อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรให้ไนเจลขอโทษในเรื่องนี้ได้มากนักท้ายที่สุดเขาก็แค่พยายามช่วยเร่งกระบวนการที่เธอต้องการทำให้โจชัวและออร่าเลิกกันก็เท่านั้นแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าโจชัวจะลำเอียงและเข้าข้างออร่าได้มากขนาดนี้เมื่อคิดเช่นนั้นลูน่าก็ถอนหายใจยาว เธอตอบไนเจลว่า [แม่ไม่โทษลูกหรอก ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ]อันที่จริงนี่เป็นครั้งแรกที่ไนเจลส่งข้อความถึงลูน่านับตั้งแต่ที่เธอกลับมาประเทศนี้ก่อนหน้านี้บนชิงช้าสวรรค์นั้น ไนเจลได้ติดต่อลูน่าผ่านสร้อยคอของเนลลี่ แต่นั่นเป็นเพราะว่ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นไนเจลไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอที่ต้องการกลับมาที่ประเทศนี้ ด้วยเหตุนี้ไนเจลจึงได้เมินเฉยต่อเธอ“คุณแม่ครับ อย่ากลับไปได้ไหม? เราค่อย ๆ หาวิธีที่ดีกว่านี้ก็ได้ เราไม่ต้องการผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว” “ผมไม่ต้องการให้คุณแม่กลับไปหาเขา ผมไม่ต้องการให้คุณแม่มีลูกให้เขาอีก”“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมยอมตายดีกว่าปล่อยให้คุณแม่ต้องทนทุกข์ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีกเลยนะครับผมขอร้อง...”“ผมยอมตายดีกว่าที่จะใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตเห็นคุณแม่ถูกเขาทรมาน ผมไม่อยากเห็นคุณแม่ต้องทรมาน…” ไนเจลพูดคำเหล่า
ลูน่าเมินโจชัวไปเสียเฉย ๆคนที่เธอไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในตอนนี้ก็คือโจชัวเธอเดินผ่านโซฟา มุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเพื่อรินน้ำใส่แก้วให้ตัวเอง“รินให้ฉันด้วยแก้วหนึ่งสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของโจชัวดังแว่วมาจากห้องนั่งเล่นลูน่ากลอกตามองบนและแอบก่นด่าเขาอยู่ในใจ แต่เธอก็ยังรินน้ำใส่แก้วให้เขาก่อนนำมาวางที่โต๊ะกาแฟเธอไม่ลืมว่าตัวเองในตอนนี้เป็นแค่แม่บ้าน ส่วนเขาเป็นคุณผู้ชายการที่คนรับใช้ถือน้ำมาให้เจ้านายก็เป็นเรื่องปกติที่เขาทำกันทั้งโลก“เธอร้องไห้ทำไม?”เมื่อหญิงสาวนำแก้วน้ำมาวางบนโต๊ะกาแฟ โจชัวก็เคาะขี้เถ้าบุหรี่ลงบนที่เขี่ยอย่างนิ่มนวลนัยน์ตาลุ่มลึกของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของเธอไม่วางตาคล้ายพยายามอ่านใจลูน่าสูดลมหายใจเข้า เมื่อวางแก้วลงแล้ว เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันก็แค่อยากจะร้องไห้เฉย ๆ”เธอมองโจชัวด้วยความยำเกรง “คุณลินช์คะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะคะ”จากนั้น เธอก็หันหลังเตรียมเดินจากไปแต่ในจังหวะที่กำลังจะเดินผ่านโจชัว เขากลับยื่นแขนออกมาดึงเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขากลิ่นแอลกอฮอล์ของโจชัวลอยเข้ามาในจมูก“นี่เธอเสียใจเพราะเรื่องออร่าเหรอ
โจชัวที่เมาไม่ได้สติปริปากเล่าเรื่องราวที่พวกเขาทั้งสองพบกัน ถ้อยคำจากใจจริงของเขานั้นกลับกลายเป็นเพียงคำพูดหลอกลวงสำหรับลูน่าเขาไม่รู้หรอกว่าครั้งแรกที่เธอกับเขาพบกันไม่ใช่ที่ใต้ต้นซากุระ แต่เป็นตอนที่เขาประสบอุบัติเหตุต่างหากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน โจชัวประสบอุบัติเหตุอย่างแสนสาหัส ตอนที่เขาถูกรถชนและถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างถนน ลูน่าเองที่เป็นคนช่วยชีวิตเขาและนำตัวส่งโรงพยาบาล เธอดูแลชายหนุ่มตลอดทั้งเดือนในช่วงที่เขายังอยู่ในอาการโคม่าเธอชอบโจชัว แต่ไม่กล้าถึงขั้นตกหลุมรัก หญิงสาวรู้ดีว่าเธอธรรมดาเกินไป และไม่ได้มีค่าสำหรับผู้ชายระดับเขา ดังนั้น เมื่อโจชัวกลับมารู้สึกตัว เธอจึงจากไปแต่โดยดีเริ่มแรก เธอคิดว่าทั้งคู่จะต่างคนต่างลืมกันไปเสียอีก เธอไม่คิดเลยว่าเธอและเขาจะกลับมาเจอกันอีกครั้งในภายหลังวินาทีที่ได้กลับมาพบกัน เธอเชื่อมั่นว่าผู้ชายคนนี้คือส่วนหนึ่งของชีวิต เธอจึงเริ่มตามจีบอีกฝ่ายเหมือนคนเสียสติ ลูน่ารักโจชัวทั้งหมดของหัวใจ จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในวันวิวาห์ เขาบอกเธออย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่ได้รักเธอและเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าในอนาคต เขาจะสามารถชอบลูน่าได้หรือไ
คืนนั้นลูน่านอนหลับไม่สนิท เธอเอาแต่ฝันถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เคยเผชิญร่วมกับโจชัว ทั้งเสียงหัวใจสั่นระรัวตอนพบเขาครั้งแรก ทั้งความรู้สึกยินดีเมื่อถ่ายรูปแต่งงานด้วยกัน ทั้งความเร่งรีบฉุกละหุกในวันมงคลสมรส...เธอเฝ้าถามโจชัวในความฝันว่าทำไมทำไม? ทำไมความรักของเธอถึงถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเช่นนี้ด้วย?เมื่อตื่นขึ้นมา หมอนของเธอก็ชุ่มไปด้วยคราบน้ำตา กลายเป็นว่า ความเจ็บปวดจากความรักที่คนคนหนึ่งต้องทนทุกข์ทรมานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำใจ แม้มันจะผ่านไปนานหลายปีแล้วก็ตาม“คุณแม่คะ” เนลลี่ยืนอยู่ข้างเตียงพร้อมกับทิชชู่ในมือ เธอบรรจงเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นแม่ “คุณพ่อทำคุณแม่โกรธอีกแล้วเหรอคะ?”ลูน่าหลับตาลงและสวมกอดเนลลี่ เมื่อได้สัมผัสไออุ่นจากกายของลูกสาว เธอก็รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาทันทีหกปีที่ผ่านมา ลูก ๆ ทั้งสามคือแรงใจที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่มีวันทอดทิ้งลูก ๆ เป็นอันขาด“คุณแม่คะ หยุดร้องเถอะนะ”เนลลี่ลูบเบา ๆ ที่หลังของลูน่าและปลอบโยนว่า “ไม่ว่าจะเป็นยังไง ไนเจล นีล และหนูจะคอยอยู่ข้าง ๆ แม่เองค่ะ อย่าเศร้าเลยนะคะ”ถ้อยคำปลอบประโลมของเนลล
หกปีที่แล้วเธอคือคุณผู้หญิงของบ้าน แต่ก็ไม่เห็นมีใครหน้าไหนเคารพเธออย่างที่ควรจะเป็นลูคัสลังเลไปครู่หนึ่ง “ถูกต้อง”“นั่นมันความคิดของคุณ”ลูน่าหยิบช้อนกับถาดรองจานออกจากตู้กับข้าวก่อนล้างทำความสะอาด“ตลอดทั้งชีวิต ฉันเจอเรื่องเศร้ามากพอแล้ว ฉันไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีก”จากนั้นเธอก็ถือถาดรองเดินผ่านหน้าลูคัสและขึ้นไปที่ชั้นบนลูคัสยืนค้างอยู่ตรงจุดเดิม เมื่อมองร่างเพรียวบางของหญิงสาว แววตาของเขาพลันหม่นหมองถ้าเลือกได้ใครบ้างจะอยากเสียใจ? ถึงอย่างนั้นถ้าตอนนี้เธอเอาชนะออร่าไม่ได้ มันก็จะสายเกินไปหากออร่าได้แต่งงานเข้ามาในตระกูลนี้แล้ว…ที่ห้องนอนใหญ่ลูน่าถือถ้วยเดินเข้ามา ในตอนที่โจชัวกำลังเอนหลังพิงหัวเตียง ขณะที่สายตาจดจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์เขายังมีอาการเมาค้างจากเมื่อคืนอยู่ ชายหนุ่มปวดหัวมากจนไม่อาจลุกออกจากเตียงได้ความคิดของเขาเลือนราง ไม่อาจจดจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อลูน่าเข้ามาในห้อง โจชัวก็ขมวดคิ้วพร้อมกับวางมือถือลง เมื่อคิดถึงการกระทำของเขาเมื่อคืนนี้ สีหน้าของหญิงสาวก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาเธอเดินเข้ามาข้างในด้วยท่าทีหมางเมินก่อนยื่นถ้วยซุ
นี่มันผิดปกติ! ซุปถ้วยนี้มีรสชาติเดียวกับที่ลูน่า กิบสันเคยทำ!ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน ด้วยหน้าที่การงานทำให้เขาต้องออกไปพบปะสังสรรค์เป็นประจำ ทำให้โจชัวมักกลับบ้านมาในสภาพเมาหัวราน้ำอยู่เสมอ และทุกครั้งที่เขาเมาค้าง ลูน่า กิบสันก็จะคอยทำซุปรสชาตินี้ให้เขาทานแก้แฮงค์เธอชอบใส่เครื่องเทศชนิดพิเศษลงไปในน้ำซุปเพื่อให้รสชาติมีเอกลักษณ์ โจชัวไม่ได้ลิ้มรสซุปฝีมือเธอมานานถึงหกปีแล้วทว่า ตอนนี้ซุปของลูน่าคนนั้นกลับมีรสชาติเดียวกับของลูน่า กิบสันไม่มีผิดเพี้ยน!โจชัวไม่คิดถึงเรื่องอะไรอื่นอีก เขาก้าวลงจากเตียงและรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันทีภายในห้องครัว ลูน่ากำลังทำข้าวโอ๊ตให้เนลลี่อยู่พอดี เธอมัวยุ่งอยู่กับงานตรงหน้าจนไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าอันร้อนรนจากทางด้านหลังกว่าจะรู้ตัวว่าโจชัวเดินเข้ามา เขาก็ยืนอยู่ข้างหลังแล้วโจชัวพลิกตัวเธอให้หันมาก่อนใช้ฝ่ามือหนาจับที่กรามของหญิงสาวเอาไว้ ดวงตาคมประดุจนัยน์ตาเหยี่ยวจับจ้องมาที่ลูน่าอย่างดุร้าย “ใครสอนเธอทำซุปนี้?”ลูน่าตกใจกับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เธอดิ้นรนขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่เขากลับบีบกรามของเธอแน่นขึ้นไปอีกสุดท้าย เธอจึ
ลูน่าหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นและส่ายหัวขณะที่เธอเลิกใส่ใจความคิดบ้า ๆ พวกนั้นอย่างโจชัวน่ะหรือจะโดดเดี่ยว เธอต่างหากที่โดดเดี่ยวตลอดหลายปีมานี้หญิงสาวหันกลับไปทำข้าวโอ๊ตให้เนลลี่ต่อในเวลานั้น เธอบังเอิญเห็นภาพของตัวเองที่สะท้อนอยู่หน้าเตา ในเสี้ยววินาทีนั้น เธอมองเห็นใบหน้าที่ดูงดงามไม่เหมือนใครของเธอ มันสวยจนแทบมองไม่เห็นข้อบกพร่องใด ๆ แต่เธอก็ไม่อาจเข้าถึงความสุขได้อยู่ดี…สองวันถัดมา ลูน่าตั้งใจหลีกเลี่ยงที่จะปรากฏตัวต่อหน้าโจชัว อย่างแรกเป็นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ทำให้เธอหมดแรงแสร้งทำตัวเป็นมิตรกับเขา อีกอย่างก็คือ โจชัวเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลูน่า กิบสันแล้ว หญิงสาวจึงพยายามสุดฤทธิ์เพื่อทำตัวเป็นคนไร้ตัวตนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสนใจเธอทว่าทุกคนในบลูเบย์วิลล่าต่างพากันสังเกตเห็นว่าลูน่าจงใจตีตัวออกห่างจากโจชัวแม่บ้านผู้มากด้วยวัยวุฒิบางคนถึงกับต่อว่าเธอ “ลูน่า หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง เธอเป็นขี้ข้าและมีหน้าที่รับใช้คุณลินช์ เลิกทำหน้าตาก้าวร้าวแบบนั้นสักที”“เธอจะถูกไล่ออกง่าย ๆ ถ้าขืนยังทำตัวแบบนี้ ฉันทำงานที่บลูเบย์วิลล่ามาตั้งนมนาน ไม่ยักเจอคนใช้ที่ไห
เมื่อลูน่าเคาะประตูและเดินเข้ามาพร้อมชาร้อน โจชัวก็กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่เมื่อเห็นลูน่าเข้ามา โจชัวก็กวาดสายตามองเธออย่างเย็นชาพร้อมกับตำหนิพนักงานของเขาต่อไปด้วย “นี่คุณทำงานมาตั้งกี่ปี? ยังต้องให้สอนเรื่องการเคารพผู้บังคับบัญชาขั้นพื้นฐานอีกเหรอ? คุณอารมณ์ไม่ดีแล้วยังไง? ในฐานะเจ้านาย ผมต้องแคร์ความรู้สึกคุณด้วยไหม? ถ้ามีครั้งหน้าอีกละก็ เตรียมโดนไล่ออกได้เลย!”ลูน่ายิ้มบาง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นที่มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนโจชัวกำลังต่อว่าพนักงานของเขา แต่แท้จริงแล้วเขากำลังบอกเธอทางอ้อมต่างหากนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาสั่งเธอให้นำเครื่องดื่มมาให้ ตั้งแต่กาแฟจนถึงน้ำชา ลูน่ารู้ดีว่าเขาไม่จำเป็นต้องดื่มอะไรมากขนาดนั้นระหว่างทำงานตอนดึก เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ เขารู้สึกรำคาญใจที่ถูกเธอมองข้ามและทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนโจชัวอยู่ในตำแหน่งสูงส่งและยิ่งใหญ่มาโดยตลอด เขาคือชายที่ใคร ๆ ก็ต้องให้ความเคารพยำเกรงชายหนุ่มคงรู้สึกแย่น่าดูเมื่ออยู่ดี ๆ ก็ถูกเธอเมินใส่ นี่ไม่ใช่เพราะโจชัวใส่ใจอะไรเธอหรอก แต่เป็นเพราะอีโก้ของเขากำลังตอบสนองต่างหากลูน่าวางแก้วชาลง หันหลังกลับ และเดิ