“แย่แล้วๆ พี่หญิงรองหายตัวไปแล้ว”
พอขาดคำเสี่ยวจูและพวกสาวใช้ก็รีบกรูกันเข้ามาในห้องอย่างตื่นตกใจ
“คุณหนูสามเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ เอ๊ะ แล้วคุณหนูรองของบ่าวหายไปไหน”
“ข้า...ข้าก็ไม่รู้ นางใช้ให้ข้าไปหยิบของมาให้ พอหันกลับมาอีกทีก็หายไปตัวไปแล้ว ฮือๆ ก่อนไปนางเอาแต่ร้องไห้บอกว่าไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก” หลินซูหนิงร้องไห้ฟูมฟายอย่างตกใจ “พวกเจ้ารีบไปตามท่านพ่อท่านแม่ข้ามาเร็วเข้าเถอะ”
เพียงไม่นานหลินจื่อชิงและเฉินซิวเจินก็รีบเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาสั่งให้ทุกคนออกตามหาลูกสาวคนรองทั่วบ้านอย่างเงียบๆ วันนี้เป็นงานมงคลหากใครรู้ว่าเจ้าสาวหนีไปจะนินทาจวนสกุลหลินว่าอย่างไร คงงามหน้าไปทั้งเมือง
“บัดซบ! หนีตามบุรุษไปเนี่ยนะ นังลูกแพศยาไม่รักดี”
“ท่านพี่อย่าเอ็ดเสียงดังไปสิเจ้าคะ ท่านก็รู้ว่าเหม่ยเอ๋อร์เองก็ไม่เต็มใจจะแต่งแต่แรกแล้วนี่นา” หลินซูหนิงนั่งซับน้ำตาป้อยๆ ในอ้อมอกของผู้เป็นมารดาแลดูน่าสงสาร
“แต่นี่มันใช้ได้ที่ไหน เจ้าให้ท้ายจนนางเสียคน แล้วนี่ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด อีกเดี๋ยวเกี้ยวเจ้าสาวก็จะมารับแล้วด้วย ทีนี้จะเอาเจ้าสาวมาจากไหน แล้วเราจะให้คำตอบสกุลเซียวไปอย่างไร ไหนจะสินสอดพวกนั้นอีก เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร ส่งคืนงั้นหรือ” หลินจื่อชิงเอ่ยอย่างโมโห
“ท่านพี่อย่าเพิ่งร้อนใจไป มันต้องมีทางแก้ไขสิเจ้าคะ”
“เจ้าก็พูดได้สิ นี่มันไม่ใช่งานแต่งทั่วไป แต่มีสัญญาหมั้นหมายกันมานานแล้ว ทั้งตอนนี้อีกฝ่ายยังมีความดีความชอบฐานช่วยปราบข้าศึกที่มารุกรานชายแดนจนราบคาบ จนฝ่าบาทเพิ่งมีรับสั่งแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ด้วย หากพวกเขารู้ว่าเจ้าสาวมาหนีตามบุรุษไป ใช่แต่คนสกุลเซียว กระทั่งฝ่าบาทก็คงมาเล่นงานบ้านเราแน่”
ยิ่งพูดก็ยิ่งกดดันคนฟังให้หน้าเปลี่ยนสี
“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะเจ้าคะท่านพี่ คุณหนูรองก็หนีตามผู้ชายไปแล้วเช่นนี้” คำถามของเฉินซิวเจินราวกับจงใจเติมน้ำมันราดบนกองไฟ ทำให้นายท่านหลินถึงกับหน้าเสีย
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงเล่า เฮ้อ...”
“งั้นก็ให้ลูกแต่งแทนพี่หญิงรองดีไหมเจ้าคะ” หลินซูหนิงที่รอคอยโอกาสนี้มานานรีบเสนอตัว
“หนิงเอ๋อร์! เจ้าเอ่ยอันใดออกมารู้ตัวหรือไม่”
“ในเมื่อพี่หญิงรองหนีไปแล้ว ตอนนี้บ้านเราก็ไม่เหลือใครนอกจากข้าที่พอจะช่วยแก้หน้าให้ท่านพ่อท่านแม่ได้ ในเวลาเช่นนี้พี่หญิงรองก็คงหนีไปไกลแล้วด้วย งั้นมิสู้ก็ให้ข้าเสียสละตนเองไปแต่งแทนพี่หญิงรองเถอะเจ้าค่ะ อย่างน้อยบ้านเราก็ยังมีโอกาสรอดได้”
“โถ ลูกแม่ เจ้าช่างแสนดีเหลือเกิน” นางเฉินลอบสบตากับลูกสาวของตนอย่างสมใจ
ลูกเขยดีๆ เช่นนั้นหาง่ายนักหรือ ถึงนี่จะเป็นไปตามสัญญาการหมั้นหมายของอดีตฮูหยินเอกคนก่อนกับสหายรักซึ่งเป็นมารดาของเจ้าบ่าวตั้งแต่ตอนที่หลินอวี้เหม่ยเกิดก็ตามที
ตอนสามีนางบอกจะให้ลูกสาวคนรองอย่างหลินอวี้เหม่ยแต่งกับท่านแม่ทัพ นางก็ได้แต่เสียดายไม่หาย หากก็ขัดอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้นางลูกเลี้ยงตัวดีดันหนีตามผู้ชายไปเอง จนวาสนานี้ตกมาถึงบุตรสาวของนาง จะโทษใคร
“ไม่ได้!”
นายท่านหลินส่ายหน้าไปมาอย่างหนักใจ “ในเมื่อทางนั้นมีสัญญาหมั้นหมายระบุมาว่าต้องการแต่งกับเหม่ยเอ๋อร์เท่านั้นไม่ใช่เจ้า หากรู้ว่าเราเปลี่ยนตัวเจ้าสาวโดยพลการไม่บอกกล่าว เขาจะต้องทำร้ายเจ้าแน่”
“แต่ทางนั้นก็ไม่เคยพบคุณหนูรองตอนโตมาก่อนมิใช่หรือ เป็นแต่เพียงทำตามสัญญาหมั้นหมายเก่าเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้น”
“แล้วถ้าพวกเขารู้ภายหลังเล่า แม่ทัพเซียวคงได้มาอาละวาดจนบ้านเราพังราบคาบแน่”
ถึงแม้ตอนนี้นางเฉินจะขึ้นมาแทนตำแหน่งฮูหยินเอก แต่ก็เคยได้ชื่อว่าเป็นอนุมาก่อน แม้บุตรสาวคนโตโชคดีต้องตาฮ่องเต้ถูกเลือกเข้าวังไปเป็นสนม แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงสัญญาหมั้นหมายนี้ได้ง่ายๆ ในเมื่อสกุลเซียวก็เป็นสกุลเก่าแก่และมีความสำคัญกับราชสำนัก มารดาของท่านแม่ทัพเป็นญาติห่างๆ ต่างสกุลของฮองเฮาองค์ปัจจุบันอีกด้วย
“งั้นก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากสารภาพกับฝ่ายนั้นไปตามตรงว่าเจ้าสาวที่พวกเขาต้องการนั้นหนีตามบุรุษอื่นไปแล้ว สงสารแต่ท่านพี่ที่ต้องมาทนรับความอัปยศครั้งนี้จากคุณหนูรอง ไปเถอะหนิงเอ๋อร์ เราก็ไปรอรับโทษกันนะลูกนะ” นางเฉินแสร้งตัดพ้อด้วยสีหน้าเศร้า นางรู้ดีว่าสามีเป็นคนรักหน้าตาเพียงใด
แล้วก็เป็นไปตามคาด!
“ช้าก่อน...”
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร