Share

ตอนที่ 1  :  ลิขิต [2]

last update Last Updated: 2025-10-09 15:58:13

ตอนที่ 1  :  ลิขิต [2]

“เช่นนั้นก็หมั้นหมายม่านหนิงไว้ก่อน จากนั้นหลังจากหมั้นหมายม่านหลิวได้ก็แต่งพร้อมกัน พี่น้องเป็นชายาเอกชายารอง แบบนี้ในวังจวิ้นอ๋องจะได้ไม่ว้าเหว่จนเกินไป” จวินจี๋จวิ้นอ๋องเอ่ยทำลายความเงียบ

“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่มีเมตตา ทว่าผู้น้อยมิอาจรับได้” เป็นเซียวอี้ไฉที่เอ่ยปฏิเสธก่อนเว่ยฉืออวี่หยางเสียอีก

เซียวม่านหนิงมองบิดาด้วยใบหน้าเผือดสี “ท่านพ่อ”

เซียวอี้ไฉรู้ใจบุตรสาวเป็นอย่างดี ทว่าหากให้บุตรสาวทั้งสองแต่งงานไปกับผู้ชายคนเดียวกัน สักวันอาจต้องเกิดโศกนาฏกรรมดังเช่นเรื่องราวของเขาในอดีต ความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียนในอนาคต เขาจะไม่ให้มันเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด

“ผู้น้อยมิอาจยินยอมให้บุตรสาวทั้งสองแต่งงานกับบุรุษคนเดียวกันได้ ท่านอ๋องก็ทราบประวัติของสกุลเซียวเป็นอย่างดี โปรดเห็นใจครอบครัวของเราด้วย” เซียวอี้ไฉจงใจแทนตัวต่ำต้อย เพื่อเพิ่มระยะห่างให้กับทั้งสองตระกูลยิ่งขึ้น

“เซียวอี้ไฉ!” จวินจี๋จวิ้นอ๋องตวาดเสียงดังพร้อมตบหน้าขาตนเองฉาดใหญ่จนคนที่อยู่ในห้องโถงสะดุ้งโหยง ตัวเขารู้สึกคล้ายถูกหยามหน้า เชื้อพระวงศ์อย่างเว่ยฉืออวี่หยางจะมีสตรีใต้อาณัติกี่นางก็ได้ ขุนนางทั้งหลายต่างก็มุ่งมาดจะเกี่ยวดองกับพวกเขา ที่เขาให้บุตรสาวในตระกูลเซียวแต่งเข้าวังอ๋องถึงสองคนมิใช่เป็นความเมตตาหรอกรึ

“เสด็จพ่อ! ลูกก็ไม่เห็นด้วย” เป็นเว่ยฉืออวี่หยางที่ปฏิเสธเสียงแข็ง

“อวี่หยาง”

ใบหน้าของเว่ยฉืออวี่หยางแข็งทื่อ มิได้ชายตามองเซียวม่านหนิงแม้แต่แวบเดียว ความเย็นชาเหินห่างแผ่กำจายจนผู้คนไม่กล้าตอแย “ลูกตั้งใจจะแต่งกับสตรีเพียงนางเดียว หากว่ามิได้นางมาครอบครอง ชาตินี่อวี่หยางจะไม่ขอแต่งงาน”

สิ้นคำของเว่ยฉืออวี่หยาง พลันเกิดเหตุการณ์น้อยใหญ่ตามขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ประดุจเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวอย่างไรอย่างนั้น

จวินจี๋จวิ้นอ๋องลมแทบจับ

เซียวอี้ไฉระบายลมหายใจอย่างโล่งอก

ดวงใจของเซียวม่านหนิงแหลกสลายป่นปี้

ขณะเดียวกันเมื่อเรื่องถึงพระเนตรพระกรรณขององค์จักรพรรดิ ใบหน้าของเซียวม่านหลิวก็ถูกติดประกาศบนกระดานข่าวสารของแต่ละเมืองอย่างรวดเร็ว

มิคาดว่าความรู้สึกที่ท่านอ๋องน้อยเว่ยฉืออวี่หยางมีต่อเซียวม่านหลิว จะไม่ใช่แค่ความรักหนุ่มสาวโดยทั่วไปเสียแล้ว

บิดาของเซียวม่านหลิวเป็นเสนาบดีกรมโยธาธิการ เรื่องระบบก่อสร้าง วางผังเมือง ค่ายกล รวมไปถึงหลักการฟ้าดิน ลม น้ำ ในคัมภีร์ทั้งหลาย นางล้วนรอบรู้ทะลุปรุโปร่ง ที่จริงนางคาดว่าเมื่อออกจากเมืองหลวงแล้วจะอาศัยความทรงจำเมื่อปีก่อน มุ่งหน้าสู่เมืองเฉินตูเพื่อกลับบ้านเกิดของมารดา มิคาดว่าเมื่อขบวนรถม้าเคลื่อนออกจากประตูเมือง ขบวนพ่อค้าที่ควรจะมุ่งไปก็เปลี่ยนทิศ จากเส้นทางสายหลักกลับกลายเป็นการอ้อมเนินเขาลูกหนึ่ง ลัดเลาะชายป่าที่มีหญ้าขึ้นปกคลุมเส้นทางเพื่อมุ่งสู่ทิศตะวันตกของลั่วหยาง เส้นทางที่ปรากฏยิ่งทำให้นางใจสั่นหวิว นึกหวาดระแวงขึ้นมาในทันใด

ท่านพ่อเคยให้นางอ่านแผนผังบ้านเมือง จุดไหนเป็นจุดไหนนางย่อมจำได้ ครั้งนี้มุ่งสู่ทางทิศตะวันตก ไปยังเขตเขาซีหยาง มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ

…มุ่งเข้าสู่สุสานราชวงศ์

เซียวม่านหลิวในชุดของบุรุษกระแอมเพื่อดัดเสียงให้เข้มขึ้น สอบถามหัวหน้าคนงานที่นั่งรถคันเดียวกันอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“พี่ชาย…เราจะไปไหนกันหรือ”

คนที่นางถามเป็นพี่ชายหน้าแหลมคนหนึ่ง หางคิ้วตก ตาเล็กหยี คางแหลมราวกับมุสิก เขาสะดุ้งจากการสัปหงก แล้วกล่าวอย่างสะลึมสะลือ

“ไปทำงานอย่างไรเล่า เจ้าไม่ต้องห่วง คณะของพวกเราจ่ายค่าตอบแทนอย่างงดงาม” พูดจบเขาก็งีบหลับไปอีกครั้ง

หัวหน้าขบวนพ่อค้ารูปร่างกำยำ แตกต่างจากวาณิชทั่วไปหลายส่วน เซียวม่านหลิวจึงพยายามคิดในแง่ดีว่าการเป็นพ่อค้าที่เดินทางขนส่งสินค้าในแต่ละเมืองมิได้สะดวกสบายมากนัก ร่างกายกำยำล่ำสันถึงจะดี กอปรกับมีนักพรตซึ่งดูคล้ายเป็นผู้ทรงความรู้ผู้หนึ่งติดตามในขบวนด้วย อีกทั้งหน้าตาของแต่ละคนแม้จะดูเถื่อนถ่อยอยู่บ้าง แต่กลิ่นอายสังหารกลับไม่มี

เซียวม่านหลิวใช้ชีวิตหลายปีมานี้กับคนในตระกูลของมารดาที่ผาดโผนในยุทธภพ หน้าตาเป็นอย่างไรก็มิอาจบ่งบอกนิสัยใจคอได้ชัดเจน อีกทั้งรูปร่างของนางมิได้ตัวเล็กบอบบางดังเช่นสตรีในห้องหอ ยิ่งเติบโตก็ยิ่งแตกต่างกับพี่สาวน้องสาวราวกับมิได้ร่วมวงศ์วานเดียวกัน การปลอมตัวเป็นบุรุษจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง เพราะเช่นนี้นางจึงตัดสินใจติดตามพวกเขาออกมานอกเมือง

นางระบายลมหายใจเหนื่อยอ่อน ลางสังหรณ์ของนางแม่นยำมาแต่ไหนแต่ไร เกรงว่าขบวนพ่อค้าขบวนนี้จะมิใช่พ่อค้าธรรมดาเสียแล้ว

เส้นทางการหลบหนีออกนอกเมืองคล้ายราบรื่นดียิ่งราวกับสวรรค์จงใจเปิดทาง แต่ยิ่งราบรื่นก็ยิ่งน่ากังวลมากขึ้นทุกที เมื่อขบวนรถม้าจอดนิ่งอยู่ในพงหญ้าไม่ไกลจากทางเข้าสุสานราชวงศ์

มิคาดว่าที่นางสังหรณ์จะเป็นเรื่องจริง

รถม้าคันอื่นๆ ที่คล้ายกับเป็นผู้ร่วมงานเก่าแก่ลงจากรถอย่างรวดเร็ว ส่วนรถม้าสองคันสุดท้ายรวมถึงคันของนางเองกลับมีแต่คนงุนงงสงสัย เนื่องจากอัตราส่วนระหว่างคนที่เพิ่งรับเข้ามากับคนเก่าแก่เทียบกันแล้วเป็นครึ่งต่อครึ่ง จึงน่าประหลาดใจไม่น้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   บทส่งท้าย 2

    “อ๊า! เจ็บเหลือเกิน”“อึ๊บ! ฟูเหริน อึ๊บไว้เจ้าค่ะ”“หลิวหลิว มองหน้าแม่นะ เบ่งออกมา แค่อึ๊บเดียวเท่านั้น กลั้นหายใจแล้วเบ่งออกมาทีเดียวเลย!”“อึ๊บ…อ๊า!”“อุแว้…อุแว้!”“ว้าย! คลอดแล้วเจ้าค่ะ! อุ๊ย เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ตรงหน้าอกมีปานสีแดงคล้ายดวงไฟเลยเจ้าค่ะ!”“ต๊าย! หลานข้า น่ารักน่าชังนัก หลิวหลิว ดูสิ คิ้วเหมือนหมิงเอ๋อร์ไม่มีผิด คิกๆ แต่ดวงตากับปากดันเหมือนเจ้ามากเหลือเกิน น่าเสียดายที่ข้าอุ้มเขาไม่ได้”ปังๆๆ “เปิดประตู! ให้ข้าเข้าไปได้หรือยัง” หลี่หมิงที่ยืนเฝ้าหน้าประตูห้องราวกับหนูติดจั่นเริ่มอยู่ไม่สุข ความตื่นเต้นทรมานตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทำให้เขาทั้งหวาดกลัวและสงสารเซียวม่านหลิวจนทำอะไรไม่ถูก ครั้นได้ยินเสียงเด็กร้องก็ค่อยโล่งใจ อยากจะเห็นหน้าลูกเต็มแก่แล้วทันใดนั้นประตูก็เปิดออก หลี่หมิงพลันพุ่งตัวไปยังเตียงที่เซียวม่านหลิวนอนอยู่ ได้เห็นทารกตัวแดงๆ ที่ส่งเสียงอ้อแอ้ในผ้าอ้อมข้างหญิงสาวที่ใบหน้าซีดเผือดก็ยิ้มอย่างโล่งใจใบหน้ากลมป้อมและนิ้วเล็กๆ โยกไหวไปมาพร้อมกับเสียงประหลาดพิกลหูทำให้หลี่หมิงหวาดระแวงเล็กน้อย แต่เมื่อได้สบตากับดวงตาอันสุกสกาวของเจ้าตัวน้อย ก็รู้สึกราวกั

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   บทส่งท้าย 1

    กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารหลากหลายชนิดลอยกระทบนาสิกจนทำให้ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้าๆ ร่างในอาภรณ์ตัวบางบิดกายพลางหาวอย่างเกียจคร้าน เสียงจานชามกระทบโต๊ะทำให้ดวงตาของนางเหลือบมองไปยังกลางห้อง พลันเห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคยของผู้เป็นสามีเข้าเต็มตา เขากำลังง่วนอยู่กับการตระเตรียมอาหารเช้า ตรงเอวมีผ้าสีเข้มมัดอย่างแน่นหนาดูแปลกพิกล ครั้นได้ยินเสียงหาวเบาๆ ของนางก็หันกลับมา ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงาสลัวจากด้านนอกปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นสายหนึ่ง พานให้หญิงสาวเผลอมองตาค้างอย่างเผลอไผล“ฟูเหรินตื่นแล้วหรือ อาหลัน เตรียมน้ำมาให้นางล้างหน้า”“เจ้าค่ะ” สาวใช้โผล่มาจากที่ไหนสักแห่งขานรับอย่างรวดเร็วราวกับคอยรับคำสั่งแต่แรกแล้ว“อ๊ะ! ไม่ต้องหรอก”เซียวม่านหลิวตั้งท่าจะลงจากเตียง ทว่าหลี่หมิงกลับถลาเข้ามาประคองนางอย่างระมัดระวัง“ไม่ได้ เจ้าต้องดูแลตัวเองให้มาก” หลี่หมิงพูดอย่างอารมณ์ดีเซียวม่านหลิวย่นจมูกเล็กน้อย กลิ่นควันไฟที่ติดตามตัวหลี่หมิงทำให้นางพะอืดพะอมจนต้องเบนหน้าหนี ทว่าหลี่หมิงกลับคิดว่านางยังตื่นไม่เต็มตาจึงเบียดตัวเข้าประคอง“ฟูเหริน ค่อยๆ ลุกสิ”“ท่านถอยออกไปก่อน”“ทำไมเล่า”เซียวม่านหลิวผลักหลี่หมิงจนช

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [5]

    ค่ำคืนมืดมิด ท้องฟ้าเปิดโล่ง หนุ่มสาวสองคนนั่งคลอเคลียข้างหน้าต่าง มองหมู่ดาวที่แข่งกันทอแสงริบหรี่งดงามจับตา“ให้เขามีเวลาเพียงหนึ่งเดือน ไม่น้อยไปหรือ” เซียวม่านหลิวอดถามไม่ได้ หลังจากที่เว่ยฉือหลี่จิ้งถูกรับตัวเข้าวังหลี่หมิงเหล่มองนาง กล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ“เจ้าอยากให้ข้าอายุสั้นหรือ”หากหลี่หมิงให้เวลาเว่ยฉือหลี่จิ้งนานกว่านี้ นอกจากจะทำให้น้องชายผูกพันกับลูกหลานมากขึ้นจนตัดไม่ขาด ร่างกายของหลี่หมิงเองก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยโดยเฉพาะร่างกายที่อายุขัยสิ้นสูญไปนานแล้ว นอกจากจะอาศัยร่างของผู้อื่น สังขารของเว่ยฉือหลี่จิ้งก็ค่อยๆ เสื่อมสภาพลงเช่นกันหากไม่เพราะเขาทราบมาว่าร่างของเว่ยฉือหลี่จิ้งหายไปจากสุสานราชวงศ์ หลี่หมิงคงไม่คิดขุดคุ้ยอดีตให้เจ็บปวดเช่นนี้ โดยเฉพาะเรื่องของชวีชิงชิว เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากคาดการณ์มากที่สุดเขายังอยากหลอกตัวเองว่าชวีชิงชิวมิได้ทรยศความไว้ใจของตนหากชวีฮองเฮาไม่ชิงขอร้องและขอติดตามเข้าสู่สุสานด้วย หลี่หมิงคงไม่คิดเหยียบย่ำสถานที่แห่งนั้นเด็ดขาดเซียวม่านหลิวเห็นหลี่หมิงสีหน้าเรียบตึง แววตาเย็นเยียบ ใจของนางพลันรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเสียอ

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [4]

    จักรพรรดิทรงให้จวินจี๋จวิ้นอ๋องออกหน้า โดยที่พระองค์ทรงแฝงกายมากับขบวนเกี้ยวของวังจวิ้นอ๋องด้วยครั้นถึงหน้าประตูวัง องครักษ์ของจวินจี๋จวิ้นอ๋องจึงไล่ชาวบ้านออกไปจากบริเวณนี้ แล้วพาคนซึ่งสวมหมวกปิดบังใบหน้ากว่าสิบคนเข้าไปในวังเทียนมิ่งโดยที่เจ้าบ้านยังไม่ออกมาต้อนรับเสียด้วยซ้ำครั้นองค์จักรพรรดิและพระญาติทั้งหลายเสด็จถึงห้องโถงที่คนทั้งสามกำลังกินอาหารกันอยู่ เซียวม่านหลิวก็พลันเข่าอ่อน รีบขยับกายหนีในทันใดทว่าหลี่หมิงกลับคว้าแขนของนางไว้“เจ้ากลัวอะไร”“พวกท่านอาวุโสกว่าองค์จักรพรรดิก็จริง แต่ข้าไม่ใช่ ข้ายังอยากให้ตระกูลเซียวมีลูกหลานสืบสกุลอยู่นะ”ถึงสามีนางจะเป็นบรรพบุรุษขององค์จักรพรรดิ ทว่านางไม่ใช่ อย่างไรก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมมาเป็นลำดับแรก“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่น หมื่นปี” นางและข้ารับใช้ในวังเทียนมิ่งหมอบกราบในทันทีที่บุรุษในชุดสามัญชนก้าวเข้ามา ถึงแม้จะก้มหน้าอยู่ก็ยังสัมผัสได้ถึงรัศมีอำนาจของโอรสสวรรค์ มีเพียงสองคนที่ยังคงทระนงไม่หวั่นไหว นั่งหน้าไม่เปลี่ยนสีได้ ก็เห็นจะเป็นหลี่หมิงกับเว่ยฉือหลี่จิ้งนั่นล่ะ“ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ” สุรเสียงเคร่งขร

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [3]

    “องค์ชายสี่ ท่านตบพระพักตร์องค์จักรพรรดิแบบนั้น ไม่ถูกสั่งโบยหรือตัดหัวหรอกหรือ”เซียวม่านหลิวถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ ดวงตากลมโตสำรวจใบหน้าขององค์ชายสี่ด้วยสายตาใคร่รู้ แม้ว่าเว่ยฉือหลี่จิ้งจะเป็นน้องชายของหลี่หมิง แต่เพราะเขาตายตอนที่อายุมากกว่าหลี่หมิง ใบหน้าของหลี่หมิงจึงอ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อย แต่เพราะใบหน้าที่เริ่มไร้สีเลือดของเขาจึงทำให้ดูน่าเวทนาสงสารอย่างยิ่ง นางเองก็ไม่แปลกใจเลยที่เว่ยฉือหลี่จิ้งจะริษยาผู้เป็นพระเชษฐา เพราะหลี่หมิงมีทุกอย่างที่เขาต้องการจริงๆ ตอนที่ออกจากสุสานเพราะนางไม่ได้สติจึงไม่รู้ว่าเว่ยฉือหลี่จิ้งถูกใครแบกหามมา หลี่หมิงบอกแต่เพียงว่าน้องชายของเขาถูกคนลากออกจากสุสาน สภาพดูแทบไม่ได้ ต้องพักฟื้นหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ เช่นกัน ครั้นร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่า หลี่หมิงก็ส่งน้องชายบุกเข้าห้องบรรทมของจักรพรรดิด้วยแผนการอันชั่วร้ายคนอย่างเว่ยฉือหลี่จิ้ง นอกจากหลี่หมิงแล้วเขากลับมิได้เกรงใจผู้ใดเลยแม้แต่น้อยเว่ยฉือหลี่จิ้งยิ้มเย็น กล่าวเสียงเรียบ “เขาจะกล้าตัดหัวข้าได้อย่างไร ในเมื่อข้าคือผู้ร่างจดหมายให้คืนราชบัลลังก์แก่เสด็จพี่ ซินหย่งรู้อยู่แก่ใจว่าการสังหารผู้มี

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [2]

    กลับมาสู่ปัจจุบันเมื่อคิดถึงสตรีที่นอนหนุนตักเขาในตอนนี้ หลี่หมิงก็อมยิ้มมุมปาก ค่อยๆ เก็บเกี่ยวกลุ่มผมเงางามขึ้นมา ใช้หวีหยกสางให้อย่างเบามือ หลังจากที่ชวีฮองเฮาสิงร่างนาง เซียวม่านหลิวก็หมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ กระทั่งตอนนี้ข้ามมาอีกวันแล้วกลับยังไม่รู้ตัว“ไท่จื่อ…”เป้ยหยวนร้องเรียกหน้าประตู ไม่กล้าก้าวล่วงเข้ามาในห้องนอนของเขาที่ปลดม่านมุ้งลงเพราะเกรงว่าจะเห็นภาพอันไม่เหมาะสมหลี่หมิงปรายตามององครักษ์คู่ใจ “เป็นอย่างไร”“จักรพรรดิทรง…” เป้ยหยวนกัดริมฝีปาก ไม่รู้จะรายงานอย่างไรดี“บอกมา”“ทูลไท่จื่อ องค์ชายสี่ทรง…” เป้ยหยวนยังคงละล้าละลัง“เจ้าจะรั้งรออีกนานหรือไม่”“องค์ชายสี่ทรงตบพระพักตร์องค์จักรพรรดิคาห้องบรรทมพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หมิงเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย “ตามหมอมาหรือยัง”“เสิ่นหลิวสิงตรวจพระอาการอยู่พ่ะย่ะค่ะ”“แล้วองค์จักรพรรดิเล่า”“หลังจากที่โดนฝ่ามือขององค์ชายสี่ องค์จักรพรรดิก็เสด็จไปยังห้องเก็บป้ายบรรพชนทันทีพ่ะย่ะค่ะ”“อืม…เด็กคนนั้นคงรู้ตัวแล้วกระมังว่าข้ากำลังคิดทำอะไรอยู่”เป้ยหยวนไม่ออกความเห็นใดๆ นิ่งเงียบรอคอยคำสั่ง“ออกไปเถอะ ต่อไปเรียกนายท่านก็พอ บทบาทในฐา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status