หมอดูส่งยิ้มให้ก่อนจะมองหน้าแวนที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“ประเทศนี้เป็นบ้านเกิดของบรรพบุรุษฝ่ายพ่อเจ้านี่ ในบรรดาเพื่อน เจ้าเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดีที่สุด เจ้าไม่พอใจพ่อแม่ที่จับเจ้าคลุมถุงชนกับคนที่ไม่รู้จัก จึงแยกบ้านออกมาอยู่คนเดียว.. แต่เจ้าหนีผู้ชายคนนั้นไม่พ้นหรอกนะ เพราะด้ายแดงของเจ้ากับเขาผูกโยงกันไว้” ธิดาเทพนิ่งเงียบไปชั่ววินาที “..เจ้ากำลังหลบหลู่ข้าอยู่หรือแม่นาง” อมยิ้มขณะถามออกไป
แวนนิ่งเงียบไม่กล้าปริปาก ได้แต่ยอมรับอยู่ในใจด้วยความหวาดหวั่น แอบกลัวหมอดูท่านนี้
“ไม่เป็นไร ข้าบังคับความคิดของเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าจำคำของข้าไว้นะ เจ้าเป็นคนแรกที่จะได้แต่งงาน กับผู้ชายที่มีปานแดงที่ติ่งหูด้านขวา เจ้าจะได้เจอกับเขาเมื่อกลับถึงแผ่นดินเกิดของเจ้า เขาจะมารอรับเจ้าพร้อมกับพ่อแม่ของเจ้า.. เมื่อได้เจอเขาแล้วลองคิดดูให้ดี ๆ แล้วจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเจ้ารู้จักเขาดี เฮ้อ.. วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน เพราะฝืนบัญชาสวรรค์ดูดวงให้พวกเจ้าสามคน” แล้วเรียกให้พุทธิญานั่งลงแทน
“จะให้ข้าเรียกเจ้าว่ายิปซีหรือกุ้ยถิงดีล่ะ”
“กุ้ยถิงหรือคะ!” พุทธิญาใจหายวาบที่ถูกถาม เพราะมันเป็นชื่อที่ผู้ชายในความฝันคนนั้นเรียกเธอ
“ผู้ล้ำค่าและงามสง่า สามีของเจ้าเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้เจ้าเอง”
“สามีหนูเหรอคะ! คุณยายเข้าใจผิดแล้วค่ะ หนูยังโสด ไม่มีแฟน ไม่มีสามี” พุทธิญาโบกมือปฏิเสธเสียงแข็ง สงสัยว่าของเพื่อนทายถูกหมด แต่ทำไมของเธอผิดทันทีที่เริ่มทาย
“ไม่ผิดหรอก ข้ารอเจ้ามานานมาก รอเพื่อจะนำพาเจ้าไปพบสามีที่รักเจ้ายิ่ง ตามคำสัญญาอธิษฐานที่เจ้าเคยมีให้กันต่อหน้าข้า”
“คุณยายจะพาหนูไปไหนคะ หนูไม่ไปด้วยหรอกค่ะ หนูจะอยู่กับเพื่อน ๆ หนู” ใจเธอเต้นรัวด้วยความกลัว เมื่อโยงไปถึงความฝันแปลกประหลาดในช่วงหลายวันนี้
“เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ เจ้าไม่ใช่คนที่นี่ เจ้าเป็นคนอีกที่หนึ่งที่ไกลโพ้นจากเวลานี้มาก เจ้าคือคนของอดีตที่จะถูกกล่าวถึงในอนาคต เมื่อวันเวลาเดินหน้ามาถึงปัจจุบัน”
คำพูดที่ยากจะเข้าใจของหญิงชรา ทำให้พุทธิญาเริ่มปวดหัวด้วยความสับสน มองเพื่อนทั้งสามคนที่ดูอาการหนักยิ่งกว่า
“คุณยายจะบอกอะไรหนูแน่คะ หนูไม่เข้าใจ” แม้ลึก ๆ เธอคิดว่าตัวเองเข้าใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย.. เธออาจจะเข้าใจความหมายของท่านผิด ท่านคงหมายความว่าเธอจะเจอกับใครสักคนที่นี่หรือเปล่า ซึ่งเขาก็คือคนรักในชาติก่อนของเธอ
“อีกไม่นานเจ้าจะได้พบกับสามีของเจ้า เขาจะรักและยกย่องเจ้าออกหน้าออกตา จนเป็นที่ครหาของบุรุษ สตรีทั่วแผ่นดินต่างอิจฉาในวาสนาของเจ้า.. พวกเจ้าทั้งสามจดจำคำข้าไว้..เมื่อใดที่แม่นางคนนี้กลับไปสู่ที่ของนาง พวกเจ้าจงยินดีกับนาง อย่ากังวลและทุกข์ใจใด ๆ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะคุณยาย เรื่องแบบนี้หนูเชื่อไม่ได้จริง ๆ” พุทธิญาคัดค้าน และเพื่อน ๆ ของเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย
“โลกใบนี้ยังมีสิ่งที่เจ้าไม่รู้อีกมากมายนัก ข้ามีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้เจ้า” หญิงชราเปิดหนังสือไปหน้าอื่นแล้วลูบเบา ๆ แต่กลายเป็นว่ามีหนังสืออีกเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา “ข้ามอบให้เจ้า รับไปสิ”
พวกเธอต่างตกตะลึงกับความอัศจรรย์ใจรอบที่สอง จะบอกว่าท่านเล่นมายากลก็สมจริงเกินไป
“ขอบคุณค่ะคุณยาย” ยิปซีจำใจยื่นมือออกไปรับ
“หมดหน้าที่ของข้าแล้ว ถึงเวลาต้องไปเสียที ขอให้พวกเจ้าทุกคนโชคดีมีความสุขกับวิถีที่สวรรค์กำหนด เชิญ”
ทุกคนยกมือไหว้ลาคุณยายหมอดู แล้วพากันเดินออกจากศาลเจ้าแห่งนั้น แต่ก่อนที่จะเดินพ้นชายคาศาลเจ้า ต่างก็หันกลับไปมองท่านอีกครั้งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แต่สิ่งที่เห็นมีเพียงพื้นที่ว่างเปล่า แม้กระทั่งโต๊ะและเก้าอี้ก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว
ภายในห้องพักของยิปซีและปลาหมึก
“มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราวะ” ปลาหมึกถามอย่างหวาดหวั่น จะว่ากลัวก็ไม่เชิง จะว่าทึ่งหรืองงก็ไม่ใช่ ทุกอย่างมันผสมปนเปไปหมด
“แล้วที่ยายเขาทักแกมาน่ะจริงหรือเปล่านังหมึก” ปลาถามขึ้นบ้าง เพราะเรื่องในอดีตที่ท่านทักเพื่อนชายใจหญิงมานั้น เป็นเรื่องที่พวกเธอไม่เคยรู้เลย
“จริงแก เป๊ะเลย แล้วของพวกแกล่ะ ยายเขาพูดเรื่องในอดีตของพวกแกมากกว่าฉันอีก มีตรงบ้างมั้ย”
“เป๊ะมากจนฉันตกใจเลย” แวนตอบ
“ฉันก็เหมือนกัน” ปลาตอบ
“แล้วแกล่ะยิปซี ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาแกจะทำยังไง” ปลาหมึกถามเพื่อนที่คำทำนายแปลกจนเกินจะเชื่อ ฟัง ๆ ไปแล้วเหมือนเรื่องราวลี้ลับมากกว่า
ทุกคนรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ เพราะคำทำนายของเพื่อนเธอน่ากลัวกว่าใครมากที่สุด
“จริงก็จริง ไม่จริงก็ไม่จริง ฉันไม่อยากคิดน่ะเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก” เธอยังร่าเริงเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรผิดกับเพื่อน ๆ ที่ดูจะห่วงใยเธอมาก “ทำไมมองหน้าฉันอย่างนั้นล่ะ..พวกแกจะคิดมากไปทำไม ถ้าฉันหายไปจริง ๆ พวกแกก็คิดว่าฉันไปอยู่กับสามีที่รักฉันมาก ยายเขาก็บอกนี่ว่าเขารักและยกย่องฉันมาก แสดงว่าฉันต้องอยู่ดีมีสุข ดังนั้นพวกแกก็เลิกกังวลได้แล้ว” มันจะเป็นอย่างที่คุณยายหมอดูบอกไม่ได้หรอก นี่มันยุคไหนแล้ว ใครจะไปเชื่อเรื่องงมงาย
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าแกมีความสุขจริง” ปลาขัดขึ้นเสียงดัง
“ง่ายนิดเดียว ถ้าแกกลับไปคราวนี้แล้วเป็นอย่างที่ยายเขาบอกจริง ๆ ก็แสดงว่าแม่นและเชื่อถือได้” เธอยักคิ้วให้เพื่อน
“ทำเป็นปากดี! แกเพิ่งบอกฉันว่าฝันถึงผู้ชายยุคโบราณตลอด แล้วเขาก็เรียกแกกุ้ยถิง ๆ ด้วย” ปลาหมึกชี้หน้าเพื่อน พูดเสียงสั่นด้วยความกลัวจับใจ
“ฉันขอโทษ.. จริง ๆ ฉันก็แอบกังวลกับเรื่องที่ยายพูดนะ เพราะสองสามอาทิตย์แล้วที่ฉันฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่งมาเรียกฉันว่ากุ้ยถิง ยิ่งหลัง ๆ มานี้ฉันฝันถึงเขาทุกวันเลยนะ ในฝันฉันรู้สึกเลยว่าตัวเองมีความสุขมาก แต่ว่าฉันไม่เคยเห็นหน้าเขาสักครั้งเดียว แล้วนี่แกดูหนังสือที่ยายเขาให้ฉันมา” เธอเปิดหน้าแรกแล้วกางให้เพื่อนดู
“ท่านสัญญาว่าจะไปแค่ไม่กี่เดือน แต่ท่านก็ผิดสัญญา ทิ้งข้าไปตั้งเกือบครึ่งปี มันหมายความว่าอย่างไร” เธอตัดพ้อปนเสียงสะอื้น แต่สายตานั้นไม่มีความโกรธเคืองสักนิด มีแต่ความดีใจฉายชัดปนกับน้ำตา“ข้าผิดไปแล้ว เจ้าจะทำโทษข้ายังไงก็ตามใจเถิด” เขายอมรับเสียงอ่อนโยน ยังคงพรมจูบนางด้วยความคิดถึงไม่เลิก“ยิปซีจะยอมยกโทษให้ท่าน ถือเป็นความผิดครั้งแรก แต่จะไม่ยอมให้มีครั้งต่อไปอีกแน่”“ยอดรักของข้า” แล้วส่งสายตาไปทางถังโจวอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงไปจูบกลีบปากอิ่มที่เผยอรับอย่างดูดดื่มฝ่ามือที่ลูบไล้ตระกองกอดแผ่นหลังของหญิงสาวที่เชิดหน้าขึ้นรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ..เรียวแขนกลมกลึงที่ยกขึ้นโอบรอบลำคอของชายหนุ่ม..คำเรียกขานของทั้งสองที่มีต่อกัน ทำให้ถังโจวปวดใจยากจะทานทน ต้องเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น“แฮ่ม ๆ” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นทำให้สติของพุทธิญากลับมา นึกขึ้นได้ว่ายังมีบุรุษสูงศักดิ์อีกคนอยู่ในห้องนี้ เธอรีบผละออกจากชายคนรัก แต่เขากลับกอดเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จึงผลักอกเขาไปแรง ๆ“โอ๊ย!” เขาจึงอุทานด้วยความเจ็บปวดเพราะไร้การป้องกันเหมือนในตอนแรก ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมตรงบาดแผลพุทธิญารีบโผเข้าประคองคนรัก
“ขอรับ ฝ่าบาทดูแลนางและต้องป้อนอาหารให้นางด้วยพระองค์เองทุกวัน เหตุเพราะนางไม่ยอมแตะต้องอาหารเลยสักคำ ฝ่าบาทจึงต้องบังคับนางด้วยวิธีนี้”“ประเสริฐ!” คำพูดที่กล่าวออกมาเต็มไปด้วยความโมโห ไม่ใช่ยกย่องชมเชยใด ๆ “ท่านกล้าแอบไปตีท้ายครัวข้าเชียวหรือฝ่าบาท” สบถเสียงลอดไรฟัน ขบกรามจนขึ้นเป็นสัน เจ็บแผลมากขึ้นอีกหลายเท่า“ท่านอ๋องได้โปรดใจเย็น ท่านหญิงรักและคิดถึงเพียงแต่ท่านผู้เดียวเท่านั้น เรื่องนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็รู้ดี”ด้วยความหึงหวงในตัวหญิงสาว เขาอุตส่าห์พูดปิดทางไว้แล้วเพราะมั่นใจว่าชายใดที่ใกล้ชิดนาง คงไม่มีใครหักห้ามใจได้แน่ โดยเฉพาะชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายของเขา คนที่สามารถชี้นิ้วสั่งการได้ทุกอย่างแม้ความตายของคนอื่น แล้วความเจ็บปวดสายหนึ่งก็วิ่งจี๊ดเข้าที่บาดแผลสุดจะทนไหว เขาผ่อนลมหายใจพยายามทำให้อารมณ์สงบ“พาข้ากลับคฤหาสน์เดี๋ยวนี้”“ขอรับ”เมื่อการล่ำลาสิ้นสุดลง กุ้ยหย่งหมิงและกองกำลังทั้งหมดก็เดินทางออกจากหมู่บ้าน มุ่งตรงสู่เมืองหลวงกุ้ยหย่งหมิงนอนอยู่บนรถม้าที่ปูด้วยฟางและฟูกหนา ที่ขับเคลื่อนไปช้า ๆ กระนั้นระหว่างการเดินทางเขาก็ยังได้รับแรงกระเทือนจนเจ็บระบม และต้องทนกับอากาศท
ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด อายุประมาณสามสิบปี หน้าตาซื่อ ๆ ไร้พิษภัย ผู้ซึ่งได้รับคำสั่งจากหมอหลินเกิง ให้มาส่งข่าวแก่ท่านหญิงยิปซีที่คฤหาสน์กุ้ยอ๋องกุ้ยหย่งหมิง ยึดมั่นในปณิธานแน่วแน่ ถ้าไม่ใช่หญิงสาวนามว่ายิปซีเขาจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ใครเด็ดขาดเพราะตอนเข้าเมืองมานั้น เขาเห็นภาพของชายหนุ่มที่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้านหมอเกิงถูกติดไปทั่วเมือง ถึงแม้จะอ่านหนังสือที่เขียนไว้ใต้ภาพไม่ออก แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่งม จึงถามกับชาวบ้านจนรู้ว่าเป็นรางวัลสำหรับคนที่ให้ข่าว และสามารถพาไปพบชายหนุ่มตามรูปได้เขารู้ดีว่าถ้าได้รางวัลจริงคนที่สมควรได้รับก็คือหมอเกิง แต่หมอก็ต้องแบ่งให้เขาอยู่แล้ว เพราะหมอเกิงเป็นคนใจดีมีเมตตา ช่วยเหลือชาวบ้านอยู่เสมอ แต่ถึงหมอไม่ให้เขาเลย เขาก็ไม่โกรธหรอก เพราะหมอเกิงช่วยรักษาโรคประจำตัวให้เขาจนหายดี ทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีเงินจ่ายค่ายาด้วยซ้ำ“เจ้ารู้มั้ยว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” มหาดเล็กสั่วตะคอกถามชีจินด้วยความโมโห“เราจะคุยกับเขาเอง ไม่เป็นไรหรอก”มหาดเล็กสั่วน้อมรับอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะถอยออกไปอีกสามก้าว“ข้าแค่บอกว่าจะคุยกับท่านหญิงยิปซีเท่านั้น ทำไมชายผู้นั้นต้องโมโหข้าด้วยเล่า”“ท
พุทธิญารีบกลืนยาถ้วยนั้นให้หมดอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกลำบากใจกับการกระทำของโอรสสวรรค์คนนี้“นับตั้งแต่วันนี้เราจะมาป้อนข้าวป้อนยาให้เจ้าทุกวัน จนกว่าร่างกายของเจ้าจะกลับสู่ปกติ”“ฝ่าบาท อย่าบังคับจิตใจหม่อมฉันเลยเพคะ”“ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นคนบาป ที่ทำให้เราต้องลดตัวมาปรนนิบัติ ก็รีบทำให้ตัวเองหายเร็ว ๆ” ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้นางก็คงนอนรอความตายอย่างเดียว...................จวนสกุลหลัวสวี่เซิ่นรอให้อวี่หมิ่งฟู่ได้พรอดรักกับใต้เท้าหลัวจนเขาหลับไป จึงกระโดดเข้าไปทางหน้าต่างแล้วกระชากหญิงสาวออกห่าง จากนั้นรีบเป่ายาสลบชนิดควันใส่ชายชรา“เจ้ามาทำไมสวี่เซิ่น ข้าบอกให้เจ้ารีบออกไปจากเมืองหลวงไง” เมื่อได้สตินางจึงตะคอกถามด้วยอารมณ์โกรธ แต่ก็ไม่ได้ดังมากเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน ถึงแม้ยิปซีจะตายไปแล้ว แต่นางก็กลัวคนอื่นจะรู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร จึงบอกให้เขาไปจากเมืองหลวงและไม่ต้องกลับมาอีก“ข้าไปแล้ว แต่ที่กลับมาเพราะทนคิดถึงเจ้าไม่ไหว เจ้าเคยสัญญาว่าถ้างานนี้สำเร็จ เจ้าจะหนีไปกับข้า” สวี่เซิ่นทวงสัญญา“เรื่องนั้นข้าไม่ได้ลืม” นางจำใจรับปากในตอนแรกก็เพราะต้องการหลอกใช้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้
“ข้าชื่อหลินเซียง ลูกสาวข้าชื่อหลินโม่ว ส่วนหลินเกิง สามีของข้าเขาเป็นหมอ และเป็นคนพบท่าน เขามีความรู้เรื่องสมุนไพรดีทีเดียว ได้เขาช่วยรักษาท่านต้องหายดีแน่ ไม่ต้องห่วง.. จากที่ฟังท่านเล่ามาทั้งหมด แสดงว่าท่านลอยน้ำมาไกลมาก เพราะที่ที่สามีข้าพบท่านมันเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่แยกตัวมาจากแม่น้ำหวง ตอนนี้ท่านอยู่ที่หมู่บ้านถงทางทิศเหนือ เมืองไถ่ปู้ เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญมากที่สุดเพราะอยู่ในป่าลึก อยู่ห่างจากต้นแม่น้ำหวงถึงสองร้อยลี้.. ทีนี้ข้าถามท่านบ้างนะ ท่านได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่” หลินเซียงถามด้วยความสงสัยกุ้ยอ๋องบอกวันเวลาให้แก่อีกฝ่ายอย่างแม่นยำเมื่อได้ยินคำตอบ หลินเซียงก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ ใครจะเชื่อว่าเขาสามารถทนพิษบาดแผลได้ถึงเจ็ดวัน แสดงว่าผู้ชายคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา เขาต้องมีพลังลมปราณแกร่งมาก ร่างกายถึงทนได้นานขนาดนี้“อาการของท่านยังไม่สู้ดีนัก ท่านควรพักผ่อนให้มาก ๆ” พูดจบนางก็เดินไปหยิบสมุนไพรชนิดหนึ่งมาฝนกับฝาหม้อ จากนั้นจากใช้ผ้ากรองเอาแต่น้ำให้เขาดื่ม“ข้ามีเรื่องอยากขอร้องหลินฮูหยินสักเรื่อง” เขาไม่ยอมดื่ม แต่ตั้งใจจะพูดกับนางให้รู้เรื่องก่อน“ดื่มย
“หย่งหมิง..ยิปซีก็คิดถึงท่าน รีบกลับมานะ แล้วยิปซีจะบอกรักท่าน” เธอรำพันขณะเอาจดหมายแนบไว้กับอก นอนยิ้มอยู่บนเตียงนอนในห้องของเขาเพียงลำพัง เพราะคิดถึงเขามากจึงแอบบรรดาสาวใช้มาขลุกอยู่ในห้องนี้ ถึงไม่ได้เห็นหน้าแต่ได้สัมผัสกลิ่นอายของเขาก็ยังดี“ท่านหญิง ท่านหญิงอยู่ข้างในหรือเปล่า ท่านหญิงเจ้าคะตอบบ่าวหน่อยเถิด” สาวใช้คนหนึ่งตะโกนอยู่หน้าห้องด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีเธอดีดตัวลุกขึ้น “อยู่ เข้ามาเลย”เมื่อได้ยินคำตอบรับของหญิงสาว สาวใช้ก็เปิดประตูเข้าไปอย่างรีบร้อนแล้วปล่อยโฮออกมา“ท่านหญิงเจ้าคะ ฮือ ๆ ๆ”“เกิดอะไรขึ้น” พุทธิญาตกใจกับอาการของสาวใช้“เกิดเรื่องกับท่านอ๋องแล้วเจ้าค่ะ ฮือ ๆ ๆ”“เกิดอะไรขึ้น!? ท่านอ๋องเป็นอะไร!?” เธอก้าวไปเขย่าตัวสาวใช้ ถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก“ท่านหญิง!” เสี่ยวหลันวิ่งเข้าไปในห้องพร้อมน้ำตาที่นองหน้า“เกิดอะไรกับท่านอ๋อง? บอกข้ามาเร็วสิหลัน!” เธอเปลี่ยนจุดหมายไปที่เสี่ยวหลัน ถามด้วยน้ำเสียงกังวลยิ่งกว่าเดิม เห็นจากท่าทางของพวกนางแล้วมันต้องร้ายแรงมากแน่ ๆ“ท่านแม่ทัพที่ประจำการอยู่ที่ค่ายต้นแม่น้ำหวง ส่งข่าวมากับเหยี่ยวสื่อสาร บอกว่าเรือของท่านอ๋องระเ