บทที่ 4
เมื่อความผูกพันก่อตัว
คำเว้าวอนของสายลับสาวทำให้ชายหนุ่มหยุดตัวเองลงชั่วขณะ แม้ยังไม่แน่ใจหากนัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวกลับฉายแววปรารถนาล้นท่วม ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงแห่งเพลิงพิศวาส และแดเนียลเองก็ตกเป็นทาสอารมณ์ดิบที่สั่งให้เขายินยอมปลดปล่อยอลินทิราออกจากพันธนาการ
“แดน...ฉันต้องการคุณ...เดี๋ยวนี้” ร่างบางตวัดแขนไปรอบแผ่นหลังกว้างทันทีที่เป็นอิสระ หญิงสาวกอดจูบชายหนุ่มเนิ่นนานกระทั่งตัวเธอถูกดันจนแผ่นหลังราบไปกับที่นอน
“ซอนญ่า...โอ” แดเนียลครางหอบเมื่อเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้คุมเกมด้วยการขยับขึ้นทาบทับบนแก่นกายตึงแน่นของหญิงสาวที่ถูกความแข็งแกร่งบดเบียดอยู่ภายนอก เขายังไม่เร่งร้อนที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ทว่าก็เห็นเงาแห่งความหวาดกลัวแฝงตัวอยู่หลังม่านหมอกแห่งปรารถนา
“ทำไมคุณไม่หนีไปเสีย...ตอนนี้คุณมีโอกาสแล้ว ซอนญ่า”
แดเนียลกระซิบถามขณะไล้เลียลิ้นร้อนไปบนแก้มเนียนจรดติ่งหูก่อนกลับมายังกลีบปากนุ่ม
“จะให้ฉันหนีไปไหนล่ะคะแดน...ถ้าฉันหนี ใครจะช่วยฉันได้”
“คุณเป็นอะไรหรือซอนญ่า” ชายหนุ่มถามซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการบิดเร่าของร่างที่เขาทาบทับ
“ไม่รู้ค่ะ...ฉัน...ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ต้องมีใครสักคนมาช่วยฉัน และตอนนี้คนที่จะช่วยฉันได้...คือคุณ”
“ผมจะช่วยอะไรคุณได้” ถามอีกครั้งขณะบดเบียดกล้ามเนื้อแกร่งกำยำลงสนิทกับเรือนร่างคอดเว้า
“คุณจูบฉันอีกสิคะ แดน...ฉันอยากให้คุณจูบฉัน...สิคะ”
อลินทิราผงกศีรษะขึ้นเพื่อให้เรียวลิ้นหนาแทรกเข้ามาในเรียวปากฉ่ำ มือเรียวบางไม่อยู่นิ่งขณะกรีดไปบนแผ่นหลังและกดลงบนบั้นท้ายเครียดเกร็งของร่างสูงใหญ่ ยิ่งเธอลงน้ำหนักมือก็ยิ่งรู้สึกถึงความแข็งขันเบียดลงตรงใจกลางซึ่งกำลังปลดปล่อยความชื้นออกมาเต็มที่
“แล้วหลังจากนี้ล่ะ” แดเนียลยังแสดงความสงสัยเมื่อเลื่อนใบหน้าคร้ามเข้มลงมาหยุดที่ซอกคอ ชายหนุ่มขบเม้มซ้ำ ๆ ราวกับไม่เคยเบื่อหน่ายกับจุดชีพจรอ่อนไหวบนร่างนุ่ม เขาทำให้หญิงสาวแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงจากปากและมือที่ปลุกความตื่นเต้นไปทุกอณูเส้นขน
“ฉันไม่รู้ค่ะ” อลินทิราตอบอย่างลังเลในที่สุด เธอต้องการอะไรกัน จูบนั้น สัมผัสนั้น แต่ก็ดูเหมือนยังไม่พอต่อความกระหายหิว
“แต่ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร”
แดเนียลสรุปซึ่งมันก็ถึงเวลาที่เขาจะได้พิสูจน์อะไรบางอย่างเสียที และมันเป็นสิ่งที่ทำให้สายลับสาวเกิดความตระหนกเล็ก ๆ เมื่อขาเรียวถูกแยกห่างจากกัน
“แดน...อ๊า!” ร่างบอบบางสะดุ้งพร้อมทั้งจิกปลายเล็บลงบนไหล่กว้างเต็มแรงเมื่อชายหนุ่มแทรกความแข็งแกร่งผ่านเข้าไปในพื้นที่สามเหลี่ยมปกคลุมใยไหม ไม่ใช่เธอเท่านั้นที่ตกใจ หากแต่ร่างสูงใหญ่ก็ถึงกับชาไปชั่ววินาที
อลินทิรายังบริสุทธิ์!
ทำไมเขาจะไม่รับรู้ถึงการฉีกขาดแม้เนื้อเยื่อที่กั้นกลางเธอและเขาจะบอบบางแค่ไหน มันทำให้ชายหนุ่มหายใจสะดุดและพยายามยื้อตัวเองให้ผ่อนเบาลงบนร่างที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนเลย
“ซอนญ่า...คุณควรจะบอกผม” แดเนียลเริ่มจะเคร่งเครียด เขากอดอลินทิราไว้แน่นโดยที่การรุกล้ำนั่นยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง ร่างสูงใหญ่อยากผละห่างเมื่อผลลัพธ์บางอย่างที่เขาอยากรู้สำแดงตัวตน เขาไม่เคยสัมผัสพรหมจรรย์จากผู้หญิงคนไหน และนั่นทำให้เขาไม่เคยเกิดความหวงแหนสตรีคนใดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
“แดน...ได้โปรด...ช่วยฉันด้วยค่ะ” ร่างอรชรตวัดแขนกอดรัดผู้อยู่เหนือเธอแนบแน่น ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินอมม่วง หญิงสาวทำให้หัวใจเยือกเย็นดวงนั้นหลอมละลายไม่ต่างจากหยดน้ำที่หล่นไหลลงบนแก้มสีกุหลาบ
“ซอนญ่า...ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะไม่เคย...”
“ค่ะ...แดน...แต่คุณต้องไม่ทิ้งฉันไปตอนนี้ ฉันทรมานเหลือเกินค่ะ แดน”
อลินทิราโอดครวญเสมือนเจ็บปวด ส่วนหนึ่งนั้นมาจากแก่นกายอันพิสุทธิ์ที่กำลังเปิดรับความใหญ่โตของเขาอย่างยากเย็น และความลังเลที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาเข้มเปี่ยมเสน่ห์ลึกล้ำคู่นั้นกำลังผลาญเผาหัวใจบอบบางให้แหลกสลาย ในที่สุดจารชนสาวก็ร้องไห้ แม้ความเจ็บแสบจากใจกลางของความผุดผ่องจะแผ่ซ่านออกมาทว่าเธอกลับไม่ปรารถนาให้เขาหยุดยั้งตัวตน
“แดน...ได้โปรด...นะคะ”
ร่างบางเสนอจูบนุ่มนวลและชวนเชิญให้เจ้าของใบหน้าคร้ามคมทั้งบดเบียดทรวงอกอวบหยุ่นกับอกกว้างจนชายหนุ่มคำรามลึกด้วยความกระสัน แดเนียลคิดว่าเขาควรอดทนต่อสิ่งยั่วยุ แต่แล้วสะโพกหนากลับขยับไปมาเบา ๆ
“ซอนญ่า...เลิกยั่วผมเสียที”
น้ำเสียงนั้นเข้มเครียดแต่กลับตรงข้ามกับแขนแกร่งที่โอบรัดร่างบอบบางให้แนบชิดตัวเขาที่เริ่มขยับเข้าไปลึก
“ซอนญ่า...ให้ตายเถอะ! ผมบอกแล้วยังไงว่า...”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต