Share

บทที่ 8 ถูกวางยาพิษ

Author: โม่เชียนซาง
“อะไรนะ? เจ้าพูดว่าอะไร?!” ฮ่องเต้คังอู่ทรงเดินอย่างรวดเร็วไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ

เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่บาดแผลบริเวณลำคอของสวีเหม่ยเหริน พลางตอบอย่างสงบว่า “บาดแผลทั้งหมดบนร่างนี้แบ่งออกเป็นบาดแผลก่อนเสียชีวิตและบาดแผลหลังเสียชีวิต สำหรับบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต ผิวหนังจะมีการหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด รอบ ๆ บาดแผลจะมีก้อนเลือดสีดำคล้ำ และหากเลือดไหลออกมากก็อาจมีรอยห้อเลือดด้วย ซึ่งนั่นเป็นกลไลตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นหลังเสียชีวิต ผิวหนังบริเวณบาดแผลจะเรียบเนียน เนื่องจากร่างกายไม่มีกระบวนการแข็งตัวของเลือดแล้ว ดังนั้นบริเวณบาดแผลก็จะไม่มีลิ่มเลือดหรือรอยห้อเลือด เช่นเดียวกับที่เห็นในตอนนี้เพคะ”

ฮ่องเต้คังอู่และผางเหออวี้ขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ต่างก็เข้ามาจับตาดูอย่างใกล้ชิด เห็นว่าลักษณะของร่างตรงหน้าตรงกับที่เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวไว้ไม่มีผิด

เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ความจริงที่เรียบง่ายเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ชันสูตรศพที่มีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยก็สามารถตรวจพบเบาะแสนี้ได้ แต่เหตุถึงไม่มีใครพูดออกมาเลยเล่า?”

ผางเหออวี้สะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าหลบตา

เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะเย้ย ทว่าก็ไม่สนใจเขาและพูดต่อ “ฝ่าบาท ในเมื่อบาดแผลบนร่างของสวีเหม่ยเหรินเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นหลังการเสียชีวิต เช่นนั้นสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของนางก็คือ ‘ถูกวางยาพิษ’ เพคะ”

“ถูกวางยาพิษ? มีคนลอบวางยาพิษสังหารคนในวังหลังของข้ารึ?” ฮ่องเต้คังอู่ทอดพระเนตรมองฮองเฮาอย่างเย็นชา

ฮองเฮาตัวแข็งทื่อ ทว่าก็พยายามเก็บอารมณ์ โต้ตอบด้วยท่าทีนิ่งเฉย “เจ้า...เจ้าอธิบายมาให้ชัดเจนซิว่านางถูกวางยาพิษได้อย่างไร? ขุนนางที่ทำหน้าชันสูตรตรวจสอบด้วยเข็มเงินที่ช่องท้องของนางแล้ว แต่... แต่นางก็ไม่มีอาการของคนที่ถูกวางยาพิษเลยนะ!”

ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือยกแขนของสวีเหม่ยเหรินขึ้นมา นางก็พูดเนิบ ๆ “ของบางอย่าง สำหรับคนหนึ่งคือของหวาน แต่สำหรับอีกคนคือยาพิษเพคะ”

เยี่ยนเว่ยฉือพับแขนเสื้อของสวีเหม่ยเหรินขึ้นให้ฮ่องเต้คังอู่ทอดพระเนตรเห็น “ฝ่าบาทโปรดตรวจดูเถิดเพคะ แม้ทั่วทั้งร่างศพจะกลายเป็นสีซีดหมดแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังเกตเห็นได้ว่ามีรอยสีแดงเข้มปรากฏอยู่บนผิวหนังเพคะ”

ทุกคนยื่นหน้ามามอง ก็เห็นสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอดังที่นางว่าไว้จริง ๆ

ฮ่องเต้คังอู่ตรัสถามว่า “นี่เป็นเพราะเหตุใด?”

เยี่ยนเว่ยฉือตอบ “อาการแพ้เพคะ”

“แพ้หรือ?” ฮ่องเต้คังอู่ทรงไม่เข้าพระทัยคำนี้

เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายว่า “มันคืออาการขึ้นผื่นแพ้เพคะ การกินอาหารบางชนิดอาจทำให้เกิดผื่นแพ้ได้”

ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทรงพยักหน้าแล้วตรัสว่า “ข้านึกออกแล้ว สวีเหม่ยเหรินไม่สามารถสัมผัสดอกท้อได้ ไม่เช่นนั้นนางจะเป็นโรคลมหนาว ตามร่างกายจะมีผื่นแดง หมอหลวงที่ทำการวินิจฉัยก็เหมือนจะเรียกมันว่าอาการแพ้”

“นั่นคืออาการแพ้ดอกท้อเพคะ” เยี่ยนเว่ยฉือวางแขนของสวีเหม่ยเหรินลง

“ทว่าแม้จะเป็นการแพ้ แต่ก็คงไม่ทำให้นางเสียชีวิตในทันทีใช่ไหม?” ผางเหออวี้ถามอย่างสงสัย

เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “คนที่มีอาการแพ้อาจมีอาการรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันไป หากมีอาการแพ้เล็กน้อย ตามปกติก็จะมีอาการน้ำมูกไหล จาม หรือมีอาการคันและมีผื่นแดงเหมือนดังที่ฝ่าบาทตรัสไว้ ทว่าหากเป็นอาการแพ้รุนแรง ก็จะหายใจลำบาก หลอดลมหดเกร็ง เป็นลมหมดสติ สุดท้ายก็จะเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ”

ฮ่องเต้คังอู่ทรงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตรัสต่อ “เจ้าหมายความว่ามีคนใช้ดอกท้อสังหารสวีเหม่ยเหรินแล้วก็โยนความผิดให้ชูจิ่งใช่หรือไม่?”

ชูจิ่งเป็นชื่อรองของซ่างกวนซี

เยี่ยนเว่ยฉือมองออกว่าฮ่องเต้คังอู่ทรงกังวลกับคดีนี้มาก ทั้งยังทรงต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ซ่างกวนซี

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ถูกต้องเพคะ”

“เป็นไปไม่ได้!” ฮองเฮาขัดจังหวะ “ฝ่าบาท ทรงอย่าลืมสิเพคะว่าตอนที่พบศพของสวีเหม่ยเหริน นางอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและในร่างกายเองก็มีร่องรอย นอกจากฝ่าบาทแล้ว ทั่วทั้งวังหลังก็มีแต่ขันที ไม่อย่างนั้นก็เหลือเพียงองค์รัชทายาทที่เข้าออกวังหลังเป็นว่าเล่นเท่านั้นแล้วล่ะเพคะที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้!”

องค์ชายรองซ่างกวนหลีก็พูดช่วยเช่นกัน “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ในวันเทศกาลฮัวเฉา มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้นที่เข้าไปในวังหลัง ทุกคนล้วนแต่ชื่นชมดอกไม้อยู่ในสวนไป่หยวน นอกจากเขาแล้วใครจะอยู่ที่นั่นอีกพ่ะย่ะค่ะ?”

เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “ฮองเฮาทรงอย่าเพิ่งวู่วามสิเพคะ ไม่ว่าจะพบสิ่งใดในร่างกายของสวีเหม่ยเหริน สิ่งนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นขององค์รัชทายาท หากมีใครออกไปนอกวังและนำมันกลับเข้าวังหลัง ไม่แน่ว่าหลังที่สวีเหม่ยเหรินสิ้น คนร้ายอาจจะใส่มันเข้าไปในร่างกายของนางก็ได้เพคะ!”

……

“พรืด...” บุรุษชุดสีชมพูในความมืดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“โอ้โห สตรีนางนี้นี่พูดจาไม่ยั้งปากจริง ๆ น่าสนใจ น่าสนใจมาก!”

บุรุษในชุดสีทองขมวดคิ้วพลางพูดว่า “แม้คำพูดของนางจะคลุมเครือ แต่ก็ไม่ใช่ไร้เหตุผลไปเสียหมด นางเป็นใครกันแน่? รู้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากกกกกกกกกกกกก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 430 รินชาขอขมา

    ซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปหานาง "เต๋อซ่วนกงกงอุตส่าห์มาทั้ง ๆ ที่ฝนตก มิเช่นนั้นข้าคงมิให้เจ้าต้องลำบากมาด้วยตนเอง"พูดอีกอย่างก็คือ วันนี้ที่ให้เกียรติก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาท ไม่ใช่ฮองเฮา และยิ่งไม่ใช่เพื่อองค์หญิงเหวินหลิงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มให้องค์หญิงเหวินหลิง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า วางมือของตนเองบนมือของซ่างกวนซี แล้วนั่งลงด้วยกันจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ ข้ามาแล้ว องค์หญิงมีอะไรอยากทำอยากพูดก็รีบทำรีบพูดเถิด ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่!"องค์หญิงเหวินหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธนางเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทและฮองเฮา เสด็จพี่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่เคยต้องลำบากเช่นนี้มาก่อนแต่ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำอะไรกับนาง สำนักหมอหลวงทั้งสำนักก็ยังจนปัญญานางคันคะเยอจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน แทบจะข่มตานอนไม่หลับสตรีให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากที่สุด นางไม่กล้าเกาแรง ๆ กลัวผิวหนังจะถลอก ได้แต่อดทนไว้ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากกินยานอนหลับแล้วก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับ องค์หญิงเหวินหลิงก็ข่มความไม่พอใจ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 429 ขอโทษถึงที่

    ความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 428 ช่างหวานล้ำ! ใช้ชีวิตร่วมกัน

    ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 427 นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน

    "เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 426 เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ศาลาไป๋หยาง

    เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 425 ซ่างกวนซีเผยความในใจ

    ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status