หลังอาหารเย็น…หลิวกงกงก็พาอาเฟยมาพบหลี่ชิงตามที่หลี่ชิงต้องการ
อาเฟยได้รับการทำแผลที่หน้าผากมีผ้าพันปิดแผลเอาไว้เรียบร้อยแล้วและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน…พอเห็นคุณชายของตนนอนคว่ำอยู่บนเตียงก็จะถลาเข้าไปหาทันที “คุณชาย…”
ทว่าถูกหลิวกงกงดึงตัวเอาไว้เสียก่อน “อาเฟย…แตะต้องตัวคุณชายสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะว่าคุณชายบาดเจ็บอยู่ เจ้าอาจจะทำให้คุณชายบาดเจ็บมากขึ้นกว่าเก่าได้”
อาเฟยชะงัก แล้วจึงเห็นไท่ชินอ๋องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ข้างเตียงนอน…ก็เลยรีบหมอบลงคำนับ “น้อมคารวะท่านอ๋องขอรับ”
“อืม” ไท่ชินอ๋องรับคำ “ขอบใจเจ้ามาก…อาเฟย…ที่รีบมาส่งข่าวชิงชิงให้ข้ารู้ทันเวลา” แล้วหันไปสั่งหลิวกงกง “หลิวยี่…เบิกเงินจากพ่อบ้านเจาหนึ่งพันตำลึงทองมอบให้อาเฟยเป็นรางวัล”
“พะ พันตำลึงทอง” อาเฟยตื่นเต้นจนตะกุกตะกัก “ช่างมากมาย…มากมายเหลือเกิน” แล้วบอกกับหลี่ชิงอย่างดีใจจนลืมตัวว่า “คุณชาย …บ่าวมีเงินให้คุณชายขอยืมแล้ว”
“หือ?” ไท่ชินอ๋องเลิกหัวคิ้วเข้มขึ้น “ชิงชิงขอยืมเงินเจ้าไปเมื่อไหร่ เอาไปทำอะไร จงบอกข้ามาให้หมด”
“เอ้อ…อ้า…” อาเฟยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เรื่องที่ตนกับเจ้านายน้อยทำนั้นเปิดเผยไม่ได้ “คือ…”
“เจ้าจะบอกออกดีๆ หรือจะต้องโดนไม้เรียวเสียก่อน”
อาเฟยมองสบตาหลี่ชิง หลี่ชิงก็พยักหน้าให้เล็กน้อย…อาเฟยจึงเล่าเรื่องที่คุณชายขอยืมเงินไปซื้อข่าวให้ไท่ชินอ๋องฟัง
หลี่ชิงนั้นเขินอายจนแก้มแดงซุกหน้ากับหมอนที่หนุนอยู่ ในขณะที่ไท่ชินอ๋องหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างขบขัน ยกมือลูบศีรษะร่างบอบบางที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง “ชิงชิง…เจ้ายังติดหนี้ผู้ใดอีก?”
“หลิวกงกงขอรับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา
“เท่าไหร่?”
“หนึ่งร้อยตำลึง…เอ้อ…ค่ายาปลุกกำหนัดขอรับ”
“เจ้ามาอยู่ที่จวนของข้าเพียงสองสามวันก็ติดหนี้คนอื่นไปทั่วแล้ว” ไท่ชินอ๋องเอ่ยอย่างนึกขัน
“ท่านอ๋องขอรับ” หลิวกงกงเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงๆ “ของข้าน้อยมิเป็นไรขอรับ นั่นเป็นเพียงการล้อเล่นกับคุณชายเท่านั้นขอรับ”
“ไม่ได้…ติดหนี้ก็คือติดหนี้” ไท่ชินอ๋องกล่าวกับหลิวกงกง แล้วจึงกล่าวกับหลี่ชิง “ชิงชิงเจ้าจะชดใช้อย่างไร?”
“ข้าน้อย…คิดว่าเมื่อปรนนิบัติท่านอ๋องแล้ว หากท่านอ๋องพอใจ คงจะประทานรางวัลให้แก่ข้าน้อย ข้าน้อยก็จะได้มีเงินไปจ่ายหนี้ขอรับ”
ไท่ชินอ๋องยกยิ้มขัน ก่อนจะก้มตัวลงกระซิบข้างหูหลี่ชิงว่า “เจ้ายังมิได้ปรนนิบัติข้าเลย ข้าจะให้รางวัลเจ้าได้อย่างไรกัน?…อีกอย่าง ยามที่เจ้าคิดจะปรนนิบัติข้า สีหน้าของเจ้านั้นเคร่งเครียดราวกับทหารกำลังจะออกสู่สนามรบอย่างไรอย่างนั้น”
“หา…” หลี่ชิงอุทานเสียงเบา รู้สึกหน้าร้อนผะผ่าวยิ่งกว่าเดิม
ไท่ชินอ๋องยืดตัวนั่งตรงขึ้น “เอาละ หลิวยี่จงไปเบิกเงินจากพ่อบ้านเจา คืนค่ายาของเจ้า และคืนเงินให้อาเฟย…ต่อไปเจ้าหนี้ของชิงชิงคือข้าคนเดียว ข้าเตรียมจะดีดลูกคิดรางแก้วทบต้นทบดอกให้สบายใจ”
ขณะนั้นเอง…สาวใช้นางหนึ่งก็ส่งเสียงรายงานที่หน้าประตูห้องที่เปิดเอาไว้
“เรียนท่านอ๋อง…สาวใช้จากตำหนักพระชายามารายงานว่า พระชายาฟางหมิงซินที่ถูกลงทัณฑ์เป็นลมเจ้าค่ะ”
ไท่ชินอ๋องจึงสั่งหลิวกงกงว่า “เจ้าไปถ่ายทอดคำสั่งของข้า ว่าข้าอนุญาตให้บ่าวที่ตำหนักพระชายาให้ความช่วยเหลือฟางหมิงซินได้”
“ขอรับ” หลิวกงกงน้อมรับคำสั่งแล้วไปปฏิบัติตามทันที
ไท่ชินอ๋องทำตามที่ลั่นปากเอาไว้จริงๆ …วันรุ่งขึ้นก็ประกาศแต่งตั้งหลี่ชิงเป็นกุ้ยหวางเฟย(พระชายาผู้สูงศักดิ์) ในท้องพระโรงที่ประชุมเหล่าขุนนาง
อำมาตย์หลี่ บิดาของหลี่ชิงนั้นหน้าซีดแล้วซีดอีก…พอการประชุมเสร็จสิ้น ก็รีบขึ้นรถม้ากลับจวนอย่างเร่งด่วน
พอถึงจวนก็สั่งให้ย้ายซูอี๋เหนียงเป็นครั้งที่สอง จากเรือนเล็กกะทัดรัดไปยังเรือนใหญ่โตโอ่อ่า และส่งสาวใช้กับบ่าวชายมาเพิ่มอีก
“มีอะไรหรือท่านพี่ จึงทำเรื่องทำราวใหญ่โตเช่นนี้” ฟูเหรินใหญ่ถามอย่างสงสัย “เมื่อวานก็ย้ายซูไห่ถังจากเรือนคนใช้มายังเรือนเล็ก ให้สาวใช้กับบ่าวชายไปสองคน ยังไม่พอ...ยังให้คนไปตามหมอมารักษาขาของนาง แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นอีกละ จึงยกย่องเชิดชูนางถึงขนาดนี้”
“ฟูเหริน เจ้าไม่รู้อะไร…” อำมาตย์หลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “วันนี้ไท่ชินอ๋องแต่งตั้งอาชิงเป็นกุ้ยหวางเฟย เจ้าคิดหรือว่าข้าจะไม่กลัดกลุ้ม”
ฟูเหรินใหญ่เบะปากอย่างดูถูก และนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชา “ไท่ชินอ๋องนี่ก็แปลกคน หลงใหลรูก้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา เจ้าเด็กนั่นแหกขาให้หน่อย ก็แต่งตั้งเป็น…”
นางกล่าวไม่ทันจบประโยค ก็ถูกสามีตบหน้าอย่างแรง
เพียะ !
จนหน้าสะบัด ปากแตก ที่แก้มปรากฏรอยฝ่ามือชัดเจน
“ท่านตบข้า…ทะ ท่านตบข้า”
อยู่กินกันมานานยี่สิบกว่าปี…อำมาตย์หลี่ไม่เคยทำร้ายนางสักแปะ อย่าว่าถึงขนาดตบหน้าแรงเช่นนี้
“จะพูดจะจาอะไรให้ระมัดระวังถ้อยคำให้มากไว้ ไท่ชินอ๋องมิใช่ผู้ที่พวกเราจะล่วงเกินได้ หากถ้อยคำเมื่อสักครู่ของเจ้าล่วงรู้ถึงบุคคลอื่น คนของจวนตระกูลหลี่ทั้งตระกูลก็เตรียมล้างคอรอดาบได้เลย”
ฟูเหรินใหญ่ส่งเสียงร้องไห้โฮๆ
“เกิดเรื่องอันใดหรือ?” เสียงหญิงชราทัก แล้วเจ้าของเสียงที่แต่งกายด้วยผ้าไหมสีครามราคาแพง มีสาวใช้สองคนประคองเดิน ก็ก้าวเข้ามาในห้องโถงแห่งนั้น
"ดังนั้น...ข้ามีทางเลือกสามทาง คือ...หนึ่ง ปฏิเสธองค์ชายสาม สองรับองค์ชายสามเอาไว้ แล้วจะจัดการอย่างไรค่อยว่ากันอีกที อาจจะนำไปขังไว้ในคุก หรือกักบริเวณไว้ที่เรือนแห่งใดแห่งหนึ่ง" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ "แต่ข้าเลือกวิธีที่สาม ส่งเขากลับไปเป็นหอกทิ่มแทงองค์ชายใหญ่หลี่เผิง และใช้โอกาสนี้กวาดล้างตระกูลเฉาที่หนีเล็ดลอดไปภักดีต่อซีเป่ยด้วย" "ท่านอ๋องมั่นใจหรือว่าองค์ชายสามอ้ายหยางจะกลับซีเป่ยไปกำจัดเฉาฮั่น?" หลี่ชิงถาม "ยิ่งกว่ามั่นใจเสียอีก...เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว เฉาฮั่นสนับสนุนองค์ชายใหญ่ ช่วยวางแผนการกำจัดองค์ชายสาม เมื่อองค์ชายสามสามารถกลับไปยังซีเป่ย ก็ต้องจัดการกับเฉาฮั่นและครอบครัวเป็นอันดับแรก" หลี่ชิงพยักหน้าเห็นด้วย "แต่นั่น...องค์ชายสามจะต้องกลับให้ถึงเมืองหลวงของแคว้นซีเป่ยเสียก่อน" "ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ หมายความว่าองค์ชายสามอาจจะกลับไปไม่ถึงเมืองหลวงของแคว้นตนเองหรือ?" หลี่ชิงเอ่ยถาม ไท่ชินอ๋องไม่ได้ตอบในทันที แต่ดึงร่างบอบบางไปกอดเอาไว้ แล้วย้อนถามว่า "ถ้าเจ้าเป็นองค์ชายใหญ่ เจ้าจะทำอย่างไร หากคนของตนในคณะทูตส่งข่าวว่า องค์ชายสามกำลังจ
องค์ชายสามอ้ายหยางหน้าเปลี่ยนสี"พระบิดาและพี่ชายของเจ้ามั่นใจมากหรือว่าเจ้าจะครอบครองหนานหยางได้สำเร็จ?" ไท่ชินอ๋องกล่าวชัดถ้อยชัดคำ "ท่านอ๋อง...ท่านกล่าวอันใด ข้าน้อยมิรู้เรื่อง" องค์ชายสามอ้ายหยางยังพยายามจะปฏิเสธ "องค์ชาย..." ไท่ชินอ๋องเรียกเสียงหนักๆ "มีสารลับจากซีเป่ยถึงข้า บอกว่า...กวางตัวงามมาถึงปาก เคี้ยวเล่นสักเดือนสองเดือนแล้วฆ่าทิ้ง ก็ไม่เป็นที่ผิดสังเกตอะไร....เจ้าลองคิดดู ถ้าข้ารับเจ้าเป็นพระชายา เล่นสนุกสักเดือนสองเดือน แล้วประกาศว่าเจ้าป่วยตาย...พระบิดาและพี่ชายของเจ้าจะยกทัพมาแก้แค้นให้เจ้าหรือไม่?" องค์ชายสามอ้ายหยางขบริมฝีปากจนเลือดซิบ "การตายของเจ้า...พระบิดาของเจ้าอาจจะเสียใจอยู่บ้าง แต่รับรองว่าไม่มากพอที่จะยกทัพมาล้างแค้นให้กับเจ้า...ส่วนพี่ชายของเจ้านั้น เขาคงโล่งใจจนอยากจะหัวเราะเสียงดังๆ เสียด้วยซ้ำ" "ความหมายของท่านอ๋องคือ...?" องค์ชายสามอ้ายหยางเอ่ยถามเสียงเบา "อะไรที่ไม่ใช่ของเจ้า อย่าตะเกียกตะกายให้ลำบากเลย...ส่วนอะไรที่สมควรเป็นของเจ้า ไยจึงไม่ไขว่คว้า...เจ้าทิ้งซีเป่ยมาคว้าหนานหยางมิเป็นการทิ้งของในกำมือไปไขว่คว้าเงาหรอกหรื
เช้าวันรุ่งขึ้น...คณะทูตเข้าพบไท่ชินอ๋องที่ท้องพระโรงอีกครั้ง ท่านทูตน้อมคำนับแล้วกล่าวว่า "เพื่อเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีอันดีงามระหว่างแคว้นซีเป่ยกับแคว้นหนานหยาง...ทางซีเป่ยจึงขอมอบองค์ชายสามอ้ายหยางให้เป็นพระชายาของไท่ชินอ๋อง หวังว่าไท่ชินอ๋องและไท่หวางเฟยจะยินดีต้อนรับองค์ชายแห่งซีเป่ยขอรับ" หลี่ชิงนึกไม่ถึงว่า...อีกฝ่ายจะเล่นไม้นี้ พอชิงตำแหน่งไท่หวางเฟยไม่ได้ ก็ยอมเป็นน้อยเพื่อเข้ามาอยู่วงใน...เจตนาไม่ดีชัดๆ แต่เขาอยู่ในฐานะที่พูดอะไรก็มีแต่เสีย...เพราะทุกคนจะลงความเห็นเป็นว่า เขาใจแคบหึงหวง ไม่สมกับเป็นไท่หวางเฟย! ทว่าเขามั่นใจว่า...ไท่ชินอ๋องก็ต้องดูออกเช่นกัน ...จึงลอบชำเลืองมองผู้เป็นสามี ไท่ชินอ๋องมีสีหน้ายิ้มแย้ม ตอบว่า"เรื่องนี้มิใช่เรื่องใหญ่อันใด...เพียงแต่ข้าต้องการจะสนทนากับองค์ชายสามอ้ายหยางตามลำพังสักครู่หนึ่ง ขอให้ทุกท่านรออยู่ที่นี้" ว่าแล้ว...ไท่ชินอ๋องก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินมาจูงมือหลี่ชิงไปด้วย ทั้งสามเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว "ไท่ชินอ๋องมิใช่ว่าจะสนทนากับข้าน้อยตามลำพังหรอกหรือ?" องค์ชายสามอ้ายหยางกล่าวถาม พลาง
หลังจากองค์ชายสามอ้ายหยางกับท่านทูตจากแคว้นซีเป่ยแยกไปแล้ว...ไท่ชินอ๋องก็พาทุกคนกลับพระราชวังแล้วไท่ชินอ๋องได้พาหลี่ชิงไปยังห้องทำงานสำคัญที่แยกต่างหากจากห้องทำงานที่ใช้พิจารณาฎีกา ห้องนี้หลี่ชิงเพิ่งจะได้เข้ามาเป็นครั้งแรก อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ห้องตกแต่งเรียบหรูด้วยโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มีเก้าอี้ตัวใหญ่ตั้งอยู่หลังโต๊ะ ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่นั่งของไท่ชินอ๋องพอหลี่ชิงถูกจูงมือเข้ามาด้วย...ราชองครักษ์ก็จัดแจงยกเก้าอี้ที่มีพนักและเท้าแขนมาตั้งข้างๆ เก้าอี้ของไท่ชินอ๋องให้หลี่ชิงนั่ง และยกอีกตัวมาให้อ๋องสี่นั่ง เมื่อทั้งสามคนสำคัญนั่งลงเรียบร้อย...หวังกงกงก็ประสานมือน้อมคำนับ "คารวะไท่ชินอ๋อง ไท่หวางเฟย และท่านอ๋องสี่" "ไม่ต้องมากพิธี" ไท่ชินอ๋องเอ่ย "หวังเสียงได้ความว่าอย่างไร เล่ามาซิ" "ขอรับ" หวังกงกงรับคำ แล้วรายงานว่า "เรื่องที่องค์ชายสามอ้ายหยางมาที่แคว้นหนานหยางมีเบื้องหลังเกิดจากคนขายชาติขอรับ คนผู้นั้นก็คือเฉาฮั่นน้องชายของเฉาฮั่ว และเป็นอาของเฉาฉุน...เฉาฮั่นพาครอบครัวตระกูลเฉาที่เหลือไปอยู่ที่ซีเป่ย เขามีสหายอยู่ที่นั่น สหายของเขาเป็นขุนนางยศสูงพอส
หลังจากกินอาหารเสร็จ...ไท่ชินอ๋องก็เอ่ยชวนหลี่ชิงว่า "ชิงชิง...เดี๋ยวพวกเราไปเดินเที่ยวเล่นชมตลาดกันดีกว่า" "ขอรับ" หลี่ชิงรับคำเบาๆ "เชิญองค์ชายสามและท่านทูตด้วย" ไท่ชินอ๋องออกปากชวนผู้เป็นแขกบ้านแขกเมือง องค์ชายสามอ้ายหยางเริ่มไม่ค่อยไว้วางใจในตัวไท่ชินอ๋องนัก ว่าจะเล่นงานอะไรเขาอีก จึงปฏิเสธว่า "ข้าน้อยมิชอบผู้คนเบียดเสียด ขอตัวกลับที่พักก่อนขอรับ" "เจ้ามิใช่บอกว่าชอบศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมของหนานหยางหรอกหรือ?" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าจึงใคร่จะทำหน้าที่เจ้าบ้านพาเจ้าและท่านทูตชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านชาวเมืองของหนานหยางที่แท้จริง มิใช่อ่านเพียงในตำหรับตำรา" ทำให้องค์ชายสามอ้ายหยางไม่อาจหลีกเลี่ยง "เช่นนั้น...ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง" "มิใช่คำสั่งแต่เป็นคำเชิญ" ไท่ชินอ๋องแก้ แล้วจูงมือหลี่ชิงเดินออกจากเหลาสุราไปยังจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งคึกคักด้วยผู้คนและร้านรวงตลอดจนแผงค้าขาย โดยมีท่านทูต และองค์ชายสามจากซีเป่ย อ๋องสี่และพระชายาอาเฟย ติดตามมาด้วย ราชองครักษ์และทหารรักษาความปลอดภัยปะปนอยู่ในฝูงชน โดยไม่ได้ขับไล่หรือรบกวนกิจกรรมของชาวบ้านแต่อย่างไร เพร
องค์ชายสามอ้ายหยางรู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง...ให้เขาแข่งม้ากับเด็กจูงม้านะหรือ? ชนะก็ไม่ได้เกียรติอันใด แต่ถ้าแพ้จะต้องอับอายขายหน้าแน่ๆ ยิ่งกว่านั้น...เขาไม่มีวันแข่งขันกันคนชั้นต่ำแบบนั้นหรอก! จึงลงจากม้าแล้วเดินเข้าไปยังพลับพลา ค้อมศีรษะให้แก่ไท่ชินอ๋อง "น้อมเรียนไท่ชินอ๋อง หากไท่หวางเฟยหลี่ชิงไม่สะดวกที่จะร่วมสนุกกับข้าน้อย ข้าน้อยก็ไม่สนใจจะร่วมแข่งขันกับผู้อื่นขอรับ" "น่าเสียดาย มาถึงสนามม้าทั้งที ถ้ามิได้ดูการแข่งม้าก็เสียรสชาติยิ่ง" ไท่ชินอ๋องกล่าว และสั่งราชองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างว่า "สั่งลงไป...ให้จัดเด็กฝึกหัดเลี้ยงม้า มาแข่งขันกันให้ชมดูหน่อย" "ขอรับ" ราชองครักษ์น้อมรับคำ แล้วไปปฏิบัติ ส่วนองค์ชายสามอ้ายหยางนั้นกลับไปนั่งที่ของตน ซึ่งอยู่ในพลับพลาเดียวกันไม่ห่างนักเพียงครู่เดียว...เด็กอายุสิบสองสิบสามจำนวนสิบห้าคนต่างขี่ม้าตัวใหญ่ให้เดินเรียงแถวเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ แล้วเริ่มแสดงการขี่ม้าแบบต่างๆ อย่างโลดโผน "ชิงชิง...เจ้าดูเด็กพวกนี้สิ มีผู้ใดบ้างที่ขี่ม้าด้อยกว่าองค์ชายสาม?" ไท่ชินอ๋องกระซิบถามหลี่ชิงที่เขาโอบกอดไม่ปล่อย "หากเ