ในขณะที่ทั้งสองนั่งมองหน้ากันอยู่ภายในเทวาลัยด้วยรอยยิ้มนั้นก็ได้ยินเสียงของชาวบ้านที่ดูเหมือนจะกำลังแบกอะไรสักอย่างขึ้นมายังแต่เทวาลัย เรียกสายตาของพชร นรินทร์และแสงศรให้หันไปมองชาวบ้านเหล่านั้น
“จับดีๆ ประคองดี” ผู้ใหญ่บ้านเดินขึ้นมาพร้อมกับออกคำสั่งกับชาวบ้านเหล่านั้น พชรขมวดคิ้วแน่นมองรูปปั้นพญานาคดวงตาสีแดงนั้นอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะเห็นชาวบ้านอีกสองสามคนเข้ามาเคลียร์พื้นที่ด้านข้างรูปปั้นเจ้าปู่ที่นับถือพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เป็นเชิงขอขมา
ชาวบ้านชายอีกคนที่เดินตามคนที่แบกรูปปั้นก็ถือป้ายชื่อของพญานาคองค์ที่ยกขึ้นมาตั้งไว้ข้างๆ คาถาบูชาเจ้าปู่องค์หลักในเทวาลัย ป้ายนั้นมีทั้งชื่อพญาเพชรแก้วและพระนางคีภัทราด้านล่างมีป้ายคาถาบูชาคู่กัน นรินทร์เห็นอย่างนั้นก็รีบลุกออกจากตรงนั้นแล้วหลบทางให้ชาวบ้าน
“วางตรงนี้ๆ ข้างๆ กันเลย วางดีๆ ล่ะ” ผู้ใหญ่บ้านชี้นิ้วบอกตำแหน่งให้เหล่าชาวบ้านรับรู้ ก่อนที่พชรจะเอ่ยถามขึ้น
“เมื่อวานรูปปั้นมันพังทลายลงไม่ใช่หรือครับ? ทำไม...”
“อ๋อ เป็นเรื่องที่ชาวบ้านแปลกใจอยู่เหมือนกัน พอเช้า
ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน มือที่จับประสานกันแกว่งไกวตามก้าวเดินราวกับหนุ่มสาวกำลังออกเดท ก่อนที่จะเดินเข้ามาถึงหน้าบ้านพักที่คนในทีมนั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านพร้อมชะเง้อคอมองคนทั้งคู่ที่พึ่งเดินเข้ามา“แหม่ หวานกันแต่เช้าเลยนะมึง” นิลนนท์เอ่ยแซวขึ้นพร้อมด้วยมินตราที่มองคนทั้งคู่อย่างยิ้มๆ เทวินมองภาพตรงหน้าก็ถึงกับเอามือจับอกซ้ายของตัวเองแล้วส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ “ผมแพ้ราบคาบแล้วคราวนี้ เฮ้อ...อกหักเพราะรักหัวหน้า” เทวินเอ่ยก่อนที่มินตราจะหันไปแจกกำปั้นเคาะที่ศีรษะของเทวินเบาๆ“นี่แน่ะ! ใครเขาสั่งเขาสอนให้บอกรักแฟนคนอื่นต่อหน้าแฟนเขาแบบนี้” มินตราเอ่ย“เอาเถอะๆ แล้ว...ภากรณ์ล่ะ?” นรินทร์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนในทีมนั้นมีเพียงแค่สามคน แต่กลับไม่เห็นภากรณ์อดีตสามีตัวปัญหาเลย จากนิสัยของภากรณ์แล้วคงจะต้องลงมาเตรียมตัวหน้าตั้งหาเรื่องเธอแน่ๆ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น“ภากรณ์ไม่ตื่น เรียกยังไงก็ไม่ตื่น...แต่ยังหายใจอยู่นะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”
นรินทร์เดินไปนั่งที่หินก้อนหนึ่งใต้ต้นดอกปีบ อยู่ๆเธอก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้า เธอก้มลงมองข้อเท้าของตัวเองปรากฎรอยแดงรอบข้อเท้า เธอเคยมีปานตรงนี้มาตั้งแต่เด็กเพียงแต่ไม่คิดว่าอยู่ๆมันก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา แถมยังลามราวกับมีใครเอาเชือกมารัดมันไว้จนเป็นรอยเสียอีก ปานรูปที่คล้ายกับยอดลายกนกนั้นตอนนี้กลับลุกลามเชื่อมต่อกันราวกับมงกุฎ “อยู่ๆก็เป็นอะไรเนี่ย...ไปเหยียบอะไรมาแพ้หรือเปล่านะ” เธอลูบข้อเท้าปอยๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเท้าเปล่าของใครคนหนึ่งเดินมาทางเธอ นรินทร์จึงเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นพระครูบามันที่อยู่ในเทวาลัยเมื่อครู่ นรินทร์ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพลางยกมือขึ้นพนมไหว้อย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แม้เธอเคยใส่บาตรมาหลายครั้งแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่พระสงฆ์องค์เจ้าเดินเข้ามาหาเธอด้วยตนเอง เธอเงยหน้ามองพระครูบามันด้วยสีหน้า
ในขณะที่ทั้งสองนั่งมองหน้ากันอยู่ภายในเทวาลัยด้วยรอยยิ้มนั้นก็ได้ยินเสียงของชาวบ้านที่ดูเหมือนจะกำลังแบกอะไรสักอย่างขึ้นมายังแต่เทวาลัย เรียกสายตาของพชร นรินทร์และแสงศรให้หันไปมองชาวบ้านเหล่านั้น“จับดีๆ ประคองดี” ผู้ใหญ่บ้านเดินขึ้นมาพร้อมกับออกคำสั่งกับชาวบ้านเหล่านั้น พชรขมวดคิ้วแน่นมองรูปปั้นพญานาคดวงตาสีแดงนั้นอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะเห็นชาวบ้านอีกสองสามคนเข้ามาเคลียร์พื้นที่ด้านข้างรูปปั้นเจ้าปู่ที่นับถือพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เป็นเชิงขอขมาชาวบ้านชายอีกคนที่เดินตามคนที่แบกรูปปั้นก็ถือป้ายชื่อของพญานาคองค์ที่ยกขึ้นมาตั้งไว้ข้างๆ คาถาบูชาเจ้าปู่องค์หลักในเทวาลัย ป้ายนั้นมีทั้งชื่อพญาเพชรแก้วและพระนางคีภัทราด้านล่างมีป้ายคาถาบูชาคู่กัน นรินทร์เห็นอย่างนั้นก็รีบลุกออกจากตรงนั้นแล้วหลบทางให้ชาวบ้าน“วางตรงนี้ๆ ข้างๆ กันเลย วางดีๆ ล่ะ” ผู้ใหญ่บ้านชี้นิ้วบอกตำแหน่งให้เหล่าชาวบ้านรับรู้ ก่อนที่พชรจะเอ่ยถามขึ้น“เมื่อวานรูปปั้นมันพังทลายลงไม่ใช่หรือครับ? ทำไม...”“อ๋อ เป็นเรื่องที่ชาวบ้านแปลกใจอยู่เหมือนกัน พอเช้า
นรินทร์นิ่งค้างเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยืนกอดอกท่าเดียวกันกับหญิงสาวที่เดินเข้ามาคุยกับเธอ อีกทั้งยังพยายามพูดให้เธอเข้าใจผิดอีกถึงแม้ว่ามันจะได้ผลก็ตาม ในหัวตอนนี้เธอคิดว่าพชรนั้นหลอกเธอและดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะพยายามแสดงตัวว่าเป็นเมียของเขา ที่ผ่านมาพชรรีบกลับบ้านทุกเย็นมันเป็นเพราะแบบนี้หรอกหรือ “ก็พูดมาตรงๆเลยสิ ว่าเป็นใครและเป็นอะไรกับคุณพชร” “คุณไม่ทราบจริงๆหรือคะ?” หญิงสาวทำทีตกใจที่ไม่ว่าใครมองดูก็รู้ว่าเธอกำลังแสแสร้ง “จะให้ทราบได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อตัวคุณเองยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอยู่กับเขาในสถานะอะไร” นรินทร์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะนั่งลงตรงที่เดิมแล้วเริ่มทานอาหาร พยายามทำตัวนิ่งเฉยแม้ภายในใจจะร้อนรุ่มกับคำพูดของหญิงสาวต
“แต่ว่าอะไรคะ?” นรินทร์ก้มมองตัวเองตามสายตาของพชร ก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย พชรถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองตรงเสื้อเชิ้ตนั้นแล้วพูดขึ้น“ผมตั้งใจเตรียมไว้...แต่ไม่คิดว่าคุณจะใส่แบบนี้น่ะครับ”“ยังไงล่ะคะไอ้แบบนี้ที่ว่า...”“มัน...ไม่เปิดเผยเกินไปหน่อยหรือครับ? มันคือเสื้อเชิ้ตนะครับไม่ใช่เสื้อคลุม” พชรเอ่ย นรินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับยกยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะถอนหายใจเอามือไขว้หลังมองหน้าเขาด้วยสายตาทะเล้น...เขาน่ารักจัง“นี่คุณหวงเหรอคะ? ฉันว่าฉันไม่ได้แต่งตัวโป๊ขนาดนั้นนะคะ ใครๆเขาก็ใส่กัน...”“ครับ...ผมหวง” พชรยอมรับง่ายๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเธอที่ยืนอึ้งกับคำพูดของเขา ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ก่อนจะเอนตัวหลบเล็กน้อยเมื่อพชรเดินเข้ามาชิดแทบจะติดกับตัวเธอด้วยสีหน้าสงสัยพชรจัดการใส่สร้อยเส้นนั้นที่ตั้งใจเสกสรรมาเพื่อเธออย่างแนบชิด นรินทร์ถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเขาอยู่ใกล้ๆขนาดนี้ รู้สึกถึงลมหายใจที่รดตรงต้นคอระหว่างที่เขาเอียงหน้าใส่สร้อยคอให้ เธอยกม
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าเล็ดลอดผ่านม่านบางสีขาวในห้อง หญิงสาวนอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้างภายใต้สายตาคมที่นั่งมองเธออยู่อย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มบางๆเปื้อนใบหน้า สายตาที่เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งสุดใจ พลางนึกย้อนไปยังอดีตที่แสนหวานที่เคยมีร่วมกัน แสนนานเหลือเกินสำหรับการรอคอยยิ่งคิดดวงตาคมก็เอ่อคลอหยุดน้ำตาเคลือบดวงตาของเขาไว้...ในตอนนี้เธอก็กลับมาสู่อ้อมอกของเขานรินทร์เขยิบตัวอย่างงัวเงียก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเด่นชัดในดวงตาสวย เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างไม่อยากเชื่อ...ทุกอย่างมันเหมือนกับความฝัน “ตื่นแล้วหรือครับ” พชรพูดพร้อมเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกหน้าของหญิงสาวที่นอนมองหน้าเขาอยู่ ก่อนจะลูบศีรษะของเธอเบาๆ นรินทร์เอียงศีรษะรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจราวกับลูกแมวน้อยเชื่องๆตัวหนึ่ง “สรุปเราสองคน...คบกันแล้วนะครับ&rdqu