“ปกติแดเนียลเป็นคนเก็บตัว เธอคงไม่เคยรู้สินะว่าพี่ชายของฉันไม่ได้เป็นแค่นักธุรกิจที่รู้แต่เรื่องการเงินอย่างเดียว เขามีอีกด้านหนึ่งที่แสนมหัศจรรย์ นั่นคือการเป็นนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์...พวกชอบเล่นแร่แปรธาตุนั่นไง วัน ๆ เขาจะขลุกอยู่ในห้องปฏิบัติการที่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ง่าย ๆ “
พอพูดถึงตรงนี้อลินทิราก็มองมาด้วยแววตาเป็นประกาย มันทำให้โมนิการู้สึกว่าเธอสามารถกระตุกความสนใจของอีกฝ่ายได้จึงรีบพูดต่อ
“แดเนียลเป็นผู้ชายที่ฉลาด แหลมคม แม้แต่เรื่องผู้หญิงเขาก็เป็นคนฉลาดเลือก ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเขาควงผู้หญิงหลายคน แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นพวกสาวสังคมโก้หรู การแต่งกายและชาติตระกูลรวมทั้งความรู้ล้วนแต่คู่ควรกับคนอย่างเขา...แดเนียล ไพรซ์ มหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อที่มีแต่พวกสาว ๆ อยากมาเสนอตัวให้”
คำพูดทิ่มแทงของโมนิกาทำให้อลินทิราเจ็บจี๊ดในอกทว่าก็เพียงเสี้ยวหนึ่งในความรู้สึกอันตื้นเขินว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงในแบบฉบับของบุรุษที่คู่สนทนากล่าวถึง ทว่าก็มีเสียงหนึ่งในส่วนลึกว่า เขา เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจเธอมากขึ้นทุกขณะ หญิงสาวเพียงรับฟังและทำสีหน้ารับรู้ แต่ดูเหมือนยังไม่พอสำหรับโมนิกา
“ซอนญ่า...ที่ฉันพูดมาทั้งหมดนี่เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ?”
“ฉันรับทราบที่คุณบอกทุกอย่างค่ะ คุณโมนิกา ที่คุณพูดมาน่ะถูกต้องทุกอย่าง แดเนียลเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมมากจริง ๆ “
“ใช่...แดเนียลเป็นคนเก่งและเพียบพร้อมมาก”
โมนิกากล่าวพลางยืดร่างระหงขึ้นก่อนเดินเข้าไปใกล้อลินทิรา เธอเหยียดริมฝีปากก่อนกล่าว
“เขาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมมากเกินกว่าจะหิ้วผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าจากที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้!”
อลินทิรารู้สึกชาไปชั่วขณะ โมนิกากำลังส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่พอใจอย่างมากที่ญาติผู้พี่พาเธอมา ทว่าหญิงสาวจำต้องเข้มแข็งต่อแรงปะทะที่เข้ามากระทบใจ อย่างน้อยที่สุดโมนิกาก็ไม่เคยรู้เบื้องหลังว่าเธอเป็นใครในตอนนี้
“ฉันคงอยู่ที่นี่อีกไม่นานหรอกค่ะ คุณโมนิกา”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอมาอยู่ในฐานะอะไรล่ะ ซอนญ่า...อย่าบอกนะว่าพี่ชายฉันพาเธอมาพักร้อนที่นี่”
“ก็คงเป็นอย่างที่คุณคิดนั่นล่ะค่ะ ฉันไม่ขอปฏิเสธอะไรทั้งนั้น แต่ฉันก็อยากบอกให้คุณรู้ว่าฉันจะไปจากที่นี่ในเวลาอีกไม่นานนี้ ฉันขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนนะคะ”
อลินทิราตัดบทก่อนเดินจากไปทิ้งไว้แต่เจ้าของร่างระหงที่มองตามด้วยแววตาหยามเหยียด
“เชอะ! นังผู้หญิงข้างถนน”
โมนิกาเข่นเขี้ยวอยู่กับตัวเองขณะมองร่างบางที่เดินลับหายไปจากโถงทางเดิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอไม่พอใจผู้หญิงของแดเนียล แต่ผู้หญิงทุกคนที่เคยควงคู่กับญาติผู้พี่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุการณ์รบกวนจิตใจเธอทั้งสิ้น โมนิกาไม่ปิดบังความรู้สึกว่าเธอคิดกับแดเนียลมากเกินกว่าญาติสนิท มีแต่บุรุษหนุ่มผู้เครียดขรึมทว่าเสน่ห์ร้ายกาจที่คิดกับเธอเพียงแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
อลินทิราเก็บกลั้นน้ำตามาตลอดทาง เธอคิดว่าเมื่อกลับเข้าไปในห้องก็อยากจะร้องไห้เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากแรงกดดันในคฤหาสน์หลังนี้ เธอไม่เคยอ่อนแอเลยสักครั้ง แต่ทำไมต้องแคร์คำพูดดูถูกเหยียดหยามของโมนิกา หรือเธอยอมจำนนแล้วว่าได้แพ้พ่ายต่อเสน่ห์ของผู้ชายคนนั้น
“คุณไปไหนมา...ซอนญ่า”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นภายในห้องนอนซึ่งได้รับการออกแบบอย่างเรียบแต่ดูทันสมัยทำให้อลินทิราต้องผงะ หญิงสาวหยุดนิ่งอยู่ที่ประตูเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่นั่งเอกเขนกบนโซฟาตรงมุมหนึ่งของห้อง เจ้าของดวงหน้างามกลืนก้อนแห่งความเจ็บช้ำกลับเข้าไป เธอจะแสดงให้แดเนียลเห็นความอ่อนแอไม่ได้ในตอนนี้
“ฉันออกไปเดินดูข้างนอกค่ะ”
“ผมนึกว่าคุณจะสำรวจที่นี่จนหมดทุกซอกทุกมุมแล้วเสียอีก แล้วเป็นยังไงล่ะ” แดเนียลยืดลำตัวขึ้นและสืบเท้าเข้าไปใกล้อลินทิรา ใบหน้าหวานฉายความดื้อรั้นทำให้เขานึกถึงแว่บแรกที่ได้พบหญิงสาว
“คฤหาสน์ไพรซ์มีอะไรลึกลับซับซ้อนมากกว่าห้องปฏิบัติการของผมหรือเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ และฉันก็ไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่มากไปกว่านี้ด้วย”
“ใช่สิ! ในเมื่อคุณได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว จะมีอะไรน่าสนใจมากไปกว่าการเก็บรายละเอียดจากเศษซากที่เหลืออยู่!”
“แดน!” หญิงสาวร้องอย่างตระหนกเมื่อถูกแขนหนาตวัดร่างบางเข้าไปหาเขาอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงเข้มขึ้น เขาเริ่มอารมณ์เดือดกับคนถือดีในอ้อมแขน
“ซอนญ่า...คุณคิดว่าจะเก็บข้อมูลของผมไปได้อีกนานแค่ไหนกัน”
“ก็คงนานพอ ๆ กับที่คุณจะอดทนรอได้นั่นล่ะ ปล่อยฉันนะแดน...คุณควรจะกลับไปที่ห้องของคุณได้แล้ว”
“คุณจะให้ผมไปไหน ในเมื่อนี่มันห้องของผม”
อลินทิราหยุดชะงัก หญิงสาวมองไปรอบ ๆ และให้นึกโมโหตัวเองที่เดินกลับเข้ามาในห้องเร็วเกินไป
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องให้ฉันไปอยู่ห้องอื่น”
“คุณอยากจะไปอยู่ห้องไหนกัน”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต