไหม เฮือก ~~)ดวงตาที่เบิกโพลงด้วยเพราะกำลังการคาดคะเนว่ามือบางอาจจะกำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่มิด แล้วนับประสาอะไรกับโพรงปากเล็กนุ่มนิ่มนี้จะครอบงำตัวตนที่ทั้งใหญ่ทั้งยาวนี้ให้ลงคอไปง่าย ๆ ได้ยังไง...และในขณะที่ฉันกำลังตกตะลึงและพิจารณาตัวตนของสามีตัวเองอยู่นั้น เสียงที่เหมือนต้องการจะบอกว่าฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับเขาอย่างที่เขาทำให้กับฉันก็ได้ ก็กลับถูกการกระทำบางจู่โจมลงไปจนเสียงห้ามทุ้มถึงกับขาดหายออกมาไม่เต็มคำ“คุณไม่ตะ...ต้..อ....ง”จ๊วบ...แผล็บ ~~“อ๊ะ...อืมมมมม ~~”ปากอวบอิ่มที่ตรงเข้าจัดการครอบงำความใหญ่โตตรงหน้าเข้าใส่ปากไปในทันที ก่อนจะเริ่มขยับหัวโยกรูดหนังหยุ่นขึ้นลงอย่างไม่รีรอแม้ว่าปากจะต้องอ้ากว้า
จุ๊บ...จ๊วบ ~~ “อึก...อึก...”เสียงดูดกินหน้าอกอวบขนาดใหญ่ ผสานเข้ากับเสียงกลืนของเหลวลงคอ และเมื่อสองเต้าได้สลัดอาการคัดนมไปจนหมดแล้ว ความเสียวซ่านที่ต่อคิวรอก็ได้เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว“อื้ออออออ...ซี๊ดดดดด...สะ...เสียว ที่รัก...มนต์เสียว...”น้ำเสียงหวานครางกระเส่าพร้อมกับมือที่ขยำเรือนผมเจ้าของความร้อนที่ครอบงำอยู่บนปลายปทุมถันแน่น และด้วยความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นก็ยิ่งส่งให้มือบางกดให้ริมฝีปากนั้นจมลงไปในเนื้อนุ่มอย่างเต็มปากเต็มคำ“อืมมมมม...จ๊วบ...ผมรักคุณนะมนต์...แผล็บๆๆ”ส่วนเจ้าของริมฝีปากร้อนระอุที่ยังคงสาละวนอยู่ที่สองเต้าไม่หยุด ก็ได้แต่ดูดดื่มความหวานไม่ปล่อย อีกทั้งยังพร่ำบอกความในใจออกมาให้ฟัง“อ่าาาา...มาตินค่ะ มะ...มนต์จะไม่ไหวแล้ว”สิ้นเสียงกระเส่าครางบอก...คนตัวโตก็ไม่รอช้า รีบผละใบหน้าออกจากความใหญ่โตที่ทั้งหอม ทั้งนุ่ม และหวานอร่อย จนเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกสาวตัวน้อยถึงมักจะกินจุและมักจะหลับคาเต้าอวบอิ่มคู่นี้อยู่เสมอ และนับจากวันนี้เขาคงต้องขอลูกสาวตัวน้อยแบ่งความอร่อยจากสองเต้านี้มาบ้างแล้วล่ะ...จากนั้นใบหน้าคมสไตล์หนุ่มละตินก็เคลื่อนลงไปสำรวจยังจุดหมายต่อ







