LOGIN“ยิป สุดหล่อของฉันเขาคุยอะไรกับแกวะ เห็นกระซิบจริงจังมาก” ปลาหมึกถามเมื่อนึกขึ้นได้
“อ๋อ! เขาบอกให้ฉันลองไปดูดวงที่ตลาดนั้นน่ะ ที่นั่นมีศาลเจ้าที่มีหมอดูแม่นมาก ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่าธิดาเทพ เขาบอกว่าเธออยู่มาหลายชั่วคนแล้ว ที่สำคัญ..หมอดูคนนี้เลือกคนดู ไม่ใช่คนดูเลือกเธอ” เธอทำเสียงสยองเหมือนหนังผีในท้ายประโยคเพื่อความสมจริง
“จริงเหรอแก..แกดูสิ ขนฉันลุกไปทั้งตัวแล้ว” ปลาหมึกยกแขนอวดเพื่อน
“แล้วทำไมพวกเราไม่ลองไปดูสักหน่อยล่ะ ไหน ๆ คุณเฉินเขาก็แนะนำแล้ว” แวนแย้งขึ้นมา
“ฉันก็คิดเหมือนไอ้แวนนะ อยากจะรู้ว่าแม่นจริงอย่างที่คุณเฉินเขาพูดหรือเปล่า” ปลาพูดออกแนวท้าทาย
“แต่คุณเฉินว่าเขาเลือกคนดูนะ” ปลาหมึกแย้ง
“เงินไปถึงตัวแล้วใครบ้างไม่อยากได้วะ” ปลาโต้กลับ
“แต่ฉันไม่อยากไปว่ะ กลัวไปเสียเที่ยว” ยิปซีไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้ “ถ้าอยากดูจริงกลับไปดูบ้านเราดีกว่า ดวงคนไทยให้คนไทยดูน่าจะแม่นกว่า” เธอพูดติดตลก
“ไปเหอะยิปซี พวกเราอยากท้าพิสูจน์ ถ้าพวกเราได้ดูแกจะได้ช่วยแปลให้ด้วยไง” ปลาอ้อนเพื่อน
“ฉันมีความสำคัญแค่นี้เองเหรอ” เธอมองเพื่อนตาละห้อยก่อนจะหัวเราะ “ไปก็ไป แต่ฉันอาจจะแปลไม่ออกก็ได้ เพราะไม่รู้เขาใช้จีนสำเนียงไหน ที่ฉันพูดได้ฟังออกก็แค่บทสนทนาทั่วไปเท่านั้น”
“วัดดวงละกัน”
“ถ้าเป็นหมอดูอยู่ที่นี่ก็น่าจะพูดสำเนียงแมนดารีนได้แหละยิป”
ทั้งสี่เดินกลับไปที่ตลาดอีกครั้ง และเดินเข้าไปในซอยตามที่เฉินบอก ไม่กี่นาทีก็มองเห็นศาลเจ้าขนาดกลาง ที่มีผู้คนกำลังจุดธูปกราบไหว้อยู่บางตา
เมื่อเดินเข้าไปในศาลเจ้า ปลาหมึก แวนและปลา ต่างมองหาหมอดูธิดาเทพที่เฉินแนะนำ ส่วนยิปซีกลับไม่ได้สนใจ เธอเดินไปหยิบธูปมาจุด กราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้ แล้วนำธูปไปปักตามกระถางที่วางอยู่ด้านหน้าเทพเจ้าทั้งหลาย จนมาถึงกระถางสุดท้าย
“ธิดาเทพ” อ่านภาษาจีนที่สลักไว้ตรงฐาน แล้วเงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นนั้นด้วยความลืมตัว
“แม่นางยิปซี”
ขณะกำลังมองรูปปั้นอยู่นั้น หูก็ได้ยินเสียงเรียกของใครคนหนึ่งจึงหันไปมอง.. คิ้วเรียวได้รูปขมวดเข้าหากันทันทีด้วยความสงสัย ตอนที่เธอเดินเข้ามาไม่เห็นมีโต๊ะกับคนนั่งอยู่ตรงนั้นนี่นา เธอมั่นใจว่าตาไม่ได้ฝาดแน่นอน แล้วคุณยายคนนี้รู้ชื่อเธอได้ยังไง.. คำพูดของเฉินลอยเข้ามาในหัวทันที
ไม่ใช่หรอก มันเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น เธอปลอบใจตัวเอง
“โปรดเดินมาหาข้า” หญิงชราพยักหน้าเรียกนิด ๆ ด้วยใบหน้าที่ฉายชัดความเมตตาปรานี
พุทธิญาปักธูปลงในกระถางแล้วยกมือไหว้หนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินไปหาหญิงชรา
“เรียกหนูหรือคะ” เธอชี้นิ้วใส่ตัวเอง
“เจ้านั่นแหละ เชิญนั่ง”
“คุณยายเรียกหนูทำไมคะ” คุณยายเอาแต่จ้องมองเธอจนเริ่มรู้สึกอึดอัด จึงทำลายความอึดอัดนั้นด้วยคำถาม
“เจ้าจะมาหาข้าไม่ใช่หรือ ไหนล่ะเพื่อนของเจ้าอีกสามคน ทำไมไม่เรียกพวกเขาเข้ามาด้วย” สายตาของหญิงชราไม่ได้คลาดไปจากใบหน้าของยิปซีเลยแม้แต่น้อย
“หนูขอไปตามเพื่อนก่อนนะคะ” บอกกับหมอดูแล้วรีบเดินไปหาเพื่อนทั้งสาม ที่เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนของศาลแห่งนี้
ไม่นานพุทธิญาและเพื่อนทั้งสามคนของเธอ ก็มายืนอยู่ตรงหน้าหญิงชราที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบาง ๆ
“ข้าจะดูดวงให้พวกเจ้า เพราะพวกเจ้าเป็นเพื่อนกับแม่นางคนนี้”
แปลกแต่จริงจนขนหัวลุก เมื่อคำพูดของหญิงชราที่พูดออกมาเป็นภาษาจีน พวกเธอทุกคนกลับฟังออกโดยไม่ต้องแปล พวกเธอที่พูดและฟังภาษาจีนแทบไม่ออก ต่างหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
“เจ้า มานั่งตรงหน้าข้า” หมอดูชี้ไปที่ปลาหมึกเป็นคนแรก พูดถึงอดีตของเขาโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับตัวเขาแม้แต่คำเดียว
“พ่อแม่จากเจ้าไปเร็วทั้งคู่ เจ้าถูกพี่สาวเลี้ยงดูมาอย่างดี ในอนาคตอันใกล้เจ้าจะได้คู่รักต่างภาษาต่างเผ่าพันธุ์ แต่น่าเสียดายที่บั้นปลายชีวิตของเจ้า จะต้องอยู่เพียงลำพังเพราะไร้บุตร” หญิงชราเปิดหนังสือเล่มหนึ่งที่มีแต่ตัวหนังสือภาษาอะไรก็ไม่รู้ แล้วนางก็วางมือไปบนหน้านั้น หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาส่งให้ปลาหมึก
สร้างความแปลกใจให้พวกเธอจนสีหน้าออกอาการ เพราะพวกเธอเห็นอยู่แล้วว่ามันมีแต่ตัวหนังสือ แต่ทำไมหมอดูธิดาเทพคนนี้ถึงหยิบเป็นกระดาษเปล่าขึ้นมาได้
“ถึงแม้จะไร้บุตรแต่เจ้าก็ยังมีหลานมีเครือญาติ ให้เขียนชื่อคนที่เจ้ารักลงในกระดาษนี้ พวกเขาจะดูแลเจ้าอย่างดีจนลมหายใจสุดท้าย แต่จงอย่าลืมว่าความดีนั้นเจ้าต้องมีให้พวกเขาด้วยเช่นกัน ทำดีย่อมได้ดี”
“ขอบคุณค่ะ ครับ”
“เจ้า” หมอดูมองแวนกับปลาแล้วเลือกทักปลาก่อน แล้วรอให้ปลานั่งแทนที่ปลาหมึก “เจ้าเกิดมาพร้อมกับอีกคน แต่เขาทิ้งเจ้าไปตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้ไม่นาน ตอนเด็ก ๆ เจ้าเป็นคนขี้โรค ชีวิตอยู่ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณหลายครั้งหลายครา แต่ก็แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเติบใหญ่.. เจ้าเป็นอาจารย์ที่จิตใจดี มีลูกศิษย์รักมากมาย ชีวิตคู่ของเจ้าจะมีแต่นำพาความสุขความเจริญมอบให้กัน แต่ต้องรอนานกว่าเพื่อนคนนี้นะ” ชี้ไปที่ปลาหมึก “ลูกชายทั้งสองคนของเจ้า คนหนึ่งจะเกิดมาพร้อมกับโรค ส่วนอีกคนเป็นฝาแฝดของเจ้ามาเกิดใหม่ เขาจะกตัญญูต่อเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องให้อะไรเจ้า”
ทุกคนที่ฟังอยู่มีแต่ความเงียบกับความรู้สึกขนลุก ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากถาม
พุทธิญามองไปรอบกายที่ดูเงียบสงบ เย็นยะเยือกยังไงไม่รู้ เธอเห็นคนมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันมากกว่าเมื่อกี้ แต่ทำไมทุกคนไม่สนใจพวกเธอเลย
ทำเหมือนมองไม่เห็นกันอย่างนั้นแหละ
“แม่นางยิปซี ไม่ต้องไปคิดมากไปหรอก เขากับเรากำลังทำหน้าที่คนละอย่างกัน”
พุทธิญาสะดุ้งเฮือก ถ้าไม่มีเพื่อนอยู่ตรงนี้ด้วย เธอวิ่งหนีไปแล้วแน่ ๆ แต่ที่ทำตอนนี้คือก้มศีรษะอย่างลุแก่โทษส่งให้หมอดู
“เจ้ามีชายอื่นอยู่ในใจหรือ ทำไมต้องใช้เวลานานขนาดนั้น” ความหึงหวงวิ่งวุ่นอยู่ในหัวใจ ถามออกไปด้วยเสียงที่เครียดขรึม ต่อให้นางมีฮ่องเต้อยู่ในใจ เขาก็ไม่ยอมหลีกทางเด็ดขาด “เจ้าเป็นเมียข้าแล้วนะ” จะมาย้ำทำไมให้รู้สึกอายด้วยนะ “ข้ารู้ดี พวกเราเป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว..ไม่ใช่หรือ” เห็นหัวคิ้วเขากระตุก สีหน้างง ๆ ก็แปลกใจ “ใช่ อือใช่ ดังนั้นเจ้ารีบตัดสินใจเถิด” ซื่อบื้อยิ่งนัก จนป่านนี้ยังไม่รู้ตัวอีกว่าถูกเขาหลอก..แต่ก็ดีเหมือนกัน เห็นนัยน์ตาทอประกายแปลก ๆ ของเขา นางก็เริ่มเอะใจ “หรือว่าท่านโกหกข้า...ความจริงเรา” “ความจริงเราคือสามีภรรยากันมานานแล้ว ผิดแต่การกระทำที่ข้ามีต่อเจ้าเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อลองไปถามเสี่ยวหลันดูก็ได้ ถามว่านางกับอี่เฉินเคยร่วมเตียงเหมือนคู่ของเราหรือยัง” ถ้านางกล้าถามสุนัขก็ออกลูกเป็นแมวแล้ว “ท่านบ้าไปแล้ว! ใครจะกล้าถามแบบนั้น” เรื่องน่าอายแบบนี้จะไปถามคนอื่นได้ยังไง “พรุ่งนี้นะ..พรุ่งนี้ข้าจะให้คำตอบท่านก็แล้วกัน” “ก็ได้ พรุ่งนี้เช้าตรู่เจ้าต้องให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ข้า” พูดจบก็ช้อนร่างบางมา
เมื่อเช้าตอนตื่นนอน นางได้กลิ่นหอมของดอกกระดังงาโชยมาตามอากาศ ต้นไม้ชนิดนี้นางได้เป็นของฝากมาจากพ่อค้าชาวไทยเมื่อหลายเดือนก่อน จึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่ดอกไม้ในบ้านเกิดได้ผลิบานที่นี่ “ข้าไม่ใช่ฝ่ายที่ห่างเหินกับเจ้านะชายาที่รัก แต่เป็นเจ้าต่างหากที่มัวแต่วุ่นวายอยู่กับเด็กคนนั้น แล้วก็องค์หญิงร้อยเล่ห์นั่น” เขาบ่นด้วยความหงุดหงิด เพราะพวกนางแท้ๆ ที่เป็นต้นเหตุ “หย่งหมิง..ท่านก็อย่าเอาแต่ใจนักเลย รู้จักทำใจให้กว้างบ้างสิ” เขาโอบเอวนางแน่นขึ้น “ข้ามันคนใจแคบ หวงของเป็นที่สุด โดยเฉพาะหวงเจ้า..ข้าทำใจไม่ได้ถ้าต้องถูกเจ้าหมางเมินจำเอาไว้” ……………... โต้วฉือเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดวิสัย ทำให้บ่าวรับใช้ทั้งสองต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ “นางตื่นหรือยัง” เขาตั้งคำถามกับคนที่สั่งงานไว้เมื่อเช้านี้ “ตื่นแล้วขอรับ บ่าวเตรียมน้ำอาบเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว แต่นางไม่ยอมให้บ่าวเข้าไปในห้อง โชคดีที่นายท่านกลับมาเร็ว” หนุ่มน้อยก้มหน้ารายงาน “รอฟังคำสั่ง” สั่งสั้น ๆ แล้วรีบเดินไปที่ห้องนอน เมื่
กุ้ยถิงอยากถามว่าไอ้เล่ห์เหลี่ยมที่ใช้นี่คืออะไร แต่ก็รู้ว่ามันไม่สมควร เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาสองคน นางไม่ควรละลาบละล้วงเกินไป แต่ถ้าคนของนางมาฟ้องสิ นางจะปกป้องเต็มที่ “เอาเถิด วันนี้เจ้ารีบกลับไปดูแลนางเถิด ข้าเดาว่านางน่าจะอยู่ที่บ้านเจ้าตอนนี้” นางไม่ใช่คนโง่ เสี่ยวซิงหายไปในขณะที่เขาเข้ามาหาแบบนี้ มันจะเป็นแบบอื่นไปได้อย่างไร “ใช่ขอรับ” “งั้นก็รีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนนางเถิด” “ขอบคุณพระชายา” โต้วฉือยกมือคารวะหญิงสาวด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งนึกถึงหญิงสาวอันเป็นที่รักก็รู้สึกเป็นห่วงไม่น้อย ป่านนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ตื่นนอนตอนไหน กินข้าวหรือยัง คนของเขาดูแลนางดีหรือเปล่า หาสาวใช้มาดูแลนางตามที่สั่งไว้ได้หรือยัง.................... กุ้ยอ๋องเงยหน้าจากงานกองใหญ่ แล้วรีบเดินไปรับนางอันเป็นที่รักที่เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้างดงามแต่ดูซีดเซียวของนางทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจนัก ถามนางหลายครั้งนางก็ยืนยันว่าสบายดี แค่มีอาการอ่อนเพลียนิดหน่อย คงเพราะเครียดเรื่องบัญชีเนื่องจากเป็นช่วงสิ้นเดือน “ทำไมไม่ให
สุดท้ายจึงสรุปว่าเพราะก่อนหน้านั้นคงไม่เนิ่นนานเหมือนเมื่อคืนนี้ เมื่อคืนนางมีสติครบถ้วนเหมือนเขา จึงทำให้รับรู้ทุกอย่างแจ่มแจ้งนั่นเอง……………เสี่ยวหลันไม่นึกเอะใจสักนิดที่เพื่อนรักไม่ได้มาทำงานในเช้าวันนี้ กลับยินดีลางานให้นางเสร็จสรรพ เพราะคิดว่านางคงอยู่ที่บ้านกับบิดามารดาและบรรดาน้อง ๆแต่พอตกช่วงบ่ายของวันก็ต้องมีเรื่องให้แปลกใจ เมื่อเห็นโต้วฉือ เพื่อนรักของคนรักมาขอพบพระชายากุ้ยถิง“ข้าจะเข้าไปรายงานให้พระชายาทราบก่อนนะเจ้าคะ ท่านโต้วโปรดรอสักครู่”หายไปไม่นานก็กลับมาเชื้อเชิญให้เขาเข้าไป ส่วนตัวนางที่ยืนทิ้งระยะห่างออกไปก็พยายามเงี่ยหูฟังเต็มที่ว่าเขาพูดอะไรกับพระชายากุ้ยถิง“ท่านต้องการแต่งงาน และอยากให้ข้าช่วยจัดการให้.. แล้วนางคือใครเล่า” เห็นเขาพยักหน้าจึงถามต่อ ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เป็นหลินโม่วเลย ถ้าใช่นางจะปฏิเสธเด็ดขาด และจะจัดการกับสามีตัวดีซึ่งอาจจะมีส่วนกับเรื่องนี้“เสี่ยวซิงขอรับ.. พระชายาได้ยินไม่ผิดหรอก นางคือเสี่ยวซิง” เขาย้ำชัดเจนเมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของนายหญิง“เสี่ยวซิง!” คนที่อุทานออกมาไม่ใช่กุ้ยถิง แต่เป็นเสี่ยวหลัน นางรีบยกมือปิดปากเมื่อรู้ตัวว่าเสียมารยา
เขากลับมาให้ความสนใจกับร่างกายของนางอีกครั้งเมื่อรับรู้อาการเกร็งของนาง จูบปากกระซิบคำปลอบโยน วนเวียนกับอกเต่งตึงขนาดพอเหมาะทั้งสองข้างอย่างเป็นธรรม ขณะที่สะโพกสอบยังทำหน้าที่ของมันไม่บกพร่องทำไมมันไม่เหมือนทุกครั้ง.. ทำไมมันไม่เหมือนทุกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนอยู่ในความคิดของหญิงสาว ทุกครั้งเขาจะนอนกอดนางไว้เฉย ๆ ไม่เคยทำแบบนี้เลย การเป็นสามีภรรยานี่มีหลายแบบจริง ๆ นางเพิ่งเข้าใจวันนี้เองความเจ็บปวดผสมความรัญจวนทำให้นางอยากรู้นักว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร จึงกัดฟันทนเจ็บ ใช้สองขาและสองมือเกาะเกี่ยวร่างกายแกร่งแรงๆ เพื่อให้บางอย่างสนิทแนบเป็นหนึ่งเดียวเฮือก! เจ็บ! เจ็บที่สุด! ทำไมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ทั้งที่นางกับเขาก็เป็นสามีภรรยากันมาแล้ว อ๋อ..ตอนนั้นตนหมดสตินี่นา คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่รู้สึกใด ๆอ๊ะ! อา.. ความรู้สึกเสียวซ่านวิ่งผ่านเข้ามาเป็นระลอกเมื่อเขาเริ่มขยับสะโพก นางรีบขบริมฝีปากแน่นเพราะกลัวเสียงร้องเล็ดลอดออกไปเสียงครางกระเส่าในลำคอของนาง ทำให้โต้วฉือฮึกเหิมเต็มที่ จังหวะรักจึงทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ นางกำลังมีความสุขด้วยฝีมือของเขา ดังนั้นเขาจะต้องเป็นบุรุษคนเดียวที่
ตอนนี้นางรู้ซึ้งแล้วว่าความผูกพันของสามีภรรยามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ขนาดไม่ได้มีใจกันมาก่อนยังเจ็บปวดหัวใจขนาดนี้ แล้วถ้ารักกันมากแบบเสี่ยวหลันกับใต้เท้าเฉินล่ะ จะปวดใจเจียนตายเลยหรือไม่หนอโต้วฉือเห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบาง หน้าตากำลังอยู่ในความโศกเศร้าจากระยะไกล ใจหนึ่งอยากเข้าไปกระชากนางมากอดปลอบ และช่วยซับน้ำตาที่รินไหล แต่อีกใจหนึ่งก็ห้ามไว้ บอกให้รอโอกาสเหมาะ ๆ และปลอดคนจะดีกว่า แล้วพาไปปรับความเข้าใจกันให้รู้เรื่องเขารอจนคนอื่นห่างออกไปแล้ว จึงอาศัยความไวฉกชิงตัวนางไปจากเส้นทางอย่างรวดเร็วและไร้ซุ่มเสียง ดีดกายไม่กี่ทีก็กลับอยู่ในห้องนอนส่วนตัวที่บ้านเรียบร้อยวางร่างที่ตื่นตะลึงลงบนเตียงอย่างเบามือไม่คาดคิดว่าปฏิกิริยาของนางจะว่องไวและรุนแรงทันทีที่เขาปล่อยมือ กำปั้นที่ไม่เคยมีเรี่ยวแรงของนางบัดนี้มันแรงและหนักหน่วงใช้ได้เลยทีเดียว แต่เขาก็ยอมตกเป็นเป้าให้นางอย่างเต็มใจ พร้อมกับรับคำบริภาษของนางไว้เต็มสองรูหู“ท่านเป็นใครถึงมาทำกับข้าแบบนี้ กล้าดียังไงถึงชิงตัวข้ามา ข้าจะไปฟ้องพระชายาไม่เชื่อก็คอยดู ฮือๆๆ” ความน้อยใจ อัดอั้นตันใจสารพัดประดังเข้ามา เรื่องที่หลันเล่าให้ฟังว่าเขายินดี







