บทที่ 5 รับอนุ
ภายในรถม้าเงียบสงัด มีเพียงเสียงล้อบดเบียดไปกับทางหินที่เป็นดั่งจังหวะเดียวของบรรยากาศอันตึงเครียด จางกุนเหยานั่งนิ่ง ขณะที่หยางมี่นั่งหันหน้าออกไปยังหน้าต่าง แววตาของนางทอดมองออกไปไกล ราวกับต้องการหลบหนีจากสถานการณ์นี้ แม้จะทำหน้าที่เป็นกุนซือให้กองทัพ แต่เขาที่ร่วมเติบโตมาพร้อมกับอี้หยางเฉิง เขาก็พอจะได้เรียนวิทยายุทธมาบ้าง มีคนเดินมาด้านนอกเหตุใดเขาจะไม่รู้ตัว แต่ในเมื่อพลั้งปากเอ่ยความจริงออกไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะแก้ตัว
จางกุนเหยารู้ดีว่าสิ่งที่ตนพูดออกไป ได้สร้างรอยร้าวระหว่างเขากับนางเสียแล้ว
แรกเริ่ม… เขาไม่เคยคิดจะแต่งนางเข้าจวน
เขาไม่ใช่บุรุษที่มีอำนาจสูงส่ง เขาเพียงเป็นกุนซือข้างกายแม่ทัพ แม้จะมีสติปัญญา แต่ตำแหน่งของเขาในราชสำนักก็มิได้สูงศักดิ์นัก อีกทั้งเขายังเป็นบุตรชายคนเดียวของฮูหยินเอก หน้าที่ของเขาคือแบกรับความคาดหวังของตระกูล
และที่สำคัญ…
เขาเคยคิดว่า อี้หยางเฉิงคือบุรุษที่คู่ควรกับนาง หยางมี่ควรได้รับการปกป้อง ควรได้อยู่เคียงข้างบุรุษที่แข็งแกร่ง และสามารถยืนหยัดปกป้องนางได้ตลอดไป อี้หยางเฉิงเป็นถึงแม่ทัพ เป็นวีรบุรุษสงคราม บุรุษที่มีทั้งเกียรติยศและอำนาจ แตกต่างจากเขา ที่เป็นเพียงกุนซือ ใช้ปัญญาในการเอาตัวรอด มากกว่ากำลัง
ดังนั้น เขาจึงเปิดทางให้อี้หยางเฉิงเสมอ
แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่แต่งหยางมี่เข้าจวน
“ท่านพี่…” เสียงของหยางมี่ดังขึ้น ทำลายความเงียบในรถม้า นางยังคงมองออกไปภายนอก น้ำเสียงของนางเรียบนิ่งจนจางกุนเหยาอ่านความรู้สึกของนางไม่ออก
“เหตุใดท่านจึงเอ่ยเช่นนั้น”
เขารู้ดีว่านางหมายถึงสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้กับอี้หยางเฉิง
“ข้าควรได้รับรู้ตั้งแต่แรกหรือไม่ ว่าท่านไม่คิดจะแต่งข้าเข้าจวน แต่ข้าก็พอจะเข้าใจได้ว่าท่านต้องการช่วยข้าออกมาจากจวนสกุลหยาง หากไม่แต่งให้ท่าน ข้าคงถูกบังคับให้แต่งกับคุณชายสักตระกูล”
จางกุนเหยานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
“ข้ารักเจ้าและหวังดีกับเจ้า นอกจากอี้หยางเฉิงแล้ว ข้าคงไม่วางใจให้เจ้าแต่งกับผู้ใด”
หยางมี่หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันกลับมามองเขาตรง ๆ
“แต่ท่านก็ไม่ได้คิดว่า มันเป็นสิ่งที่ท่านต้องการจริง ๆ ใช่หรือไม่”
จางกุนเหยาไม่ตอบ
ความเงียบที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารเล็ก ๆ นี้ กลับหนักอึ้งจนแทบทำให้อากาศภายในอึดอัด
หยางมี่มองเขา ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ข้าเข้าใจแล้ว”
รถม้ายังคงมุ่งหน้าต่อไป แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขากลับดูเหมือนจะกว้างไกลออกไปทุกที
“ท่านแม่บอกข้าว่าเจ้ามาเยี่ยมฮูหยินแม่ทัพ ข้าเห็นเจ้าไม่ได้ใช้รถม้า ข้าเลยมารับ” เขาเห็นนางเงียบไปจึงเริ่มก่อน
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางยิ้มขื่น อย่างน้อย ๆ เขายังมีใจเป็นห่วงนางอยู่บ้าง
“ข้าจะแต่งอนุ”
เสียงเรียบขรึมเอ่ยขึ้น ท่ามกลางความเงียบในรถม้า หยางมี่ที่นั่งนิ่งมาตลอดเงยหน้าขึ้นทันที แม้พอจะคาดเดาว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นในวันข้างหน้า แต่มิคาดคิดว่าจะเร็วเพียงนี้ ดวงตาคู่สวยจ้องมองสามีของนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่เขากลับไม่หลบเลี่ยง นิ่งสงบราวกับคนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
“ท่านพี่…พูดว่าอะไรนะ” เสียงของนางเบาหวิว กว่าจะหาเสียงของตนเจอก็ตั้งสติอยู่นาน ผิดกับเสียงหัวใจ กลับเต้นรัวราวกับถูกบีบจนแทบหยุดหายใจ
“ข้าพูดชัดแล้ว มี่เอ๋อร์” เขาย้ำคำ น้ำเสียงไร้ความลังเลใด ๆ
หัวใจของนางราวกับถูกมีดคมกรีดผ่าน เจ็บแปลบจนยากจะทน นางรู้ดีว่าวันหนึ่งเขาอาจจะพูดคำนี้ แต่เมื่อมันมาถึงจริง ๆ นางก็ไม่อาจเตรียมใจรับได้
หลังจากเขากลับมาจากสนามรบ จางกุนเหยาก็รีบจัดงานแต่งอย่างที่สัญญากับนางเอาไว้ ความรักความอบอุ่นที่เขามีให้เพิ่งจะผ่านไปได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น สามีของนางที่เคยมองนางด้วยสายตาเปี่ยมรัก ตั้งแต่เมื่อไรกันที่มันจืดจางลง
ท่านหมดรักข้าตั้งแต่เมื่อไร
“เหตุใดท่านเลือกทำเช่นนี้” หยางมี่ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ ความรักที่นางทุ่มเทให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ช่างดูไร้ค่าในสายตาของเขาเหลือเกิน
เขาไม่ได้ตอบในทันที แต่ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปยังประตูลงจากรถม้าก่อนจะเอ่ยโดยไม่หันกลับมา
“เพราะมันเป็นหน้าที่ของข้า ในฐานะผู้นำตระกูลคนต่อไป ตั้งแต่แต่งเจ้าเข้ามา ข้าถูกท่านแม่กดดันทุกทางเรื่องมีทายาท”
คำว่า หน้าที่ ของเขา เปรียบเสมือนคมดาบที่เฉือนความหวังสุดท้ายของนางจนขาดสะบั้น หยางมี่กำมือแน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ ความเจ็บปวดนี้คงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่หัวใจนางรู้สึกในยามนี้
หากแต่แทนที่จะร้องไห้หรือวิงวอน ดวงตาคู่สวยที่ในอดีตเคยแสนโศกเมื่อวันที่เขาสัญญาว่าจะปกป้องนาง มันได้ฉายแววแห่งความสุขออกมาอย่างมิปิดบังผู้ใด แต่ในวันนี้แววตาเช่นนั้นกลับมาฉายแววหม่นหมองอีกครา
แต่นางกลับยืดหลังตรง เอ่ยด้วยเสียงที่นิ่งสงบอย่างน่าประหลาด
“ข้าเข้าใจแล้ว”
คำตอบของนางทำให้เขาหันกลับมา ดวงตาสีเข้มสบกับนางเพียงครู่ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเล็กน้อยและเดินออกไป ปล่อยให้นางนั่งอยู่เพียงลำพังในความเงียบ แล้วก้าวลงจากรถม้าไป
หยางมี่มองตามแผ่นหลังของสามีจนลับสายตา น้ำตาที่นางกลั้นไว้ก็ไหลลงมาอย่างมิอาจห้ามมันเอาไว้ได้อีกแล้ว นางเคยคิดว่าสามารถอดทนได้กับทุกสิ่ง แต่ในยามนี้ หัวใจของนางกลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ถูกคนในครอบครัวบิดารุมรังแกเหยียบย่ำที่มารดาของนางเป็นเพียงอนุ และจางกุนเหยาเป็นผู้ยื่นมือเข้ามาฉุดนางออกมาจากขุมนรก นางคิดว่าจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับเขาที่เป็นรักแรกและผู้มีพระคุณ
แต่วันนี้เขากลับจะแต่งสตรีอื่นเข้ามา ทั้งที่รู้ว่านางมีความหลังฝังใจเรื่องที่บุรุษมีภรรยาหลายคนจนหลังบ้านลุกเป็นไฟ
ฤดูใบไม้ผลิที่เคยงดงามในสายตาของนาง บัดนี้ช่างดูเลือนรางเสียเหลือเกิน…
ภายในรถม้าที่เหลือเพียงหยางมี่เพียงลำพัง ความเงียบงันรอบตัวราวกับโอบล้อมนางไว้ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงบนตัก แม้พยายามกัดฟันกลั้นมันไว้ แต่สุดท้ายความเจ็บปวดในใจกลับเอ่อล้น
นางควรจะชินได้แล้วมิใช่หรือ
นางรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องแต่งอนุเข้าสกุล
แต่เมื่อวันนี้มาถึงจริง ๆ กลับเจ็บปวดเสียจนแทบทนไม่ไหว
มือเรียวกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ นางเคยหวังว่าจะเป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาจะเลือนหายไป แต่นี่เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางมิอาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งใดได้อีก
ภาพของจางกุนเหยาในวันวานยังฉายชัดในความทรงจำ
เขาคือบุรุษที่เคยให้สัญญาว่าจะปกป้องนาง จะมีเพียงนางผู้เดียว แต่สุดท้ายคำสัญญานั้นกลับถูกทำลายลงเพียงเพราะคำว่า
“หน้าที่”
หยางมี่แค่นหัวเราะกับตัวเองทั้งที่น้ำตายังรินไหล แล้วข้าล่ะ… ไม่ใช่หน้าที่ของท่านเลยหรือ
นางก้มหน้าลงซบมือของตน ปล่อยให้น้ำตารินไหลเงียบ ๆ อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจลึกและเงยหน้าขึ้น แววตาสั่นไหวในคราแรกเริ่มสงบนิ่งขึ้นทีละน้อย
หากนี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
ไม่ว่านางอยู่ที่ใดก็ไม่เคยถูกรักอย่างแท้จริง
บทที่ 31 วสันต์อบอุ่นอย่างที่เป็นเสียงกลองและฆ้องดังแว่วมาแต่ไกล บรรยากาศในจวนตระกูลจางวันนี้คึกคักกว่าปกติไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะวันนี้เป็นวันที่ ฮูหยินใหญ่ตระกูลจาง หรือ มารดาของจางกุนเหยา จะเดินทางมาเยี่ยมหลานคนแรกของตระกูลหยางมี่มองบรรยากาศครึกครื้นแล้วก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้…ตั้งแต่นางกับสามีกลับมาอยู่ด้วยกันในจวนหลังใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้พบหน้ามารดาของสามีขบวนรถม้าจอดลงหน้าจวน หญิงสูงวัยในชุดแพรพรรณสีม่วงอ่อนก้าวลงจากรถด้วยความสง่างาม ใบหน้ายิ้มเบิกบานบ่าวไพร่ออกมาต้อนรับหยางมี่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนพร้อมจางกุนเหยา เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า นางรีบค้อมกายทำความเคารพทันที“คารวะท่านแม่”“ท่านแม่” จางกุนเหยาเอ่ยเรียกเสียงนุ่มจางหลันกวาดตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบุตรชาย ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถิด” นางกล่าวเสียงเรียบ “ข้าอยากไปพบหลานก่อน” กว่าจะได้มาก็วันที่หลานคลอดแล้ว ระหว่างนั้นบุตรชายของนางห้ามไม่ให้นางมายุ่งวุ่นวายเกรงจะกระทบใจคนท้อง เพื่อหลานจางหลันยอมเมื่อมาถึงห้องนอนของหยางมี่ บ่าวไพร่นำทารกน้อยออกมาให้ฮูหยินใหญ่ได้เห็นนางมองใบหน้าของเด็กทารกที่หลับป
บทที่ 30 ครอบครัวของเรา หลังจากการตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ช่วงเวลาที่หยางมี่และจางกุนเหยารอคอยก็มาถึง วันหนึ่งหยางมี่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ร่างกายนางไม่คุ้นเคย หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อรู้ว่าเวลาที่จะได้พบกับทารกน้อยมาถึงแล้วตลอดช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ จางกุนเหยาทุ่มเทดูแลนางอย่างดีที่สุด แม้ว่าจะต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่มากมาย แต่เขาก็จัดเตรียมทุกสิ่งให้นางด้วยมือของตนเอง คอยหาหมอที่ดีที่สุด คอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง นางคือหัวใจของเขา และลูกในครรภ์ก็คือสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยกันในเช้าวันหนึ่ง อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส หยางมี่รู้สึกถึงอาการเจ็บท้องที่ค่อย ๆ ทวีขึ้น นางกัดริมฝีปากแน่น มือกำผ้าห่มแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บ ขณะเดียวกัน จางกุนเหยาสั่งให้สาวใช้เร่งไปตามหมอ“ท่านอยู่กับข้าใช่หรือไม่” นางถามเสียงแผ่ว ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นจางกุนเหยาจับมือนางไว้แน่น ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ข้าอยู่ที่นี่กับเจ้า… ตลอดเวลา”เสียงร้องของทารกดังก้องไปทั่วห้องคลอด ในที่สุด ชีวิตน้อย ๆ ที่พวกเขารอคอยก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก หยางมี่รู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้นจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู
บทที่ 29 ให้โอกาสหัวใจ วันเวลาผ่านไป ชีวิตในจวนใหม่เริ่มเข้าสู่ความสงบอย่างที่หยางมี่ไม่เคยคาดคิด แม้จะยังคงมีบางช่วงเวลาที่ความรู้สึกสับสนกลับมาเยือน แต่นางก็เลือกที่จะเดินหน้าและไม่ย่ำอยู่กับที่ ทุกอย่างในชีวิตเริ่มดีขึ้นทีละนิด และการเปลี่ยนแปลงของนางเริ่มเห็นผลจางกุนเหยาพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้นางผิดหวัง เขาทำงานหนักเพื่อปกป้องความสัมพันธ์ของพวกเขา และคอยให้ความสำคัญกับความรู้สึกของหยางมี่มากขึ้น แม้ว่านางจะยังคงยืนหยัดในท่าทีที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความระมัดระวังขณะที่หยางมี่กำลังอ่านหนังสืออยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง จางกุนเหยาก็เข้ามานั่งข้าง ๆ เขายิ้มให้กับนางอย่างอบอุ่น“มี่เอ๋อร์ ข้าคิดว่า… เราควรจะไปเที่ยวด้วยกันบ้าง” เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หวานขึ้นหยางมี่มองเขาเงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะตอบด้วยเสียงเรียบ “ท่านคิดว่าเราจะได้อะไรจากการไปเที่ยว”จางกุนเหยามองนางด้วยแววตาที่จริงจัง “ข้าคิดว่ามันจะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น และข้าก็อยากให้เรามีเวลาร่วมกันที่ไม่มีสิ่งใดมาขวาง”หยางมี่ครุ่นคิดเงียบ ๆ นาน ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็น “หากมันจะทำให้ท่านมีความสุข ข้าก็ยินดี”นางไม่พูดอะ
บทที่ 28 อารมณ์แปรปรวนหยางมี่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของจวนใหม่ สายตาของนางจ้องมองไปที่งานบางอย่างที่กำลังดำเนินไปในบ้าน แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่แน่ใจ แม้จะรู้สึกว่าเขาทุ่มเทมากมายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ยังคงมีบางสิ่งในใจที่ไม่สามารถปล่อยวางได้จางกุนเหยาเดินเข้ามาในห้อง ท่าทางเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความกังวล เขาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ หยางมี่ มองดูนางที่ยืนนิ่งอย่างคิดอะไรบางอย่าง“มี่เอ๋อร์…” เขาเรียกชื่อนางด้วยเสียงอ่อนโยน แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีความวิตกกังวลในน้ำเสียงหยางมี่หันกลับไปมองเขา ดวงตาของนางปรากฏความเย็นชาเล็กน้อย แต่กลับแฝงไปด้วยความมั่นคงที่ไม่เคยมีมาก่อน “ท่านยังจำสิ่งที่ข้าพูดได้หรือไม่”จางกุนเหยาเลิกคิ้ว แต่ก็เข้าใจในคำถามของนาง “เจ้าหมายถึงอะไร”“ข้าเคยบอกกับท่านแล้วว่า หากท่านทำผิดอีกครั้ง ข้าจะจากท่านไปตลอดกาล ข้าไม่ต้องการพึ่งพาท่านอีก” เสียงของหยางมี่หนักแน่นและมั่นคง นางมองเขาด้วยแววตาที่ไม่หวั่นไหวจางกุนเหยาสะท้านไปกับคำพูดนั้น ถึงแม้จะรู้ดีว่าเขาได้ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อนาง แต่สิ่งที่นางพูดออกมาในวันนี้กลับทำให้เขาเห็นว่า นางไม่ยอมรับการทำผิดพลาดใดๆ อี
บทที่ 27 บ้านของเราหลังจากที่หยางมี่ตัดสินใจให้โอกาสกับความสัมพันธ์ของตนและจางกุนเหยาอีกครั้ง ทุกอย่างดูเหมือนจะเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในตัวทั้งคู่จางกุนเหยาพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการทุ่มเทเต็มที่ในการสร้างจวนใหม่ให้กับหยางมี่ เขาให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนของการก่อสร้าง และเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อภรรยา แม้จะมีความยากลำบากจากการต่อต้านของครอบครัวและความเครียดจากหน้าที่ แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดหยางมี่เองก็คอยสนับสนุนการตัดสินใจของเขา แม้จะมีคำถามในใจ แต่การที่เขากล้าที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อนาง ทำให้นางเริ่มมองเห็นความพยายามที่เขาทำทุกคืนหลังจากการทำงาน นางจะไปเยี่ยมเขาที่จวนใหม่ บางครั้งก็ช่วยดูงานบางส่วน บางครั้งก็แค่ไปนั่งข้าง ๆ และให้กำลังใจ“ทำไมถึงต้องเหนื่อยขนาดนี้” หยางมี่ถามในวันหนึ่ง ขณะที่เห็นเขาก้มหน้าก้มตาทำงานหนักจางกุนเหยาหยุดมือจากการทำงานและมองไปที่นาง “ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกปลอดภัย ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน”หยางมี่มองเขา น้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่รู้ตัว นางไม่คิดว่าจะได้รับคำพูดนี้จากเขาในวันที่เขาพูดจะไปแต่งอนุ แต่
บทที่ 26 สร้างจวนใหม่ ทางด้านจางกุนเหยา หลังจากประกาศเรื่องแยกจวนออกไป เขาก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากมารดาของตน“เจ้าคิดจะทำให้ข้าอับอายไปถึงไหน!” จางฮูหยินตวาดเสียงดัง “เจ้าย้ายออกไปก็เท่ากับประกาศให้คนทั้งเมืองรู้ว่าเจ้าเลือกนางแทนที่จะเลือกครอบครัว!”“ท่านแม่ ข้าตัดสินใจแล้ว” จางกุนเหยากล่าวเสียงหนักแน่น “ข้าไม่ได้ทอดทิ้งครอบครัว แต่ข้าเลือกที่จะใช้ชีวิตของข้าตามที่ควรจะเป็น”“แล้วชีวิตของข้าเล่า! ข้าอุตส่าห์อบรมเจ้าให้เติบโต แต่เจ้ากลับมาสละทุกอย่างเพื่อนาง”“ข้าไม่ได้สละทุกอย่าง” เขาตอบ “แต่ข้าจะไม่ยอมให้ท่านมายุ่งกับชีวิตคู่ของข้าอีกต่อไป”จางฮูหยินโกรธจัด นางมองบุตรชายที่เคยเชื่อฟังมาตลอดอย่างผิดหวัง แต่ครั้งนี้จางกุนเหยาไม่คิดจะถอยอีกแล้วไม่กี่วันต่อมา หยางมี่ได้รับข่าวว่าเขาได้ซื้อที่ดินสำหรับสร้างจวนใหม่แล้วจริง ๆนางมองแผ่นกระดาษในมือที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินและการก่อสร้าง หัวใจพลันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก“เขากำลังทำจริง ๆ หรือ…” นางกระซิบกับตัวเองเบา ๆจางกุนเหยากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อนางจริงหรือหากเป็นเช่นนั้น นางจะยังมีเหตุผลอะไรให้ลั