ฉันตื่นมาในช่วงเช้ามองรอบ ๆ ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นสีเทาสลับสีขาว ดูเรียบหรูบอกนิสัยเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี สายตาคู่สวยมองไปชายรูปร่างสูง ผมดกดำ ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผิวผู้หญิงนอนค่ำหน้ามีผ้าห่มคลุมช่วงเอว ฉันเผลอมองคนใจดีด้วยความเสน่หากับตอนกลางคืนว่าดูดีแล้วตอนกลางวันดูดีกว่าหลายเท่า
"อืม เซ็กซี่เป็นบ้า"ฉันเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ นี่มันเทพบุตรชัด ๆ เอาวะครั้งแรกกับคนหล่อขนาดนี้ถือเสียว่าสิ่งที่เสียไปไม่คิดที่จะเสียดายเลยดีกว่าให้ไอ้ผู้ชายหน้าปลวกนิสัยเลวคนนั่นเป็นไหน ๆ ก่อนที่ฉันจะมองไปยังหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว ที่เข็มสั้นชี้เลข 6 เข็มยาวชี้เลข 10 บ่งบอกถึงเวลาตายแล้วใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้วเหรอบ้านก็ไม่ได้กลับและยังต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายอีกไม่ได้การแล้ว ฉันจะโดนอะไรบ้างเนี่ยพี่ออกัสเอาฉันตายเลย สองเท้าวาดลงจากเตียงกว้างเมื่อฝ่าเท้าเเตะพื้นดีแล้วฉันลุกขึ้นยืน ก่อนขาฉันขาอ่อนยวบลงไปนั่งกองกับพื้น "โอ้ยเจ็บจัง หน้าตาก็ดีแต่ทำไมกินดุแบบนี้" มือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยไว้ ส่วนอีกข้างท้าวลงที่เตียงก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวยืนขึ้นจนมั่นคงสองตาคู่สวยมองหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้องก่อนจะหยิบชิ้นส่วนทุกชิ้นมากอดกุมไว้ในมือ พร้อมกันค่อย ๆ พาร่างบางที่อ่อนแรงเข้ามายังห้องน้ำ แต่ขณะสายน้ำจากฝักบัวที่ไหลลงมากระทบผิวเนียนละเอียดกับรู้สึกถึงความเจ็บแสบบริเวณเนินอกทั้งสองข้างใบหน้าเรียวก้มลงมองไปตามความผิวที่รู้สึกเจ็บช่วงเนินอกดวงตากลมโตเบิกขึ้นกว้างทันทีเมื่อเห็นรอยแดงช้ำหลายจุดบนเนื้อผิว "บ้าเอ๋ย"ฉันพึมพำกับตัวเอง นี่เขาเป็นคนใจดีจริงไหมทำไมถึงทิ้งรอยอะไรเยอะแยะขนาดนี้ ดีนะที่ยังมีเสื้อคลุมถ้าไม่อย่างงั้นคิดไม่ออกเลยว่าจะเดินออกจากห้องด้วยสภาพที่น่าอับอายขนาดไหนคิด ๆ แล้วก็สงสารตัวเองที่ต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ฉันรีบอาบน้ำและแต่งตัวก่อนที่พาตัวเองออกจากคอนโดหรูของคนใจดีที่ตอนนี้นอนหลับสนิทไมรู้เรื่องอยู่บนเตียง คอนโดออกัส มือเรียวสวยค่อย ๆ แง้มประตูหน้าห้องอย่างแผ่วเบาและปิดด้วยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แก๊บ! เพื่อที่จะพาตัวเองไปยังห้องนอนแต่ระยะทางก่อนที่จะถึงห้องนอนของฉันต้องผ่านโซนรับแขกที่มีโซฟาเบรดสีเทาตั้งอยู่ เท้าเรียวสวยค่อย ๆ เดินย่องด้วยความเบาราวกับนุ่ม ด้วยความกลัวว่าพี่ชายจะเห็นการมาในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ อีกทั้งในใจยังภาวนาให้พี่ชายนั้นยังไม่กลับคอนโดหรือยังไม่ตื่นนอนก็ได้ แต่ทุกอย่างก็ดับสลายเมื่อฉันได้ยินเสียงทุ้มเข้มลอยมาเข้าโสตประสาทชั้นหู "ไปไหนมาทำไมกลับมาตอนนี้"ฉันมองไปตามเสียงนั้นช้า ๆ ก่อนจะส่งยิ้มหวานพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ มือข้างหนึ่งกำคอเสื้อไว้แน่นเพื่อปกปิดร่องรอยสิ่งที่ฉันทำพลาดพลั้งเมื่อคืนขณะที่พี่ออกัสจ้องมองฉันด้วยใบหน้าเรียบตรึงบ่งบอกว่าเจ้าของน้ำเสียงเข้มในอยู่ในอารมณ์ไหน "ก็ไปที่ยวกับปานดาวกับนิสาไงน้องบอกพี่แล้วไม่ใช่เหรอ"เสียงหวานเอ่ยขึ้นแบบมีพิรุธพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาคมที่นั่งจ้องหน้าฉันเหมือนต้องการให้ฉันเปิดเผยความจริง "ใช่เราบอกพี่แล้ว แต่ทำไมเราถึงกลับมาตอนนี้หรือจะให้พี่บอกพ่อกับแม่ว่าเราไปเที่ยวจนถึงเช้าแล้วค่อยกลับ"สายตาคมไล่มองสำรวจฉันอย่างพิจารณาก่อนจะส่งเสียงดุมาให้ฉันในเชิงตำหนิ กับการทำตัวเหลวไหลไม่ยอมกลับบ้านกับช่องแล้วไงเมื่อก่อนก็ไม่เคยทำจะทำสักครั้งจะเป็นไรไปคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ฉันอยากจะตะโกนบอกพี่ชายให้รู้ไปเลยจะได้ไม่ต้องมาคอยมาจับผิดฉันเหมือนตอนนี้แต่ไม่เอาดีกว่าสงบปากสงบคำไว้ดีแล้วถ้าพ่อกับแม่รู้นะคิดไม่ออกเลยว่าทั้งสองจะให้มาเที่ยวที่ประเทศไทยอีกไหม "พี่จะโทษน้องไม่ได้นะ น้องโทรหาพี่ออกัสแล้วแต่ทำไมพี่ออกัสไม่รับสายล่ะหรือแอบกกสาวที่ไหนอยู่จึงไม่สนใจน้องสาว เนี่ยดูสิเลยต้องอยู่จนดึกเพื่อนตัวดีกลัวว่าจะเป็นอันตรายเลยพาไปนอนที่ห้องด้วยเนี่ยเห็นไหมว่าเป็นความผิดใคร ยังจะมาว่ากันอีก"คำแก้ตัวยาวยืดที่พ่นออกจากฉันอย่างไม่ลดล่ะที่พูดมามีความจริงอยู่บ้างอาจจะพูดออกมาไม่หมดแต่จะว่าใครผิดก็พี่ชายตัวดีเนี่ยแหละผิดที่ไม่ยอมรับสายเรา "อันไปนอนกับใครเอาดี ๆ พี่ให้โอกาสเราบอกพี่อีกครั้ง"เสียงเข้มเอ่ยถามฉันอีกรอบด้วยท่าทีหยังเชิงขณะที่ฉันหลบสายตาไม่กล้าสบตาพี่ชายหันเหมองไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงที่จะให้พี่ชายจับพิรุธได้ด้านออกัส
คนปากแข็งก็ปากแข็งอยู่วันย่ำค่ำ เพราะเมื่อคืนผมโทรหาน้องสาวอยู่หลายสายแต่กับโทรหาน้องไม่ติด ด้วยความร้อนใจเลยต้องรีบขับรถมาหาน้องที่ผับที่ยัยอันทิ้งพิกัดเอาไว้ในข้อความแต่เมื่อมาถึงกับไม่มีวีแววของน้องสาว จะเห็นมีเพียงเพื่อนของอันนิกาที่เดินออกจากผับพอดี ผมจึงได้โอกาสรีบสาวเท้าไปหาเพื่อนทั้งสองแต่กับได้คำตอบว่าน้องสาวน่าจะกลับคอนโดแล้วผมจึงรีบร้อนขับรถกลับคอนโดของตัวเอง แต่กับไร้วี่แววน้องสาว ผมนั่งรอน้องสาวอยู่ที่โซฟาด้วยความร้อนใจตั้งแต่เมื่อคืนยันถึงเช้าของอีกวันถ้าตอนเช้ายัยอันยังไม่กลับมาผมต้องไปแจ้งความคนหายแน่ ๆ "นอนกับปานดาวนะสิถามได้"เสียงหวานเอ่ยขึ้นยืนกระต่ายขาเดียว ฉันจะกล้าบอกได้อย่างไรว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา "เมื่อคืนพี่ไปผับที่เราไปเที่ยว"ฉันหลบสายตาพี่ออกัสด้วยใจเต้นแรงเหมือนมันจะทะลุออกจากอก ตึก ตึก ตึก! "พี่เจอใครรู้ไหม"พี่ออกัสบอก พรางมองใบหน้าฉันแบบไม่กระพริบตาเหมือนพี่เขาจะสังเกตุอาการอึดอัดของฉันขณะที่ฉันทำได้แค่เพียงหลบสายตามองพื้นห้องเพื่อไม่ให้พี่ออกัสจับสังเกตุได้ "เจอใครน้องจะไปรู้ด้วยเหรอ"เสียงหวานตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ คงไม่เจอเพื่อนตัวดีทั้งสองหรอกมั่งถ้าเจอจบคะ ทุกอย่างจบกันสิ่งที่โกหกเอาไว้เยอะจบกันวันนี้แหละ "พี่เห็นปานดาวกับนิสากำลังเดินออกจากผับพอดี พี่เลยเข้าไปถามหาเราแล้วรู้ไหมว่าเพื่อนเราตอบว่าอย่างไง"พี่ออกัสตะคอกเสียงดังจนฉันทำอะไรไม่ถูกจึงยอมสารภาพความจริงออกมา "พี่ออกัสอันขอโทษคือเมื่อคืน..."ฉันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครืออยู่ ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมา "มีอะไรไหนลองเล่าให้พี่ฟังสิ"พี่ออกัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาขึ้นเมื่อเห็นน้ำตาฉันที่กำลังค่อย ๆ ไหลออกจากดวงตา "พี่ต้องสัญญาก่อนว่าถ้าน้องเล่าให้ฟังแล้วพี่จะไม่บอกพ่อกับแม่"ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะยกมือปราดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง "พี่สัญญา"เสียงทุ้มของพี่ชายสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนที่ฉันค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องเหตุการณ์และเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ....................................... เมื่อพี่ชายอย่าออกัสที่รักอันนิกามากเมื่อได้ยินทุกถ้อยคำที่น้องสาวเล่าหัวใจด้วยแกร่งรู้สึกเจ็บปวดที่น้องต้องโดนวางยา แต่ยังดีที่มีคนใจดีเข้ามาช่วยน้องสาวเขา แต่ไอ้คนใจดีมันดีจริงไหมนะที่มาปูยี่ปูย่ำน้องสาวแสนบริสุทธิของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี"มันเป็นใครบอกพี่มาไอ้คนใจดีของน้อง"เสียงเข้มเอ่ยขึ้นในเวลาต่อมาอยากจะลากคอไอ้คนใจดีมาชกให้หายแค้นเหลือเกินแทนที่จะพาน้องสาวเขาไปหาหมอแต่กับเลือกใช้วิธีการช่วยเหลือแบบผิด ๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าใจดีจริงไหมหรือใจดีผสมร้ายกันนะ
"พี่ออกัสอันขอล่ะของให้เรื่องทุกอย่างจบแค่วันนี้ได้ไหม เพราะอย่างไงอันก็ต้องกลับสวีเดนแล้วและไม่รู้ว่าจะได้มาไทยอีกเมื่อไหร่ พี่ปล่อยผ่านเถอะอย่างให้เรื่องบานปลายเลย" "ทำไมเราต้องปกป้องมันด้วยฮะยัยอัน"เสียงทุ้มเข้มตะคอกออกมาเสียงดังจนฉันถึงกับสะดุ้งจนตัวโยกกับน้ำเสียงอันน่ากลัวของพี่ชาย "ที่จริงส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของพี่ด้วยนะที่น้องต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าพี่รับสายน้องเรื่องทุกอย่างอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้"ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาพร้อมกับก้มมองพื้นห้องไม่กล้าสบตาพี่ชายก่อนน้ำตาหยดใสจะร่วงหล่นมาที่พื้น "ยัยอันนี่แกว่าเป็นความผิดของพี่เหรอ"เสียงทุ้มตะคอกขึ้นจนเสียงดังกับข้ออ้างที่น้องสาวโยนความผิดมาให้ตัวเอง "หรือพี่คิดว่ามันไม่จริงพี่ลองคิดดี ๆ นะว่าใครผิดถึงทำให้อันเจอกับเหตุการณ์นี้" พูดจบฉันก็ไม่อยากจะฟังอะไรอยู่แล้วฉันรีบวิ่งเข้าไปห้องนอนล๊อกประตูและร้องไห้อยู่คนเดียวภายในห้องรุ่งเช้าของวัน ความบันเทิงก็เกิดขึ้นเมื่อฉันกำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดคนเป็นสามี แต่แล้วเหมือนได้ยินเสียงแหวกเข้ามาในโสตประสาทของหูแต่ก็ไม่ถึงกับดังมาก ฉันค่อย ๆ ลืมตาตื่นจับโฟกัสก่อนจะเห็นว่าคุุณพ่อกับคุณแม่พี่เจแปนยืนอยู่ข้างเตียง ฉันยกมือขึ้นไหว้ก่อนปลายนิ้วจะสะกิดลงที่ท่อนแขนของคนตัวสูงเรื่องของเรื่องคือ เมื่อคุณปู่คุณย่าทราบข่าวว่าลูกสะใภ้ให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยทั้งสองตั้งใจออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตั้งใจจะมาหลานสาวตัวน้อย แต่เมื่อเข้ามาด้านในห้องพักฟื้นก็ทำให้คุณย่าถึงปรี๊ดแตก จากอารมณ์ดีใจที่จะได้เห็นใบหน้าหลานสาวตัวเล็กแต่กับเห็นคนเป็นพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียงลูกสะใภ้ด้วยความว่าจะทำให้ลูกสะใภ้นอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ เสียงกร่นด่าจึงลอยออกมาจากปากคุณย่าอย่างต่อเนื่องแต่ไอ้ลูกชายกับนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง คนเป็นย่าจึงใช้ฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงต้นแขนจนเสียงดัง เปี๊ยะ!ฝ่ามือร้ายกาจทำให้คนเป็นลูกสะดุ้งตื่น พร้อมร้องออกมาจนเสียงดัง "โอ้ย" ก่อนจะยกมือลูบต้นแขนตัวเองปรอย ๆ ยังงงอยู่ว่าทำไม่แม่ตัวเองถึงส่งฝ่ามืออรหันต์ใส่ตัวเองก่อนจะบ่นออกมาไม่เต็มเสียง"เจ็บนะแม่""เจ็บสิดี มีอย่างที่ไหนแย่งเ
ช่วงกลางดึกของคืนหนึ่งขณะสองสามีภรรยานอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงอยู่ ๆ ไอ้ก้อนกลม ๆ ที่อยู่ในท้องก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ส่งสัญญาณให้คนเป็นแม่ว่าตัวเองอยากจะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว"พี่เจแปนอันปวดท้อง"มือบางสะกิดคนเป็นสามีที่นอนข้างกาย ขณะที่คนตัวสูงดีดลุกขึ้นนั่งก่อนจะประคองสติได้"อันจะคลอดแล้วเหรอ"ผมมองไปที่คนตัวเล็กที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มดวงหน้าใสก่อนจะได้ยินเสียงหวานเอ่ยบอกด้วยความเจ็บปวด มือเรียวกุมหน้าท้องนูนป่องเอาไว้"อืม..น่าจะใช่...อันปวดท้อง"ผมเริ่มตั้งสติได้ก่อนจะวาดเท้าลงจากเตียงคว้าเอกสารสำคัญ ที่น้องอันจะวางไว้ที่หัวเตียงเพื่อมีเหตุฉุกเฉิน ก่อนจะยัดลงกระเป๋าขนาดย่อมที่คนตัวเล็กจัดของใช้บ้างส่วนที่เกี่ยวกับลูกสาวไว้ด้านใน มือหนาจับหูกระเป๋าคล้องลงบนไหล่ ก่อนจะสาวเท้ามาช้อนอุ้มร่างตุ้ยนุ้ยของคนเป็นภรรยาเดินออกจากห้องทั้งนั้นไม่ลืมที่จะบอกคนเป็นตากับยายถึงเหตุการณ์ฉุกละหุกที่เกิดขึ้นเสียงเข้มตะโกนเรียกพวกท่านอยู่บริเวณหน้าประตูห้องนอนของท่านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนผมและคนตัวเล็กนึกถึงตอนนั้นที่พ่อตาแม่ยายสั่งให้ทั้งผมและคนตัวเล็กพาไอ้ต้าวตัวน้อยย้ายมาอยู่ด้วยกัน โดยท่
เวลารุ่งเช้าฉันที่ตื่นขึ้นมาก่อนจะนอนมองคนตัวสูงที่เล่นบทรักกับฉันเมื่อคืนณะตอนนี้กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ขณะท่อนแขนแกร่งโอบกอดเอวฉันไว้ตลอดทั้งคืน มือเรียวสวยลูบไล้ใบหนาคมไล้ลงมาที่จมูกที่โด่งคมเป็นสันและมาหยุดที่ริมฝีปากหนา พลั้นก็รู้สึกชุมชื่นหัวใจอิ่มเอมกับความสุขให้กระชุ่มกระชวยจิตใจขณะดวงตาคู่คมกระพริบถี่ ๆ ก่อนจะเปิดม่านตาออกเพื่อรับแสงสว่าง"ตื่นแล้วเหรอ..." เสียงแหบพร่าของคนที่ตื่นนอนใหม่ ๆ ถามขณะที่ฉันดึงท่อนแขนออกก่อนคนตัวกับรวบเอวคอดฉันอยู่ในอ้อมกอดเหมือนเดิม"ลุกเถอะคะเช้าแล้ว"คนตัวสูงดีดตัวขึ้นเหมือนคิดอะไรบ้างอย่างได้"จริงสิ วันนี้พี่ต้องพาอันไปหาหมอ ไม่รู้ว่าลูกเราที่อยู่ในท้องอันจะเป็นอย่างไงบ้าง"พูดจบคนตัวสูงก็ช้อนอุ้มฉันเข้าไปอาบน้ำ ขณะที่ฉันเอ่ยปฎิเสธความหวังดีของคนตัวสูงแต่เหมือนคนตัวสูงกับไม่ยอมแค่บอกว่า"อาบน้ำพร้อมกันไวกว่าไม่เสียเวลา อีกอย่างพี่กลัวเราลื่นล้มในห้องน้ำด้วยพี่เป็นห่วงเรากับลูกในท้อง"ฉันจึงยอมจำใจให้คนตัวสูงอาบน้ำให้ ถึงแม้ฝ่ามือหนาจะเน้นย้ำถูลูบไล้จุดสงวนและหน้าอกคู่สวยของฉันเป็นพิเศษก็ตามทีกว่าจะเสร็จก็ร่วมชั่วโมงกว่าเราสองคนจะออกจากห้
พิธีการที่ผมรอมาเกือบจะทั้งวันก็ต้องเป็นพิธีการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นแหละ ทันทีที่แม่ผมมาบอกว่าถึงฤกษ์แล้ว ผมไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปเรียกคนตัวเล็กที่ยืนคุยในกลุ่มเพื่อนของน้องด้วยความไว ถึงแม้จะโดนเพื่อนสนิทอย่างไอ้เหนือกับไอ้ออกัสฉุดรั้งผมไว้ก็ตาม ก่อนหน้านั้นก่อนที่ผมจะสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าสาวแสนสวยของผม"มึงจะรีบไปไหน ไอ้น้องเขย"มือหนาของออกัสฉุดรั้งท่อนแขนของผมไว้ เมื่อมันเห็นว่าผมจะแยกตัวไป ตอนนี้มันเป็นพี่เขยผมเต็มตัวแล้ว พอผมได้เป็นน้องเขยมันแม่งเบ่งชิบหาย"แม่มาบอกว่าถึงฤกษ์ส่งตัวแล้วกูจะไปตามเจ้าสาว""เลทออกไปสัก 5 นาทีไม่เป็นไรหรอกมั่ง"ไอ้เหนือมันพูดบ้างผมรู้แหละว่ามันสองตัวแกล้งผม มันรู้ดีว่าโบราณเขาถือเรื่อง ฤกษ์ยามแค่ไหนใครเขาให้เลทกัน"ไอ้เหนือ ไอ้ออกัสมึงสองตัวแต่งงานอย่าแกล้งกู จริงไหมคุณลิตา"ผมที่อยากหลุดพ้นไอ้เพื่อนสองคนนี้จึงหันไปหาตัวช่วยที่ตอนนี้คุณลิตามีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ผมเพราะไอ้ออกัสผู้ไม่กลัวใครนอกจากเมียมันก็คือคุณลิตาที่ยืนอยู่ข้างมันแหละ"พี่ออกัสอย่าแกล้งคุณเจแปนสิคะ"ไม่นานคำขอผมก็เป็นผลเมื่อคุณลิตาเอ่ยปราบไอ้เพื่อนตัวดีที่ตอนนี้ขยับสถานะมาเป็นพี่เขยผมเ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาพ่อแม่พี่เจแปนเดินทางมาพบพ่อแม่ฉันที่บ้าน เพื่อมาขอโทษแทนลูกชายและมาสู่ขอฉันตามประเพณี การเจรจาพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้เรียกสินสอดอะไรมากมายแต่ขอให้สมน้ำสมเนื้อในฐานะลูกสาวคนเดียวของบ้านและในฐานะลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ ทางคุณพ่อกับคุณแม่ของพี่เจแปนก็ไม่ติดขัดอะไรพร้อมจัดสินสอดให้โดยที่ทางเราไม่เรียกร้องเห็นแต่สมควร"ผมดีใจนะครับที่ทางคุณยกโทษและให้อภัยลูกชายผม แต่ในเมื่อคุณไม่เรียกสินสอดทางเราจัดสินสอดให้เองแต่ถ้าคิดว่าน้อยไปเรียกเพิ่มเลยนะครับ"พ่อพี่เจแปนที่ทำหน้าเป็นเถ้าแก่มาสู่ขอเมียให้ลูกชายขณะแม่พี่เจแปนนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน"ใช่คะทางเราคุยกันแล้วว่าจะให้ เงิน 10 ล้าน ทอง 100 บาท เครื่องเพชร 1 ชุด และแหวนเพชร 10 กะรัต ทางคุณคิดว่าน้อยไปหรือเปล่า หรือจะเรียกเพิ่มเรียกได้ตามสบายเลยนะคะ"คุณแม่พี่เจแปนเอ่ยขึ้นฉันถึงกับตาเบิกกว้างไม่คิดว่าทั้งสองจะให้สินสอดฉันเยอะขนาดนี้"เราสองคนคุยกันแล้วว่าจะไม่เรียก แล้วแต่ทางคุณจะให้"แม่ฉันเอ่ยขึ้น"แม่คะไม่เยอะไปเหรอคะ"ฉันรีบแย้งขึ้นทันทีเพราะดูเหมือนสินสอดที่พ่อแม่พี่เจแปนให้มันเยอะไปจริง ๆ ขณะพี่เจแปนที่นั่งบนโ
บ้านอันนิกาผมสั่งให้เลขาจัดหาพานดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถือมาขอขมาท่านทั้งสองที่ได้ล่วงเกินคนตัวเล็กจนพลาดท้องขึ้นมา เมื่อก้าวท้าวเข้ามาในบ้าน คุณแม่ของคนตัวเล็กเอ่ยทักทายเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ขุ่นเคืองหัวใจ และยังยิ้มรับการมาของผมด้วย"สวัสดีครับคุณแม่""จ๊ะสวัสดีเข้ามาก่อน"ไม่น่าเชื่อว่าท่านยิ้มตอบรับไมตรีจากผม ขณะคุณพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาชักสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยสายตาคู่คมของคุณพ่อมองที่ผมแวบนึงก่อนจะหันไปสนใจน้องซีนาย"มาแล้วเหรอ คิดถึงจังเลยมาหาตาเร็ว"พ่อของคนตัวเล็กเรียกน้องซีนาย ไม่น่าเชือว่าท่านเป็นคนต่างชาติที่สามารถพูดภาษาไทยได้อย่างดีเลยทีเดียว ขณะที่น้องซีนายวิ่งเข้านั่งข้างคุณตา"สวัสดีครับคุณพ่อ"ผมทักทายท่านและอีกเช่นเคยพ่อน้องอันพยักหน้าเพียงเล็กใบหน้าช่างดูเรียบตึง จนทำให้ผมรู้สึกเกร็ง ๆ ขึ้นมา ขณะสายตาท่านมองมาที่ผมชั่วขณะหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจน้องซีนายต่อ คนตัวเล็กที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์ดีเอื้อมมือบางมาบีบมือผมเบา ๆ เหมือนให้กำลังใจ"ได้ข่าวว่าไปเที่ยวทะเลสนุกไหมน้องซีนาย"เสียงทุ้มของคุณตาเอ่ยถามไอ้ต้าวตัวน้อยยิ้มก่อนที่เอ่ยเสียงใสเล่าเป็นฉาก ๆ ให้คุณตาฟัง"สนุกมาก