สิ่งที่หลินอวี้เหม่ยคิดนั้นถูกต้องทีเดียว
“โอ๊ย! เจ็บ...อูย...”
เสียงร้องครวญครางดังออกมาเป็นระยะๆ จากห้องเก็บฟืนหลังบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่กักบริเวณของหลินซูหนิง ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังนอนเปลือยแผ่นหลังแตกยับให้มารดาช่วยใส่ยาให้ หลังจากที่นางถูกบิดาสั่งโบยจนบาดเจ็บสาหัส
“อดทนเอาหน่อยนะลูกรัก”
นางเฉินปลอบลูกสาวไป น้ำตาไหลพรากไป วันนี้ใช่แต่บุตรีของนางที่โดนลงโทษ แต่มารดาอย่างนางเองก็มิวายโดนสามีตบตีเสียยกใหญ่โทษฐานที่ไม่ดูแลลูกให้ดี ปล่อยให้ไปก่อเรื่องงามหน้ากับบุรุษอย่างหานเจี้ยนจวิ้น
แถมยังต้องมาขายหน้าเป็นขี้ปากชาวบ้านที่มามุงดูงิ้วตอนที่นายท่านหลินไล่ทุบตีบุตรสาวในสภาพเกือบเปลือยล่อนจ้อนไปทั่ว ทำให้ชื่อเสียงของหลินซูหนิงตอนนี้ด่างพร้อยไม่ต่างจากหญิงนางโลมเลยทีเดียว
ส่วนหานเจี้ยนจวิ้นผู้นั้น นอกจากถูกตีจนหัวแตก และมีบาดแผลตามเนื้อตัวแล้ว เขายังถูกหลินจื่อชิงสั่งคนจับมัดตัวไว้กับเสาด้านนอกเพื่อให้สำนึกผิด จนกระทั่งยอมรับปากจะมาสู่ขอลูกสาวของนางแต่งงานให้ถูกต้อง
แต่ถึงกระนั้นชื่อเสียงฉาวโฉ่ป่นปี้ไปแล้วนี้ จะกอบกู้กลับมาได้ง่ายๆ หรือ หากหานเจี้ยนจวิ้นไม่มารับผิดชอบ ต่อไปจะหาบุรุษดีๆ มีชาติตระกูลจากที่ใดมาสู่ขอบุตรสาวของนางได้อีก นี่มันยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นสำหรับคุณหนูในห้องหอคนหนึ่งมิใช่หรือ
“ฮือๆ ท่านแม่ ข้าเจ็บยิ่งนัก” หลินซูหนิงร้องครวญครางไม่ขาดปาก นางร้องไห้จนตาบวมไปหมด
“จะโทษใครได้ ก็เจ้าทำตัวเองนี่นา” แม้จะสงสาร แต่ก็อดปากบ่นไม่ได้ “ทำไมจึงได้ทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ แถมไม่ระวังจนถูกท่านพ่อเจ้าจับได้อีก”
หลินซูหนิงได้แต่กัดฟันกรอด เมื่อคิดถึงตอนที่นางถูกท่านพ่อกระชากตัวลงจากรถม้าในสภาพหลุดลุ่ยเกือบเปลือยน่าอนาถต่อหน้าธารกำนัล ก็กรีดร้องและตีอกชกหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะที่หลินอวี้เหม่ยได้แต่งงานกับท่านแม่ทัพใหญ่มีหน้ามีตา ได้อยู่ในจวนสกุลเซียวอันร่ำรวยมั่งคั่งในฐานะฮูหยิน เอกของท่านแม่ทัพ แต่ชีวิตนางกลับดิ่งลงก้นเหว ต้องมาถูกขังในห้องเก็บฟืนในสภาพน่าอนาถยิ่งกว่าเล้าหมูเช่นนี้
“กรี๊ด...ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ มันควรเป็นนางโง่หลินอวี้เหม่ยสิที่ถูกกระทำ ไม่ใช่ข้า ฮือๆ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ข้าไม่ยอม”
เสียงร้องโวยวายอย่างเสียสติของลูกสาวทำให้คนเป็นแม่ต้องรีบตะปบปิดปาก เกรงว่าผู้เป็นสามีจะได้ยินแล้วเกิดโมโหขึ้นมาจนบันดาลโทสะพลั้งมือฆ่าลูกสาวของนางตายคามือ
“เจ้าหยุดโวยวายได้แล้ว หรือเจ้าอยากให้ท่านพ่อเจ้ารู้ว่าข้าแอบเข้ามาใส่ยาให้ จะได้เป็นเรื่องขึ้นมาอีก”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ในหัวตอนนี้มีแต่ภาพที่ตนถูกจับได้จนต้องอับอายต่อหน้าผู้คน และโดนลงโทษเต็มไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นางเคยเป็นลูกรักของท่านพ่อ และเป็นคุณหนูที่งดงามเลื่องชื่อไม่แพ้ใคร แต่ชื่อเสียงของนางต้องมาพังป่นปี้ แผนการที่วางไว้ก็ผิดพลาดไปหมดเช่นนี้ มันเป็นเพราะอะไร
แล้วทำไมบิดาของนางถึงได้ตามไปเจอนางตอนพลอดรักอยู่กับหานเจี้ยนจวิ้นได้ล่ะ นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ หรือมีใครไปฟ้องท่านพ่อ แต่จะเป็นใครไปได้ในเมื่อคนที่รู้แผนการของนางก็มีเพียงท่านแม่ผู้เดียว ซึ่งไม่มีทางที่ท่านแม่จะหักหลังนาง
ไม่สิ! ยังมีอีกคนที่ทำได้
“หลินอวี้เหม่ย! เจ้า...ต้องเป็นเจ้าที่ฟ้องท่านพ่อให้มาเล่นงานข้า”
“เจ้าว่าอะไรนะ” เฉินซิวเจินหันมาถามบุตรสาว
“ท่านแม่ ต้องเป็นหลินอวี้เหม่ย คนที่ไปฟ้องท่านพ่อให้มาเล่นงานข้า”
“เจ้ามั่นใจหรือ”
“ข้ามั่นใจ” หลินซูหนิงเข่นเขี้ยวอย่างแค้นใจ “คอยดูนะ ข้าจะต้องแก้แค้นมันให้สาสม”
“เจ้าจะทำอะไรอีก” คนเป็นแม่ถามอย่างอ่อนใจ แม้ว่าจะเจ็บแค้นแทนบุตรี แต่สถานการณ์ของนางตอนนี้ก็ไม่เอื้อให้ทำอะไรมากนัก
“ข้าจะทำให้นางมีสภาพเดียวกับข้า”
“แต่นางแต่งเข้าจวนท่านแม่ทัพไปแล้ว เจ้าจะไปเล่นงานนางได้อย่างไร” ยังไม่ทันที่หลินซูหนิงจะได้ตอบ ก็มีเสียงใครบางคนที่มุดเข้ามาในห้องเก็บฟืน
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวมีข่าวมารายงานเจ้าค่ะ” เป็นเสี่ยวชิงสาวใช้ประจำตัวของหลินซูหนิงนั่นเอง
“ได้ยินว่าวันนี้มีราชโองการให้ท่านแม่ทัพเซียวไปปราบโจร ทำให้คุณหนูรองยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน ตอนนี้พวกนางถูกส่งไปอยู่ที่เรือนนอกเมืองแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ หลินอวี้เหม่ยไม่ได้แต่งงานแต่ถูกเฉดหัวไปอยู่นอกจวนแม่ทัพแทนแล้วงั้นหรือ ฮ่าๆ สวรรค์มีตาเข้าข้างพวกเราแล้วท่านแม่ ในเมื่อชีวิตข้าต้องป่นปี้เพราะนางนั่น ข้าก็จะทำให้ชีวิตนางพังย่อยยับเช่นกัน คอยดู!” หลินซูหนิงกล่าวอย่างอาฆาต
ภายในเวลาไม่นาน กบฏทั้งหมดก็ถูกปราบจนสิ้นซากหานเจี้ยนจวิ้นถูกทหารเข้ามาจับกุมตัว ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส อัครเสนาบดีและขุนนางผู้สมรู้ร่วมคิดต่างถูกล้อมจับจนหมดสิ้น ไม่มีทางหนีรอดจากมือแม่ทัพใหญ่ได้แม้แต่คนเดียว Top of FormBottom of Formท่ามกลางความเงียบสงบในท้องพระโรง บรรยากาศกลับตึงเครียด ใต้เท้าจางในฐานะหัวหน้าผู้ก่อการกบฏ รวมถึงหานเจี้ยนจวิ้นและบรรดาขุนนางผู้ร่วมก่อการครั้งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏต่อแผ่นดินส่วนหลินซูหนิงก็ถูกคุมตัวออกมาจากคุกเพื่อรับโทษประหารโทษฐานสมรู้ร่วมคิด นางถูกตราหน้าว่าเป็นอนุภรรยาของโจรกบฏแซ่หานต้องตายตกไปตามกัน ในวันประหาร มีการแห่งนักโทษรอบเมืองให้ชาวบ้านได้เห็นจุดจบของคนทรยศต่อแผ่นดินหานเจี้ยนจวิ้นที่ถูกขังกรงในสภาพไร้แขน เนื้อตัวสะบักสะบอมด้วยบาดแผลจากการทรมานจนแทบสิ้นสภาพ ถูกชาวบ้านขว้างปาก้อนหินและเศษผักเน่าใส่ไปตลอดทาง ด้านหลังมีกรงที่ใส่ร่างของอนุภรรยาของเขาตามมาในสภาพที่เรียกว่าอยู่ไม่สู้ตาย หลินซูหนิงนอนงอตัวร้องครางด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได
หลินอวี้เหม่ยมองสามีราวกับเห็นเทพเซียนลงมาปรากฏตัวตรงหน้า หัวใจที่เต้นระทึกมีความตื้นตันจนน้ำตาคลอเมื่อได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เป็นโจรกบฏอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา“โจรกบฏแซ่เซียว!”“ใครกันแน่ที่เป็นโจรกบฏชิงบัลลังก์” เซียวหลงเฉิงก้าวเข้ามายืนเอาตัวบังฮ่องเต้ไว้เพื่อปกป้องพระองค์จากคนชั่วที่หมายปองร้ายเอาชีวิต และจ้องมองหานเจี้ยนจวิ้นด้วยสายตาดุดันแกมดูแคลนหานเจี้ยนจวิ้นยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างของเซียวหลงเฉิงเข้าใกล้เขาทีละก้าว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้และตกเป็นเหยื่อของแผนการซ้อนแผนนี้“เจ้า...เจ้าควรตายไปแล้วมิใช่หรือ”เซียวหลงเฉิงแสยะยิ้มเย็นชาและเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามันตื้นเขินเกินไปเลยทำอะไรพวกข้าไม่ได้ และฮ่องเต้ก็ทรงรู้มาตั้งแต่แรกว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นกบฏคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหาใช่ข้าไม่ ราชโองการที่มอบให้เจ้านั้นก็เป็นเพียงกับดักให้พวกเจ้าเปิดเผยตัวตนออกมาเท่านั้นเอง”ในเวลานั้น ฮ่องเต้ก็ตรัสก้องอย่างเยือกเย็น
“นี่เจ้า!”ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตนางกำนัลตรงหน้าอย่างประหลาดพระทัย ก่อนที่จะลดสายพระเนตรมองสิ่งของในพระหัตถ์ ม้วนกระดาษเล็กๆ แต่เมื่อพระองค์เงยหน้าขึ้น นางกำนัลลึกลับผู้นั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเสียแล้วฮ่องเต้ทรงเปิดม้วนกระดาษนั้นออกอ่านจนจบ ดวงเนตรที่เคยหม่นหมองพลันสว่างไสวขึ้นอย่างมีความหวัง พระองค์แย้มพระโอษฐ์บางๆทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักของทหารแคว้นเหลียงเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานเจี้ยนจวิ้นและอัครเสนาบดีจางเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่าทีเย้ยหยัน เมื่อมาถึงกึ่งกลางของห้อง เขาทั้งสองมองตรงไปยังราชบัลลังก์ด้วยรอยยิ้มสะใจ ดวงตาเต็มไปด้วยละโมบทะเยอทะยานในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง“จงไปคุมตัวฝ่าบาทมาที่นี่” อัครเสนาบดีจางหันไปสั่งหานเจี้ยนจวิ้นเสียงเหี้ยมเพียงไม่นานนักฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ถูกทหารกบฏกุมตัวเข้ามาในท้องพระโรง หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนพระราชบัลลังก์ก็กลับพบภาพอันน่าตกตะลึง“บังอาจ!”เสียงหัวเราะกังวานก้องของบุคคลที่พระองค์ไม่คาดคิดว่าจะทรยศต่
หลังจากที่มีข่าวว่าแม่ทัพเซียวหลงเฉิงกลายเป็นกบฏไปเข้าร่วมกับศัตรูต่างแคว้น ก็มีข่าวใหม่ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงกำลังยกทัพบุกเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่อหวังชิงบัลลังก์โดยมีเซียวหลงเฉิงเป็นผู้นำทัพ ข่าวนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้กับชาวบ้าน หลายคนเคยเป็นโรคระบาดและได้ยาสมุนไพรของจวนแม่ทัพช่วยชีวิตไว้ ทำให้ซาบซึ้งบุญคุณของแม่ทัพใหญ่ จึงไม่อยากจะเชื่อข่าวคราวนั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อจึงเกิดคลื่นลมแรงไปทั้งเมืองหลวงลามไปถึงในวังที่พากันอกสั่นขวัญแขวนกันไปถ้วนหน้าฮ่องเต้เรียกขุนนางทุกคนเข้าประชุมหารือเรื่องการรับมือทัพข้าศึกที่มีแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเซียวหลงเฉิงนำทัพมา ขุนนางต่างเห็นพ้องกันราวกับนัดหมายว่าให้พระองค์แต่งตั้งรองแม่ทัพสกุลหานให้เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อรับมือกับข้าศึกคราวนี้ โดยมีเบื้องหลังที่ผลักดันอย่างอัครเสนาบดีจางเป็นหัวเรือใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้ฝ่าบาทไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้โดยง่ายพระองค์นิ่งเงียบพลางไตร่ตรองอย่างหนัก ขุนนางต่างเฝ้ารอคอยคำตอบด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่แววตาของอัครเสนาบดีจางฉายแววมั่นใจ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างสนับสนุนอย่างเต็มที่ให
“หลินซูหนิง!”คนถูกเรียกเงยหน้ามองไปที่สามีของตนอย่างเลื่อนลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองจะทำงาน“หะ...หานเจี้ยนจวิ้น” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นหานเจี้ยนจวิ้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็รีบคลานเข้าไปหาแต่ติดที่ขาทั้งสองถูกล่ามเอาไว้ทำให้ไม่อาจทำตามใจได้“ท่านพี่ ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”“เป็นนังอวี้เหม่ยเจ้าค่ะ นางสั่งให้จับข้ามาขังไว้ที่นี่ ฮือๆ ข้าไม่ผิด ข้าถูกนางพี่สาวสารเลวนั่นใส่ความ ข้าไม่ได้มีอะไรกับเจ้าบ่าวรับใช้หน้าโง่นั่น ฮือๆ ไม่มี ไม่ใช่ข้าๆ”หลินซูหนิงฟูมฟายอย่างคนสติแตก จนเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีถึงกับนิ่งงันไป รวมถึงทหารที่อยู่ด้านหลังได้แต่มองกันไปมาเลิ่กลั่กไม่รู้ว่านางกำลังพล่ามอะไรจนกระทั่ง“ท่านพี่ ท่านเป็นสามีของข้า ช่วยข้าด้วย ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ ถ้าท่านปล่อยข้าไป ข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง จะให้ข้าไปเป็นนางบำเรอของตาเสนาบดีเฒ่านั่น หรือใครก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น ฮือๆ”หานเจี้ยนจวิ้นยืนมองนางอย่างเย็นชา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจมากกว่าจะเห็นใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพร่ำพูดออกมาอ
“ฮูหยิน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงเอะอะของเสี่ยวจูที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น ทำให้หลินอวี้เหม่ยรีบเงยหน้าจากบันทึกที่กำลังอ่านอย่างตกใจ“มีอันใดกันหรือเสี่ยวจู”“ทะ...ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” คำนั้นทำให้คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“ทำไมหรือ ท่านแม่ทัพเป็นอะไร”“มีข่าวว่าท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”“รีบพูดมาเร็ว”“เมื่อกี้ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้ทัพหน้าของเราเพลี่ยงพล้ำให้กับข้าศึก แม่ทัพเซียวถูกข้าศึกจับตัวไป มีข่าวลือว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพยอมจำนนและเข้าร่วมกับทัพข้าศึกแคว้นเหลียงกลายเป็นกบฏแล้วเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ!”หลินอวี้เหม่ยตัวชา พยายามคุมสติให้มั่นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน นางจ้องมองไพ่ตายที่ซ่อนความลับสำคัญไว้ สัญญาณที่สามีทิ้งไว้ให้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาบอกให้นางหาทางส่งมันเข้าวังเพื่อให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้เท่านั้นแต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวว่าสามีของนางเข้าร่วมกับศัตรูกลายเป็นกบฏ ฮ่องเต้หรือจะทรงอนุญาตให้ฮูหยินของกบฏอย่างนางเข้าพบได้ง่ายๆ หลินอวี้เหม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่มีเวลาให้คิดแล้วเสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ประตูใหญ่ พร้อมเสียงเคร