Share

ตอนที่ 1 : ลิขิต [1]

last update Last Updated: 2025-10-09 15:58:09

ตอนที่ 1  :  ลิขิต [1]

วันที่สิบห้าเดือนห้า รัชศกเสวียนหลง

ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ริ้วเมฆบางเบา ดวงอาทิตย์สาดแสงแรงกล้า ประกายแสงสะท้อนลำน้ำลั่วเหองามระยับ

ดวงตะวันตั้งตระหง่าน บนเส้นทางหลักของลั่วหยางที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนนับร้อยพัน ขบวนเกี้ยว รถม้าและเกวียนนับได้สิบกว่าคันค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปยังทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของจวนขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งราชสำนัก ผู้คนที่แหวกทางให้ต่างก็คาดเดากันไปว่า วันนี้คุณหนูบ้านใดจะได้รับการทาบทามสู่ขอให้กับเจ้าของขบวนทรัพย์สินที่เพิ่งเคลื่อนผ่านไปนี้

ทว่ากลับมีคนจำนวนหนึ่งรู้ดีกว่าใครว่าขบวนสินสอดนี้กำลังจะมุ่งไปที่ใด

“องค์จักรพรรดิทรงพระราชทานกำไลหยกหรูอี้มาหนึ่งคู่ให้เป็นของหมั้นสำหรับท่านอ๋องน้อยอวี่หยางกับบุตรีของเสนาบดีเซียว ไม่รู้ว่ากำไลหยกล้ำค่านั้นจะตกอยู่ที่คุณหนูคนใด” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นราวกับเป็นคนวงในเสียเอง ขณะที่สายตาก็มองขบวนทรัพย์สินเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า

“แน่นอนว่าต้องเป็นคุณหนูรองสกุลเซียวสิ หลักจริยาครบถ้วน กิริยามารยาทงดงามอ่อนช้อย อายุอานามก็ย่างเข้าสิบเจ็ดปีแล้ว ย่อมสมควรออกเรือนก่อนคุณหนูคนอื่น” ชายหนุ่มผู้หนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฟังน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง

“จริงหรือ นับว่าเป็นวาสนาของเสนาบดีเซียวแล้ว ท่านอ๋องน้อยผู้นี้เป็นถึงรองเสนาบดีกรมคลัง อนาคตทางราชการรุ่งโรจน์ อีกทั้งยังเป็นเชื้อพระวงศ์ หากบุตรีตระกูลขุนนางได้แต่งออกไปให้เขา ย่อมส่งเสริมอาชีพการงานของบิดาได้อย่างดีเยี่ยม”

ชายหนุ่มหัวเราะ “จริงของพี่ชาย นับเป็นวาสนายิ่ง บุตรสาวของเสนาบดีเซียวแต่ละนางล้วนจริยามารยาทงดงาม ท่านอ๋องน้อยแต่งผู้ใดก็มีแต่ได้ศรีภรรยาผู้เพียบพร้อม ข้าว่างานนี้คุณหนูรองนับว่าโชคดีมหาศาล”

คนกลุ่มนั้นพูดคุยกันสักพัก รอกระทั่งขบวนรถเคลื่อนผ่านไปจนหมด ชายหนุ่มผู้รู้ลึกรู้จริงจึงขอปลีกกายเดินจากมา

อาภรณ์สีเทาหม่นดูธรรมดากลมกลืนกับคนทั่วไปได้ดียิ่ง หมวกที่ร้อยผ้าแพรสีเข้มปิดบังใบหน้าเฉกเช่นชาวยุทธ์ทั่วไปทำให้ผู้อื่นมิได้แปลกใจมากนัก ร่างโปร่งของเขาผลุบเข้าตรอกซอยหนึ่ง ก้าวฉับไปได้สักพัก เบื้องหน้าพลันปรากฏรถม้าราวสามสี่คันจอดเรียงรายกันอยู่หน้าโรงเตี๊ยมราวกับขบวนขนส่งสินค้า

“อ้าว…เจ้าหนุ่ม ใช่คนที่มาสมัครตำแหน่งจิปาถะหรือเปล่า”

ใครคนหนึ่งที่ยืนรวมกับกลุ่มรถม้าเรียกเขาเอาไว้ เท้าของเขาชะงัก เลิกผ้าซึ่งปิดบังใบหน้ามองคนที่กำลังเรียกเขาอย่างพินิจพิจารณา พบว่าเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาสวมอาภรณ์นักพรตสีดำคาดแถบขาว บนใบหน้าไว้เคราแพะที่เริ่มมีหงอกสีขาวแซมจำนวนหนึ่ง

“พวกท่านรับคนงานเพิ่มหรือ”

ชายคนนั้นพยักหน้า กวักมือเรียก “มาๆๆ วันนี้เราต้องออกจากเมืองก่อนตะวันตกดิน ยังต้องการคนอีกจำนวนมาก”

“ออกจากเมืองหรือ”

“ใช่ เจ้าจะไปหรือไม่”

รอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม “ไปสิ”

“ท่านอ๋องจวินจี๋โปรดทรงระงับโทสะ ท่านอ๋องน้อยโปรดอย่าได้ถือสาม่านหนิงของกระหม่อมเลย เป็นผู้แซ่เซียวอบรมบุตรสาวคนที่สามของตัวเองไม่ดี ม่านหลิวของพวกเราตอนนี้ไม่ทราบจริงๆ ว่านางหายไปที่ไหน ท่านอ๋องน้อย ท่านสามารถหมั้นหมายกับบุตรสาวคนรองของกระหม่อมได้ ม่านหนิงของกระหม่อมปฏิบัติตนในกรอบจริยามิเคยด่างพร้อย แตกต่างกับม่านหลิวที่กระโดกกระเดกโดยสิ้นเชิง หากว่า…”

“ที่ข้าต้องการตัวคือเซียวม่านหลิว หากไม่ใช่นางก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“ท่านอ๋องน้อย…” เซียวอี้ไฉเรียกเว่ยฉืออวี่หยางด้วยน้ำเสียงคล้ายจะร่ำไห้ เขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนอย่างเซียวม่านหลิวที่เก็บตัวเงียบเชียบตลอดทั้งปีมานี้ถึงกับกล้าหลบหนีออกจากจวนตระกูลเซียว ทั้งยังคาดไม่ถึงว่าเว่ยฉืออวี่หยางที่วันๆ เอาแต่ทำงาน พอหลังพิธีปักปิ่นของเซียวม่านหลิวไม่ทันไรก็ขอพระราชทานของหมั้นจากองค์จักรพรรดิแล้วบุกมายังจวนตระกูลเซียวโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้

ทั้งยังหักหน้าเซียวม่านหนิงที่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีใจให้เขาได้อย่างเลือดเย็น หากเป็นเช่นนี้แม้คนทั้งครอบครัวอยากเป็นเทพอุ้มสมให้นาง เซียวม่านหนิงก็ไร้วาสนา ไม่อาจมีตัวตนอยู่ในสายตาของเว่ยฉืออวี่หยางอยู่ดี

จวินจี๋จวิ๋นอ๋องซึ่งนั่งตรงตำแหน่งประธานในห้องโถงตระกูลเซียวตีหน้าขรึมลง แม้จะพึงพอใจในตัวเซียวม่านหนิงไม่น้อย กระนั้นก็ยังไม่อยากขัดใจบุตรชายของตนนัก

เซียวม่านหนิงรูปโฉมงดงามล่มเมือง เพียบพร้อมดั่งกุลสตรีในห้องหอ ตั้งแต่ถือกำเนิดมาก็อยู่ในสายตาของผู้หลักผู้ใหญ่ในจวนมาโดยตลอด หากเว่ยฉืออวี่หยางจะสืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องต่อจากเขา มีแต่แต่งสตรีเช่นนางเท่านั้นจึงจะเสริมบารมีให้กับบุตรชาย

ต่างกับเซียวม่านหลิวโดยสิ้นเชิง เซียวม่านหลิวแม้เติบโตมากับบุตรชายของเขา ทว่าหลายปีก่อนนางถูกส่งตัวไปยังบ้านเกิดของมารดาบังเกิดเกล้าที่เฉินตู และเพิ่งกลับมาลั่วหยางเมื่อปีก่อน ถึงภายนอกจะไม่มีอะไรแตกต่างกับพี่สาวนัก ทว่านางมิได้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ในเมืองหลวงมาตั้งแต่ต้น ทั้งยังมีแววว่าจะพยศอย่างยิ่ง สตรีที่ดีไม่ควรมีลักษณะนิสัยอย่างนาง หากแต่งเข้าวังอ๋องเห็นทีต้องเกิดเรื่องไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่

ทว่าคนที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องแต่งงานกลับเป็นเว่ยฉืออวี่หยาง เขาเป็นหลานคนโปรดขององค์จักรพรรดิ นานครั้งจะทูลขออะไรสักอย่าง อีกทั้งครั้งนี้ขอของหมั้นเพื่อทาบทามว่าที่ชายาเอก องค์จักรพรรดิทรงดีพระทัยอย่างมาก จึงพระราชทานกำไลหยกหรูอี้อันล้ำค่าให้เป็นของหมั้นหมาย ด้วยอายุและรูปโฉมของเว่ยฉืออวี่หยางนับได้ว่าเป็นเอกในแผ่นดินต้าถัง เพียงแค่เกริ่นว่าอยากแต่งงาน แม่สื่อทั้งหลายคร้านจะวิ่งมาถึงประตูวัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   บทส่งท้าย 2

    “อ๊า! เจ็บเหลือเกิน”“อึ๊บ! ฟูเหริน อึ๊บไว้เจ้าค่ะ”“หลิวหลิว มองหน้าแม่นะ เบ่งออกมา แค่อึ๊บเดียวเท่านั้น กลั้นหายใจแล้วเบ่งออกมาทีเดียวเลย!”“อึ๊บ…อ๊า!”“อุแว้…อุแว้!”“ว้าย! คลอดแล้วเจ้าค่ะ! อุ๊ย เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ตรงหน้าอกมีปานสีแดงคล้ายดวงไฟเลยเจ้าค่ะ!”“ต๊าย! หลานข้า น่ารักน่าชังนัก หลิวหลิว ดูสิ คิ้วเหมือนหมิงเอ๋อร์ไม่มีผิด คิกๆ แต่ดวงตากับปากดันเหมือนเจ้ามากเหลือเกิน น่าเสียดายที่ข้าอุ้มเขาไม่ได้”ปังๆๆ “เปิดประตู! ให้ข้าเข้าไปได้หรือยัง” หลี่หมิงที่ยืนเฝ้าหน้าประตูห้องราวกับหนูติดจั่นเริ่มอยู่ไม่สุข ความตื่นเต้นทรมานตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทำให้เขาทั้งหวาดกลัวและสงสารเซียวม่านหลิวจนทำอะไรไม่ถูก ครั้นได้ยินเสียงเด็กร้องก็ค่อยโล่งใจ อยากจะเห็นหน้าลูกเต็มแก่แล้วทันใดนั้นประตูก็เปิดออก หลี่หมิงพลันพุ่งตัวไปยังเตียงที่เซียวม่านหลิวนอนอยู่ ได้เห็นทารกตัวแดงๆ ที่ส่งเสียงอ้อแอ้ในผ้าอ้อมข้างหญิงสาวที่ใบหน้าซีดเผือดก็ยิ้มอย่างโล่งใจใบหน้ากลมป้อมและนิ้วเล็กๆ โยกไหวไปมาพร้อมกับเสียงประหลาดพิกลหูทำให้หลี่หมิงหวาดระแวงเล็กน้อย แต่เมื่อได้สบตากับดวงตาอันสุกสกาวของเจ้าตัวน้อย ก็รู้สึกราวกั

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   บทส่งท้าย 1

    กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารหลากหลายชนิดลอยกระทบนาสิกจนทำให้ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้าๆ ร่างในอาภรณ์ตัวบางบิดกายพลางหาวอย่างเกียจคร้าน เสียงจานชามกระทบโต๊ะทำให้ดวงตาของนางเหลือบมองไปยังกลางห้อง พลันเห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคยของผู้เป็นสามีเข้าเต็มตา เขากำลังง่วนอยู่กับการตระเตรียมอาหารเช้า ตรงเอวมีผ้าสีเข้มมัดอย่างแน่นหนาดูแปลกพิกล ครั้นได้ยินเสียงหาวเบาๆ ของนางก็หันกลับมา ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงาสลัวจากด้านนอกปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นสายหนึ่ง พานให้หญิงสาวเผลอมองตาค้างอย่างเผลอไผล“ฟูเหรินตื่นแล้วหรือ อาหลัน เตรียมน้ำมาให้นางล้างหน้า”“เจ้าค่ะ” สาวใช้โผล่มาจากที่ไหนสักแห่งขานรับอย่างรวดเร็วราวกับคอยรับคำสั่งแต่แรกแล้ว“อ๊ะ! ไม่ต้องหรอก”เซียวม่านหลิวตั้งท่าจะลงจากเตียง ทว่าหลี่หมิงกลับถลาเข้ามาประคองนางอย่างระมัดระวัง“ไม่ได้ เจ้าต้องดูแลตัวเองให้มาก” หลี่หมิงพูดอย่างอารมณ์ดีเซียวม่านหลิวย่นจมูกเล็กน้อย กลิ่นควันไฟที่ติดตามตัวหลี่หมิงทำให้นางพะอืดพะอมจนต้องเบนหน้าหนี ทว่าหลี่หมิงกลับคิดว่านางยังตื่นไม่เต็มตาจึงเบียดตัวเข้าประคอง“ฟูเหริน ค่อยๆ ลุกสิ”“ท่านถอยออกไปก่อน”“ทำไมเล่า”เซียวม่านหลิวผลักหลี่หมิงจนช

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [5]

    ค่ำคืนมืดมิด ท้องฟ้าเปิดโล่ง หนุ่มสาวสองคนนั่งคลอเคลียข้างหน้าต่าง มองหมู่ดาวที่แข่งกันทอแสงริบหรี่งดงามจับตา“ให้เขามีเวลาเพียงหนึ่งเดือน ไม่น้อยไปหรือ” เซียวม่านหลิวอดถามไม่ได้ หลังจากที่เว่ยฉือหลี่จิ้งถูกรับตัวเข้าวังหลี่หมิงเหล่มองนาง กล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ“เจ้าอยากให้ข้าอายุสั้นหรือ”หากหลี่หมิงให้เวลาเว่ยฉือหลี่จิ้งนานกว่านี้ นอกจากจะทำให้น้องชายผูกพันกับลูกหลานมากขึ้นจนตัดไม่ขาด ร่างกายของหลี่หมิงเองก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยโดยเฉพาะร่างกายที่อายุขัยสิ้นสูญไปนานแล้ว นอกจากจะอาศัยร่างของผู้อื่น สังขารของเว่ยฉือหลี่จิ้งก็ค่อยๆ เสื่อมสภาพลงเช่นกันหากไม่เพราะเขาทราบมาว่าร่างของเว่ยฉือหลี่จิ้งหายไปจากสุสานราชวงศ์ หลี่หมิงคงไม่คิดขุดคุ้ยอดีตให้เจ็บปวดเช่นนี้ โดยเฉพาะเรื่องของชวีชิงชิว เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากคาดการณ์มากที่สุดเขายังอยากหลอกตัวเองว่าชวีชิงชิวมิได้ทรยศความไว้ใจของตนหากชวีฮองเฮาไม่ชิงขอร้องและขอติดตามเข้าสู่สุสานด้วย หลี่หมิงคงไม่คิดเหยียบย่ำสถานที่แห่งนั้นเด็ดขาดเซียวม่านหลิวเห็นหลี่หมิงสีหน้าเรียบตึง แววตาเย็นเยียบ ใจของนางพลันรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเสียอ

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [4]

    จักรพรรดิทรงให้จวินจี๋จวิ้นอ๋องออกหน้า โดยที่พระองค์ทรงแฝงกายมากับขบวนเกี้ยวของวังจวิ้นอ๋องด้วยครั้นถึงหน้าประตูวัง องครักษ์ของจวินจี๋จวิ้นอ๋องจึงไล่ชาวบ้านออกไปจากบริเวณนี้ แล้วพาคนซึ่งสวมหมวกปิดบังใบหน้ากว่าสิบคนเข้าไปในวังเทียนมิ่งโดยที่เจ้าบ้านยังไม่ออกมาต้อนรับเสียด้วยซ้ำครั้นองค์จักรพรรดิและพระญาติทั้งหลายเสด็จถึงห้องโถงที่คนทั้งสามกำลังกินอาหารกันอยู่ เซียวม่านหลิวก็พลันเข่าอ่อน รีบขยับกายหนีในทันใดทว่าหลี่หมิงกลับคว้าแขนของนางไว้“เจ้ากลัวอะไร”“พวกท่านอาวุโสกว่าองค์จักรพรรดิก็จริง แต่ข้าไม่ใช่ ข้ายังอยากให้ตระกูลเซียวมีลูกหลานสืบสกุลอยู่นะ”ถึงสามีนางจะเป็นบรรพบุรุษขององค์จักรพรรดิ ทว่านางไม่ใช่ อย่างไรก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมมาเป็นลำดับแรก“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่น หมื่นปี” นางและข้ารับใช้ในวังเทียนมิ่งหมอบกราบในทันทีที่บุรุษในชุดสามัญชนก้าวเข้ามา ถึงแม้จะก้มหน้าอยู่ก็ยังสัมผัสได้ถึงรัศมีอำนาจของโอรสสวรรค์ มีเพียงสองคนที่ยังคงทระนงไม่หวั่นไหว นั่งหน้าไม่เปลี่ยนสีได้ ก็เห็นจะเป็นหลี่หมิงกับเว่ยฉือหลี่จิ้งนั่นล่ะ“ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ” สุรเสียงเคร่งขร

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [3]

    “องค์ชายสี่ ท่านตบพระพักตร์องค์จักรพรรดิแบบนั้น ไม่ถูกสั่งโบยหรือตัดหัวหรอกหรือ”เซียวม่านหลิวถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ ดวงตากลมโตสำรวจใบหน้าขององค์ชายสี่ด้วยสายตาใคร่รู้ แม้ว่าเว่ยฉือหลี่จิ้งจะเป็นน้องชายของหลี่หมิง แต่เพราะเขาตายตอนที่อายุมากกว่าหลี่หมิง ใบหน้าของหลี่หมิงจึงอ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อย แต่เพราะใบหน้าที่เริ่มไร้สีเลือดของเขาจึงทำให้ดูน่าเวทนาสงสารอย่างยิ่ง นางเองก็ไม่แปลกใจเลยที่เว่ยฉือหลี่จิ้งจะริษยาผู้เป็นพระเชษฐา เพราะหลี่หมิงมีทุกอย่างที่เขาต้องการจริงๆ ตอนที่ออกจากสุสานเพราะนางไม่ได้สติจึงไม่รู้ว่าเว่ยฉือหลี่จิ้งถูกใครแบกหามมา หลี่หมิงบอกแต่เพียงว่าน้องชายของเขาถูกคนลากออกจากสุสาน สภาพดูแทบไม่ได้ ต้องพักฟื้นหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ เช่นกัน ครั้นร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่า หลี่หมิงก็ส่งน้องชายบุกเข้าห้องบรรทมของจักรพรรดิด้วยแผนการอันชั่วร้ายคนอย่างเว่ยฉือหลี่จิ้ง นอกจากหลี่หมิงแล้วเขากลับมิได้เกรงใจผู้ใดเลยแม้แต่น้อยเว่ยฉือหลี่จิ้งยิ้มเย็น กล่าวเสียงเรียบ “เขาจะกล้าตัดหัวข้าได้อย่างไร ในเมื่อข้าคือผู้ร่างจดหมายให้คืนราชบัลลังก์แก่เสด็จพี่ ซินหย่งรู้อยู่แก่ใจว่าการสังหารผู้มี

  • ลิขิต โลหิต จันทรา   ตอนที่ 20 : เกิดเป็นลูกหลานมิอาจอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ [2]

    กลับมาสู่ปัจจุบันเมื่อคิดถึงสตรีที่นอนหนุนตักเขาในตอนนี้ หลี่หมิงก็อมยิ้มมุมปาก ค่อยๆ เก็บเกี่ยวกลุ่มผมเงางามขึ้นมา ใช้หวีหยกสางให้อย่างเบามือ หลังจากที่ชวีฮองเฮาสิงร่างนาง เซียวม่านหลิวก็หมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ กระทั่งตอนนี้ข้ามมาอีกวันแล้วกลับยังไม่รู้ตัว“ไท่จื่อ…”เป้ยหยวนร้องเรียกหน้าประตู ไม่กล้าก้าวล่วงเข้ามาในห้องนอนของเขาที่ปลดม่านมุ้งลงเพราะเกรงว่าจะเห็นภาพอันไม่เหมาะสมหลี่หมิงปรายตามององครักษ์คู่ใจ “เป็นอย่างไร”“จักรพรรดิทรง…” เป้ยหยวนกัดริมฝีปาก ไม่รู้จะรายงานอย่างไรดี“บอกมา”“ทูลไท่จื่อ องค์ชายสี่ทรง…” เป้ยหยวนยังคงละล้าละลัง“เจ้าจะรั้งรออีกนานหรือไม่”“องค์ชายสี่ทรงตบพระพักตร์องค์จักรพรรดิคาห้องบรรทมพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หมิงเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย “ตามหมอมาหรือยัง”“เสิ่นหลิวสิงตรวจพระอาการอยู่พ่ะย่ะค่ะ”“แล้วองค์จักรพรรดิเล่า”“หลังจากที่โดนฝ่ามือขององค์ชายสี่ องค์จักรพรรดิก็เสด็จไปยังห้องเก็บป้ายบรรพชนทันทีพ่ะย่ะค่ะ”“อืม…เด็กคนนั้นคงรู้ตัวแล้วกระมังว่าข้ากำลังคิดทำอะไรอยู่”เป้ยหยวนไม่ออกความเห็นใดๆ นิ่งเงียบรอคอยคำสั่ง“ออกไปเถอะ ต่อไปเรียกนายท่านก็พอ บทบาทในฐา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status