แชร์

บทที่ 6 พระชายาองค์รัชทายาท

ผู้เขียน: โม่เชียนซาง
แม้สถานการณ์จะค่อนข้างอันตราย แต่ก็ยังจัดการได้

เยี่ยนเว่ยฉือรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ได้ ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!”

“ไม่ได้?!” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจ เกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิดไป

นางคิดว่านางเป็นใคร ถึงได้กล้าที่พูดจาเช่นนี้กับเจ้าแห่งหกตำหนักฝ่ายใน ทั้งยังพูดคำว่าไม่ได้ออกมาอีก?

ในขณะที่ฮองเฮากำลังตกตะลึง เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองไปที่ฮ่องเต้คังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าองค์รัชทายาททรงนกเขาไม่ขัน ดังนั้นจึงถือว่าหม่อมฉันเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้ด้วย คดีนี้ยังต้องมีการพิจารณาคดีใหม่ ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวนเลย หากมาฆ่าพยานเสียก่อนคงไม่เหมาะนักใช่หรือไม่เพคะ?”

ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ครู่หนึ่งพระองค์สับสนไม่รู้ว่านางเป็นสตรีตระกูลใด

แต่สตรีนางนี้กลับกล้าปฏิเสธฮองเฮาต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ชอบพระทัยเป็นอย่างมาก

เมื่อทอดพระเนตรผ่านร่างเล็ก ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือไป พระองค์ก็ทรงเห็นร่างไร้ชีวิตที่มีบาดแผลทั่วร่างกายซ่างกวนซีอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ความโศกเศร้าและความเกรี้ยวโกรธของฮ่องเต้คังอู่ถึงจุดสูงสุด

เขาตรัสด้วยความกริ้ว “พานางไปช่วยสืบสวน คดีนี้ข้าต้องให้ความยุติธรรมกับชูจิ่ง!”

เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้วพลางคิดว่าเรื่องนี้สำเร็จไปครึ่งทางแล้ว

ฝ่าบาทตรัสแล้วว่าจะทรงคืนความยุติธรรมให้แก่องค์รัชทายาท นั่นไม่ใช่แค่การนำคดีกลับไปให้ศาลต้าหลี่พิจารณาใหม่ แต่ผลลัพธ์จากการพิจารณาคดีจะต้องเป็นที่น่าพอพระทัยแก่ฝ่าบาทด้วย

องครักษ์ก้าวมาประกบเยี่ยนเว่ยฉือทั้งซ้ายขวาก่อนที่จะคุมตัวนางออกไป

ก่อนไป เยี่ยนเว่ยฉือหันกลับมามองซ่างกวนซีพลางพูดกับตัวเองว่า ‘ท่านจะฟื้นขึ้นมาเองภายในหนึ่งชั่วยาม เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้!’

เยี่ยนเว่ยฉือตามองครักษ์ไปยังศาลต้าหลี่ แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือทันทีที่นางจากไป ซ่างกวนซีก็ลืมตามองตามหลังนางไปทันที

ซ่างกวนซีเหลือบมองไปยังทิศทางที่เยี่ยนเว่ยฉือจากไปโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นพลางพูดในใจ ‘ยัยบื้อ ก็บอกแล้วว่าร่างกายข้ามีพิษเย็น จะถูกเล่นงานด้วยยาแกล้งตายได้อย่างไร’

แม้พิษที่เยี่ยนเว่ยฉือใช้จะส่งผลต่อซ่างกวนซีไม่นานเท่าไหร่นัก แต่ผลลัพธ์ที่ดีที่เยี่ยนเว่ยฉือต่อสู้เพื่อให้ได้มานั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อกับซ่างกวนซี

เขาจึงกลั้นหายใจและนอนนิ่งปล่อยให้ขันทีหนุ่มแบกตัวเขาไป

……

ณ พระตำหนักจิ่วหลง

หลังจากออกจากห้องขังแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือกลับไม่ได้ถูกพาไปที่ศาลต้าหลี่ แต่ถูกพาไปที่พระตำหนักจิ่วหลง

นี่คือสถานที่ว่าราชการ แต่ตอนนี้กลายเป็นโถงพิจารณาคดีชั่วคราว

ผางเหออวี้ขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ที่ถูกเรียกตัวมา เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านข้าง เขาก็อดไม่ได้ที่จะสับสนเล็กน้อย

“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้คังอู่พูดเสียงทุ้ม “ลุกขึ้นเถิด”

ผางเหออวี้ลุกขึ้นยืนพลางมองเยี่ยนเว่ยฉือที่เสื้อผ้ายับยู่และผมเผ้ารุงรังอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็กระตุกมุมปาก แสร้งยิ้มออกมา

รอยยิ้มนั้นทำเอาผางเหออวี้ตัวสั่น ไม่รู้เหตุใดถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เป็นดังคาด คำพูดต่อไปของฮ่องเต้คังอู่คือ “ผางเหออวี้ เจ้ารู้ความผิดของตัวเองหรือไม่?!”

รู้ความผิด?

ผางเหออวี้ตัวสั่นและรีบคุกเข่าลงอีกครั้ง “ฝ่าบาทโปรดทรงสงบสติอารมณ์ก่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม... กระหม่อมตกใจยิ่ง ไม่ทราบว่ากระหม่อมทำผิดเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?

ฮ่องเต้คังอู่ทรงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบดูแลคดีที่องค์รัชทายาททำการฆาตกรรมสวีเหม่ยเหรินและน้องชายของเขาด้วยตัวเองใช่หรือไม่ ทว่าตอนนี้เอ่อ…”

ฮ่องเต้คังอู่ทรงไม่รู้จะอธิบายตัวตนของเยี่ยนเว่ยฉืออย่างไร

เยี่ยนเว่ยฉือกลับโพล่งตอบออกไปอย่างไม่สุภาพ “ชายาเอก ชายาเอกเพคะ! ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นสตรีคนแรกขององค์รัชทายาทเพคะ”

ฮ่องเต้คังอู่ทรงครุ่นคิด ในเมื่อซ่างกวนซีตายแล้ว ก็ไม่ควรจะให้เขาตายไปอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้น

ดังนั้นฮ่องเต้คังอู่จึงตรัสยืนยันตัวตนของเยี่ยนเว่ยฉือ “ตอนนี้ชายาองค์รัชทายาทได้ยอมรับด้วยตัวเองว่าองค์รัชทายาทป่วยเป็นโรคที่ไม่อาจบอกใครได้ และไม่สามารถ…” ฮ่องเต้คังอู่ทรงตรัสไม่ออก

“ไม่สามารถมีทายาทได้!” เยี่ยนเว่ยฉือขัดจังหวะอีกครั้ง!

ฮองเฮาที่ประทับบนตำแหน่งสูงสุดตะโกนด้วยความโกรธ “หุบปาก ฝ่าบาททรงตรัสอยู่ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ขัดจังหวะครั้งแล้วครั้งเล่า? เสียมารยาทนัก!”

เยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปากแล้วพูดว่า “ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาททรงเป็นผู้มีเกียรติ คำบางคำก็ยากที่จะตรัสออกมา แต่หลังจากที่สามีของหม่อมฉันเสียชีวิต เนื่องจากไม่มีอะไรจะเสียแล้ว คำพูดเหล่านั้นหม่อมฉันย่อมต้องเป็นคนพูดเองเพคะ”

ฮ่องเต้คังอู่ตรัสอย่างตรงไปตรงมาและฉุนเฉียว “เจ้าพูดมา!”

เยี่ยนเว่ยฉือรีบกราบทูล “ท่านใต้เท้าผาง พูดง่าย ๆ ก็คือเพราะองค์รัชทายาททรงนกเขาไม่ขัน จึงไม่มีทางที่จะทรงขืนใจสวีเหม่ยเหรินได้ ดังนั้นคดีนี้จึงมีปัญหา ตอนนี้ข้าขอให้มีการสืบพยานหลักฐานและพิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง ก่อนอื่นต้องทำการชันสูตรศพสวีเหม่ยเหรินและองค์ชายน้อยก่อนเป็นลำดับแรก!”

“อะ...อะไรนะ ชันสูตรศพ?” ผางเหออวี้มองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความเหลือเชื่อ คิดว่าตัวเองอาจได้ยินผิดไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 430 รินชาขอขมา

    ซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปหานาง "เต๋อซ่วนกงกงอุตส่าห์มาทั้ง ๆ ที่ฝนตก มิเช่นนั้นข้าคงมิให้เจ้าต้องลำบากมาด้วยตนเอง"พูดอีกอย่างก็คือ วันนี้ที่ให้เกียรติก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาท ไม่ใช่ฮองเฮา และยิ่งไม่ใช่เพื่อองค์หญิงเหวินหลิงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มให้องค์หญิงเหวินหลิง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า วางมือของตนเองบนมือของซ่างกวนซี แล้วนั่งลงด้วยกันจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ ข้ามาแล้ว องค์หญิงมีอะไรอยากทำอยากพูดก็รีบทำรีบพูดเถิด ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่!"องค์หญิงเหวินหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธนางเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทและฮองเฮา เสด็จพี่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่เคยต้องลำบากเช่นนี้มาก่อนแต่ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำอะไรกับนาง สำนักหมอหลวงทั้งสำนักก็ยังจนปัญญานางคันคะเยอจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน แทบจะข่มตานอนไม่หลับสตรีให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากที่สุด นางไม่กล้าเกาแรง ๆ กลัวผิวหนังจะถลอก ได้แต่อดทนไว้ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากกินยานอนหลับแล้วก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับ องค์หญิงเหวินหลิงก็ข่มความไม่พอใจ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 429 ขอโทษถึงที่

    ความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 428 ช่างหวานล้ำ! ใช้ชีวิตร่วมกัน

    ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 427 นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน

    "เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 426 เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ศาลาไป๋หยาง

    เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 425 ซ่างกวนซีเผยความในใจ

    ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status