หน้าหลัก / รักโบราณ / ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ / ตอนที่ 4 พระชายาที่ถูกทอดทิ้ง

แชร์

ตอนที่ 4 พระชายาที่ถูกทอดทิ้ง

ผู้เขียน: กุหลาบดิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-18 22:53:21

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านลืมตาสิ ท่านเป็นแบบนี้บ่าวใจคอไม่ดีเลย”

เสียงเรียกที่แสนคุ้นเคย เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความเจ็บปวดแทนนาง ทำให้ไป๋ลี่เยว่พยายามขยับตัว แต่เพียงแค่ขยับปลายนิ้ว ร่างกายกลับหนักอึ้งราวกับถูกโซ่ตรวนพันธนาการไว้ รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบหายไป ทุกส่วนของร่างกายร้อนดั่งกับถูกเผาไหม้จากพิษไข้

“อืมมม” ไป๋ลี่เยว่ครางเสียงแผ่ว แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน ลำคอแห้งผากราวกับมีไฟเผา แต่ลมหายใจกลับแผ่วเบาเหมือนกับเชือกที่พร้อมจะขาดลงได้ทุกเมื่อ

“คุณหนู ท่านต้องไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ หากท่านเป็นอะไรไป แล้วบ่าวกับคนอื่นๆ จะทำเช่นไร”

 เสียงของหงเหมยสะอื้นไห้ มือเล็กๆ นั้นเย็นเฉียบ เพราะความวิตกกังวลกับอาการป่วยของไป๋ลี่เยว่คุณหนูของนาง หงเมยขอตามเข้าวังมารับใช้คุณหนูของจวนตระกูลไป๋ด้วยความซื่อสัตย์

เสียงสั่นเครือของหงเหมย สาวใช้คนสนิทดังอยู่ข้างหู ไป๋ลี่เยว่พยายามฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้งแต่กลับรู้สึกหนักอึ้ง ราวกับมีหินกดทับ

ร่างอวบอ้วนของไป๋ลี่เยว่นอนขดตัวอยู่บนเตียงหลังเก่า อาภรณ์บางเบาที่เคยงดงามของนางบัดนี้เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่งบัดนี้ซีดขาวราวกระดาษ แก้มอวบอิ่มซีดเผือดแต่กลับร้อนผ่าว ริมฝีปากอวบแตกระแหงจากพิษไข้ 

ตั้งแต่ค่ำคืนแห่งความอัปยศนั้น ไป๋ลี่เยว่ถูกผลักไสไล่ส่งมายังตำหนักเย็นทันทีในตอนเช้า ไม่มีขบวนส่งตัว ไม่มีเกียรติยศสมเป็นพระชายา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนหัวใจของนางยังตั้งรับไม่ทัน 

และหลังจากคืนนั้น ทุกส่วนของร่างกายเหมือนกำลังถูกกลืนกินด้วยความอ่อนแอ ความหนาวเหน็บกัดกินร่างกายของนาง แต่ในความทรมานนั้น นางกลับรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมือเล็กๆ ของสาวใช้ที่กำลังกุมมือนางไว้แน่น ประหนึ่งกลัวว่าหากปล่อยมือไป นางจะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล 

อาการไข้ของไป๋ลี่เยว่ขึ้นสูงจนหมดสติ หงเหมยและบ่าวรับใช้ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน ต้องช่วยกันปรนนิบัตินาง ดูแลนางตลอดทั้งคืนทั้งวัน

พวกนางต้องไปต้มยาสมุนไพรจากเศษยาที่เก็บสะสมไว้ คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางทุกชั่วยาม คอยพยุงป้อนน้ำ ป้อนยา และคอยภาวนาให้คุณหนูของพวกนางฟื้นขึ้นมา

ทว่าระหว่างนั้น บุรุษผู้เป็นพระสวามีกลับไม่เคยย่างกรายเข้ามาสักก้าวเดียว

หลงเจิ้งหยางยังคงใช้ชีวิตของเขาตามปกติ เตรียมตัวออกศึก และไม่เคยสนใจว่าพระชายาของตนเองจะเป็นหรือตาย

ในที่สุด เช้าวันที่สี่ ไป๋ลี่เยว่ก็ฟื้นขึ้นมาจากไข้หนัก นางลืมตาช้าๆ มองเพดานห้องที่แตกร้าว ที่นี่มิใช่ตำหนักอันโอ่อ่าของพระชายา แต่เป็นเพียงสถานที่ที่ใช้ขับไล่สตรีที่ไม่เป็นที่ต้องการ หัวใจของนางสงบนิ่งอย่างประหลาด ไม่มีน้ำตา ไม่มีเสียงสะอื้น มีเพียงความว่างเปล่า

“คุณหนู เอ่อ พระชายา ท่านฟื้นแล้ว” หงเหมยรีบเข้ามาประคองนาง ดวงตาแดงก่ำด้วยความยินดี

ไป๋ลี่เยว่พยายามเคลื่อนริมฝีปากที่แห้งผาก เปล่งเสียงแหบแห้งออกมา 

“ขะ ข้า ไม่เป็นไร เรียกข้าเหมือนเดิมเถิด หงเหมย”

“คุณหนู” หงเหมยรีบเอาหลังมือเช็ดน้ำตาของตัวเองที่ไหลอาบแก้ม ด้วยความดีใจที่เห็นอีกคุณหนูของตนได้สติ 

 “ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”

หงเหมยรีบใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้าซีดเซียวของนาง ดวงตาแดงก่ำ “คุณหนู บ่าวจะไปขอหมอจากจวนอ๋องมาให้ท่านนะเจ้าคะ”

ไป๋ลี่เยว่ส่ายหน้าแผ่วเบา

หมอของจวนอ๋องหรือ ฮึ ต่อให้นางตายตรงนี้ องค์ชายสามก็คงไม่แม้แต่จะปรายตามอง ตอนนี้เขาคงออกไปชายแดนแล้วกระมัง

“ไม่จำเป็น” นางพึมพำเสียงแหบ

 “ข้าแค่ ไข้ขึ้นเท่านั้น หงเหมย ตอนนี้ข้าเกือบหายแล้ว ขอบใจเจ้าที่ดูแลข้า เจ้าแค่ต้มยาให้ข้าก็พอแล้ว”

“คุณหนู แต่ท่านป่วยหนักมาก” หงเหมยรีบกล่าวค้านเสียงสะอื้น 

“ตั้งแต่ท่านถูกส่งมาที่ตำหนักเย็น ท่านก็เป็นไข้สูงจนไม่ได้สติมาหลายวันแล้ว”

หงเหมยกัดริมฝีปากแน่น แม้จะรู้ว่าคุณหนูของนางไม่ต้องการให้ไปขอร้องใคร แต่นางกลับอดเจ็บใจไม่ได้ องค์ชายสามช่างใจร้ายเกินไป แม้จะไม่รักคุณหนูของนาง แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้พระชายาป่วยหนักเช่นนี้ 

สามวันสามคืนที่คุณหนูของนางไม่ได้สติ มีเพียงบ่าวรับใช้ที่พากันเฝ้าดูแล แต่ทว่า ไร้เงาของพระสวามีมาเยือน ไม่เคยแม้แต่จะส่งคนมาไถ่ถาม ความใจร้ายขององค์ชายสามเกินจะกล่าวถึง

“หลายวัน หรือ”

ไป๋ลี่เยว่พยายามนึกย้อนกลับไป แต่สิ่งที่แล่นเข้ามาในความคิดของนาง คือใบหน้าของบุรุษหนึ่งเดียวในใจ ใบหน้าของหลงเจิ้งหยาง

เมื่อภาพแห่งความทรงจำ ย้อนกลับมาแทงใจนางอีกครั้ง นางยังจำได้ดี คืนนั้น เขากระชากผ้านางออกโดยไร้ซึ่งความอ่อนโยน คืนนั้น เขาทำให้นางกลายเป็นของเขา ทั้งๆ ที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ และรุ่งเช้าเขากลับสาดวาจาทำร้ายนางให้เจ็บช้ำ

“เจ้าจะถูกย้ายไปอยู่ตำหนักเย็น ตั้งแต่วันนี้ไป อย่าได้ก้าวล้ำเข้ามาในชีวิตของข้าอีก”

“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าการที่ข้าต้องแตะต้องเจ้า มันเป็นเรื่องที่ข้าขยะแขยงเพียงใด”

“อย่าได้หวังว่าข้าจะมองเจ้าด้วยสายตาอื่น เพราะข้ามิได้รักเจ้า และจะไม่มีวันรัก”

หัวใจของไป๋ลี่เยว่บีบรัดแน่น ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบคั้นมันอย่างไร้ปรานี น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา แต่สุดท้าย นางก็เม้มริมฝีปากแน่น กลืนมันกลับลงไป

“ข้าจะอ่อนแอมิได้ ถึงแม้เขาจะทอดทิ้งข้า แต่ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองพังทลายเพราะเขา”

ไป๋ลี่เยว่กะพริบตาช้าๆ นางมองมือที่ซีดเซียวของตนเอง แล้วกำมันแน่น

สามวันสามคืน องค์ชายสามไม่เคยมาเยี่ยมนางเลยสักครั้ง ทำราวกับว่านางไม่มีตัวตน นางเข้าใจแล้ว ความรักของนางช่างไร้ค่าเพียงใดในสายตาของเขา

ไป๋ลี่เยว่สูดหายใจลึก นางพยายามพยุงตัวเองขึ้นนั่ง แม้ร่างกายจะยังอ่อนแอ แต่จิตใจของนางกลับแข็งแกร่งกว่าครั้งไหนๆ

“หงเหมย” นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่น 

“ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่รอคอยใครอีกแล้ว”

หงเหมยมองคุณหนูของตนอย่างตกตะลึง

นัยน์ตาของไป๋ลี่เยว่ในตอนนี้ มิได้อ่อนแอเช่นเคยอีกแล้ว นับจากวันนี้ไป ไป๋ลี่เยว่คนเดิมจะไม่มีวันกลับมา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 226 คำสาบานเลือดแห่งโอรส

    ลมหนาวพัดแรงจากทิศเหนือ ใบไม้แห้งปลิวว่อนเหนือผืนดินที่เพิ่งถูกกลบใหม่ หน้าหลุมศพมีเพียงร่างชายหนุ่มในอาภรณ์ดำสนิท ยืนอยู่เงียบงันราวรูปสลักหิน ผืนผ้าคลุมไหล่สีดำเข้มปราศจากลวดลาย เป็นสีที่อนุญาตให้ผู้ต้องโทษสกุลราชสวมได้ หากสำหรับเขาแล้ว มันคือสีแห่งอาลัยและความอัปยศที่ไม่อาจประกาศต่อฟ้าดินพิธีศพจัดในบริเวณสุสานวังหลังอย่างเรียบง่าย เสียงสวดส่งวิญญาณดับสิ้นไปพร้อมแสงสุดท้ายของอาทิตย์ยามอัสดง เหลือเพียงเสียงลมหวิวลอดช่องอิฐของสุสานเย็นเฉียบ กลิ่นดินชื้นปนกลิ่นยาพิษอ่อน ๆ ยังไม่ทันจางจากลมหายใจสุดท้ายของมารดา หลงเหวินหยางก้าวเข้าไปใกล้จนปลายรองเท้าแตะขอบดิน มือที่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดสั่นเทา เขายกมือแตะป้ายไม้เล็ก ๆ ที่จารึกเพียงว่า “สุสานสตรีวังหลัง” ไม่มีพระนาม ไม่มียศศักดิ์ ห่อเกียรติยศไว้ในความเงียบ ไม่มีคำใดกล่าวถึงมารดาผู้เคยเป็น “ดวงใจแห่งวังหลวง” ข้าง ๆ มีเพียงธูปและดอกเหมยสีขาวเรียงรายอยู่เป็นระยะ หอมอ่อน ๆ ปนกลิ่นดินชื้นเขาก้มมองมือของตน...เย็นเยียบ ดั่งเลือดในกายถูกแช่แข็ง ปลายนิ้วนั้นเคยถูกมารดาจับอย่างอ่อนโยนเมื่อยังเยาว์ เคยแตะมงกุฎไหมทองเมื่อครั้งขึ้นรับตำแหน่งองค์ชายร

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 225 พิษดอกเหมยและคำสาบานแห่งเลือด

    “เหวินหยาง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะรับผิดเรื่องนี้แทนแม่ของเจ้า” สุรเสียงของฮ่องเต้ดังก้องและเย็นชา องค์ชายสองชะงักงันทันที แววตาไหววูบ ไม่กล้าสบพระพักตร์ ความเงียบปกคลุมทั่วโถงจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคน ผู้เป็นพระมารดาหันไปมองหลงเหวินหยาง ที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่เบื้องหน้า ภาพโอรสที่กำลังจะถูกลงโทษรุนแรงและสูญสิ้นอนาคตก่อขึ้นในหัวของนาง แผนที่วางไว้จะถูกทำลายไม่ได้เด็ดขาด “เหวินเอ๋อร์...แม่จะไม่ให้ใครแตะต้องเจ้า” ความคิดนั้นแว่วขึ้น หัวใจนางสั่นระรัว มิใช่เพราะกลัวความตาย แต่กลัวเห็นเลือดในอุทรถูกเหยียบย่ำต่อหน้าต่อตา สิ่งเหล่านั้นทำให้กำแพงความเย่อหยิ่งของนางพังทลายลง ในสายตาของนางเต็มไปด้วยความรักและความเด็ดเดี่ยวอันน่าสะพรึงกลัว พระสนมชิงอวี่หลับตาลงช้า ๆ ยอมจำนนต่อโชคชะตาที่มืดมิด นางรู้ว่าไม่ว่านางจะปฏิเสธอย่างไร หลักฐานก็มัดตัวแน่นหนา แต่... หากนางยอมรับความผิดแต่เพียงผู้เดียว อย่างน้อย… หลงเหวินหยาง ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางก็ยังมีทางรอด และยังมีความหวัง ที่จะกลับมาทวงอำนาจคืน ก่อนนางจะเงยหน้าขึ้นอีกคราอย่างเด็ดเดี่ยวไร้ความกลัว แววตาคมกริบแต่เปี่ยมด้วยความรันทด มอง

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 224 เพลิงพิโรธแห่งพระบัลลังก์ 2

    เมื่อโจรทั้งห้าถูกลากเข้ามาและส่งเสียงร้องอ้อนวอนขอความเมตตา พระสนมชิงอวี่ก็จำต้องสบตาพวกมันเพียงครู่ แม้นางจะปฏิเสธไม่รู้จัก...แต่ลึกในใจนางกลับย่อมรู้ดีว่า คนจากหลงซานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นขุมกำลังลับของพระโอรสของนางเอง นางรักษาสีหน้าให้คงที่ ทว่ามุมปากของนางเริ่มเกร็งขึ้นเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุมได้“หม่อมฉันมิได้รู้จักพวกมัน… แม้แต่คนเดียวเพคะ” เสียงตอบของนางสงบ แต่นิ้วมือเรียวใต้แขนเสื้อเริ่มกำแน่นหลงเจิ้งหยางที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่กรีดลึกกว่าคมดาบ “ถ้าเป็นเช่นนั้น หากพระสนมบริสุทธิ์ไร้มลทิน ก็ขอให้พระสนมได้โปรดอธิบายเรื่องตราประทับของตระกูลเซียวที่โจรผู้นั้นครอบครอง ถุงทองคำที่มาจากกรมคลังด้วยเส้นทางที่เชื่อมโยงผ่านทางตระกูลของท่าน และคำสารภาพของนางกำนัลและขันทีที่ถูกส่งไปสำนักพิธีการด้วยพ่ะย่ะค่ะ”พระสนมชิงอวี่ชะงักเพียงเสี้ยววินาที ก่อนคลี่ยิ้มบาง นางเพียงแค่นหัวเราะในลำคอ“สตรีในวังมีคนรับใช้มากมาย จะมีใครทราบได้ทุกฝีก้าวกันเล่าเพคะ”เสียงฮือฮาดังก้อง เหล่าเสนาบดีบางคนถึงกับทำปากขมุบขมิบด้วยความตกตะลึง ขณะที่หลงเหวินหยางโอรสของนาง กำหมัดแน่นจนข้อขาวซีดเส้นเ

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 223 เพลิงพิโรธแห่งพระบัลลังก์ 1

    ในความเงียบอันหนักอึ้งนั้น มีเพียงเสียงลมหายใจอันถี่กระชั้นของ องค์ชายสอง หลงเหวินหยางเท่านั้นที่โดดเด่นดังสะท้อนก้องอยู่กลางท้องพระโรงกว้าง ดวงตาคมวาวโรจน์มองตามแผ่นหลังของเสนาบดีฉีที่ค่อย ๆ ก้าวเดินออกจากท้องพระโรงไป ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวผ้าขาว ริมฝีปากสั่นระริก เมื่อแผนการที่สมบูรณ์แบบ บัดนี้ได้ถูกไอ้ลูกฮองเฮาตัวร้ายทำลายลงอย่างสิ้นเชิงด้วยหลักฐานที่มิอาจปฏิเสธได้“ฝ่าบาท... น้องสามทรงกล่าวเหลวไหล เพียงต้องการใส่ร้ายกระหม่อมกับท่านแม่” เสียงของหลงเหวินหยางโพล่งออกมาอย่างลืมตัว เสียงนั้นดังลั่นสะเทือนกล้ามเนื้อในลำคอ มือที่เคยจับพู่กันเขียนฎีกาอย่างมั่นคงและกุมอำนาจพลเรือน บัดนี้สั่นเทาจนแทบจะจับอากาศไม่ได้“ปัง”เสียงกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะจากเบื้องบัลลังก์ดังก้องสะเทือนถึงอกของทุกผู้คน ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ขึ้นช้า ๆ พระพักตร์มืดครึ้มราวท้องฟ้าไม่มีแสงตะวัน เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ต่างค้อมกายลงต่ำจนศีรษะแทบจรดพื้น ไม่มีผู้ใดกล้าสบพระเนตรขององค์จักรพรรดิแม้แต่ผู้เดียว“หยุดวาจากันทุกคน” พระสุรเสียงทรงอำนาจดังขึ้น พระเนตรคมกริบของพระองค์หันไปทางขันทีหลวงที่ยืนอยู่ข้างบัลลังก์“หลี่กงกง”

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 222 เมื่อคมหมากย้อนคืน 2

    “แล้วเกี่ยวข้องสิ่งใดกับเรื่องที่องค์ชายสองกล่าวหาเมื่อครู่” “พวกมันหาใช่โจรภูเขาแท้พ่ะย่ะค่ะ หากแต่เป็นหมากของผู้ใดบางคนที่ถูกส่งมาจากหลงซานเพื่ออำพรางตนภายใต้เงาโจรแอบอ้างเป็นโจรภูเขา แล้วสร้างเหตุปล้น เพื่อโยนความผิดให้ผู้รับผิดชอบการดูแลขบวนของคณะทูต” เสียงขององค์ชายสามนิ่ง ทว่าทุกพยางค์ราวกับคมดาบวาดลงบนกระดานหมาก ขณะเสียงลมหายใจของผู้คนในท้องพระโรงแทบหยุดนิ่ง แววตาของหลงเหวินหยางชะงักแข็งค้างชั่ววูบ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มพลันจางไปอย่างไม่อาจควบคุมไม่ทัน องค์ชายสามสะบัดมือเบา ๆ ขันทีนำหีบไม้เข้ามา เปิดเผยของในนั้น เอกสารตราประทับกรมคลังแห่งต้าเฉิง, ถุงทองคำ, และตราสัญลักษณ์ของตระกูลขุนนาง โจรผู้หนึ่งตัวสั่น ก่อนหมอบกราบร้องเสียงดัง “พะ...พวกข้าได้รับคำสั่งจากท่านผู้มีพระคุณ ให้ปล้นขบวนคณะทูต เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” “ผู้มีพระคุณที่เจ้ากล่าวอ้างถึง คือผู้ใดกัน” สุรเสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากบัลลังก์มังกร “เอ่อ…คนตระกูลเซียวพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อคำว่า ‘ตระกูลเซียว’ หลุดจากปากโจร เสียงสูดลมหายใจพลันดังพร้อมกันทั่วโถงราวคลื่นกระแทก เสนาบดีบางคนถึงกับสะดุ้ง พระเนตรของฮ่องเต้แคบลงช้า

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 221 เมื่อคมหมากย้อนคืน 1

    “อย่างไรก็ดี เรื่องเช่นนี้… หากมองอีกแง่ ก็เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดที่ก็เป็นได้” เสียงพูดของหลงเหวินหยางแผ่วลงพร้อมรอยยิ้มบางที่ยากอ่าน“แต่ก็คงเป็นเพียงไมตรีระหว่างเชื้อพระวงศ์ต่างแคว้น หาใช่เรื่องใหญ่โต... หามิใช่เรื่องที่ควรน่าสงสัยใด ๆ หรอกกระมัง” เขาหยุดเพียงชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวจะคลี่คลายเรื่อง แต่กลับกลายเป็นคมมีดซ่อนในรอยยิ้ม“ถึงอย่างไร กระหม่อมก็เชื่อมั่นว่าองค์ชายสามผู้ทรงสัตย์มั่นในราชวงศ์คงไม่กล้าก่อการสิ่งใด...ที่อาจดูคล้ายเป็นการลอบติดต่อกับต่างแคว้นอย่างลับ ๆ อันเข้าข่ายกบฏต่อใต้หล้าเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”คำพูดนั้นอ่อนโยน เสียงท้ายประโยคนั้นเบาเพียงลมหายใจ แต่แฝงแรงสะเทือนถึงหัวใจคนฟังทั้งท้องพระโรง คำพูดดูคล้ายปกป้อง ทว่าเมื่อพินิจเนื้อหากลับเป็นการสาดน้ำมันลงบนเปลวเพลิงถ้อยคำ “มิอาจคิดการใหญ่” และ “ชิงความดีความชอบ” ดังก้องในใจผู้ฟังเหล่าขุนนางบางคนเริ่มซุบซิบ บ้างหลุบตา บ้างเหลือบมององค์ชายสามอย่างระแวดระวังแววพระเนตรของฮ่องเต้ที่วางอยู่บนพัดหลวงพลันไหววูบ พระโอษฐ์เม้มแน่น เสียงพระทัยคล้ายหนักอึ้งกว่าเดิมหลงเจิ้งหยางยังก้มศีรษะนิ่งงัน ดวงตาคู่น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status