หญิงสาวงามสะคราญอีกคนคลานเข่าเข้ามา คนนี้อายุราว 20 ปี ผิวพรรณผุดผาด ผ้านุ่งผ้าห่มดูหรูหราสวยงามกว่าคนที่คลานออกไปเป็นอันมาก ซ้ำยังมีเครื่องประดับเครื่องทรงทองทั้งต่างหู สร้อย ปะวะหล่ำ กำไล ประดับเครื่องเพชรพลอยส่องสว่างแวววับจับตา
“เอ้า พระสนมแก้ว ในฐานะสนมเอกที่รู้จักปรนนิบัติเอาใจข้าเป็นอย่างดี ต่อแต่นี้เจ้าเป็นพระสนมพี่เลี้ยงให้แม่กากีเขานะ สอนเรื่องครองเรือน เรื่องถวายตัวให้เขาหายกลัวเสียหน่อย นางกำนัลพี่เลี้ยง พวกเจ้าดูแลนางมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ต่อแต่นี้ก็รับบัญชาพระสนมแก้วท่านด้วย ท่านปรารถนาเรียกหาสิ่งใดก็จัดหามาให้อย่าได้ขาดตกบกพร่อง”
ว่าจบก็ดึงตัวสีฝุ่นทำท่าจะหอมที่แก้ม สีฝุ่นเบ้หน้าเหยเกเกร็งตัวแข็ง จะถีบอีกสักรอบก็เกรงใจดาบยักษ์สี่เล่มรอบเตียงนั่น เลยยอมให้หอมให้จบๆไป
หญิงงามผมเกล้าสูงพร้อมเครื่องทรงทองคำสุดอลังการเหมือนนางเอกละครย้อนยุค ขยับขึ้นมานั่งข้างๆเธอ โอบแขนประคองไว้ แล้วนำผ้านุ่งอีกผืนมาพันตัวให้
“มาเถิด กากี แต่นี้เจ้าเป็นน้องพี่ เรากำลังจะมีผัวคนเดียวกันแล้ว พี่จะสอนเจ้าเองว่าจะดูแลผัวของเราอย่างไร มาเถิด ลุกขึ้น ไปห้องของเจ้ากัน อย่าได้คิดเป็นอื่นไกล”
ได้ยินคำว่าผัว สีฝุ่นก็ยิ่งสะดุ้ง แต่เมื่อเหลือบมองดูรอบตัวแล้ว คิดว่าออกไปจากตรงนี้ให้ได้ก่อนน่าจะดีที่สุด
สีฝุ่นถูกพาตัวออกจากห้องที่เรียกว่าห้องบรรทมนั้น เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูออกมา เธอก็ต้องตะลึงตะลาน เมื่อพบกับความเว่อร์วังอลังการของสถานที่ คบไฟขนาดใหญ่ที่เรียงรายโดยรอบส่องสว่างไสวราวกับงานเลี้ยงหรูๆของโรงแรมชื่อดัง แต่นี่ทั้งพื้นหินอ่อนขัดมันวับ ระเบียงหินแกะสลัก ราวจับขลิบทองเป็นรูปสิงโต ทองส่องประกายแวววาว ระเบียงทางเดินที่ทอดยาวไกลออกไปเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ฝั่งที่อยู่นอกรั้วระเบียงเป็นทิวทัศน์ต้นไม้ตัวอาคารอื่นๆที่ดูเหมือนจะมีความสูงต่ำกว่าอาคารนีี้
ลดหลั่นกันออกไป มีรั้วกำแพงกั้นอยู่หลายชั้นแต่เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนจึงเห็นเพียงตะคุ่มๆ ส่วนอีกฝั่งเรียงรายไปด้วยประตูไม้ลงรักปิดทองฝังมุกอร่ามเรืองนี่มันที่ไหนกันแน่ สีฝุ่นคิด เธอและคนที่ถูกเรียกว่าพระสนมแก้ว กับนางกำนัลพี่เลี้ยงอีกสองคนเดินค้อมตัวพินอบพิเทาตามหลังกันไปได้ราวสามร้อยเมตร ก็หยุดที่หน้าห้องหนึ่ง
พระสนมแก้วยืนนิ่งรอให้นางกำนัลด้านในเปิดประตูเข้าไป แล้วก็ประคองสีฝุ่นให้เดินเข้าห้อง ที่มีเตียงเล็กๆสี่เสาม่านกั้นที่ดูอลังการน้อยกว่าห้องแรก และดูเป็นส่วนตัวมากกว่าหน่อย
หลังประตูปิดลง เธอและพระสนมแก้วนั่งเคียงกันที่เบาะเตียง พระสนมแก้วมองหน้าเธอ อมยิ้มเอ็นดู “เป็นอย่างไรเล่า แม่กากีคนงาม ถวายตัวคืนแรก ตื่นตระหนกเสียจนถวายยันขาคู่ให้องค์เหนือหัวจนพระองค์กระเด็นติดฝาเสียทีเดียวหรือ ฮะๆๆๆ” เธอเอามือปิดปากหัวเราะตัวโยนตาหยี ทำเอานางกำนัลอีกสองคนที่นั่งข้างๆก้มหน้าปิดปากหัวเราะคิกคักตามไปด้วย
สีฝุ่นมองตามตาค้าง คนบ้าอะไรสวยขนาดนี้ ขำเสียอาการแบบนี้ยังสวย สวยอย่างกับนางฟ้า สง่างามเหมือนออกมาจากภาพวาด
“ข้าจะพูดอะไรให้ฟังนะกากี ดีหรอกว่าเป็นพระเจ้าพรหมทัต เจ้ากรุงพาราณสี หากเป็นกษัตริย์องค์อื่น หัวเจ้าอาจจะหลุดออกจากบ่าตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ทว่าเพราะพระองค์ทรงเมตตา รักและหลงใหลเจ้าเอามาก กากี เจ้าคือรัตนมณีน้ำงามที่สุดในสามโลก เหนือหัวถึงได้ซ่อนเจ้าไว้มิดชิดตั้งแต่ยังเยาว์ มีฉะนั้นหากบุรุษภายนอกวังได้รู้ได้ยลโฉมเจ้า เจ้าคงได้ชื่อว่าเป็นนางล่มเมืองเป็นแน่ บอกตามตรง เห็นเจ้าทีไร บางทีข้าก็อดริษยาในความงามและความเยาว์ของเจ้าไม่ได้”
กรุงพาราณสี ริษยา? ความงาม? ตลกละ
สีฝุ่นขมวดคิ้ว แต่แล้ว ตอนนั้นเอง เธอก็สังเกตเห็น กระจกเงาบานใหญ่ในกรอบไม้ขัดเงาสลักกนกลายดอกบัวงดงามอ่อนช้อย ทีแรกเธอนึกว่าภาพวาด แต่เมื่อลองเอียงหัวไปมาดู ก็ต้องตกใจ เฮ้ย! จำได้แล้ว
นี่มัน... ผู้หญิงที่เธอเห็นตรงที่พักบันไดข้างลิฟต์ ที่ออฟฟิศเมื่อตอนหัวค่ำนี้นี่นา
สีฝุ่นลุกขึ้นยืนตะลึงงัน จ้องมองร่างงามพิลาศพิไลตรงหน้าผู้มีเพียงผ้าแพรพันกายอยู่เพียงผืนเดียว ปราศจากเครื่องประดับตกแต่งใดๆทั้งสิ้น ภายใต้แสงไฟตะเกียงสีส้มนวลอ่อนเรือง แต่หญิงตรงหน้ากลับเปล่งประกายความงามออกมาทั่วทั้งร่าง
ผิวเนื้อเรื่อเรืองขาวนวลละไมราวกับจะเรืองแสงได้ในความมืด ดวงตาโตเรียวหวาน ขนตาดกหนางอนยาวเป็นแพ ดูกระจ่างสดใสเป็นกระกายราวกับดวงตาของลูกกวางน้อย คิ้วเป็นโค้งงามแนวชัดเจน
เนื้อโหนกแก้มเป็นเนินกลมน้อยๆอย่างที่เขาเรียกโหนกลูกส้ม รับกับแก้มอวบอิ่มมีสีเลือดฝาดเรื่อ ทำให้หน้าดูอ่อนหวานและดูเยาว์อ่อนเดียงสาลงอีก
เธอลองเอียงหน้าดูช้าๆ คนในกระจกเอียงหน้าตาม รูปหน้ามีมิติ จมูกโด่งช้อยปลายน้อยๆน่าเอ็นดู จะมีขัดกับอย่างอื่นก็ริมฝีปากอวบอิ่มแดงเรื่อดูนุ่มวาวฉ่ำเหมือนจ้ำด้วยทินต์แบรนด์ดัง
คาดเดาด้วยสายตาอายุไม่น่าจะเกิน 17 แม่เจ้าโว้ย สวยยิ่งกว่านางในวรรณคดีที่เคยจินตนาการไว้เสียอีก
“เอ้า นิ่งงันไปเสียนี่ กากี นั่งลงเสียก่อนสิ ข้าจะสอนวิชาครองเรือนให้เจ้าฟังคร่าวๆ เอ้า แม่พวกนางกำนัลพี่เลี้ยง พวกเอ็งไม่เคยมีผัว ฟังไม่ได้ดอก ออกไปรอข้างนอกก่อน”
สีฝุ่นมองสองสาวที่ทีแรกว่าสวยพริ้มเพราแล้วคลานเข่าออกไปแล้วหับประตูปิด หญิงที่ใครๆเรียกว่าพระสนมแก้วนี่สวยหยาดเยิ้มยิ่งกว่าดารานึกว่าสุดแล้ว แต่ไม่ได้ครึ่งแม่กากีในกระจกนั่นเลย
แล้วนี่...กากี... คือฉันเหรอ?
“กากี เจ้าน่ะ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ นับแต่เริ่มมีระดูเมื่อสามเดือนก่อน ก็นับว่าเป็นสาวเต็มตัวแล้ว หมดเวลาห่วงนวลสงวนกายอย่างที่ทำมาตลอด ถึงเวลาถวายตัวตามหน้าที่นางใน เมื่อองค์เหนือหัวพรหมทัตมีพระบัญชาแล้ว เจ้าก็ต้องดูแลปรนนิบัติพระองค์ให้เต็มที่ ละความละอาย ละความหวงเรือนร่างของเจ้าเสีย ต่อไปนี้ข้าจะพูดให้ฟัง เวลาร่วมหอ ผู้หญิงอย่างเราต้องทำเยี่ยงไรบ้าง”
“พระ...พระสนมแก้ว หมายถึงฝุ่น...เอ้ย หมายถึง ฉัน กากี ต้องมีผัว เอย หมายถึง ยอมร่วม...กับลุงนั่น?” หญิงสาวที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกพยายามทำความเข้าใจ “แล้ว เพิ่งมีระดู...ได้สามเดือน โอ้ย นี่ฉัน...อายุถึง 15 หรือยังเนี่ย”
พระสนมแก้วปิดปากหัวเราะอีก “เอ้าๆ ยังไม่หายตกใจ พูดจาเลื่อนเปื้อนไปใหญ่ อายุเท่าไรจะสำคัญกระไรเล่า ข้าไม่รู้ด้วยเจ้าดอก พระองค์ท่านเก็บมาชุบเลี้ยงตั้งนมนานแล้วนี่ มีระดูแล้วก็คือมีผัวได้แล้ว ยังกลัวอยู่อีกรึ เอาเถิด ข้าจะสอนคร่าวๆพอให้เจ้าเข้าใจหน้าที่” นางว่าพลางแล้วก็เลื่อนมือมาคลี่ปมผ้านุ่งที่หว่างอกหญิงงามนามกากีออก
“อย่ากระดากอายไปเลย เราก็เพศเดียวกัน อะไรๆ ที่เจ้ามีข้าก็มี เอาละ แรกสุด พระสนมใหม่อย่างเจ้าจะถูกเปลื้องผ้าออก เพื่อความปลอดภัยขององค์เหนือหัว มิให้มีการซ่อนอาวุธ อาจจะประดักประเดิดหน่อย แต่ก็เป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาเนิ่นนานแล้ว พอวางเจ้าบนพระแท่นบรรทม นาฏกุเวรก็มีหน้าที่ต้องบรรเลงเพลงกล่อมหอให้เจ้าที่หน้าห้อง เสียงเพลงของเขาจะเป็นสัญญาณ บอกพระเจ้าเหนือหัวพรหมทัตให้เสด็จเข้ามาร่วมหอกับเจ้าได้”
สีฝุ่นหูยังฟัง แต่สมาธิกระเจิดกระเจิงไปหมด เมื่อถูกผลักให้เอนลงบนที่นอนอีกครั้งทั้งร่างเปลือย แหม ต่อให้เป็นผู้หญิงด้วยกันแถมสวยหยดอย่างนี้ก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้มันก็ยังไงอยู่ เธอเอามือปิดหน้าอกสองข้างไว้แน่น ชันขาหนีบขาเอาไว้
มือเรียวงามประดับปะวะหล่ำกำไล แหวนเพชรพลอยทองวูบวับ เอื้อมมาจับข้อมือที่ปิดไว้ให้กางออก เนิกอกของกากีตูมตั้งปลั่งเต่งราวดอกบัวหลวงเพิ่งผุดพ้นน้ำ กลมงามบริสุทธิ์ ปลายถันแดงก่ำสีหมากสุกขนาดเพียงครึ่งเม็ดบัว “อย่าอาย อย่าขัด มือนี่อย่าปัดป้องผลักไส พระสนมโง่เท่านั้นที่จะผลักไสองค์กษัตริย์ออกจากตัวและทำให้ตัวเองตกอับ เจ้าต้องเอามือและแขนนี้ โอบองค์หรือแตะที่ต้นแขนท่าน อย่าได้วางตกกะปลกกะเปลี้ยบนที่นอนเหมือนท่อนไม้ ท่านเคลื่อนไปเชยชมเจ้าทางไหนก็โอนอ่อนตาม ไม่มีบุรุษใดนิยมสมเสพกับซากศพที่นอนนิ่งแข็ง หรือเอาแต่คร่ำครวญร้องไห้ จำเอาไว้” สีฝุ่นพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็รีบยกแขนกลับมาปิดหน้าอกอีกอยู่ดี จนมือเรียวงามคู่นั้น วางลงบนหัวเข่าของเธอ แล้วพยายามดึงแยกออก สีฝุ่นเห็นพระสนมแก้วเม้มปากกลั้นหัวเราะ ก่อนจะทำหน้าตาขึงขัง “นี่สำคัญนัก แม่คุณ ขาเจ้าต้องไม่หนีบเข้าหากันเยี่ยงนี้ ต้องยอมอ่อนกำลังให้พระองค์ท่านกางออก ให้สอดพระวรกายเข้าไปได้” “สะ...สอด” หญิงสาวที่นอนอยู่สะดุ้งเฮือก แม้อายุ 25 ย่าง 26 แต่เธอก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องเพศโดยตรง พอจะรู้หรอ
ดรุณีอรชร อกเต่ง สะโพกตึง เอวกิ่วคอด หน้าตาอ่อนเยาว์อ่อนเดียงสาเหมือนหยาดน้ำค้าง แต่เข้าใกล้แล้วเร่าร้อนเหมือนเปลวไฟ กลิ่นกายหอมหวานติดกายบุรุษที่แตะต้องตัวนางไปอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน แน่แล้ว ตอนนี้เธอเป็นนางกากี ตอนต้นเรื่องเลยละ หลังจากที่กำเนิดในดอกบัว พระฤษีเก็บเอามาเลี้ยง แล้วพระเจ้าพรหมทัตขอนางมาชุบเลี้ยงทะนุถนอมจนเติบใหญ่ เริ่มกลายเป็นเด็กสาวแรกรุ่น แล้วก็จะเอาเด็กสาวมาทำเมีย อืมมม...เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง สีฝุ่นคิด แว้กกกกกก! ไม่ได้สิ จะมาเออออห่อหมกง่ายๆแบบนี้ไม่ด้ายยยยย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นางกำนัลพี่เลี้ยงสามคนกลับเข้ามาในห้อง คนหนึ่งถือขันทองเหลือขนาดใหญ่มีผ้าผืนเล็กพาดอยู่เดินตามเข้ามาด้วย “ชำระร่างกายก่อนเข้าบรรทมเพคะ พระสนมกากี” นางกำนันคนที่เดินนำหน้าเอ่ยขึ้นพลางตรงเข้ามาเอื้อมมือจับปมผ้าที่หน้าอกกากีอีกครั้ง “ไม่ๆๆๆ ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันทำเองได้ แค่เช็ดตัวก็จบใช่ไหม พอกันที เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง มีคนแปลกหน้าจะมาจับฉันแก้ผ้าครั้งที่สามเข้าไปแล้ว สมกับเป็นเรื่องกากีจริงๆ ” สีฝุ่นถอนหายใจ นางกำนัลพี่เลี้ยงสองคนแ
นางกายหอมคิด ทั้งหน้าอก สะโพก ตูมเต่งกลมไปหมด เอวก็คอดหยั่งกะมด แถมตรงนั้น... ก็เหมือนผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วด้วย หลังเสวยหรือเกือบจะเรียกว่าสวาปามอาหารมื้อเช้าไปจนเกลี้ยงสำรับ กากีก็ถูกจับแต่งตัวห่มผ้ามิดชิด เอาผ้าคลุมศีรษะ เดินออกจากห้องตน ออกไปข้างนอก ความหนาของผ้ามากพอจะทำให้คนภายนอกมองทะลุเข้ามาไม่ได้ แต่ตัวกากีเองนั้นดวงตาแนบอยู่กับผ้าจึงมองลอดออกไปได้ ในยามกลางวันแสงแดดทำให้ภาพความใหญ่โตโอ่อ่าอลังการของพระราชวังเมืองพาราณสีเด่นชัด งดงามไม่แพ้ภาพในจินตนาการตอนที่อ่านหนังสือ เพียงออกมาจากห้อง เธอก็ได้ยินเสียงดนตรีไพเราะ คล้ายเสียงพิณจีนผสมฮาร์ป ดังกังวานไปทั่ว “เสียงพิณเทวะของนาฏกุเวร ไพเราะยิ่งนัก” นางกำนัลนางหนึ่งที่ประคองด้านขวาเอ่ยขึ้น “จุ๊ๆ” นางกำนัลที่ประคองซ้ายทำเสียงดุห้าม “อย่าอึงไป พระสนมแก้วได้ยินเข้าได้หวายลงหลัง เป็นนางใน เอ่ยถึงบุรุษ ไม่งาม” นางด้านขวาค้อนควัก “แหม ก็มีกันอยู่เท่านี้ บุรุษอื่นใดจะเข้ามาในเขตพระราชฐานนี้หาได้ไม่ มีแต่จตุรงค์ราชองค์รักษ์ที่เฝ้าแหนพระเจ้าเหนือหัวเท่านั้น แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วน
หญิงสาวกลั้นใจ ค่อยๆกางขาของตนออก หลับตา เบือนหน้าหนี อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ทำให้มันจบๆไปซะ เธอท่องราวกับเป็นคาถาที่จะปกป้องตนเองได้ กากีแม่หญิงงามใจหายวาบ ร้อนไปถึงก้น เมื่อรู้สึกได้ถึงบางสิ่งนุ่มหยุ่น พยายามเคลื่อนไหว ถูไถเลื่อนไปมาที่จุดกระสันหญิง และวนเวียนอยู่รอบปากทางเข้าสู่ช่องถ้ำนาง รู้สึกถึงแรงดันพยายามจะล่วงล้ำอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงครางยาวอย่างผิดหวังของชายกลางคน วัตถุกึ่งแข็งกึ่งหยุ่นนั้นกลับย่อนยวบลงทันทีเหมือนฟองน้ำ ไม่อาจยื้อรั้งได้อีก ของเหลวขาวข้นขุ่นร้อนราดรดบนเนินสวาทที่มีไรขนอ่อนนุ่มปกคลุมบางเบาและยังราดรดต้นขาของเธออีก อะไรกันน่ะ ยังไม่ได้เข้าไปไม่ใช่เหรอ หรือว่า แบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าล่มปากอ่าว เธอคิดวนไปวนมาอย่างสับสน แล้วนี่ฉันต้องทำยังไง พระเจ้าพรหมทัตเริ่มสะอึกสะอื้น หน้าตาแดงก่ำ กลิ่นสุรายังคลุ้งแรงในลมหายใจ “น่าขายหน้านัก ข้าหมายชมเจ้าให้สมที่อดใจรอเจ้าโตมานาน แต่พอถึงเวลากลับเป็นเช่นนี้ไปได้ น่าอับอายยิ่งนัก ต่อหน้าเจ้าที่เป็นนางแก้วของแผ่นดินแท้ๆ” กากีทำอะไรไม่ถูก จึงเอื้อมมื
ใครเลยจะรู้ว่าที่ตำหนักของพระสนมแก้ว มีห้องลับอยู่ห้องหนึ่ง ที่ใช้ซ่อนบรรดานางในรูปร่างหน้าตางดงามระดับหัวกะทิเอาไว้เกือบสิบคน แต่ละนางนั้นงามหมดจดหาที่ติไม่ได้ ผิวพรรณเนียนงามเปล่งปลั่ง แก้มมีสีเลือดฝาดเหมือนลูกพีช ริมฝีปากแดงชาด หากเป็นที่ที่หญิงสาวจากมา สีฝุ่นมองว่า สวยกว่านางเอก นางแบบ ดาราในโลกของเธอเป็นร้อยพันเท่า และที่สำคัญหญิงสาวเหล่านี้ไม่มีใครผ่านมีดหมอ แต่กลับสวยงามตามธรรมชาติ ดั่งผลไม้สุกปลั่งกลิ่นหอมหวนยวนยั่วน่าเชยชมลิ้มรสชาติยิ่งนัก แต่ละคนมีเพียงผ้าขาวผืนอ่อนบางผืนหนึ่งพันส่วนสงวนบนล่างเอาไว้หลวมๆ เปิดสองทรวงอกอิ่มปลั่งกลมเต่งเนียนงามอร้าอร่าม รวบเกล้าผมสูงพ้นต้นคอ ทุกนางกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดเนื้อตัวด้วยสมุนไพรสีแดงอมส้มบางอย่างกันอย่างขะมักเขม้น “นางพวกนี้ข้าให้คนตระเวนหามาปรนเปรอ พระเจ้าพรหมทัตจากทั่วพาราณสี ซื้อตัวมาบ้าง สมัครใจมาเองบ้าง ข้าเอามาฝึกสอนวิชากามปรนนิบัติ ให้ละความละอาย ให้รู้วิธีกระตุ้นกำหนัดเพื่อให้บุรุษพอใจ” พระสนมแก้ว เอียงคอพูดกับกากีเบาๆ “ทว่านอกจากตัวข้าเองแล้ว ส่งขึ้นไปถวายตัวอีกกี่คน พระองค์ก็ไม่ค่อยต้องพระทัยนัก บางคน
“ส่วนเนื้อที่ก้นนี้สำคัญนัก ต้องรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกกระทั้นจากบุรุษ ต้องมีความนุ่มหยุ่น ชุ่มชื้นอยู่เสมอ กล้ามเนื้อต้องแข็งแรง เกร็ง และผ่อน รัดและคลายได้ดังใจสะโพกที่กลม ผาย งาม ดึงดูดมนุษย์เพศผู้ได้ดีไม่ต่างจากเนินอก แม้อยู่ใต้ผ้าผ่อน ก็มองเห็นรูปร่างของมันได้ บ่งบอกถึงการเป็นแม่พันธุ์ที่ดี แข็งแรง เหมาะแก่การปลูกเชื้อกำเนิดทายาท” ในท่านั้น กากีเห็นหญิงสาวที่เรียงรายในท่าเดียวกันสะดุ้งเฮือกขึ้น บ้างร้องคราง บ้างกัดฟัน บ้างเม้มปาก ไล่มาทีละคน แล้วเธอก็มองเห็น หญิงกลางคนอีกนางหนึ่ง ถือกระปุกยาไม้ขนาดเท่าแก้วน้ำ ในนั้นมีแท่งไม้เท่านิ้วมือ คอยแตะจุ่มลงในผงสีขาวนวล แล้วยกขึ้นเสียบสอดลงในช่องที่ซอกขาจนมิดด้าม หมุนเร็วๆแล้วดึงออก เมื่อเห็นใกล้ตัวเข้ามา กากีที่รู้ชะตากรรมตัวเองพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกนางเอื้องผากดหัวเอาไว้ “อย่ากลัว อย่าขืนเกร็ง เจ้ายิ่งขืนจะยิ่งเจ็บ ยาสมุนไพรนี้จะทำให้ช่องกำเนิดเจ้าแข็งแรง กระชับ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหล่อเลี้ยงดุจน้ำหวานในเกสรดอกไม้ บุรุษใดได้สอดร่างใส่เข้าในเจ้าแล้วจะหลงใหลในรสสวาทไม่อยากละจากเจ้าไปไหน แต่ยานี้จะแสบนิดหน
“งามนักจริงหรือไม่เล่า กากี พ่อมานพรูปกายสูง อกกว้างใหญ่ไหล่โต กล้ามเนื้อหนั่นแน่นสมบูรณ์บ่งบอกพละกำลัง ใบหน้าคมคายองอาจสมบุรุษ อย่าว่าแต่นางในไม่มีผัว พระสนมมีผัวแล้วอย่างพวกเราก็ยังอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ แต่เรื่องแบบนี้ แอบไว้ในใจ ใครมันจะไปเห็น ทีพระเจ้าแผ่นดินยังมีหลายเมีย สตรีอย่างเราจะมีบุรุษแอบไว้ในอกในใจหลายคนบ้างก็ไม่เห็นจะเสียหาย ระวังกิริยาไม่ให้น่าเกลียดนักก็ไม่กระไรนักหรอก” พระสนมแก้วพูดพลางถอดเสื้อผ้ากากีออก เหลือเพียงผ้าแพรผืนบางพันท่อนล่างเพียงชิ้นเดียวเช่นเคย ก่อนเอนตัวเข้ามาใกล้กระซิบว่า “การมีบุรุษเก็บซ่อนไว้ในใจก็อาจจะมีประโยชน์กับเจ้าก็ได้นะกากี โดยเฉพาะในยามที่ต้องร่วมหอกับผัวชรา ที่เจ้าอาจยังไม่พร้อมเสพสังวาสด้วยทั้งกายและใจ เก็บไว้เป็นอุบายแก้เกมกามได้ชะงัดนัก จำคำข้าไว้ แล้วถึงเวลาเจ้าจะเข้าใจเอง” พระสนมแก้วยิ้มอย่างมีเลศนัย ที่บริเวณห้องฝึก วันนี้เด็กสาวงามพิลาศพิไลทั้งหมดรวมถึงนางอัปสรแปลงอย่างกากี ยืนอยู่เบื้องหน้าหุ่นจำลองร่างกายบุรุษในท่านอน หุ่นนี้ทำจากผ้าเนื้อละเอียดมันวาวสีดำสนิทตัดกับสีผิวเนื้อของบรรดาสาวๆ ยัดเส้นใย
กากีจ้องมองไม่วางตา ร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและร่างกาย ตกตะลึงพรึงเพริด กับภาพงามวิจิตรที่กระตุ้นความรู้สึกวาบหวามได้มากกว่าคลิปโป๊ที่เธอเคยเห็นในอินเตอร์เนตหลายเท่าตัวนัก หญิงสาวอีกสองสามคนที่อยู่ใกล้ๆร้องครางสุขสมไล่เลี่ยกัน แต่เผลอตัวทิ้งน้ำหนักจนไข่ปริแตก เหนียวเละ ข้นคาวเต็มซอกขา ต้องรีบลุกขึ้นเลี่ยงไปล้างตัว บางราย ร่อนส่ายสะบัดเอวรุนแรงจนไข่ไก่กลิ้งกระจายออกนอกเบาะไปไกล “เป็นอย่างไรเล่า พระสนมกากี เจ้าเรียนรู้สิ่งใดได้จากบทเรียนนี้บ้าง เห็นหรือไม่ ว่าสิ่งใดกันแน่ที่ปลุกกำหนัดบุรุษได้ดีที่สุด ดีถึงขนาดแม้จะปลุกกำหนัดสตรีด้วยกันก็ยังได้” พระสนมแก้วเอ่ยขึ้นข้างตัวกากี “เอื้องผากับพวกเจ้าอีกสองคนที่เรียงไข่เรียบร้อยแล้ว เข้ามาทางนี้” หญิงสูงศักดิ์ในเครื่องทรงงดงามเอ่ยขึ้นเสียงเรียบๆ กากี นางอัปสรจำแลงตื่นตระหนก เมื่อหญิงทั้งสามเข้าประกบแนบเนื้อทั้งด้านข้างและด้านหลัง นางเอื้องผากดสะโพกหญิงสาวลงจนกลีบเนื้อนางแนบกับเปลือกไข่ไก่ตรงตำแหน่งจุดกระสันพอดี “สอนนางให้เข้าใจความหฤหรรษ์ของกามรส นางต้องบรรลุที่สุดแห่งความพอใจเท่านั้น จึง
แม่ของเธอยิ้มกว้าง ดวงตาสดชื่น ความสุขแผ่เต็มใบหน้าแม้ร่างกายจะซูบผอมหลังจากต้องเฝ้าไข้เธอมายาวนาน เอ่ยตอบน้ำตาคลอ “ให้อ้วนเป็นช้างแม่ก็เลี้ยงไหว ขอแค่ลูกแม่ปลอดภัย อย่าเป็นอะไรไปอีกก็พอแล้ว” แตงกวาถลามาถึงโรงพยาบาลเพียงเพื่อจะพบว่า โรงพยาบาลห้ามเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เธอจึงต้องนั่งอยู่ที่ด้านล่างของโรงพยาบาล แล้ววิดีโอคอลคุยกับเพื่อนรัก “แก สรุปเรื่องตอนนั้นที่แกกลับมาในร่างนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ท น่ะ เรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝัน ไม่ได้บ้าใช่ไหม” แตงกวาถาม หลังจากเห็นเพื่อนสบายดีแล้ว และกำลังกินเอแคล์รที่เธอซื้อมาฝากผู้ช่วยพยาบาลไปเยี่ยม “อืม แกไม่ได้บ้า แต่เรื่องแบบนี้ เล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อเนอะ ลืมๆไปเหอะ” สีฝุ่นพูดขณะเคี้ยวขนมตุ้ยๆ อาการหลังผ่าตัดเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็วหมออนุญาตให้กินอาหารได้ตามปกติ นั่นคือข่าวดีที่สุดของเธอ “จะว่าไป แกเสียดายบ้างไหมวะ ที่ไม่ได้อยู่ในร่างสวยเริ่ดเหมือนนางฟ้าแบบนั้นแล้ว” เพื่อนสาวถามตาเคลิ้มๆ “ฉันยังอยากได้เลยแก สิบล้านค่าหมอผ่าไม่รู้จะพอไหมให้ได้สักครึ่งนั่น” สีฝุ่นตอบแบบไม่ลัง
ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้กากี เจ้าอย่าเพิ่งหมดหวัง ข้าจะไม่ยอมแพ้ ข้ารักเจ้า ข้ารักลูกของเรา เจ้าห้ามตาย ข้าจะรักษาเจ้ากากี ได้ยินข้าไหม เจ้าต้องรอดให้ได้” กากีคลี่ยิ้ม คำรักนั้นอ่อนหวานนัก ช่างอบอุ่นและจริงใจยิ่ง เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานคล้ายมีดอกไม้ทิพย์กลีบบอบบางกลิ่นหอมละมุนบานสะพรั่งอยู่ในอกตน นางคลี่ยิ้มก่อนเอ่ยประโยคสุดท้าย “ข้าก็รักเจ้า กาฬปักษี ข้ารักเจ้า” หลังจากนั้นร่างกายคล้ายถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ นางกระตุกเฮือก ไขว่คว้าเอามือหนานุ่มแสนอบอุ่นนั้นมาแนบที่ใบหน้าก่อนที่หยาดน้ำตาสุดท้ายจะไหลรินลงบนมือนั้น เป็นความอบอุ่นสุดท้ายก่อนชีพนางจะดับลง ฝ่ายนาฏกุเวร แบกดวงใจอันปวดร้าวเดินทางกลับพาราณสี ทุกข์โทมนัสด้วยความสิ้นหวัง กากี แม่งามเอ๋ย ยอดดวงใจพี่ นางในดวงใจที่เฝ้าถนอมรักไว้ใจดวงใจมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับรัก แม้หักหาญราญเอากายนางเป็นเมีย ปรนนิบัตินางด้วยกามวิเศษ แม้หมายจะเชิดชูให้นางเป็นถึงมเหสีเอก นางก็กลับไม่สนใจ ซ้ำรังเกียจอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยรังเกียจ กล้ากระทั่งทำให้ตนเองพิการอัปลักษณ์เพื่อคนไร้
บรรดาเหล่าพลธนูทั้งนั้นที่มาด้วย เห็นกระจะตาแล้วว่ากากีกำลังท้องแก่จึงเกิดความเวทนา ต่างลังเลไม่กล้ายิง แต่เมื่อถูกสั่งซ้ำโดยหัวหน้านายกอง จึงได้แต่ฝืนยิงอย่างไม่เต็มใจนักกาฬปักษีด้วยความที่หูตาไว ได้ยินเสียงธนูแหวกอากาศก็รีบโอบกากีหลบซุกกับอกตน หันหลังรับลูกธนูแทนนางไปทุกดอก ธนูแต่ละดอกถูกยิงมาโดยไม่เต็มใจ จึงเข้าเป้าอย่างไม่แม่นยำนัก ถูกแขนขาเอาบ้าง ตกลงพื้นบ้าง ทว่าดอกหนึ่งปักทะลุเข้าที่แผ่นหลังตรงอกหมอกาฬปักษีจนเจ็บปลาบ จุกแน่นหายใจไม่เข้า ทรุดลงนั่งกับพื้นกากีกรีดร้อง ร่ำเรียกชื่อชายคนรักสะอึกสะอื้น พยายามคิดหาหนทางรักษากาฬปักษี แต่ก็คิดไม่ออก ได้แต่กอดร่างชายคนรักที่ใกล้จะหมดสติร้องไห้อยู่อย่างนั้น เคราะห์กรรมซ้ำซัด ครรภ์แก่นั้นถึงกำหนดคลอด พิษครรภ์ต่างสายพันธุ์ทำให้ธาตุไฟปั่นป่วนทั่วร่างกายของกากี แสบร้อนไปสิ้นทั้งภายในภายนอก ปวดหัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจร้อนผ่าว ดวงตาขาวเริ่มมีเส้นเลือดแตกหลายเป็นสีแดงฉาน หัวใจของนางอยู่ที่การช่วยคนรักเท่านั้น นางจึงฝืนร่างกาย วิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน คว้ามีดได้ ก็กลับลงมาใช้กำลังที่เหลือ ดันลูกธนูให้ทะลุออก แล้วตัด
ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นย่ำ พระอาทิตย์กำลังทอแสงสุดท้าย พระเจ้านาฏกุเวรก็มาถึงอาศรมของหมอเทวดากาฬปักษี กำลังพลต่างโอบล้อมอยู่ห่างๆ ส่วนตัวคนธรรพ์ลงจากหลังม้าเดินเข้าไปคนเดียว กากีและกาฬปักษีได้ยินเสียงม้ามาแต่ไกล แต่ไม่ได้เอะใจว่าอาจเป็นผู้ที่นำอันตรายมาให้เข้าใจว่าเป็นผู้ทุกข์จะมาขอความช่วยเหลือรักษาโรค จึงไม่ได้หนีไปทางไหนได้แต่เตรียมหยูกยาอยู่ที่ชานหน้าบ้าน นาฏกุเวรเมื่อเห็นร่างตะคุ่มๆสวมชุดดำอยู่คู่กัน ร่างอรชรนั้น ต้องเป็นกากีไม่ผิดแน่ หัวใจแทบกระดอนออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้น “กากี พี่มาแล้ว” นาฏกุเวรร้องเรียกเสียงสั่น กากีที่โพกผ้าคลุมหัวปิดใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่งเย็นวาบจากท้ายทอยไปถึงเท้า เพราะจำได้ดีว่านั่นคือเสียงใคร นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยใจหวาดหวั่น กาฬปักษีเงยหน้าขึ้นดูด้วยดวงตาข้างที่ได้มาจากกากี เมื่อเห็นบุรุษรูปกายงามราวเทพบุตรลงมาจากสวรรค์ เสียงไพเราะอ่อนหวาน และเครื่องทรงทองอร่ามสว่างไสวไปหมดทั้งตัวก็นึกรู้ได้ทันที “พระเจ้านาฏกุเวรหรือนั่น” เขารำพึงพลางรีบดึงตัวกากีให้ถอยไปอยู่ด้านหลังตน พระเจ้านาฏกุเวรตวาด
แม้แต่ตัวนางกากีเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยดั่งว่านี่เป็นประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกของตน ตื่นใจ อ่อนหวาน หวั่นไหว ยิ่งเมื่อทั้งสองเริ่มช่วยกันเคลื่อนกายไหวโยก ขยับส่ายสับสะโพก เสือกท่อนเอ็นขนาดเขื่องเคลื่อนเข้า ออกในกายนาง แต่ละครั้งที่ดึงออกแทบถ่ายถอน ก่อนเหวี่ยงสับกระชับ เผียะลงมา ทำเอานางผวาใจแทบหยุดเต้น ปากแนบปาก นมแนบนม ท้องแนบท้อง ในอาณาเขตถ้ำทอง เสียงผิวเนื้อเปียกแฉะด้วยน้ำหล่อลื่นกระทบกันดั่งคนปรบมือถี่กระชั้น สองมือหนานุ่มเกาะยึดสะโพกอรชรไว้แน่น โถมร่างเข้าไปในกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ปทุมถันขาวปลั่งสว่างไสวเคลื่อนไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะยิ่งเร้ากำหนัดให้พุ่งสูง เหงื่อกาฬไหลพลั่งดั่งจะขาดใจ หยาดเหงื่อร้อนฉ่าไหลหยดลงบนท้องน้อยของนางแน่งน้อยกากีที่กำลังผวาเฮือกฮุบความสุข วินาทีถัดจากนั้น หมอหนุ่มกาฬปักษีก็พาตนไปถึงที่สุดแห่งกาม คำรามครางในลำคอเสียงแหบพร่า ปล่อยน้ำรักขุ่นข้นเหนียวลื่นพุ่งเท้าเต็มท้องน้อยแม่โฉมงามร่างอรชรที่นอนระทวยอยู่เบื้องล่างตน ด้วยสัญชาตญาณประหลาดของสตรี กากีรู้สึกว่า การร่วมเสพสังวาสกับหมอกาฬปักษี หนุ่มน่ารักใจดีคนนี้ เป็นมากกว่า
นหนึ่งขณะฝนตกหนัก แม่งามกากีวิ่งออกไปเก็บกระจาดสมุนไพรที่ตากแห้งไว้ หมอหนุ่มกาฬปักษีก็แสร้งรีบตามออกไปบ้าง แสร้งลื่นล้มจนเสื้อผ้าเลอะเทอะดินโคลนและเปียกปอนน่าสงสาร กากีเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคองขึ้น “จะวิ่งออกมาทำไมกัน สมุนไพรพวกนี้จะมีค่าเทียบเท่าเจ้าหรือก็หาไม่ มารีบเข้าอาศรมเถิด ข้าจะช่วยผลัดผ้าและเช็ดตัวให้” เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในหนังสือเล่มนี้ และเป็นครั้งแรกในชีวิตของสีฝุ่นเองด้วย ที่เป็นฝ่ายเปลื้องผ้าบุรุษ การที่ชายหนุ่มท่วงทีผึ่งผายสมส่วนยืนตระหง่านนิ่งอยู่ โดยที่เขาไม่อาจมองเห็นนางได้ กลับกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น กากีค่อยๆเปลื้องผ้าโพกหัวและเสื้อสีดำสนิทดั่งขนนกกาออก ในแสงสว่างยามฝนตกพร่างพราวด้านนอก แสงตกกระทบนุ่มนวลมองเห็นรายละเอียดของผิวเนียนเรียบสวยสีน้ำผึ้ง ใต้เสื้อผ้าเหล่านี้ซ่อนปิดกล้ามเนื้อหน้าอกและต้นแขนเป็นลอนกล้ามกำยำชวนสัมผัส กลิ่นผิวเนื้อบุรุษโชยหอมคล้ายกลิ่นผ้าห่มตากแดดผสมกลิ่นไอน้ำ นางกายหอมพินิจดูอย่างพินิจพิจารณาโดยไม่ต้องกังวลสายตาของเขา ความรู้สึกอ่อนไหวทางกามารมณ์เริ่มบ่มขึ้น นางได้แต่กัดปากตนเองไว้ด้วยค
ทุกเย็นหลังกากีเช็ดหน้าตาเนื้อตัวแล้ว กาฬปักษีหมอหนุ่มใจดีจะนำเสื้อผ้าใหม่แห้งสะอาดมาให้ แล้วช่วยล้างแผลที่ต้นขาอย่างทะนุถนอม บางครั้งหากเผลอแตะต้องเนื้อต้นขาเธอแรงจนกากีสะดุ้ง เขาก็จะสะดุ้งไปด้วย หญิงสาวก็จะร้อนผ่าวแก้มแดงเรื่อ ดวงตามองเธอด้วยความห่วงใยอย่างที่เริ่มเห็นได้ชัดว่าต่างจากคนไข้อื่น แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากใดๆให้อึดอัด เธอเริ่มอุ่นวาบๆในใจเวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายน่ารักเป็นอย่างนี้เอง เธอคิด โชคดีที่ความเป็นกึ่งเทพของกากีทำให้แผลของนางหายเร็ว และฟื้นคืนกำลังได้โดยง่าย กลิ่นกายและเรือนร่างกลับมาหอมรัญจวนใจอีกครั้ง รวมทั้งฤทธิ์ยวนกามาที่เหมือนฟีโรโมนแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ยากนักที่กาฬปักษีจะหักห้ามใจไม่ให้นึกคิด แต่เขาก็เก็บอาการตนไว้อย่างอดทน ความจริงแล้ว ชายหนุ่มชื่นชมกากีที่เป็นผู้รอบรู้น่าทึ่ง ไม่เกี่ยงความยากลำบาก ไม่รังเกียจบาดแผลหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคน่ารังเกียจ ทั้งที่ตัวเองยังบาดเจ็บแต่ก็นึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ นิสัยใจคอเมื่ออยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกสบายใจ เรื่องรูปโฉมโนมพรรณอันงามของนางนั้นแน่นอนว่างามเลิศพิภพ ในบางอิริยาบทที่เผลอตาไปมองก็ทำเอาอกใจเต้นไห
จนถึงสุดถนนที่เป็นชายป่า เมื่อก้าวพ้นหมู่บ้านออกไปแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ก่อนหน้าก็สงบลง หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่กลับมาได้ยินเสียงนกร้อง และภาพต้นไม้ใบหญ้ารอบตัวชัดเจนไม่พร่าเลือนเหมือนเมื่อครู่ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นดูก็ยังเห็นชัดปกติ ลูบไล้ดูรูปร่างหน้าตาตนก็ยังเป็นนางกากีวิไลโฉม กลิ่นกายลึกล้ำหอมรื่น แปลกจัง ทำไมมันไม่เลือนไปเหมือนตอนแรกล่ะ หรือว่าสถานที่นี้อยู่นอกเหนือขอบเขตของเรื่องราวในหนังสือไปแล้ว เธอเลยปลอดภัยงั้นเหรอ หญิงสาวใช้เวลาเดินครุ่นคิดตามลำพังอยู่พักใหญ่ แต่คิดไม่ตกว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง จนในที่สุดเธอก็คิดว่า ในเมื่อเนื้อเรื่องในหนังสือมาถึงตอนจบแล้ว ไม่มีตอนให้ไปต่อ หากจบชีวิตในโลกนี้ได้ อาจหลุดออกไปก็ได้ นึกแล้วก็มองหาคบไม้เหมาะๆ เจอกิ่งไม้ที่ทอดตัวขนานพื้นอยู่สูงไปราวสี่เมตรแล้วปีนขึ้นไปด้านบนปลดผ้าคลุมหน้าออกมัดเข้ากับคบไม้แล้วผูกคอตัวเอง เอามันง่ายๆแบบนี้แหละ หญิงสาวรูปโฉมงามสะคราญหายใจเข้าลึก รวบรวมพลังใจ เอาเถอะ ไม่เห็นมีใครเคยบอกเลยว่าถ้าตายในหนังสือนี่จะทำให้ตัวตนข้างนอกตายไปด้วย บางทีนี่อาจจะเป็น
หญิงสาวทั้งสอง นันทากับกากี ถูกพาวิ่งลงบันไดไปสู่ห้องใต้ดินก่อนพบประตูลูกกรงขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้าไปในทางลับ ทหารองครักษ์สี่นายรีบวิ่งเข้าไปไขประตูบุรุษหนุ่มเจ้าเมืองไพศาลีสีหน้าเป็นทุกข์ ประคอง ใบหน้ากากีอย่างถนอม “กากีคนดีของพี่ ตอนนี้ข้าศึกตีเมืองไพศาลีแตกแล้ว พวกมันกำลังบุกยึดวัง พี่ทิ้งข้าราชบริพารและชาวเมืองไม่ได้ พี่นี้ไร้คุณสมบัติจะครองเจ้าแท้ แต่แม้ในช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ได้รักและเป็นสวามีของเจ้า เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ ชาตินี้คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พี่จะได้ตอบแทนและดูแลเจ้าให้พ้นจากอันตราย หากเจ้าจะจดจำพี่ มิต้องจดจำท้าวทศวงศ์เจ้าเมืองไพศาลี ให้จดจำบุรุษหนึ่งที่รักและภักดีต่อเจ้ายิ่งกว่าบุรุษคนใดในหล้า หากดวงวิญญาณพี่ยังรับรู้ได้ พี่ก็จะตามไปปกป้อง” แล้วก็หันไปหาเจ้าหญิงนันทาเทวีที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นหน้าแดงก่ำ “นันทาน้องรัก เจ้าจงหนีออกไปเสียกับกากี ตลอดชีวิตที่พี่มีเจ้าเป็นน้องรักมานี้ ดวงใจพี่มีแต่ความสุขสดใสแช่มชื่นเสมอสมดังชื่อของเจ้า จงไปอยู่ให้รอดแลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนพี่ด้วยเถิด” นันทาเทวีส่ายหน้าสะอื้