ยัยตัวแสบป่วนหัวใจของเขา

ยัยตัวแสบป่วนหัวใจของเขา

By:  ไฟถนนอ่านใจฉันUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
30Chapters
3views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

คืนนั้น เธอร้องไห้จนตาบวมช้ำ ข่วนแผ่นหลังของเมิ่งไหวจินจนเป็นแผลด้วย... ชายหนุ่มประคองเธอไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง จุมพิตซับน้ำตาให้เธอ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกมีเสน่ห์ "ไม่ชอบฉันแล้วเหรอ" ...... ซูหว่านคือ "หางน้อย" ที่พ่อแม่ฝากฝังไว้กับเมิ่งไหวจินก่อนที่พวกเขาจะสิ้นใจ วันที่เมิ่งไหวจินไปรับตัวเธอ สายฝนกระหน่ำ ซูหว่านกำลังยืนอย่างเดียวดาย "ส่งไปสถานสงเคราะห์ไม่ได้เหรอ" ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ทันใดนั้น ดวงตาของซูหว่านก็มีน้ำตารื้นขึ้นมาเป็นประกายทันที สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทิ้งเธอไว้ ...... เมิ่งไหวจินตำแหน่งสูงส่ง แม้ปากจะบอกว่าดูแลเด็กผู้หญิงไม่เป็น แต่เขากลับเลี้ยงดูเธออย่างทะนุถนอมมาก เพียงชั่วพริบตา เด็กหญิงที่เคยเดินตามหลังและคอยถามว่า "คุณจะทิ้งฉันไปอีกคนไหม" ก็เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสง่า เธอป้อนซุปสร่างเมาให้เมิ่งไหวจินได้ คอยเร่งให้เขาพักผ่อนเป็น ในบางครั้งก็ยังตีฝีปากกับเขาด้วย... ชายหนุ่มจ้องมองแผ่นหลังหญิงสาวที่กำลังวุ่นวายด้วยแววตาลุ่มลึก ...... เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย ซูหว่านพาแฟนหนุ่มกลับมาที่บ้านด้วย เมิ่งไหวจินถามแฟนหนุ่มของเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "เธอขี้งอนเลี้ยงยาก หนักไม่เอาเบาไม่สู้ นายหวังอะไรจากเธอ" ซูหว่านมองใบหน้าที่ไม่สะทกสะท้านของเขาพลางฝืนเถียง "ฉันไปชอบเขาเอง ไม่ได้หรือไง" เมิ่งไหวจินมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งปนหม่นเศร้า ผ่านไปนานกว่าจะพยักหน้าตอบ "ได้สิ" ...... ซูหว่านขื่นขมอยู่ในใจ เธอวางแผนจะไปต่างประเทศกับแฟนหนุ่ม แต่กลับถูกเมิ่งไหวจินรวบเอวและกักตัวไว้ในห้อง... คืนนั้น เธอร้องไห้จนตาบวมช้ำ และข่วนแผ่นหลังของเมิ่งไหวจินจนเป็นแผล... ชายหนุ่มประคองเธอไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง จุมพิตซับน้ำตาให้เธอ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกมีเสน่ห์ "ไม่ชอบฉันแล้วเหรอ"

View More

Chapter 1

บทที่ 1

วันที่เมิ่งไหวจินเดินทางไปรับซูหว่านที่เมืองหนานเฉิง พายุฝนเทกระหน่ำไปทั่วทั้งเมือง

"เธออยู่ในสภาพนี้มานานแค่ไหนแล้ว" ทหารคนสนิทข้างกายเมิ่งไหวจินเอ่ยถาม

ตรงริมหน้าต่าง เด็กสาวนั่งกอดเข่าในท่าทางปกป้องตัวเอง มองหยาดฝนที่นอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ สายลมเอื่อยพัดผ่านปลายผม เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับหยกสลักทว่ากลับไร้ชีวิตชีวา ขนาดชายกระโปรงสีขาวหมดจดเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน แล้ว เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย

พ่อบ้านคนเดียวของตระกูลซูที่ยังไม่จากไปถอนหายใจยาว "คุณหนูเป็นแบบนี้มาหนึ่งสัปดาห์แล้วครับ เธอเห็นพ่อแม่ยิงตัวตายต่อหน้าต่อตา ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย"

"เด็กที่โตขนาดนี้แล้ว ยังส่งเข้าสถานสงเคราะห์ได้อยู่ไหม" น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจดังขึ้น ไม่เหมือนเสียงของทหารคนสนิทคนเมื่อครู่

เมื่อซูหว่านได้ยินประโยคนี้ รูม่านตาที่เอาแต่จ้องมองท้องฟ้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เธอหันไปมองตามต้นอย่างไร้อารมณ์

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เสื้อโค้ทตัวยาวสีดำปลิวเปิดท่ามกลางพายุฝน ออร่าที่น่าเกรงกลัวของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดัน มือเรียวยาวขาวซีดถือร่มสีดำ ใบหน้าภายใต้ร่มนั้นยิ่งดูคมเข้ม ระหว่างคิ้วและดวงตาแฝงไว้ด้วยความเย็นชาที่หนาวเหน็บยิ่งกว่าน้ำฝน

ซูหว่านเคยเจอเขามาก่อน

ตอนที่เธอยังเด็กกว่านี้ เธอเคยตามแม่ไปที่บ้านตระกูลเมิ่งในเมืองเป่ยเฉิงครั้งหนึ่ง และเคยหลงเข้าไปในห้องของเขา

ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา พอเห็นผู้ชายสวมชุดทหารใช้แขนปิดหน้านอนหลับอยู่บนเตียง ก็เข้าใจผิดว่าเป็นพ่อของตัวเอง จึงปีนขึ้นไปนอนหนุนแขนอีกข้างของเขาแล้วหลับไป

วันนั้นหลังจากตื่นขึ้นมาเธอก็เห็นใบหน้าแบบนี้ ชายหนุ่มหน้าตาดีสุด ๆ เขาดูหนุ่มกว่าพ่อเธอมาก แต่ก็ดูดุกว่าพ่อมากเช่นกัน

โดยเฉพาะดวงตาที่เย็นยะเยือกถึงกระดูกราวกับฤดูอันแสนหนาวเหน็บคู่นั้น คมกริบเหมือนปลายมีดสีเงินวาววับ ทำให้เขาดูไม่เหมือนทหาร แต่ดูเหมือนโจรโหดที่หน้าตาหล่อตะลึง

ซูหว่านในวัยเด็กตกใจกลัวจนร้องไห้โฮออกมาทันที

ชายหน้าดุขมวดคิ้วอย่างรำคาญ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าสายตา "ถ้าร้องอีกจะปล่อยให้หมากัด"

หยดน้ำตาใสคลอเต็มดวงตาสวยกลมโตของเด็กหญิง ค้างอยู่อย่างนั้นไม่กล้าหยดลงมา เธอตกใจจนไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว

ตอนนั้นซูหว่านถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วแม่ของเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลเมิ่ง

ส่วนผู้ชายที่ดุมากคนนั้น ก็คือน้องชายตามนิตินัยของแม่ เขาคือคุณชายรองแห่งตระกูลเมิ่งตัวจริง... เมิ่งไหวจิน

หลังจากแม่แต่งงานกับพ่อของเธอ ก็ตัดขาดการติดต่อกับตระกูลเมิ่งไป การไปเยี่ยมเยียนครั้งนั้นคือการติดต่อกันครั้งแรก ส่วนการฝากฝังครั้งนี้ก็นับเป็นการติดต่อครั้งที่สอง

ซูหว่านรู้สึกว่าเมิ่งไหวจินคงไม่ชอบตนนัก ไม่อย่างนั้นในวันนี้ที่เธอกลายเป็นกำพร้า เขาคงไม่บอกว่าจะส่งเธอไปสถานสงเคราะห์

เมื่อก่อนเขาก็ขู่เธอ ตอนนี้ยังขู่เธออีก สถานสงเคราะห์เป็นที่แบบไหนล่ะ? เข้าไปแล้วจะยังมีอนาคตอยู่อีกเหรอ?

หลายวันมานี้ เรื่องราวถาโถมใส่เธออย่างมืดฟ้ามัวดิน จนเธอแทบหายใจไม่ออก ประโยคนี้ของเมิ่งไหวจินเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่กดทับเธอจนมิด

ไม่เหมือนการร้องไห้โฮในวัยเด็ก ครั้งนี้เธอร้องไห้โดยไร้เสียง น้ำตาเอ่อล้นขอบตาสีแดงก่ำ ไหลผ่านแก้มเนียนละเอียดก่อนหยดลงบนกระโปรงสีขาวอ่อนนุ่ม...มีแต่ความรู้สึกแตกสลาย

พ่อบ้านเฒ่าคุกเข่าวิงวอนเสียงตุ้บ! "คุณผู้ชายครับ เห็นแก่คุณแม่ของเธอเถอะ อย่าส่งเธอไปสถานสงเคราะห์เลยครับ ปิดเทอมนี้ผ่านไปเธอก็จะขึ้น ม.6 แล้ว คุณแค่เมตตามอบอาหารให้เธอสักนิด ส่งเธอเรียนจนจบมหาวิทยาลัย พอเธอเลี้ยงตัวเองได้คุณก็ไม่ต้องสนใจเธออีกแล้ว แต่ว่าตอนนี้..."

เมิ่งไหวจินทำเป็นหูทวนลม เขาส่งร่มในมือให้ทหารคนสนิทแล้วก้าวเข้าประตูไป มองลงมาที่เด็กสาวครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงเรียบ "เรียกคนไม่เป็นเหรอ"

ซูหว่านเงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาแดงก่ำ สบกับสายตาที่ทรงพลังของเขา ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เรียกเบา ๆ "คุณน้า"

เมิ่งไหวจินไม่ได้ขานตอบเธอ แต่กลับกวาดสายตาประเมินคฤหาสน์ตระกูลซูที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง ตอนนี้กลับถูกปิดผนึกด้วยตรายึดเต็มไปหมด เคยเห็นมันก่อร่างเป็นอาคารสูง เห็นมันเลี้ยงรับรองแขกเหรื่อ และเห็นคฤหาสน์นั้นพังทลาย...

วงการราชการก็เหมือนสนามรบ เมื่อวานยังรุ่งโรจน์ แต่วันนี้กลับเป็นเหมือนหนูที่คนรุมรังเกียจ

สายตาของซูหว่านจดจ้องที่ตราปิดผนึกเหล่านั้น ขณะกำลังอยู่ในความโศกเศร้า ทันใดนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ฟาดลงมาหนือศีรษะ "รอให้ฉันอุ้มเธอชูขึ้น หรือรอให้ฉันเอาขนมมาโอ๋ล่ะ"

“...”

เธอเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พูดถึงวีรกรรมที่น่ายกย่องของคุณน้าคนนี้มาบ้าง

เมิ่งไหวจินเข้ากรมตอนอายุสิบหกปี สอบติดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศตอนอายุสิบแปดปี หลังจบการศึกษาก็ประจำการในฐานลับพิเศษถึงห้าปี สร้างผลงานมากมาย ล่าสุดเพิ่งถูกย้ายกลับมาที่เป่ยเฉิงเพื่อรับตำแหน่งในหน่วยงานส่วนกลาง

คนคนนี้เข้มงวดเฉียบขาด ทำงานรวดเร็วดุดัน คนที่ทำงานด้วยหรือคนที่เขาเพ่งเล็ง ไม่มีใครไม่หวาดกลัวเขา

ในขณะที่ซูหว่านยังจมอยู่กับความเศร้าที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด พ่อบ้านเฒ่าก็เข้าใจความหมายแฝงทันที เขาจูงมือเธอพาขึ้นชั้นบน "คุณหนูครับ คุณผู้ชายจะพาคุณหนูไปแล้ว รีบตามผมไปเก็บของเถอะครับ"

ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับเลย แต่เมิ่งไหวจินคือญาติคนเดียวที่ซูหว่านจะพึ่งพาได้ในเวลานี้ ก่อนตายแม่ของเธอสั่งเสียไว้ด้วยว่า "คนในตระกูลเมิ่งไว้ใจไม่ได้เลย มีแต่น้าชายคนนี้ที่เชื่อใจได้"

"แล้วคุณปู่ล่ะคะ คุณปู่เฉิน หลังจากหนูไปแล้ว คุณปู่จะไปอยู่ที่ไหน" ซูหว่านมองชายชราที่วิ่งวุ่นเก็บกระเป๋าให้เธอ แล้วรู้สึกปวดจมูกอยากร้องไห้ขึ้นมา

พ่อบ้านเฒ่ารูดซิปกระเป๋า ตอบพร้อมรอยยิ้มว่าเขากลับบ้านเกิดที่ชนบทได้ ทำงานเหนื่อยมาหลายปีพอดี หลังจากนี้จะพักผ่อนและใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั่น

เขากำชับซูหว่านด้วยความหวังดีว่า ไปอยู่ที่บ้านตระกูลเมิ่งครั้งนี้ ต้องเก็บนิสัยคุณหนูของตัวเองเอาไว้ อะไรยอมได้ก็ให้ยอม อะไรทนได้ก็ต้องทน...

พูดไปพูดมา พ่อบ้านก็น้ำตาไหลพราก นี่คือเด็กผู้หญิงที่เขาเห็นมาตั้งแต่เกิด เห็นเธอหัดเดินเตาะแตะ เห็นเธอหัดพูดจนโตเป็นสาวสวยสง่างาม เมื่อก่อนเธอคือแก้วตาดวงใจของทั้งบ้านตระกูลซู

ใครจะคิดว่าในชั่วข้ามคืน ดอกไห่ถังที่กำลังตูมจะถูกน้ำค้างแข็งทำร้าย การไปครั้งนี้คือการไปอาศัยบ้านคนอื่น ต้องคอยสังเกตสีหน้าคนอื่น...

ก่อนจากกัน ใบหน้ากร้านโลกกับดวงตาที่คอยเฝ้ามองของชายชรากรีดลึกเข้าไปในใจของเธอ

เด็กสาวนั่งอยู่ในรถเก๋งสีดำ จ้องมองแผ่นหลังที่ค่อมโค้งของชายชราอย่างอาลัย อาวรณ์ น้ำตาไหลนองจนเปียกคอเสื้อ

ในที่สุด เธอก็หันไปขอร้องผู้ชายข้างกาย "คุณพาคุณปู่เฉินไปด้วยได้ไหมคะ เขาทำได้ทุกอย่างเลยนะ เขาทำ..."

"ฉันไม่ได้ขาดคนรับใช้"

เมิ่งไหวจินเอนตัวพิงพนักพิงอย่างเกียจคร้าน ในสายตาของเขา เป็นกระเป๋าเป้สีชมพูบนหลังของเด็กสาว มีตุ๊กตากระต่ายสีขาวขนฟูห้อยอยู่ตรงซิป รวมทั้งแมวที่เธออุ้มไว้ในอ้อมอก...ชายหนุ่มขมวดคิ้วหนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"ขอร้องล่ะ..."

"ต้องให้ฉันเตือนไหม ว่าตอนนี้เธอยังเอาตัวเองไม่รอดเลย"

สายตาของเมิ่งไหวจินหยุดอยู่ที่ดวงตาแดงก่ำของเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "จะไปกับฉัน หรือจะลงจากรถไปอยู่ตามยถากรรม ให้เวลาเธอตัดสินใจสามวินาที"

พลขับทหารคนสนิทชำเลืองเจ้านายที่แข็งแกร่งเหมือนเหล็กและไร้ใจเหมือนยมบาลผ่านกระจกมองหลัง แล้วก็มองหนูน้อยน่าสงสารที่น้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะแสร้งกระแอมหนึ่งที แล้วเหยียบคันเร่งขับออกไปโดยไม่รอให้ถึงสามวินาที

ซูหว่านตัดสินใจว่าจะไม่อ้อนวอนผู้ชายใจหินคนนี้อีก คิดวางแผนในใจว่าถ้าหาเงินได้เมื่อไร จะรีบกลับมารับคุณปู่เฉินทันที

หลายวันที่ผ่านมาเธอเจอเรื่องหนักเยอะเกินไปจริง ๆ

ทั้งฉากจบอันน่าเศร้าที่พ่อแม่ของเธอแลกมาด้วยชีวิต

ทรัพย์สินที่ถูกยึด บ้านที่ถูกติดตราประทับ

ถูกรีดเค้นความลับในห้องสอบสวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนธารโคลนถล่มที่ยากจะรับไหวสำหรับเด็กอายุเท่าเธอ

อาจจะเพราะเสียใจมากเกินไป ไม่นานเด็กสาวที่เหนื่อยล้าจึงผล็อยหลับไป

ตอนแรกเธอยังคงระวังตัว คอยเตือนตัวเองว่าอย่าเข้าใกล้ยมบาลหน้าตายคนนี้ แต่เมื่อหลับลึกขึ้น ร่างกายก็เอนเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว...

มีแรงกดทับแบบพอดีลงบนขา อวลหวานซึมผ่านกางเกงสแล็ก แล้วค่อย ๆ แผ่กระจายไปตามเนื้อผ้าของเมิ่งไหวจินไม่นานก็ลุกลามไปยังส่วนที่อ่อนไหวที่สุด

บนร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เมิ่งไหวจินขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเคร่งขรึมมองไปยังศีรษะที่พิงอยู่บนหน้าขาของตน ตอนที่กำลังจะยกมือผลักออก ก็ได้ยินเสียงสะอื้นยาวดังขึ้นหนึ่งครั้ง

นั่นคือเสียงสะอื้นจากความฝันของเด็กสาว ไม่รู้ว่าเธอฝันเห็นอะไรเข้า ใบหน้าเล็ก ๆ ถึงได้ย่นยับอย่างโศกเศร้าขนาดนั้น

นอกจากจะมีหัวรั้นแบบแปลก ๆ แล้ว ยังเป็นเด็กขี้แยเหมือนกัน

เด็กสาวในวัยนี้ ทั้งอ่อนไหวและซับซ้อน จะเด็กก็ไม่ใช่จะโตก็ไม่เชิง ช่างวุ่นวายเสียจริง

"หัวหน้าครับ จะไปสนามบินเพื่อบินกลับเป่ยเฉิงเลยไหมครับ" ทหารคนสนิทข้างหน้าถาม

ชายหนุ่มปรายตามองแมวในอ้อมกอดของเด็กสาว "ถ้านายทำให้สายการบินเปลี่ยนกฎให้เอาสัตว์ขึ้นเครื่องได้ ฉันจะเรียกนายว่าหัวหน้าแทน"

“...”

...ทหารคนสนิทคนนี้เขาพามาจากกองทัพ จึงชินกับนิสัยชี้หงุดหงิดของนายทหารคนนี้นานแล้ว เขาเกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา "หรือว่าเราจะแอบเอาแมวไปให้คนอื่นดีครับ"

"ถ้าเธอร้องไห้ขึ้นมา นายจะปลอบไหมล่ะ"

เมิ่งไหวจินหยิบหมอนอิงมารองใต้ศีรษะของเด็กสาว เพื่อกั้นลมหายใจอุ่นร้อนของเธอไม่ให้สัมผัสกับหน้าขาของเขา สุดท้ายก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาคีบไว้ที่นิ้ว เอนหลังพิงพนักแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา "เลิกพูดมาก ขับรถกลับไปซะ"
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters
No Comments
30 Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status