Share

ตอนที่ 5 หอเลิศรส  

last update Last Updated: 2024-12-15 20:45:05

ตอนที่ 5

หอเลิศรส

“หานอี้ บุรุษที่พวกเราเดินสวนทางด้วยใกล้ๆกับทางไปเรือนท่านแม่สามีนั้นใช่สามีข้าไหม”

หลันซู่ถงในร่างของหลิวซู่ซู่เอ่ยถามหานอี้สาวใช้คนสนิทของตน เมื่อนึกไปถึงยามที่นางกำลังจะเดินไปยังเรือนใหญ่ของท่านแม่สามี ระหว่างทางได้สวนทางเข้ากับบุรุษสองคน

ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นบุรุษที่มีลักษณะเย็นชาแต่ก็ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความมีอำนาจและความมั่งคั่งแบบที่นางมองไปที่เขาก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งเดินตามหลังอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านผู้นั้นก็คือท่านเขยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบของสาวใช้คนสนิท นางก็อดนึกไปถึงใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางมิได้

บุรุษผู้นี้หากเพื่อนรักของเธอในมิติที่แล้วอย่างเฟ่งเสี่ยวซ่ง มาเห็นคงต้องถูกเรียกว่าแรร์ไอเทมมิต่างกันกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นแน่นอน จะว่าไปแล้วเป็นเพราะเธอเคยเห็นคุณหมอเฟิงฉางเหอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงจำใบหน้าของมิค่อยได้เท่าไหร่ แต่นางกับมีความรู้สึกว่า บุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอในมิตินี้ มีส่วนคล้ายกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นอยู่มิน้อยเลยทีเดียว

มันจะเป็นไปได้ไหมนะถ้าเขาจะเป็นคนผู้เดียวกันหากแต่ต่างมิติ เช่นเดียวกับนางและหลิวซู่ซู่ที่ตายไป

แต่เอาเถิดเรื่องนี้นางต้องหาทางพิสูจน์ให้รู้จนได้ เพียงแต่จะใช้วิธีใดนั้นคงต้องรอให้นางคิดออกเสียก่อน แต่ก็คงมิง่ายดายแน่นอน

ดูจากการที่เขากับนางเดินสาวทางกัน แม้จะมิได้เดินสวนใกล้ขนาดที่ชายแขนเสื้อต้องกัน แต่ก็ห่างกันเพียงมิถึงสองช่วงตัวเพียงเท่านั้น แต่ซู่ฉางซานบุรุษผู้นั้น แม้แต่หางตายังมิมีแม้แต่จะแลมาทางนางเสียด้วยซ้ำ

มองก็รู้ว่าเขามิได้อยากยุ่งกับนางแม้แต่สักเพียงนิด แต่จะทำเช่นใดได้เล่ายามนี้นางอยากจะยุ่งกับเขาเพื่อดูว่าเขากับคุณหมอเฟิงฉางเหอในมิติที่นางมาเป็นคนเดียวกันรึไม่ ยังไงนางก็ต้องไปยุ่งกับเขาดูสักตั้งแล้ว

“หานอี้พวกเราออกไปนอกจวนกันสักหน่อยได้รึไม่” 

อยู่ๆนางก็นึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้จึงได้เอ่ยถามสาวใช้คนสนิทของตนไป อยู่ในจวนๆวันๆนางนอกจากินและก็นอนก็มิได้ทำอันใดอีก สู้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกเสียหน่อยคงจะดีมิน้อย

“ฮูหยินน้อยอยากออกไปนอกจวนรึเจ้าคะ” หานอี้เมื่อได้ยินคำถามของฮูหยินน้อยของตน ก็ฉงนในใจอยู่มิน้อย ย้ายจากสกุลหลิวที่อยู่นอกเมืองมาที่สกุลฉู่ที่อยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลากว่าสองเดือนครึ่งแล้ว

นอกจากอยู่ในเรือนพักเงียบๆคุณหนูของนางก็มิเคยมีทีท่าว่าอยากจะออกไปนอกจวนเลยเสียสักครั้ง ยามนี้มิใช่ว่านับว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นหรอกหรือ

“ข้าอยากจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อยมิได้รึอย่างไรกัน”

“ย่อมได้แน่นอนเจ้าค่ะ บ่าวขอตัวไปเตรียมตัวสักครู่นะเจ้าคะคุณหนู”

นางรับคำฮูหยินน้อยของนางอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะรีบเดินหวังจะไปบอกให้สาวใช้รวมไปถึงบ่าวชายที่คอยรับใช้อยู่ในเรือนเตรียมตัวที่จะตามฮูหยินน้อยของนางออกไปข้างนอก ถ้ามิติที่ว่าโดนฮูหยินน้อยของนางเรียกเอาไว้เสียก่อน

“หานอี้มิต้องให้ใครตามออกไปทั้งนั้น ข้าออกไปกับเจ้าเพียงสองคนก็พอ”

หานอี้ที่ได้ยินใบหน้ายินดียิ้มแย้มเมื่อครู่ถอดสีทันที

“ได้เช่นใดกันเจ้าคะ ออกไปกันเองบ่าวว่าฮูหยินน้อยอาจมิปลอดภัยได้นะเจ้าคะ”

“ไปกันแค่เจ้ากับข้าก็พอ แล้วก็หาชุดบุรุษให้ข้าสักชุดหนึ่ง”

“หาชุดบุรุษหรือเจ้าคะ หามาทำอันใดกันเจ้าคะฮูหยินน้อย” นางเอ่ยถามฮูหยินน้อยของนางอย่างมิเข้าใจ

“นำมาให้ข้าใส่อย่างไรเล่า ข้าจะใส่ชุดบุรุษออกจากจวน”    

หนึ่งชั่วยามต่อมาสุดท้ายแล้วนางก็ออกมายืนอยู่ท่ามกลางถนนที่คับคั่งไปด้วยผู้คนที่กำลังจับจ่ายซื้อหาข้าวของเป็นที่สำเร็จจนได้

นางตอนนี้อยู่ในชุดบุรุษสีน้ำเงินเรียบๆแต่ก็ตัดเย็บมาจากผ้าชั้นดี ตามที่หานอี้บอกนางเริ่มแรกชุดอันนี้เป็นชุดที่นางตั้งใจจะนำมาพึ่งปักเย็บลวดลาย แต่ยังมิทันได้เริ่มปักอันใดนางก็ล้มป่วยไปเสียก่อน ชุดเสื้อผ้าบุรุษตัวนี้จึงยังมิมีลวดลายใดๆทั้งสิ้น กล่าวได้ว่าเป็นเพียงผ้ามิมีลายที่นำมาทำเป็นชุดก็เท่านั้น

รวมไปถึงขนาดของชุดบุรุษที่นางสวมใส่อยู่มีขนาดใหญ่กว่าตัวนางไปหน่อยจึงทำให้ดูเทอะทะไปบ้าง

นางเดินนำหานอี้แวะเวียนไปยังร้านค้าแผงลอยต่างๆที่มีอยู่เยอะแยะเต็มสองข้างทางของถนนด้วยความตื่นเต้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามนางเหน็ดเหนื่อยกับการเดินดูข้าวของต่างๆ

แล้วจึงได้พาหานอี้เข้ามานั่งพักยัง หอเลิศรส ซึ่งเป็นหอที่นางได้ยินมาว่าขึ้นชื่อในเรื่องอาหารที่สุดในเมืองหลวงตามที่นางได้สอบถามกับแม่ค้าร้านขายสีทาชาดที่นางแวะเข้าไปเป็นร้านสุดท้าย

หอเลิศรส เป็นหอที่มีความคล้ายๆกับโรงเตี้ยมขนาดมิได้ใหญ่มาเท่าใด แต่ตกแต่งสวยงามเรียบหรูทำให้ดูน่าเข้ามาทานอาหารยิ่งนัก บริเวณทางเข้าของหอเลิศรสจะเป็นบันใดสูงให้เดินก้าวขึ้นไปยังหออาหารที่ภายในชั้นสองจะมีโต๊ะไม้เนื้อดีที่ขัดจนเป็นเงาดูสะอาดหมดจด ตั้งอยู่ในระยะที่เว้นเอาไว้พอให้เป็นที่ส่วนตัวพอสมควร

ยามนี้นอกจากนางและหานอี้ที่นั่งอยู่ในหอเลิศรสแล้วก็มีเพียง ลูกค้าอีกเพียงสามโต๊ะเท่านั้น ซึ่งเมื่อมองไปยังโต๊ะอื่นๆแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าผู้ที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะนั้นๆล้วนแล้วแต่เป็นพวกคุณหนูคุณชายทั้งนั้น ชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่พวกคนเหล่านั้นสวมใส่อยู่หรูหรามองก็รู้ว่าทำมาจากผ้าเนื้อดี เครื่องประดับก็ถูกนำมาประดับเยอะแยะไปหมดจนนางตาพร่างไปหมดยามที่เห็นแสงสะท้อนจากเครื่องประดับของพวกนาง

“คุณชายน้อยท่านจะรับสิ่งใดเพิ่มอีกไหมเจ้าคะ”

เสียงของหานอี้ที่เอ่ยถามขึ้นทำให้เธอกลับมาสนใจที่โต๊ะของตัวเองอีกครั้ง เป็นเพราะตั้งแต่เข้ามานางก็สนใจในสิ่งต่างๆในร้านจึงมอบหมายให้หานอี้เป็นผู้จัดการสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อร์ที่มายืนรออยู่ใกล้ๆแทน

“งั้นเสี่ยวเอ้อร์เจ้าก็จัดอาหารขึ้นชื่อของที่นี่มาอีกสั่งสามอย่างก็แล้วกัน”

นางเอ่ยสั่งออกไปอย่างส่งๆเพราะนางแทบจะมิได้ฟังยามที่หานอี้สั่งแม้แต่น้อย แต่ก็คิดว่าสาวใช้คนสนิทของนางคงมิได้สั่งสิ่งใดมามากนัก อาจจะเป็นกับข้าวสองสามจานเพียงเท่านั้น

เพียงมินานนักอาหารหลากหลายก็ถูกลำเลียงโดยเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มิว่าจะเป็นเป็ดน้ำแดง ไก่อบน้ำผึ้งทั้งตัว ซี่โครงหนูผัดซอส ผัดผักรวม ซาลาเปาแปดลูก เป๋าฮื้อตุ๋นโสม ทุกอย่างส่งกลิ่นหอมชวนกินเป็นอย่างยิ่ง

นางและหานอี้ช่วยกันจัดการอาหารเลิศรสตรงหน้าทันที โดยความที่นางเหน็ดเหนื่อยมากจากการเดินเที่ยวเล่นทำให้นางจัดการกับอาหารตรงหน้าไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว

“รสดียิ่งนักหานอี้” นางเอ่ยกับสาวใช้คนสนิท เมื่อวางตะเกียบลงละนั่งพิงไปกลับเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ยามนี้นางอิ่มจนขยับแทบมิไหวเลยที่เดียว เมื่อก่อนยามที่อยู่มิติโน้นนางไม่ค่อยๆจะได้กินของอร่อยๆแบบหลากหลายเช่นนี้มาก่อน เพราะนางเป็นผู้ที่หาเงินตัวคนเดียว จึงมิค่อยกล้าที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนัก ยามนี้นางได้ใช้เงินที่มีมากมายซึ่งก็เป็นของผู้อื่นหามาให้นางใช้นางซึ่งมิได้ลงมือหาเงินเองจึงใช้ได้อย่างคล่องมือยิ่งนัก

ถ้าหากในมิติเดิมนางคงมิกล้าที่จะเดินเข้าร้านขึ้นชื่อที่แค่มองผ่านหน้าร้านก็รู้แล้วว่าราคามิใช่เล่นๆเช่นนี้แน่

             ยังถือว่ามายังมิตินี้ของนางยังมีส่วนดีอยู่มากจริงๆ

             หลันซู่ถงคิดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข ชีวิตของนางมิตินี้ถือว่ามิเลวๆ

มันก็คงจะมิเลวอย่างที่นางคิดเอาไว้ ถ้ามิใช่ว่ายามนี้นางต้องมาเช็ดโต๊ะเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารที่ได้กินไปของหอเลิศรส

“เกือบดีอยู่แล้วเชียวหานอี้ วันนี้เกือบจะเป็นวันที่ดีสำหรับข้าแล้ว” นางเอ่ยออกมาพร้อมกับออกแรงเช็ดโต๊ะอาหารไม้เรียบหรูของหอเลิศรสแรงๆ

“บ่าวต้องขออภัยด้วยจริงๆนะเจ้าคะ” หานอี้ที่ยืนเช็ดโต๊ะอยู่ไม่ไกลจากฮูหยินน้อยของตนนั้นเองขึ้นมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ที่ทำให้ฮูหยินน้อยของนางต้องมาลำบากทนทำงานเช่นนี้

“ช่างเถิดข้ามิโทษเจ้าหรอกหานอี้ หากจะมีผู้ใดผิดผู้นั้นคงจะเป็นผู้ที่ขโมยถุงเงินของเจ้าไปผู้นั้นตั้งหาก”

ใช่แล้วยามนี้นางต้องมาทำงานชดใช้ค่าอาหารที่กินไปของหอเลิศรส ที่พวกนางมิมีจ่ายเพราะหานอี้ที่เป็นผู้เดียวที่พกถุงเงินติดตัวมานั้นทำถุงเงินหาย

แต่นางคิดว่าหานอี้ไม่น่าจะทำหล่นหายไปเอง แต่อาจจะเป็นบุรุษที่ท่าทางไม่ดีที่วันนี้เดินชนนางและหานอี้ที่ตลาดเป็นผู้ชกชิงไปเสียมากกว่า

ย้อนกลับไปเมื่อเสี่ยวเอ้อร์รู้ว่าพวกนางไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารก็เรียกให้พวกนางไปพบกับเถ้าแก่ตงผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลหอเลิศรสแห่งนี้ ทันที

“คุณชายน้อยท่านแต่งตัวก็ดูดีมีฐานะ ใยถึงไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารเพียงเล็กน้อยของหอเลิศรสเรากันเล่า”

เถ้าแก่ตงเอ่ยกลับบุรุษหน้าหวานดุสตรีที่นั่งอยู่ที่อีกฝั่งของโต๊ะทำงานของตน เขามองสำรวจคุณชายน้อยตรงหน้าอย่างประเมินการตั้งแต่การแต่งกาย รวมไปถึงเนื้อผ้าของชุดที่สวมอยู่ รวมไปถึงสาวใช้ผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก

“ใครว่าข้าไม่มีเงินจ่ายกัน ค่ามีเพียงแต่ยามนี้เงินนั้นหายไปแล้วตั้งหาก” นางเอ่ยตอบคำถามที่เถ้าแก่ตรงหน้าเอ่ยถามมาอย่างตรงไปตรงมาไม่คิดปิดบัง

“อ่า ที่แท้คุณชายน้อยก็ทำเงินหายไปแล้วนี่เอง” ตงลี่เอ่ยออกมาก่อนจะทำทีท่าว่าเข้าใจในเหตุการณ์ที่คุณชายน้อยผู้นี้ประสบมา

“ขอบคุณเถ้าแก่มากที่เข้าใจข้า แน่นอนว่าพรุ่งนี้ข้าจะรีบนำเงินค่าอาหารมาจ่ายท่านแน่” นางในเอ่ยออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่และเตรียมที่จะหันหลังกลับเดินออกไปจากห้องของเถ้าแก่ตงผู้นี้

“ช้าก่อนคุณชาย ข้าเข้าใจความลำบากของคุณชายดี หากแต่ข้าคงจะปล่อยท่านออกจากหอเลิศรสไม่ได้เสียแล้ว”

เมื่อได้ยินประโยคที่เถ้าแก่ตงเอ่ยขึ้นขาที่กำลังก้าวเดินที่มีจุดหมายคือการเดินออกจากที่แห่งนี้เป็นอันต้องชะงักลง

“ไหนเมื่อครู่เถ้าแก่ยังทำราวกับเข้าใจข้า เหตุใดจึงพูดเช่นนี้ออกมาอีกกันเล่า”

“คุณชายข้าน้อยทำการค้า ย่อมต้องรักษาผลประโยชน์ของตนเอง คุณชายท่านในเมื่อท่านไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารวันนี้ก็ต้องทำงานชดใช้ให้หอเลิศรสเรา ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องส่งเรื่องนี้พร้อมกลับคุณชายและสาวใช้ของท่านไปที่กองมือปราบแล้ว”

และนั้นก็คือเหตุผลว่าทำไมนางจึงต้องมาทำงานอะไรแบบนี้ ซึ่งในมิติของนางงานแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก ต่างกันกับในมิตินี้ซึ่งจะมองแตกต่างกันไป หานอี้แทบจะน้ำตาไหลตลอดเวลาอยู่แล้วยามที่เห็นนางต้องมาทำอะไรแบบนี้

แต่ก็เอาเถิดถ้าให้เลือกระหว่างทำงานแบบนี้แค่เพียงวันเดียวและพรุ่งนี้ก็ไปนำเงินมาใช้เถ้าแก่ตงให้จบๆไป กับไปจบเรื่องนี้ที่กองมือปราบ แน่นอนว่านางเลือกจะทนทำงานแบบนี้เสียยังดีกว่า หากเรื่องถึงมือปราบนางคงจะแย่แน่ เพราะถ้าเรื่องถึงกองมือปราบจริงแน่นอนว่าอย่างไรเสียสกุลฉู่ต้องรู้เรื่องแน่

หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่ว่านางทำลายอิสระของตัวเองหรอกเหรอ หากครั้งหน้านางอยากจะออกมาอีกคงไม่ง่ายเช่นนี้อีกแล้ว หรือไม่ก็คงต้องมีคนคอยตามไม่น้อยเลยทีเดียวนางยังมีเรื่องสนุกๆอีกมากที่อยากจะทำ

และการที่มีผู้อื่นมากมายมาคอยเดินตามมันก็ทำให้เรื่องสนุกๆที่นางอยากจะทำกระทำได้ยากยิ่งนัก

เช่นนั้นแล้วแน่นอนว่านางย่อมไม่ควรเสี่ยงให้เรื่องนี้ถึงหูคนในสกุลฉู่เป็นเด็ดขาด

นางคิดก่อนจะลงมือทำงานต่อไปทนหน่อย หลันซู่ซู่อีกแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นหอเลิศรสก็จะปิดแล้ว

เวลานั้นแหละที่นางและหานอี้จะเป็นอิสระ

ใช่แล้วนางเพียงต้องทนอีกครู่ใหญ่ก็เพียงเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ภาคพิเศษปัจจุบัน ว่าด้วยเรื่องสถานะใหม่3

    ตอนพิเศษว่าด้วยเรื่องสถานะใหม่ หลังจากที่เธอต้องใส่เผือกและถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากแฟนหนุ่มอยู่เกือบสามเดือนในที่สุดเธอก็ได้ถอดเผือกและ กลับมาใช้ข้อมือได้อย่างอิสระอีกครั้งแน่นอนว่าเธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะสามารถกลับมาจัดดอกไม้ที่เธอรักได้อย่างถนัดอีกครั้ง อีกอย่างคือไม่ต้องถูกฉางเหอตามคุมเข้มอีกต่อไปแล้ว แม้เธอจะรู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากเกินไปเพราะกลัวเธอทำตัวซุ่มซ่ามจนเจ็บตัวกว่าเดิมก็ตามแต่การที่ถูกแฟนซึ่งพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอและซีอีโอรูปหล่อคอยตามดูแลอยู่ไม่ได้ห่างช่างเป็นอะไรที่หลบการตกเป็นเป้าสายตาต่อผู้คนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่เขามาค่อยดูแล แต่ความดีใจกับมาพร้อมกับการที่มักจะทำตัวไม่ถูกของเธอ หลายครั้งที่เธอนึกอิจฉาความเฉยชาต่อสายตาเหล่านั้นของแฟนหนุ่มไม่ได้มีครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขาว่า เขาไม่รู้สึกรำคาญหรืออะไรบ้างหรือเวลาที่ต้องตกเป็นเป้าสนใจเช่นนี้ เขาตอบกลับมาแค่ว่า “ผมไม่จำเป็นต้องแค่ใครนอกจากคุณ” เพียงแค่ประโยคเดียวจากเขาฉันกลับเขาใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดีตั้งแต่เธอใส่เผือกก็ถูกมัดมือชกแกล้มบังคับให้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเขา ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก ที

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ภาคพิเศษปัจจุบัน เธอเปรียบเสมือนความสุขทั้งหมดของผม 2

    “มาครับผมช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อเอง” เขาเอ่ยขึ้นกับเธอด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ ตอนนี้เขาค่อนข้างจะปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติบ้างได้แล้วนิดหน่อยเมื่อเขาพูดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลายขึ้นหลันซู่ถงจึงยิ้มออกมาให้เขาอย่างเอาใจ ก่อนจะปล่อยให้ร่างสูงช่วยนางเปลี่ยนชุดไปเป็นชุดคนไข้ชุดคนไข้ที่พยาบาลส่งให้เขาเมื่อครู่ยามนี้เขานำมาวางเอาไว้บนตักของเธอตัวเธอนั้นถูกเขาประคองให้ขึ้นมานั่งอยู่ที่ริมเตียงคนไข้ เนื่องจากเธอสูงไม่มากจึงขาลอยเมื่อนั่งหย่อนขาที่ริมเตียงคนไข้เช่นนี้ ในหัวอดคิดไปถึงคนไข้คนอื่นๆไม่ได้ว่าพวกเขาก็ขาไม่ถึงพื้นเช่นเธอเหมือนกันหรือไม่เวลาที่นั่งอยู่ริมเตียงคนไข้แบบนี้ตอนที่รอให้คุณหมอตามมาตรวจ “ข้อมือขวาคุณน่าจะหักผมว่าคุณอย่าขยับมันจะดีกว่าครับ” เสียงเข้มเอ่ยดุเธอทันที เมื่อเธอเผลอเกือบจะยกมือขึ้นมาหลังจากที่เขาเอื้อมมือมาหมายจะช่วยเธอปลดกระดุมชุดเดรสยีนส์ที่มีกระดุมเป็นแทบตั้งแต่ช่วงอกจนกระทั่งถึงช่วงเข่าของเธอ “เอ่อ ฉางเหอคะ ฉันว่าคุณให้พยาบาลเขามาช่วยฉันเปลี่ยนชุดน่าจะสะดวกกว่านะคะ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา แน่นนอนว่าเมื่อกล่าวออกไปร่างสูงเบื้องหน้าเธอก็ขมวดค

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ภาคพิเศษปัจจุบัน เธอเปรียบเสมือนความสุขทั้งหมดของผม 1

    ตอนพิเศษเธอเปรียบเสมือนความสุขทั้งหมดของผม หน้าฝนเช่นนี้แน่นอนว่าคงจะไม่แปลกเท่าไหร่นักหากคนส่วนให้ในเมืองจะเป็นหวัดกันไปหมด บางคนก็เป็นหวัดเพราะร่างกายปรับตัวกับสภาพอากาศที่สุดแสนจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างวันนี้ร้อนพรุ่งนี้พายุฝนตกกระหน่ำ อีกวันหนึ่งกับมีลมหนาว บางคนเดินๆอยู่ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาหาที่หลบไม่ทัน กว่าจะวิ่งหาที่หลบฝนได้ก็เปียกไปกว่าครึ่งแล้วหลันซู่ถงเองเธอก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยจำนวนมากนี้ด้วย ทั้งที่เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านก็ยังดีๆอยู่แท้ๆแต่พอไปถึงบริษัทเหม่ยหลง ซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆที่เธอและเพื่อนอีกคนหนึ่งพึ่งจะร่วมทุนกันตั้งเป็นบริษัทสำหรับการรับตกแต่งสถานที่โดยมีดอกไม้เป็นตัวหลักวันนี้หลังจากที่ประชุมเรื่องเกี่ยวกับงานตกแต่งฉากโฆษณาเสร็จ เธอจึงได้คิดที่จะแวะเข้าไปให้หมอตรวจอาการของเธอก่อนจะตรงเข้าไปหาแฟนหนุ่มซึ่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนั้นเช่นเดียวกัน “ขอบคุณที่มาส่งนะหนิงจู” เธอเอ่ยขอบคุณหุ้นส่วนที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทของเธออีกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ไม่เป็นไรหรอก แกรีบเข้าไปให้หมอตรวจอาการเถอะ แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ฉันเข้าไปเป็นเพื่อน” หนิง

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   รวมตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ เจ้าแม่แรร์ไอเทมจะว่าไปแล้วเธอก็งงอยู่เหมือนกันว่า ฉายาเจ้าแม่แรร์ไอเทมที่เธอได้มา ได้มายังไงจนเดือดร้อนถึงแม่เพื่อนสนิทของเธออย่างเฟ่งเสี่ยวซ่งต้องมาอธิบายไขข้อข้องใจ ให้เธอเสียยกให้“แม่เจ้านี่แกไม่รู้จริงๆ หรือตั้งใจจะถามให้ฉันอิจฉาตาร้อนเล่นห๊ะ”“ถ้ารู้ฉันก็ไม่ถามแกหรอกจริงไหม เลิกกัดฉันด้วยคำพูดแล้วก็รีบบอกมาเร็วเข้า” เธอเอ่ยขึ้นอย่างขำๆ เมื่อเห็นท่าทางไม่ค่อยพอใจของแม่เพื่อนตัวดีของเธอ“แฟนแกเป็นสุดยอดแรร์ไอเทมไง คนที่ได้เป็นแฟนกับเขาได้นั้นแปลว่าต้องเป็นนักชกมือฉกาจ และในเมื่อแกเก่งกล้าถึงขนาดนั้น เหล่าแฟนคลับเขาเลยเรียกแกว่า เจ้าแม่แรร์ไอเทม ไงเก็ทเนอะ”“เก็ทก็ได้ค่ะคุณเพื่อน”“ว่าแต่แกเถอะจะย้ายร้านเมื่อไหร่”“ก็คงจะสิ้นเดือนนี้พอดีนั้นแหละ ร้านใหม่ในพื้นที่ของโรงพยาบาลของฉางเหอน่าจะตกแต่งเสร็จพอดี”“ฉันขออนุญาตหมั่นไส้แกแรงๆหน่อยได้ไหม”“แกมาหมั่นไส้ฉันทำไมเนี่ย”เธออดจะขำออกมาเสียงดังไม่ได้ กับท่าทีที่ดูตลกของเฟ่งเสี่ยวซ่ง ที่เดียวๆทำคิ้วขมวด เดียวก็ทำหน้าบิดเบี้ยว“แกรู้ตัวไหมว่าตัวเองเปลี่ยนไปจากเดิมมากแค่ไหน” เฟ่งเสี่ยวซ่งเดินเข้ามาใกล้เพื่อนสนิทก่อนจะจับที่แข

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 20 ความปรารถนาที่แท้จริง (ตอนจบ)

    ตอนที่ 20 ความปรารถนาที่แท้จริง(ตอนจบ)นี่ก็ผ่านมาเกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เธอตื่นขึ้นมาที่ห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ด้วยสาเหตุที่ว่าเธอสลบไปเพราะตกใจเสียงฟ้าผ่า ไม่ใช่เพราะถูกฟ้าผ่าใส่แต่อยากใดทุกครั้งที่เธอหลับตา เธอยังคงนึกไปถึงเรื่องในอีกมิติหนึ่งที่เกิดขึ้น เธอกำลังสับสนไม่แน่ใจแล้วว่าเรื่องที่เธอพลัดไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งนั้นเป็นความจริง หรือเป็นเพียงเรื่องที่เธอฝันไปเองเท่านั้นยามที่เธอตื่นขึ้นมาครั้งแรก ก็เจอเข้ากับเฟ่งเสี่ยวซ่งเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้นที่มาเฝ้าเธออยู่พอดี เฟ่งเสี่ยวซ่งบอกกับเธอเพียงว่าร่างกายของเธอปกติทุกอย่างแต่กับนอนไม่ได้สติมาถึงสองอาทิตย์เต็ม ซึ่งถ้าเทียบกับเวลาในอีกมิติหนึ่งนั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว เพราะเธออยู่ในมิตินั้นราวๆสามเดือนเห็นจะได้วันนี้เป็นวันที่เธอออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผู้ที่มารับเธอออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟ่งเสี่ยวซ่งเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอนั้นแหละ“ซู่ถงแกเดินไหวแน่นะ ไม่ใช่ว่าเดินๆไปแล้วแกล้มขึ้นมาฉันจับไม่ทันแกจะเจ็บตัวเอานะ”เฟ่งเสี่ยวซ่งเอ่ยถามเพื่อนสาวที่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็เงียบผิดปกติ อีกท

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 19 จากไปในที่ๆจากมา

    ตอนที่ 19 จากไปในที่ๆจากมาหานอี้มองภาพของฮูหยินน้อยของนางที่กำลังพิงอยู่ที่ตัวของท่านเขยอย่างสงสารจับใจ นางพยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมาให้ท่านเขยเห็นเพราะกลัวจะยิ่งทำให้ท่านเขยใจไม่ดีฮูหยินน้อยเริ่มมีอาการไม่ค่อยดีมาตั้งแต่ช่วงค่ำ หากนางเชิญท่านหมอมาดูฮูหยินน้อยตั้งแต่ตอนนั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นไม่นานนักฟ่งสือก็เดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับท่านหมอตงและผู้ช่วยคนหนึ่ง “เรียนนายท่านฉู่ข้าน้อยได้ตรวจอาการของฮูหยินน้อยดูแล้ว มิมีสิ่งใดผิดปกติเลย มิได้มีโรคอันใดแทรกซ้อน มีเพียงแค่ชีพจรเท่านั้นที่เต้นอ่อนยิ่งนักขอรับ” หมอตงเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก “เช่นนั้นแล้วนางเป็นอันใดถึงได้กระอักเลือดออกมาเช่นนี้!!!” เขาลูบใบหน้าเล็กที่ยามนี้ซีดเซียวไร้สีเลือด ของคนในอ้อมแขนก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยก็พึ่งเคยพบอาการเช่นฮูหยินน้อยเป็นเป็นครั้งแรกขอรับ”หมอตงเอ่ยขึ้น เขาเป็นหมอมาหลายสิบปีกับไม่เคยเห็นอาการเช่นนี้ ทุกอย่างรวมไปถึงชีพจรแม้จะเต้นอ่อนยิ่งนักแต่ก็เป็นปกติอยู่ แต่กับมีอาการกระอักเลือดออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ“ฟ่งสือ เจ้าไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status