แดเนียลสะดุดคำพูดเมื่อเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าหวาน คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันและริมฝีปากถูกขบจนห้อเลือด ชายหนุ่มแทบไม่รู้สึกตัวว่าอารมณ์ค้างคาเมื่อครู่จะทำให้เขาผลักดันตัวเองเข้าไปในเรือนร่างบอบบางจนหมดสิ้น อลินทิราส่ายหน้าที่เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือดันหน้าอกแกร่งแทนที่จะกอดรัดเขาอย่างเมื่อครู่
“แดน...ถ้าคุณจะโกรธฉันก็ไม่เป็นไร...หรือถ้าคุณไม่อยากช่วยฉันแล้ว...”
“ซอนญ่า” แดเนียลแทรกขึ้นก่อนปลอบประโลมหญิงสาวด้วยการจูบไซ้ไปตามลำคอ ความรู้สึกนั้นแปรเปลี่ยนกะทันหันด้วยตระหนักรู้ว่าเธอเจ็บร้าวมากแค่ไหนในเมื่อนี่คือครั้งแรก
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
“คุณว่าอะไรนะคะ?”
“ผมอยากช่วยคุณ ซอนญ่า”
ชายหนุ่มยืนยันด้วยการขยับสะโพกและดูดเม้มปลายถันสีชมพูเข้มเพื่อช่วยผ่อนคลาย อลินทิรารู้สึกจุกแน่นใต้ท้องน้อยทุกครั้งที่เขาส่งผ่านตัวเองเข้าไป ทว่าความรื่นรมย์ที่เพิ่มขึ้นทีละน้อยกลับทำให้เธออดทนและรับความใหญ่โตนั้นไว้ได้เกือบทั้งหมด
“แดน...อ๊ะ...อา” สายลับสาวแอ่นร่างและยกสะโพกตามการเคลื่อนไหวเร่งเร้าขณะฟังเสียงกระซิบกระซาบ
“ซอนญ่า...คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”
“แดน...มันคับมากค่ะ มันแน่นมากเหลือเกิน”
“ไม่เลย...คุณต่างหาก ที่คับมากจนผมแทบจะ...”
เจ้าของร่างสูงใหญ่สีแทนจัดลงน้ำหนักกลางลำตัวจนหญิงสาวรู้สึกถึงแรงสะเทือนทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ เธอเห็นแดเนียลขมวดคิ้วมุ่น ชายหนุ่มทาบทับเธอไว้แนบสนิท ก่อนที่เขาจะค้ำยันแขนเพื่อยกลำตัวส่วนบนขึ้นเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นบนเรือนร่างสมส่วน ไหล่กว้างและแขนแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัด หน้าอกกำยำและลอนซิกแพ็คบนหน้าท้องชวนให้เคลิ้มเคลิบ ไรขนอ่อนสีทองแต่งแต้มบนหน้าอกเป็นแนวลงมาจรดใต้ท้องน้อย
หญิงสาวอดใจไม่ไหวที่จะมองต่ำลงไปยังแกนกายซึ่งเขาค่อย ๆ ขยับด้วยท่วงท่าอันช่ำชองทว่าไม่เร่งร้อนต่อกลีบไม้ดอกอันบอบบาง อลินทิราเริ่มคลายความเจ็บปวดและเผลอลูบไล้ไปบนไรขนบนหน้าท้องเคร่งเครียด เธอกำลังลุแก่ความต้องการหากก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของฤทธิ์ยาที่ยังกระตุ้นให้ร่างสาวร้อนรุ่มราวกับไฟเผา
ร่างอรชรกระสับกระส่ายทว่าท่าทียวนตาอย่างไม่ตั้งใจกลับปลุกเร้าเจ้าของร่างสูงใหญ่จนแทบระเบิด แดเนียลตื่นเต้นต่อสัมผัสรัดรึง ไม่ใช่เขาที่ครอบครองอลินทิราไว้ทั้งหมด แต่เธอต่างหากที่บีบบังคับชายหนุ่มได้จนสยบราบคาบ
“แดนคะ...อูว” สายลับสาวห่อปากและจับต้นแขนแข็งแรงไว้แน่น ใบหน้าสวยส่ายไปมาจนเรือนผมสีน้ำตาลหม่นสยายยุ่ง ภาพความงามของผู้อยู่เบื้องล่างทำให้แดเนียลยิ่งโหมกำลังราวกับหลงลืมตัว แม้บอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเจ้าของร่างบอบบงยังบริสุทธิ์ หากเขาก็ไม่อาจผ่อนแรงให้หยุดลงได้อีกต่อไปเมื่อตัวตนนั้นถูกดูดดึงลงไปในที่ลึกแคบ มันห่อหุ้มและตอดรัดท่ามกลางจังหวะขับเคลื่อนอันแรงร้อน
“ซอนญ่า” แดเนียลลดความเร่งเร้าลงชั่วขณะ เขายังคงฝังตัวเองไว้ในกลีบพฤกษาที่บีบรัดทุกอณูแนบแน่น ชายหนุ่มลดใบหน้าหล่อเหลาลงไปชิดเรียวปากอิ่มที่เผยอหอบหายใจและไล้มันเบา ๆ ด้วยริมฝีปากล่างก่อนกระซิบ
“ถ้าต้องการผม คุณ...ต้องไม่เสียใจ”
“ไม่ค่ะ...แดน...ฉันจะไม่เสียใจ กรุณา...อย่าหยุดเลยนะคะ”
อลินทิราตอบเสียงขาดเป็นห้วง ๆ เหมือนหัวใจของเธอที่กำลังจะหลอมละลายซึ่งมีเขาเท่านั้นที่จะดับไฟร้อน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นแต่ปากกลับเพ้อพร่ำราวกับยังต้องการไม่มีที่สิ้นสุด
“แดน...รักฉันสิคะ...ได้โปรดรักฉัน”
“ผมกำลังจะให้ในสิ่งที่คุณต้องการเดี๋ยวนี้นี้แล้ว ซอนญ่า”
เสียงแหบห้าวนั้นจุดประกายความตื่นเต้นในดวงตาสีน้ำตาลแกมเขียว อลินทิราทำเสมือนรอคอยด้วยใจจดจ่อก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มต้นอีกครั้ง มือเรียวบางเลื่อนไปตามเอวหนากระทั่งหยุดบนบั้นท้ายขมวดเกร็งก่อนเลื่อนกลับมาด้านหน้าเพื่อสัมผัสความเป็นเขาที่อยู่ภายใต้สภาวะบีบรัดแน่นหนาร่างแน่งน้อยรับรู้ถึงความฉ่ำชื่นของตัวเองและจังหวะการขยับเข้าออกของความแข็งขันที่เสียดสีอยู่กับกลีบเนื้อบอบบางอย่างพึงใจ
“แดน...แดนคะ...นี่คือคุณ...นี่คือคุณใช่ไหมคะ”
หญิงสาวสัมผัสมันคราแล้วคราเล่า แววไร้เดียงสาในประกายตาขี้เล่นบนใบหน้างามพิสุทธิ์ทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง หากเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอลินทิราไม่เคยพานพบประสบการณ์เรื่องผู้ชาย เขาคงคิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งมารยาอย่างแท้จริง
“ใช่...ซอนญ่า...นี่คือผม...โอว”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต