“อาการของคุณเกือบเป็นปกติแล้วนะครับ เพียงแต่ต้องกินอะไรให้มากสักหน่อย อย่างน้อยก็ต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ที่สำคัญคงต้องยกความดีให้กับแดเนียลที่ดูแลผู้ป่วยจนหายเป็นปกติ”
หมอออซเทิร์กกล่าวขณะตรวจดูนัยน์ตาและจับชีพจรบนข้อมือของหญิงสาวร่างบอบบางที่นั่งบนเตียงเล็กโดยมีร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองยืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าเก่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอีกเกือบสัปดาห์นายแพทย์คนเดิมก็ยังคงเดินทางมาตรวจดูอาการคนไข้ของเขาไม่ได้ขาด แม้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่นายแพทย์ก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่แดเนียลมีให้กับหญิงสาวเปี่ยมล้น
อีกสิ่งหนึ่งที่นายแพทย์วัยห้าสิบห้าสัมผัสได้คือความงามหมดจดของอลินทิราเมื่อเธออยู่ในสภาวะปกติ เธอสวยมากเสียจนเขาแทบไม่นึกสงสัยอีกต่อไปว่าเหตุใดแดเนียลจึใส่ใจผู้หญิงคนนี้นัก เขาไม่ถามเจ้าของคฤหาสน์ถึงที่มาที่ไปว่าเหตุผลอะไรต้องเก็บตัวหญิงสาวแสนสวยไว้ในห้องใต้ดินแบบนี้นอกจากตรวจดูอาการจนแน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงใดเกิดกับผู้ป่วยอีก
“หมอคิดว่าหลังจากนี้แดเนียลคงดูแลคุณต่อไปได้เองแล้วล่ะครับเพราะไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว”
“ขอบคุณมากนะคะ คุณหมอ”
อลินทิรากล่าวกับนายแพทย์แต่เธอไม่ยอมหันไปสบตากับเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงที่จ้องดูเธอตลอดเวลา กระทั่งหมอประจำตัวของเขากลับไปแล้วหญิงสาวก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น
“เขาเป็นหมอประจำตัวผมเอง หมอออซเทิร์กเป็นแพทย์ที่เก่งมาก เขาเป็นหนึ่งในแพทย์ชั้นนำของแคลิฟอเนีย”
เสียงทุ้มลึกนั้นดังกลบความเงียบ แดเนียลก้าวมาหยุดข้างเตียงและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้าหญิงสาว อลินทิราเลื่อนสายตากลับมามองเขา ใบหน้าคร้ามเข้มหล่อเหลาที่สะกดหัวใจเธอทุกครั้ง ชายหนุ่มมองเธอด้วยประกายตาที่นุ่มนวลลงในขณะที่จารชนสาวยิ้มกับเขาอย่างเจ็บปวด
“ฉันคิดว่าคุณจะเข้ามาที่นี่ตามเวลาที่คุณเคยบอกไว้ว่า หนึ่งอาทิตย์”
“ตอนแรกผมจะทำแบบนั้น แต่คนของผมบอกว่าคุณไม่ยอมกินอะไรเลยตั้งแต่ตอนที่ผมกลับไป”
น้ำเสียงทุ้มลึกนั้นแสดงความเป็นห่วงทว่าอลินทิรากลับรู้สึกว่าเขาไม่จริงใจ ถ้าเธอตายเขาก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลก็ได้นี่คะถ้าเกิดฉันเป็นอะไรไป”
“ผมไม่ใช่คนใจดำที่จะปล่อยให้คนไม่สบายตายไปต่อหน้าทั้งที่รักษาได้หรอกนะ ซอนญ่า”
“ขอบคุณค่ะ แดน...ที่คุณไม่ปล่อยให้ฉันตายอยู่ที่นี่!”
บทที่ 15
คำสารภาพของสายลับ
คำกล่าวของหญิงสาวแม้สะเทือนความรู้สึกของคนใจแข็งทว่าชายหนุ่มก็ไม่แสดงออกว่าเขาเป็นห่วงเธอมาแค่ไหน มีเพียงแววตาคู่นั้นทอดมองไปยังดวงหน้างามด้วยประกายหม่นลง
“ซอนญ่า หมอออซเทิร์กบอกว่าคุณควรพักผ่อนให้มาก ผมคงยังไม่คาดคั้นอะไรคุณทั้งสิ้นในตอนนี้”
“คุณคงไม่ต้องคาดคั้นอะไรจากฉันอีกแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันตั้งใจจะบอกในสิ่งที่คุณอยากรู้...ตอนนี้”
อลินทิราแทรกขึ้นมาซึ่งทำให้นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มหยุดชะงัก เธอยืดหลังนั่งตัวตรงและประสานมือไว้บนตักราวอยู่ต่อหน้าอัยการ ดวงตาสีน้ำตาลแกมเขียวอ่อนหวานรื้นด้วยหยาดน้ำใส ริมฝีปากเรียวบางเม้มเข้าหากัน ต่างคนต่างสงบในความเงียบงันก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“เมื่อสามปีที่แล้วก่อนเดินทางออกจากโมอับในรัฐยูทาห์ ฉันบอกดาเลีย แม่บุญธรรมของฉันว่าจะไปทำงาน...ฉันไม่ได้โกหกแม่หรอกนะคะ เพราะตอนนั้นฉันกำลังจะไปทำงานให้องค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากำไรชื่อ ไซออนเนต ไปตามคำโฆษณาชวนเชื่อและพวกเขาก็แสดงความพอใจมากเมื่อรู้ว่าฉันมีความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างดี ฉันรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำงานกับองค์กรซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางโดยไม่รู้ว่านั่นเป็นหลุมพรางที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อหลอกใช้ฉัน เขามักจะบอกฉันเสมอว่าไซออนเนตเป็นองค์กรที่สะอาดหมดจดและจะต้องใช้ความพยายามเก็บเกี่ยวข้อมูลจากคนสำคัญเพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายขององค์กรในการช่วยโลก พวกเขาตั้งชื่อในองค์กรให้ฉันว่า ออโซลย่า”
หญิงสาวหยุดไปชั่วอึดใจก่อนยิ้มขื่นทว่าสีหน้ายังคงแน่วแน่
“ฉันถลำลึกลงไปในหลุมพรางนั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะศรัทธาในองค์กรและคิดว่าสิ่งที่ฉันทำจะเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ช่วยหยุดยั้งความรุนแรงในโลกนี้ ฉันกลายเป็นแฮ็กเกอร์โดยไม่รู้ตัว มีชีวิตที่ลึกลับมากขึ้น หลายครั้งฉันก็ถูกส่งไปตามสถานที่สำคัญ ยิ่งมีระบบความปลอดภัยแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับฉัน...เจ้าของข้อมูลลับมักกลัวว่า ออโซลย่าจะเดินทางไปหามวันใดก็วันหนึ่ง มีคนมากมายกล่าวขวัญถึงสายลับมือหนึ่งขององค์กร เพราะออโซลย่า ทำงานไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต